ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 506 การลงทุนล้มเหลว
ตอนที่ 506 การลงทุนล้มเหลว
ข้อผิดพลาดในการลงทุนนี้อาจกล่าวได้ว่าเกิดจากข้อความผิดพลาดของหลี่จื้อเทียนโดยสิ้นเชิงและนอกจากนี้เย่เชียนและหลี่จื้อเทียนก็ได้เจรจาเงื่อนไขความร่วมมือกันแล้วแต่เย่เชียนก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบค่าชดเชยใดๆ เลย อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่ต้องการเห็นพันธมิตรอย่างหลี่จื้อเทียนต้องสูญเสียเงินไปกว่า 300 ล้านหยวน ถึงมันจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับหลี่จื้อเทียนก็ตามแต่ทว่าการลงทุนที่ตามมาจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน นอกจากนี้เย่เชียนยังไม่แน่ใจว่าการเคลื่อนไหวของรัฐบาลกลางในครั้งนี้นั้นเกิดขึ้นเพราะเขาหรือไม่เมื่อเขาบรรลุข้อตกลงความร่วมมือกับหลี่จื้อเทียนตั้งแต่ตอนแรก ดังนั้นเย่เชียนจึงยินดีที่จะแบกรับความสูญเสียการลงทุนไปครึ่งหนึ่ง
นอกจากนี้เย่เชียนยังชื่นชมความเฉียบคมทางธุรกิจของหลีจื้อเทียนมากเพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาการลงทุนของหลี่จื้อเทียนนั้นก็ไม่เคยล้มเหลวไม่ว่าจะลงทุนแบบไหนเขาก็สามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาล แต่ความผิดพลาดครั้งนี้อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาตกหลุมพรางของรัฐบาลกลางโดยสิ้นเชิง ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถถูกตำหนิได้อย่างสมบูรณ์
โชคดีที่ในมณฑลเหอหนานนั้นการพนันไม่ได้เป็นเพียงวิธีเดียวในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจเช่นเดียวกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งการพัฒนาเศรษฐกิจของมณฑลเหอนานนั้นก็เช่นเดียวกันเพราะการที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของมณฑลเหอนานได้หรือไม่นั้นมันก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคการตลาดที่จะใช้ ซึ่งนักพัฒนาที่ดีนั้นต้องสามารถสร้างสถานที่ที่ยอดนิยมได้และเย่เชียนก็เชื่อว่าหลี่จื้อเทียนสามารถทำได้
ยิ่งไปกว่านั้นเครือน่านฟ้ากรุ๊ปก็ยังมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมการบันเทิงด้วยและถึงแม้ว่าอุตสาหกรรมเหล่านี้จะอยู่ในต่างประเทศมาโดยตลอดแต่เย่เชียนก็มีความตั้งใจที่จะนำมันมาที่ประเทศจีนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจเพราะท้ายที่สุดแล้วประเทศจีนก็มีประชากรจำนวนมากซึ่งนั่นหมายความว่าตลาดจะมีความกว้างขวางและครอบคลุมอย่างยิ่ง ซึ่งหากเย่เชียนใช้เทคโนโลยีขั้นสูงจากต่างประเทศแล้วเขาก็เชื่อว่าอุตสาหกรรมการบันเทิงของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปในประเทศจีนนั้นจะสามารถพัฒนาต่อไปได้อย่างรุ่งโรจน์ ดังนั้นเมื่อเย่เชียนได้ยินหลี่จื้อเทียนพูดว่าเขาจะสร้างอุตสาหกรรมภาพยนตร์และโทรทัศน์ในมณฑลเหอหนานเพื่อสร้างการบริการแบบครบวงจรดังนั้นเย่เชียนจึงสนใจมาก อย่างไรก็ตามโครงการต่างๆ ก็ต้องตัดสินใจอีกทีจนกว่าจะได้เห็นแผนของหลี่จื้อเทียน
สำหรับหลี่จื้อเทียนแล้วนี่เป็นความอัปยศและน่าอับอายที่สุดสำหรับเขาและที่สำคัญกว่านั้นมันคือความร่วมมือครั้งแรกกับเย่เชียนเสียด้วย ซึ่งความผิดพลาดครั้งนี้นั้นน่าอับอายอย่างมาก อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่ประสบความสำเร็จเช่นนี้มันก็มักจะพลิกแพลงสถานการณ์ได้เสมอเพราะมันไม่มีสิ่งใดจะราบรื่นเสมอไปในเส้นทางแห่งการลงทุนเช่นนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้หลี่จื้อเทียนเองก็ทำธุรกิจได้ไม่ราบรื่นนักแต่เขาก็สามารถพลิกแพลงได้ทุกครั้งอย่างสมบูรณ์แบบ
เดิมทีหลี่จื้อเทียนนั้นต้องการพูดอะไรบางอย่างเช่นการปฏิเสธข้อเสนอของเย่เชียนแต่เย่เชียนก็ยืนกรานและขัดจังหวะตัวเองและไม่ปล่อยให้ตัวเองพูดต่อ ซึ่งเมื่อเราเห็นพันธมิตรของเราเผชิญกับความยากลำบากมากเท่าไหร่เราก็ยิ่งสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงและความไว้วางใจได้มากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเงิน 150 ล้านหยวนนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นเงินจำนวนมาก แต่ก็ไม่ได้มากเกินไปสำหรับเย่เชียนเลยและมันคุ้มค่าที่จะเสียเพื่อทำให้หลี่จื้อเทียนมั่นใจในความร่วมมือของเขามากขึ้นและนอกจากนี้เย่เชียนก็เชื่ออย่างยิ่งว่าหลี่จื้อเทียนนั้นจะสามารถพลิกแพลงสิ่งต่างๆ ได้
เมื่อเห็นว่าเจตนาที่หวังดีของเย่เชียนแล้วหลี่จื้อเทียนก็ไม่อยากปฏิเสธและหลังจากคุยกับเย่เชียนอีกไม่กี่คำเขาก็วางสายโทรศัพท์ไป ซึ่งในเวลานี้หลี่จื้อเทียนเองก็ไม่รู้สึกง่วงเช่นกันเพราะหลังจากวางสายโทรศัพท์ไปแล้วเขาก็เข้าสู่การศึกษาและเริ่มกำหนดแผนการพัฒนาใหม่
เมื่อหลินเฟิงเดินเข้ามาหาเย่เชียนเขาก็รู้สึกได้ถึงความโศกเศร้าบนใบหน้าของเย่เชียนได้อย่างชัดเจนและหลังจากงุนงงเล็กน้อยเขาก็ถามว่า “มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า? ”
“เอ่อ..มีปัญหากับการลงทุนที่มณฑลเหอหนาน” เย่เชียนพูด
“หืม..ใครกล้ามีปัญหากับนาย..ฉันล่ะอยากเห็นหน้าเขาจริงๆ ” หลินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม “แล้วคนคนนั้นอยู่ที่ไหน..เขาไม่ได้อยู่ในมณฑลเหอหนานหรอ”
“ผมเองก็ไม่รู้ว่าใคร..แต่มันเป็นเพราะรัฐบาลจีน..พี่อยากรับงานไหมล่ะเดี๋ยวผมจะบอกพี่เมื่อผมรู้ว่าเขาเป็นใคร” เย่เชียนพูด
หลินเฟิงก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะจากนั้นก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
เย่เชียนมองไปที่จาวจิวเหว่ยที่อยู่ข้างๆ เขาและพูดว่า “คุณไปบอกพี่น้องของเราให้กลับไปที่มอสโกก่อนและถ้าหากพวกคุณเห็นพวกจิ้งจอกหิมะต่อสู้กับมาเฟียของคูลอฟส์อาสเชฟล่ะก็อย่าไปสนใจพวกเขาเลย…” เย่เชียนทำท่าทางขยิบตาในขณะพูด
เบอร์นาร์ดสกี้นั้นพูดถูกจริงๆ ว่าเย่เชียนนั้นต้องการยืมมือพวกเขาในการนองเลือด เพียงแต่ว่าเย่เชียนนั้นไม่ได้ยืมมือของเบอร์นาร์ดสกี้แต่ยืมมือของสมาชิกจิ้งจอกหิมะที่เหลือ ซึ่งถ้าหากเบอร์นาร์ดสกี้ไม่ตายล่ะก็แผนการนี้ของเย่เชียนก็จะไม่สามารถบรรลุได้
การโจมตีฐานปฏิบัติการขององค์กรทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะโดยเหล่ามาเฟียก็สิ้นสุดลงเช่นกันและถึงแม้ว่าความสามารถในการต่อสู้ของเหล่ามาเฟียจะไม่ดีเท่าทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะก็ตามแต่เนื่องจากเหล่าทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะนั้นได้รับความสูญเสียอย่างหนักจากการโจมตีด้วยเครื่องยิงจรวดหลายครั้งก่อนหน้านี้จึงทำให้พวกเขาอ่อนกำลังลง นอกจากนี้เบอร์นาร์ดสกี้พาคนส่วนใหญ่บุกออกไปจากทางตะวันออกและมีคนจำนวนไม่น้อยที่เหลืออยู่ในฐานปฏิบัติการ ดังนั้นภายใต้การปราบปรามของจำนวนที่มากกว่าของพวกมาเฟียนั้นจึงสามารถยึดครองฐานปฏิบัติการของพวกจิ้งจอกหิมะได้ แต่พวกเขาก็สูญเสียไปบางส่วนเช่นกันถึงหนึ่งในห้าของจำนวนทั้งหมด
ส่วนสมาชิกของเขี้ยวหมาป่าและนักฆ่าจากองค์กรเซเว่นคิลต่างก็แยกย้ายกันไป ส่วนเย่เชียน,หลินเฟิงและม่อหลงก็ออกไปจากที่นี่และนั่งรถกลับไปที่บ้านของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์
ถึงแม้ว่าองค์กรทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะจะถูกกวาดล้างไปแล้วก็ตามแต่เย่เชียนก็ไม่กล้าปล่อยให้พวกเขาที่เหลือหวนกลับมาได้เพราะทั้งหมดทั้งมวลแล้วเย่เชียนก็ต้องช่วยคูลอฟส์อังเดรขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำขององค์กรคูลอฟส์ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเนื่องจากการล่มสลายขององค์กรทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะนั้นรัฐบาลรัสเซียจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งหากเขี้ยวหมาป่าเข้ามาเกี่ยวข้องล่ะก็มันสิ่งต่างๆ คงจะเลวร้ายอย่างแน่นอนและถ้าหากเรื่องทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเหล่ามาเฟียจริงๆ ล่ะก็รัฐบาลรัสเซียนั้นจะต้องระมัดระวังอย่างมาก
ซึ่งอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ก็รู้ดีเกี่ยวกับสถานการณ์ที่นี่ได้อย่างเป็นธรรมชาติและถึงแม้ว่าเขาจะต้องเสียลูกน้องไปกว่าร้อยคนก็ตามแต่ถึงยังไงองค์กรทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะก็ถูกกวาดล้างไปจนสิ้น ซึ่งนี่ก็เป็นข่าวดีสำหรับเขาเพราะทั้งวลาดิเมียร์และสลาดาร์อาร์ตันก็ถูกกำจัดกันไปหมดแล้วและตอนนี้องค์กรทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะก็ถูกกำจัดไปอีก ดังนั้นเมืองมูร์มันสค์ก็จะกลายเป็นดินแดนของเขาไปโดยสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญกว่าก็คือการช่วยคูลอฟส์อังเดรกำจัดศัตรูที่ซ่อนอยู่และในแง่หนึ่งก็เพื่อเป็นการโจมตีคูลอฟส์อาสเชฟด้วย ยิ่งไปกว่านั้นหากไม่มีองค์กรทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะล่ะก็องค์กรที่ลักลอบอาวุธข้ามประเทศก็จะหมดไปและมันจะเป็นผลกำไรอันมหาศาลสำหรับองค์กรคูลอฟส์ไปโดยปริยายจากนั้นผู้นำในตระกูลและองค์กรคูลอฟส์ก็จะให้ความสำคัญกับคูลอฟส์อังเดรมากขึ้นอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าข่าวดังกล่าวก็ไปถึงหูของคูลอฟส์อังเดรและโปดันโนว่าอย่างรวดเร็วซึ่งทั้งคู่ต่างก็ตื่นเต้นและกระตือรือร้นอย่างยิ่งเมื่อคิดว่าหากเย่เชียนและคูลอฟส์อังเดรและเธอเป็นหุ้นส่วนกันในประเทศรัสเซียล่ะก็พวกเขาทั้งสามก็จะต้องรุ่งโรจน์ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่เธออยากเห็นมาโดยตลอด
เรื่องขององค์กรทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะก็ได้รับการแก้ไขแล้วดังนั้นหลินเฟิงก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่อีกต่อไป เมื่อเช้าวันรุ่งขึ้นหลินเฟิงก็กล่าวคำอำลากับเย่เชียนและเดินทางออกจากเมืองมูร์มันสค์ไป ซึ่งนี่เป็นความร่วมมือที่แท้จริงครั้งแรกระหว่างองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าละองค์กรนักฆ่าเซเว่นคิลและมันก็จบลงด้วยผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจอย่างมากและทำให้การร่วมมือของพวกเขาในครั้งนี้สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์แบบ อย่างไรก็ตามเย่เชียนและหลินเฟิงชัดก็เจนว่าด้วยความร่วมมือนี้สัมพันธไมตรีระหว่างทั้งสองนั้นจะต้องลึกซึ้งมากอย่างแน่นอนและจะต้องมีการร่วมมือกันมากขึ้นในอนาคตเป็นแน่
ปัญหาต่างๆ ในประเทศรัสเซียก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่จะสำเร็จได้ในชั่วข้ามคืนและยังมีสิ่งอื่นๆ อีกมากมายรอให้รัฐบาลรัสเซียจัดการ ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่สามารถอยู่ในประเทศรัสเซียได้นานจนเกินไป
หลังจากออกจากเมืองมูร์มันสค์แล้วเย่เชียนกับม่อหลงก็รีบไปที่เมืองมอสโกและหลังจากพบกับคูลอฟส์อังเดรและโปดันโนว่าแล้วพวกเขาก็ได้พบกับเซอร์เก้วิชพุชกิน ซึ่งเย่เชียนพุชกินก็รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในเมืองมูร์มันสค์และถึงแม้ว่าเขาจะมีข้อสงสัยว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในมูร์มันสค์เกี่ยวข้องกับเย่เชียนหรือเปล่าและรวมถึงการต่อสู้ระหว่างองค์กรมาเฟียคูลอฟส์กับองค์กรมาเฟียสลาดาร์แต่เขาก็ไม่ได้ถามเพราะครั้งนี้เขาจะมาบอกเย่เชียนว่าเขาจะช่วยให้การร่วมมือของเย่เชียนกับหัวหน้าของเขาบรรลุนั่นเอง
แน่นอนว่าเย่เชียนจะไม่ปฏิเสธโดยธรรมชาติและเขาจะไม่บอกว่าเขาเลือกที่จะร่วมมือกับโปดันโนว่าแล้ว ซึ่งเขาก็แค่บอกขอบคุณเซอร์เก้วิชพุชกินไปและแสร้งทำให้เซอร์เก้วิชพุชกินช่วยเขาดำเนินสิ่งต่างๆ ต่อไป
หลังจากอยู่ที่เมืองมอสโกได้สองสามวันเย่เชียนและม่อหลงก็กลับไปที่เมืองเซี่ยงไฮ้โดยเครื่องบินและเย่เชียนก็โทรไปหาหวงฟู่ชิงเตี๋ยนซึ่งหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็อยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้ ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่ต้องไปที่กรุงปักกิ่งซึ่งเย่เชียนก็ไม่รู้สิ่งต่างๆ ในเมืองปักกิ่งเลยจนถึงตอนนี้และเขาก็ไม่มีแผนไปเยือนเมืองปักกิ่งในเร็วๆ นี้เลย
สำหรับพี่น้องเขี้ยวหมาป่าและจางจิวเหว่ยนั้นพวกเขาก็ยังคงอยู่ในเมืองมาสโกเพราะพวกเขารอให้เหล่าสมาชิกทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะที่เหลืออยู่ตามหาคูลอฟส์อาสเชฟเพื่อแก้แค้นและในทางกลับกันพวกเขาก็ได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อสู้ที่นี่เช่นกัน นอกจากนี้พวกเขายังสามารถช่วยสนับสนุนคูลอฟส์อังเดรและโปดันโนว่าได้ ซึ่งเย่เชียนเองก็ยังบอกพวกเขาทั้งสองเกี่ยวกับเรื่องนี้และบอกให้พวกเขาติดต่อจางจิวเหว่ยเมื่อมีปัญหาอะไรและในขณะเดียวกันเย่เชียนก็บอกให้จางจิวเหว่ยติดทั้งสองคนนั้นไปด้วยหากมีอะไรใดๆ นอกจากนี้เย่เชียนก็สั่งให้จางจิเหว่ยไม่ต้องกังวลอะไรมากเกินไปและใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ตอนนี้ให้ได้มากที่สุด
เป็นเวลานานเครื่องบินก็บินมาถึงเมืองเซี่ยงไฮ้ในเวลาประมาณสิบโมงเช้า ซึ่งหลินโรวโร่วก็รออยู่ที่สนามบินแล้วและเมื่อเธอเห็นเย่เชียนออกมาจากเทอร์มินอลแล้วเธอก็รีบวิ่งเข้าไปหาและกอดเย่เชียนเอาไว้แน่น
เดิมทีสิ่งเหล่านี้ก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย แต่เย่เชียนไม่ได้คาดคิดเลยว่ามันจะใช้เวลานานถึงขนาดนี้และเขาก็คิดถึงผู้หญิงคนนี้อย่างมากและเมื่อสัมผัสกับเส้นผมของหลินโรวโร่วแล้วเย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมไม่ได้เจอคุณตั้งนาน..คุณคิดถึงผมไหม? ”
“แน่นอน..แล้วคุณล่ะคิดถึงฉันบ้างหรือเปล่า?” หลินโรวโร่วพูดด้วยรอยยิ้มอันแสนหวาน
“ผมคิดถึงคุณทุกวันทุกคืนเลย” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม “แล้วคุณล่ะ..คุณคิดถึงผมมากแค่ไหน?”
“ฉันคิดถึงคุณมาก!” หลินโรวโร่วพูด
“คุณอยากไปที่ไหนไหม” เย่เชียนถามด้วยรอยยิ้มในขณะที่เขาถามเขาก็แอบใช้นิ้วสัมผัสกับจุดอ่อนไหวของหลินโรวโร่วจนหลินโรวโร่วรู้สึกเขินจนหน้าเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ
.
.
.
.
.
.
.