ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 509 ผู้สืบทอดม่อจื๊อ
ตอนที่ 509 ผู้สืบทอดม่อจื๊อ
ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะเชื่อว่าไม่มีสายลับของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนในเขี้ยวหมาป่าก็ตามแต่ความสามารถของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นมีมากเกินไปราวกับว่าเขาสามารถรู้ได้อย่างชัดเจนว่าเย่เชียนนั้นทำอะไรหรืออยู่ที่ไหน ซึ่งในความเป็นจริงบางครั้งเขาก็ใช้ข้อมูลที่แน่นอนและบางครั้งเขาก็ใช้การคาดเดาจากข้อมูลต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าความสามารถของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นรอบด้านราวกับว่าเขานั้นหยั่งรู้ทุกสรรพสิ่ง
“ในฐานะหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติแล้วเพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติเราก็ต้องเข้าใจข่าวสารมากมายและต้องวิเคราะห์รายละเอียดในแต่ละวันอย่างถี่ถ้วน..เพราะงั้นมันก็ไม่แปลกหรอกที่เอ็งจะคิดว่ามันมีสายลับอยู่ในเขี้ยวหมาป่าของเอ็ง..แต่มันจะเป็นอย่างงั้นเหรอ? ..ความสัมพันธ์ของพวกเราคืออะไร..ทำไมฉันถึงต้องส่งสายลับเข้าไปในเขี้ยวหมาป่าของเอ็ง?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด
“มันก็ยากนะที่จะรู้ได้..อย่าทำเหมือนผมเป็นตัวหมากรุกสิ..เพราะงั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวหมากรุกอย่างผมทำอะไรที่ไม่เชื่อฟังเพราะงั้นพวกคุณจึงต้องจับตามองยังไงล่ะ” เย่เชียนพูด
“อย่าไปคิดแบบนั้นเลย..ฉันสัญญาเลยว่าประเทศจะไม่ปฏิบัติต่อเอ็งอย่างเลวร้ายแบบนั้นและนอกจากนี้ฉันก็เชื่อว่าเอ็งคงไม่อยากที่จะเป็นตัวหมากของใครหรอกใช่ไหมล่ะ?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด
เย่เชียนแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ผมไม่รู้หรอกว่าพวกคุณจะทำอะไร..แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ผมจะต้องหนีออกนอกประเทศไปผมก็รู้ดีว่าผมจะไม่สามารถหลบหนีไปจากกำมือของพวกปู่ได้”
“อย่าพูดไป..เพราะเมื่อวันนั้นมาถึงฉันคิดว่ามันคงจะไม่มีใครสามารถควบคุมเอ็งได้แล้วล่ะ..อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่าเอ็งไปประเทศรัสเซียทำไม..เอ็งต้องการขยายพลังของเขี้ยวหมาป่าเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตใช่ไหมล่ะ?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด
เย่เชียนก็ยักไหล่แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ปู่ผมขอถามอะไรหน่อยจะได้ไหม”
“เอ็งนี่แปลกๆ นะ..ว่าแต่เอ็งจะถามอะไรฉันล่ะ? ” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด
“ช่วงนี้ผมรู้สึกว่าร่างกายของผมมันแปลกๆ ไป..บางครั้งผมก็รู้สึกกระอักกระอ่วนมากราวกับว่ามีบางอย่างที่ชั่วร้ายวิ่งอยู่ในร่างกายของผม..ถึงแม้ว่าปู่จะไม่พูดแต่ในฐานะผู้ฝึกชี่ก็น่าจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของผมใช่มั้ย?” เย่เชียนถาม
“ผู้ฝึกตนมันคืออะไร” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนถามกลับอย่างเฉยเมย
เย่เชียนถึงกับผงะไปชั่วขณะและมองไปที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนและพบว่าการแสดงออกของเขานั้นดูเหมือนจะไม่ได้โกหกเลยซึ่งเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ พวกเขาไม่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้ฝึกชี่หรอกเหรอ? เย่เชียนก็คิดอย่างลับๆ และนอกเหนือจากชื่อนี้เย่เชียนก็นึกชื่ออื่นไม่ออกจริงๆ และชื่อนี้ยังถูกเรียกโดยหลินจินไท่อาจารย์ของตัวเอง แต่หลินจินไท่ก็ยังเป็นแค่ผู้เริ่มต้นและบางทีเขาอาจไม่รู้เลยว่าแท้ที่จริงแล้วคนเหล่านี้ถูกเรียกว่าอะไร
หรือหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะไม่สามารถพูดได้เพราะเขายึดมั่นในกฎเหล็ก? เพราะเย่เชียนจำได้ว่าตอนที่อยู่ที่บ้านของเฉินยี่นั้นเฉินยี่ได้พูดถึงกฎเหล็กที่เคร่งครัดของม่อจื๊อ
“นี่คือสิ่งที่อาจารย์ของผมบอกฉันว่าผู้ฝึกชี่เป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ประเภทหนึ่งที่บ่มเพาะพลังชี่เอาไว้” คำว่านักปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้นั้นเย่เชียนไม่สามารถคิดคำที่จะอธิบายมันได้ ซึ่งหลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “พวกเราส่วนใหญ่ที่ฝึกฝนทักษะการต่อสู้นั้นจะให้ความสนใจกับพลังกายและผู้ฝึกชี่เหล่านั้นก็คล้ายกับจอมยุทธ์ในนิยาย..นั่นคือการปลูกฝังชี่..และที่ปู่บอกว่าผมปู่สามารถล้มผมได้ในกระบวนท่าเดียวน่ะผมเชื่อว่าคนธรรมดาไม่สามารถทำแบบนั้นได้หรอก..ถ้าผมเดาไม่ผิดปู่ต้องเป็นผู้ฝึกชี่ใช่ไหมและเก่งกว่าอาจารย์ของผมด้วย..ผมคิดว่าปู่ต้องรู้แน่นอนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผม”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเพราะเดิมทีเขานั้นรู้ว่าร่างกายของเย่เชียนนั้นมีสิ่งที่แปลกประหลาดอยู่แต่เขาไม่คาดคิดว่าเย่เชียนจะรู้ด้วยหรือมันอาจเป็นไปได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น? อย่างไรก็ตามหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นก็ไม่รู้จักชื่อผู้ฝึกชี่จริงๆ เพราะคนอย่างพวกเขาไม่ได้เรียกตัวเองว่าผู้ฝึกชี่นั่นเอง
หลังจากหยุดไปชั่วขณะที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็พูดว่า “ในเมื่อเอ็งรู้ตัวแล้วฉันก็จะบอกเอ็งตรงๆ เช่นกัน..ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเห็นเอ็งน่ะฉันก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันมีบางอย่างแปลกๆ ในร่างกายของเอ็ง..แต่มันเกิดอะไรขึ้นฉันเองก็ไม่รู้เลย..แล้วเอ็งที่เพิ่งกลับมาจากประเทศรัสเซียและแทบรอไม่ไหวที่จะพบฉันแบบนี้มันเป็นเพราะมีอะไรเกิดขึ้นตอนที่เอ็งอยู่ที่ประเทศรัสเซียเหรอ?”
“อ๋อใช่..ผมยังไม่ได้ถามเลย” เย่เชียนพูดต่อ “ปู่เป็นผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติและปู่ก็เป็นปรมาจารย์การต่อสู้เพราะงั้นผมก็คิดว่าปู่น่าจะรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับสำนักม่อจื๊อสินะ?”
เห็นได้ชัดว่าการแสดงออกของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเปลี่ยนไปอย่างมากและถึงแม้ว่าเขาจะปกปิดมันไปอย่างรวดเร็วแต่เย่เชียนก็สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนและดูเหมือนว่าเฉินยี่จะไม่ได้โกหกว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นเป็นสมาชิกของสำนักม่อจื๊อ “เอ็งรู้จักสำนักม่อจื๊อได้ยังไง? ” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนถาม
“ถ้าปู่ถามแบบนี้แสดงว่าผมไม่ได้เข้าใจผิดว่าปู่รู้เกี่ยวกับสำนักม่อจื๊อจริงๆ”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็พยักหน้าเบาๆ และพูดว่า “ใช่ฉันรู้..แต่ฉันอยากรู้ว่าเอ็งรู้จักสำนักม่อจื๊อได้ยังไง..ใครบอกเอ็ง? ”
“ตอนที่ผมอยู่ในประเทศรัสเซียผมได้พบกับชายคนหนึ่งที่ชื่อเฉินยี่เขาบอกว่าเขาเป็นสาวกม่อจื๊อ” เย่เชียนพูด
“เฉินยี่? ” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปทั้งตัวและพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “เอ็งได้พบกับเฉินยี่หรอ..ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง? ..เขาอยู่ที่ไหน? ”
“ดูเหมือนว่าเฉินยี่จะไม่ได้โกหกสินะ..ปู่เองก็เป็นสาวกม่อจื๊อด้วยสินะ?” เย่เชียนพูด
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็พยักหน้าและพูดว่า “ใช่! ..ฉันเป็นสาวกม่อจื๊อจริงๆ ..แต่เฉินยี่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องบอกเอ็งเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เลย..มันเกิดอะไรขึ้นที่ประเทศรัสเซีย? ..แล้วเฉินยี่เขาเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ตอนนี้ผมจะไปรู้ได้ยังไง..แต่ตอนที่ผมอยู่ที่รัสเซียน่ะมีสาวกม่อจื๊อมาลอบสังหารเขาและเขาบอกให้ผมกลับมาหาปู่และถามปู่ว่าปู่ยังมีสารสุดท้ายของผู้บุกเบิกอยู่หรือเปล่า” เย่เชียนพูด
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งตัวและอดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆ อย่างประหม่าเพราะมีเพียงเฉินยี่เท่านั้นที่รู้เรื่องสารสุดท้ายของผู้บุกเบิก ซึ่งสารสุดท้ายของผู้บุกเบิกนั้นเป็นสัญลักษณ์ของผู้สืบทอดสำนักม่อจื๊อและใครก็ตามที่เป็นเจ้าของมันนั่นก็หมายความว่าเขาคือผู้นำที่แท้จริงของลัทธิม่อจื๊อนั่นเองและสาวกทั้งหมดจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งและถึงแม้ว่าสำนักม่อจื๊อจะได้รับการเปลี่ยนแปลงมาหลายต่อหลายช่วงเวลาก็ตามแต่เนื่องจากสำนักม่อจื๊อนั้นไม่มีผู้สืบทอดที่แท้จริงจึงมักจะเสื่อมเสียชื่อเสียอยู่เสมอนี่คือเหตุผลที่สาวกม่อจื๊อเหล่านั้นตามล่าเฉินยี่นั่นเอง
“เฉินยี่บอกเรื่องนี้กับเอ็งจริงๆ เหรอ?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นไม่อยากจะเชื่อเพราะเขาจำได้ว่าเฉินยี่นั้นเคยบอกเรื่องนี้กับเขาตอนที่เฉินยี่มอบสารสุดท้ายให้กับเขาและถ้าหากวันหนึ่งเฉินยี่ส่งคนมารับมันนั่นก็หมายความว่าคนคนนั้นคือผู้สืบทอดคนใหม่ของสำนักม่อจื๊อ หากเป็นเช่นนั้นเฉินยี่มอบหมายให้เย่เชียนเป็นผู้สืบทอดเช่นนั้นใช่หรือไม่? ไม่เช่นนั้นเย่เชียนจะมาพบตัวเองได้อย่างไร? เพราะมันไม่มีคนนอกที่รู้เรื่องเกี่ยวกับผู้สืบทอดและถ้าหากเย่เชียนไม่เรียนรู้มาจากเฉินยี่แล้วล่ะก็เย่เชียนก็ไม่มีทางที่จะรู้ได้เลย ดังนั้นสิ่งที่เย่เชียนพูดออกมานั้นมันไม่ใช่เรื่องโกหกเลย
หลังจากนั้นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งและพูดด้วยความเคารพว่า “ข้าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนแห่งม่อจื๊อ..ขอแสดงความเคารพผู้สืบทอด!”
เย่เชียนในตอนนี้นั้นรู้สึกดีมากที่บุคคลที่เป็นถึงผู้อำนวยการความมั่นคงแห่งชาติผู้ยิ่งใหญ่ต้องคุกเข่าและกล่าวคารวะตัวเองในที่สุด และเขาก็ตระหนักได้แล้วว่าลำดับชั้นของสาวกม่อจื๊อนั้นยังคงเป็นสิ่งที่จริงจังและเคร่งครัดอย่างมาก เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ฉีกยิ้มในขณะที่ช่วยพยุงหวงฟู่ชิงเตี๋ยนขึ้นมาแล้วพูดว่า “ปู่เข้าใจผิดแล้ว..ผมไม่ใช่ผู้สืบทอด!”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็มองไปที่เย่เชียนอย่างว่างเปล่าด้วยความสับสนอย่างมาก
“ผมไม่ใช่ผู้สืบทอด..แต่เป็นเขา! ” เย่เชียนชี้ไปที่ม่อหลงที่อยู่ข้างๆ เขาแล้วพูดว่า “เขาเป็นลูกหลานของตระกูลม่อ..ซึ่งเป็นสายเลือดที่แท้จริงของผู้สืบทอด”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนหันมองไปที่ม่อหลงที่อยู่ข้างๆ เย่เชียนด้วยความประหลาดใจและในทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้หลังจากที่นึกถึงชื่อของม่อหลง ซึ่งหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมากเพราะมีคนไม่มากนักที่ชื่อม่อและยังเป็นม่อหลงอีกด้วยและยิ่งไปกว่านั้นชื่อนี้ก็เป็นชื่อของหลานชายของม่อเฟิงที่เป็นผู้นำของม่อจื๊อในสมัยนั้น อย่างไรก็ตามหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเองก็ไม่รู้รายละเอียดในเวลานั้นมากนักเพราะเขานั้นไม่ได้คุ้นเคยกับลูกหลานรุ่นใหม่ของตระกูลม่อมากนัก
ตอนนี้ดูเหมือนว่าม่อหลงคนนี้จะเป็นหลานของม่อเฟิงจริงๆ และเป็นสายเลือดที่แท้จริงของตระกูลม่อซึ่งเป็นลูกหลานของผู้นำ ซึ่งตอนนี้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนต้องการจะคำนับม่อหลงแต่ทว่าม่อหลงกลับยื่นมือออกไปแล้วรีบพูดว่า “ผู้อาวุโสหวงฟู่ไม่จำเป็นต้องเคารพผมหรอกครับ..เพราะคุณได้รักษาสารสุดท้ายของผู้สืบทอดมานานแล้ว..เพราะงั้นแค่นี้ม่อหลงคนนี้ก็รู้สึกขอบคุณมากแล้วครับ”
“นี่เป็นความไว้วางใจของบรรพบุรุษของเฉินยี่และมันก็เป็นความรับผิดชอบของฉันเช่นกัน” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด “ถ้าฉันสามารถส่งมอบสารสุดท้ายให้แก่ผู้สืบทอดและแต่งตั้งได้สำเร็จลุล่วงล่ะก็..หวงฟู่ชิงเตี๋ยนคนนี้ถึงจะหมดกังวลกับสิ่งที่ฉันค้างคามานานหลายปี”
“ผู้อาวุโสหวงฟู่ครับนอกจากคุณจะได้ส่งมอบสารสุดท้ายแล้วผมก็ต้องการถามคุณอีกอย่างหนึ่ง..ผมหวังว่าผู้อาวุโสจะสามารถบอกความจริงกับผมได้นะ” ม่อหลงพูด ซึ่งถึงแม้ว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะยอมรับตัวตนของเขาในฐานะผู้สืบทอดก็ตามแต่ตอนนี้ม่อหลงนั้นเป็นสมาชิกของเขี้ยวหมาป่าและยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเขาจะสามารถเข้ารับตำแหน่งผู้สืบทอดอย่างเป็นทางการได้หรือไม่และถึงแม้ว่าม่อหลงจะไม่ชอบพูดแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะโง่เพราะม่อหลงนั้นยังรู้วิธีเอาชนะใจของผู้คนเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสมควรที่เขาจะสุภาพกับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเช่นนี้
“ขอแค่ผู้สืบทอดถามมาและตราบใดที่ชายชราผู้นี้สามารถตอบได้ฉันก็จะตอบทุกอย่าง!” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด
“ปู่ยอมรับแล้วหรอว่าปู่แก่แล้ว..แล้วปู่จะให้คนอื่นเรียกว่าพี่ชายหวงฟู่ทำไม..ดูสิตอนนี้ปู่เรียกตัวเองว่าชายชรา” เย่เชียนพูดอย่างติดตลกและเมื่อเขาพูดคำว่าพี่หวงฟู่เขาก็เลียนแบบการพูดของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเมื่อครู่นี้ นั่นเป็นเพราะเย่เชียนเห็นว่าบรรยากาศในตอนนี้ค่อนข้างน่าเบื่อดังนั้นเขาจึงเปิดปากออกโดยเจตนา
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนเหลือบมองเย่เชียนด้วยหางตาแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรใดเพราะกฎของสำนักม่อจื๊อนั้นยังคงเข้มงวดมากและต่อหน้าผู้สืบทอดแล้วหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจึงไม่สามารถแสดงอาการที่ไม่สบอารมณ์ออกมาได้ อย่างไรก็ตามไม่ว่ากฏเหล็กจะเข้มงวดสักแค่ไหนแต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะประพฤติตามได้อย่างถูกต้อง ซึ่งหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นก็ถือได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกที่ซื่อสัตย์และถึงแม้ว่าตอนนี้ม่อหลงจะไม่มีความสามารถอะไรมากแต่เนื่องจากม่อหลงเป็นผู้สืบทอดดังนั้นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ต้องเคารพม่อหลงโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
.
.
.
.
.
.
.