ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 508 ชำระบัญชี
ตอนที่ 508 ชำระบัญชี
เย่เชียนก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าคนอย่างคูลอฟส์อังเดรและโปดันโนว่าจะส่งของขวัญเหล่านี้ให้กับตัวเอง ซึ่งเย่เชียนไม่รู้จริงๆ ว่าจะสรรหาคำพูดอะไรมาพูดกับพวกเขาดี อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็สงสัยอย่างมากว่าคนที่มีฐานะและสถานะอย่างพวกเขาจะให้ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้จริงๆ หรือ?
“ว้าว..มันสวยมาก!” หลินโรวโร่วประหลาดใจจนเย่เชียนคาดไม่ถึงอย่างยิ่งและปรากฏว่าหลินโรวโร่วนั้นถือสร้อยเพชรเส้นใหญ่เอาไว้ในมือและเขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันไม่ใช่สิ่งของธรรมดาๆ เป็นแน่
“นี่คือเครื่องประดับชิ้นหนึ่งที่ซาร์นิโคลัสจักรพรรดิแห่งประเทศรัสเซียสวมใส่ในศตวรรษที่ 16 ซึ่งมันมีชื่อว่าไนท์สกายหรือท้องฟ้ายามราตรี!” ซ่งหลันมองดูมันแล้วพูดด้วยความตื่นเต้น
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและเขาก็ไม่รู้ว่าของขวัญชิ้นนี้มาจากคูลอฟส์อังเดรหรือโปดันโนว่ากันแน่เพราะมันแพงเกินไป อย่างไรก็ตามเนื่องจากพวกเขาให้เย่เชียนแล้วดังนั้นเย่เชียนก็ไม่จำเป็นที่จะต้องคืนพวกเขาไป และท้ายที่สุดพวกเขาทั้งสองต่างก็ร่ำรวยดังนั้นเย่เชียนจึงเชื่อว่าพวกเขาคงไม่สนใจสิ่งเหล่านี้อีกต่อไป
“บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าซื้อมันมาจากใคร? ” ซ่งหลันถามเย่เชียนอย่างรวดเร็วด
เย่เชียนก็ยิ้มแล้วพูดว่า “พี่หลันของขวัญพวกนี้เป็นของคนอื่นพวกเขาเห็นว่าผมกำลังจะกลับมาที่ประเทศจีนเพราะงั้นพวกเขาจึงให้ของขวัญบางอย่างกับผม..แต่ผมไม่ได้คาดหวังเลยว่าพวกเขาจะให้สิ่งที่มีค่าแบบนี้กับผม”
“เนื่องจากสิ่งนี้มีค่ามากเกินไปเพราะงั้นเย่เชียนคุณควรจะส่งคืนให้เขานะ” หลินโรวโร่วพูด
“ยัยโง่..ใครเขาจะคืนของล้ำค่าพวกนี้กันล่ะ..มันอาจเป็นของตอบแทนที่เขาไปทำอะไรที่ประเทศรัสเซียมาแบบนั้นน่ะ” ซ่งหลันพูด
“ใช่ๆ ..คุณก็เก็บมันเอาไว้ถอะถ้าคุณชอบ” เย่เชียนพูด
หลังจากค้นของขวัญทั้งหมดออกจากกระเป๋าแล้วเย่เชียนก็พบกล่องผ้าสวยๆ อยู่ในนั้นเขาจึงหยิบมันขึ้นมาและเปิดมันด้วยความอยากรู้อยากเห็นและทันใดนั้นทั้งเย่เชียน,ม่อหลงและอู๋หวนเฟิงก็ถึงกับตกตะลึงเพราะพวกเขาเห็นมีดเล่มงามวางอยู่ในกล่องผ้าซึ่งด้ามของมันนั้นเป็นรูปร่างที่แปลกมากและรูปร่างของใบมีดก็แปลกมากเช่นกัน
ที่สำคัญกว่านั้นคือช่วงเวลาที่เปิดกล่องผ้าออกทุกคนดูเหมือนจะรู้สึกถึงออร่าที่ชั่วร้ายอย่างมาก ซึ่งออร่าแห่งความชั่วร้ายนี้ดูเหมือนจะมาจากโทสะและความโกรธเกรี้ยวและความเกลียดชังที่รุนแรงราวกับว่ามันกำลังกลืนกินความโกรธเกรี้ยวในใจของผู้คน
“กริชเล่มนี้แปลกมาก..นายรู้ที่มาที่ไปของมันหรือเปล่า” ซ่งหลันถามด้วยความสงสัย
“ถ้าผมจำไม่ผิดชื่อของมีดเล่มนี้คือกริชโทสะแห่งการแก้แค้นในตำนาน..มันถูกใช้โดยผู้ต่อต้านคริสเตียนเพื่อฆ่าเหล่านักบวชคริสเตียนจำนวนสิบเก้าคนและมีดเล่มนี้ก็หายไปในเวลาต่อมา..และอีกหลายปีต่อมามีดเล่มนี้ก็ตกไปอยู่ในมือของนักบวชและพวกเขาก็เข่นฆ่าแย่งยิงมันกันและเพียงไม่กี่เดือนต่อมามีดเล่มนี้ก็ปรากฏอยู่ในคดีฆาตกรรมหลายต่อหลายครั้งและมันก็มักจะสูญหายไปโดยไม่รู้สาเหตุ..ดังนั้นผู้คนจึงเรียกมันว่ากริชโทสะเพราะมันมักจะตกไปอยู่ในกำมือของผู้คนที่ชอบแก้แค้น..ด้วยการที่มันปลิดชีพผู้คนมามากมายด้วยความเกลียดชังจึงทำให้มันมีมนต์ขลังอย่างมากอีกด้วย!” เย่เชียนพูดอย่างช้าๆ
จากนั้นเย่เชียนก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “หวนเฟิง! ..ฉันจะให้มีดเล่มนี้เป็นของขวัญ!”
“ขอบคุณครับบอส!” อู๋หวนเฟิงแทบไม่ได้ตั้งใจที่จะปฏิเสธในครั้งนี้และเขาก็ไม่มีคำพูดที่เกรงใจอะไรใดๆ และอันที่จริงเมื่อเขาเห็นมีดเล่มนี้เป็นครั้งแรกอู๋หวนเฟิงก็ชอบมันมากตั้งแต่เห็น
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันกันแล้วอย่างอบอุ่นเย่เชียนและม่อหลงก็ขับรถไปที่สโมสรเจิดจรัสทันทีและเมื่อรับประทานอาหารเย่เชียนก็สังเกตเห็นแล้วว่าม่อหลงนั้นเหม่อลอยเล็กน้อยและตอนนี้เขาก็ไม่ได้มีธุรอะไรเขาจึงตัดสินใจพาม่อหลงไปพบหวงฟู่ชิงเตี๋ยนทันที
ซึ่งตอนนี้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ยังมาไม่ถึงและหลังจากที่เย่เชียนสั่งเปิดห้องส่วนตัวระดับVIPแล้วเขาก็สั่งให้บริกรพาหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเข้าไปในห้องส่วนตัวVIPโดยตรงหากหวงฟู่ชิงเตี๋ยนมาถึง
เมื่อเขานั่งลงในห้องส่วนตัวเย่เชียนก็สั่งอาหารรบางอย่างคละๆ กันไปจากนั้นเขาก็ชงชาเอง ในขณะที่เย่เชียนชงชาอยู่เขาก็เหลือบมองไปที่ม่อหลงเป็นระยะๆ หลังจากนั้นเย่เชียนก็ค่อยๆ ถูมือของเขาอย่างช้าๆ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าม่อหลงนั้นรู้สึกประหม่าเล็กน้อยและหลังจากชงชาเสร็จเย่เชียนก็ตบไหล่ม่อหลงแล้วพูดว่า “อย่ากังวลไปเลย..มาดื่มชากันก่อน!”
จากสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านของเฉินยี่ในมูร์มันสค์ครั้งที่แล้วนั้นเห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างผิดปกติในสำนักม่อจื๊อและถึงแม้ว่าเฉินยี่จะบอกให้ม่อหลงไปหาหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ตามแต่ก็ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะยึดมั่นในสัญญากับเฉินยี่เหมือนเดิม ซึ่งสำหรับคนอื่นแล้วหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็เป็นผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติแต่สำหรับเย่เชียนนั้นเขาก็เชื่อมั่นในนิสัยของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนมาก อย่างไรก็ตามลัทธิม่อจื๊อนั้นซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายพันปีจึงทำให้เย่เชียนไม่รู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเลย
ถ้าหากหวงฟู่ชิงเตี๋ยนแปรพักตร์หรือเปลี่ยนจากเดิมนั้นรู้ว่าม่อหลงคือผู้สืบทอดลัทธิม่อจื๊อล่ะก็ม่อหลงคงจะต้องเผชิญกับสิ่งเลวร้ายอย่างแน่นอน ซึ่งม่อหลงนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเลยดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของม่อหลงแล้วเย่เชียนจึงจำเป็นต้องทดสอบหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก่อน
“หืม!” ม่อหลงก็พยักหน้าและรับถ้วยน้ำชาแล้วดื่มมัน
เย่เชียนนั้นไม่ได้พูดอะไรอีกและยังคงชงชาต่อไป ซึ่งเย่เชียนก็ไม่ได้รู้เรื่องพิธีชงชามากนักแต่การชงชานั้นก็เป็นเรื่องที่ปกติและยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนกำลังคิดเกี่ยวกับคำถามที่จะทดสอบหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเมื่อเขาพบหวงฟู่ชิงเตี๋ยน
ไม่นานหลังจากที่ประตูห้องส่วนตัวVIPดังขึ้นสองสามครั้งบริกรก็เปิดประตูและพูดว่า “คุณเย่ครับ..ลุงหวงฟู่มาแล้ว”
“ฉันไม่ได้แก่ถึงขนาดนั้น..เพราะงั้นคุณก็เรียกผมว่าพี่ชาย” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดขณะมองไปที่บริกร
บริกรก็ถึงกับผงะไปและรีบกล่าวขอโทษว่า “ผมขอโทษครับคุณหวงฟู่”
เย่เชียนก็ตกตะลึงเช่นกันเพราะเขาไม่ได้คาดคิดว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะพูดเช่นนั้น ซึ่งดูเหมือนว่าปู่คนนี้จะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ “ทั้งแก่และเจ้าเล่ห์” เย่เชียนพูดจากนั้นก็โบกมือให้บริกรและพูดว่า “คุณออกไปก่อนเดี๋ยวถ้ามีอะไรเราจะเรียก”
“ฉันยังไม่ได้แก่และยังไม่เคยมีใครเรียกฉันว่าลุงเลย..นอกจากนี้ฉันก็ยังไม่ได้แต่งงาน..เพราะงั้นมันก็ไม่แปลกที่จะเรียกฉันว่าพี่ชายหนิ” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดขณะที่เขาเดินไปยังที่นั่งของตัวเองและนั่งลง
“ถ้างั้นก็ให้เธอเรียกปู่ว่าพี่ชายไปก็ได้..ต้นไม้ไม่มีใบ!” เย่เชียนพูด
“หือ? ..เอ็งหมายถึงอะไร..ต้นไม้ไม่มีใบมันหมายความว่าไง?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนถามด้วยความประหลาดใจ
“ก็แก่จนผมร่วงฟันร่างยังไงล่ะ” เย่เชียนพูด “เอาเถอะ..วันนี้ปู่เหมือนจะอารมณ์ดีนะ..ปู่เป็นยังไงบ้าง?”
“ฉันคิดว่าเอ็งทำผิดพลาด” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด “เอ็งคงไม่ได้เรียกฉันมาพบก็เพื่อถามฉันเรื่องนี้หรอกใช่ไหม?”
“จะให้ถามอะไรล่ะ..เราไม่ได้มีการติดต่อทางธุรกิจระหว่างเราสองคนซะหน่อย” เย่เชียนพูดเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรแต่ในความเป็นจริงแล้วเย่เชียนนั้นรู้ดีว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนไม่ใช่คนโง่เพราะจากสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศรัสเซียนั้นแน่นอนว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะต้องรับรู้และคาดเดาได้อย่างแน่นอนว่าคนที่ช่วยเหลือเซอร์เก้วิชพุชกินหลบหนีไปนั้นจะต้องเป็นเย่เชียนอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นไม่ได้มีหลักฐานที่สำคัญในเวลานั้น ดังนั้นเย่เชียนจึงเล่นละครตบตา
“อย่าแกล้งทำเป็นเสแสร้งต่อหน้าฉัน..บอกมาเถอะว่าเอ็งเป็นคนที่ช่วยเซอร์เก้วิชพุชกินหลบหนีตอนอยู่ในดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือครั้งที่แล้วหรือเปล่า” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด
“โถ่! ..ปู่ใส่ร้ายผม..ผมเสียใจมาก” เย่เชียนบ่นอย่างขมขื่น “ผมอยู่ในโรงแรมตลอดเวลาเลย..เพราะงั้นผมจะไปรู้จักเซอร์เก้วิชพุชกินได้ยังไง..ตอนที่ผมไปรัสเซียผมก็ยังเห็นเขาอยู่..ผมยังสงสัยอยู่เลยว่าพวกปู่ปล่อยเขาไปหรือเปล่า”
“เสแสร้งแกล้งทำต่อไปเถอะ..ไหนพูดมาซิว่านอกจากเอ็งแล้วยังมีใครอีกบ้าง? ” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนไม่เชื่อคำพูดของเย่เชียนเลยแม้แต่น้อย ซึ่งหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ชัดเจนมากเกี่ยวกับนิสัยของเย่เชียน
“ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าใครเป็นใคร..นี่ปู่จะให้ผมผิดอย่างเดียวเลยเหรอ..อะไรๆ ก็โทษผมตลอดปู่เป็นคนที่เจ้าเล่ห์มาก” เย่เชียนพูด
“อะไรของเอ็ง..ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเอ็งเลย” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด
“เปล่าหรอ? ..ผมรู้ว่าปู่น่ะส่งคนมาเฝ้าผมข้างนอก..ปู่คิดว่าผมไม่รู้หรอผมแค่ยื่นหน้าออกมาให้พวกปู่เห็นก็แค่นั้น..แต่ปู่กลับมาโยนความผิดให้ผม..มันหมายความว่ายังไง? ..เพราะงั้นก็ให้คำอธิบายกับผมด้วย!” สีหน้าของเย่เชียนจางลงและดูเหมือนว่าเขาจะโกรธจริงๆ
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ยิ้มอย่างเชื่องช้าและพูดว่า “อืม..เย่เชียนเอ๋ยอย่ามาโทษฉันก็แล้วกัน..เพราะเรื่องนี้ฉันกำลังทำเพื่อประโยชน์ของเอ็ง..เพราะฉันกลัวว่าถ้าเอ็งทำอะไรโง่ๆ ไปสิ่งต่างๆ มันก็จะเลวร้ายลง..เอาเถอะลืมมันไปเถอะ..ถึงยังไงเซอร์เก้วิชพุชกินก็หนีกลับไปรัสเซียแล้วเพราะงั้นมันก็ไม่มีเหตุผลที่เราจะโต้แย้งกันอีก..ตอนนี้เรามาพูดถึงเอ็งกันดีกว่าคราวนี้เอ็งไปประเทศรัสเซียกันทำไม..เอ็งนี่สร้างความรุ่งโรจน์ให้ชาวจีนอีกแล้วนะเพราะขนาดเอ็งไปประเทศรัสเซียครั้งแรกแท้ๆ แต่เอ็งกลับสามารถเปลี่ยนแปลงที่นั่นได้และแม้แต่พวกมาเฟียก็ยังอยู่ในกำมือของเอ็งเลย”
“ปู่พูดอะไรเนี่ย..ผมไม่ได้มีอิทธิพลขนาดนั้น..ผมไปประเทศรัสเซียเพราะต้องการแก้แค้นพวกจิ้งจอกหิมะ..เพราะพวกนั้นมันท้าทายผมตอนอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน..ผมต้องสะสางความเกลียดชังนี้” เย่เชียนพูดต่อ “เหมือนผมจะไม่สามารถซ่อนอะไรจากปู่ได้เลยสินะ..เหมือนว่าสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของปู่นี่จะอยู่ทุกหนทุกแห่งจริงๆ และตอนนี้ผมเองก็แอบสงสัยเลยว่าในเขี้ยวหมาป่าของผมนั้นมีสายลับของปู่อยู่ด้วยหรือเปล่า?”
.
.
.
.
.
.
.