ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 514 ยัดยา
ตอนที่ 514 ยัดยา
โจวหยวนก็รู้ดีเช่นกันว่าตั้งแต่ที่เย่เชียนและคนอื่นๆ พูดถึงสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าพวกเขาแล้วพวกเขาก็ถือว่าตัวเองนั้นเป็นพวกพ้องอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว ด้วยความไว้วางใจนี้โจวหยวนก็มีความสุขมากและเขาก็รู้ดีว่าภายใต้การคุ้มครองของเย่เชียนแล้วเขาจะสามารถโดดเด่นได้อย่างแท้จริง เมื่อลองนึกถึงตัวเองในอดีตที่เป็นแค่ไอ้ตัวเล็กที่ถูกรังแกตลอดทั้งวันและไม่สามารถกินอิ่มได้ถึงสามมื้อ แต่ทว่าตอนนี้เขาถูกคาดหวังและอยู่ในฐานะทรงพลัง เขาจึงอำลาทุกสิ่งในอดีตและเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ดังนั้นโจวหยวนจึงคิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวตนของเขาไปอย่างสิ้นเชิง
ตอนนี้เย่เชียนได้ให้โอกาสเขากลับมาและเย่เชียนก็ได้มอบชีวิตใหม่ให้กับเขาอีกครั้ง ซึ่งโจวหยวนก็รู้ดีว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและแปลกประหลาดแต่เขาก็รู้ด้วยว่านี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากดังนั้นเขาจะคว้าโอกาสนี้เอาไว้และกำมันเอาไว้ในมือของเขาอย่างแน่นหนาเพื่อไม่ให้โอกาสมันหลุดลอยไป
เย่เชียนก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจเพราะการพัฒนาต่างๆ ในประเทศเมียนมาร์ทำให้เขาโล่งใจอย่างมากเพราะนี่เป็นจุดมุ่งหมายที่สอดคล้องกันของเย่เชียนที่จะได้รับชัยชนะในระดับโลกและไม่ว่าจะเป็นประเทศในทวีปตะวันออกกลางหรือทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นเย่เชียนก็จะไม่ยอมแพ้เพราะบางทีสถานะของประเทศเหล่านี้ในโลกอาจจะไม่สูงมากนัก แต่หากสามารถจัดระเบียบได้ล่ะก็มันจะเป็นกองกำลังขนาดใหญ่ที่สามารถเผชิญหน้ากับประเทศใดก็ได้ อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่ได้คิดที่จะเล่นการเมืองเพราะเขาไม่สนใจสิ่งเหล่านั้นแม้แต่สิ่งต่างๆ ในฝั่งไต้หวันเองก็เช่นกัน ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะตกลงในสิ่งที่หูวหนานเจียงมอบภารกิจให้เขาก็ตามแต่ในความเป็นจริงเขาก็ยังลังเลที่จะเข้าไปแทรกแซงในหลายๆ อย่างเพราะมันวุ่นวายจนเกินไปและที่สำคัญกว่านั้นเย่เชียนไม่เคยมีความประทับใจในตัวนักการเมืองเลย
แผนการต่างๆ ของโจวหยวนนั้นเย่เชียนฝากไว้ให้แจ็คจัดการและยังมีข้อมูลของเฟิงกั๋วฟู่อีกด้วยที่เย่เชียนบอกว่านี่เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้โจวหยวนเข้าสู่วงในของมณฑลกวางตุ้งในอนาคตได้ สำหรับเฟิงกั๋วฟู่นั้นจะเป็นหน้าที่ของโจวหยวนนับจากนี้ไปและหลังจากโจวหยวนแทรกซึมเข้าไปในมณฑลกวางตุ้งแล้วโจวหยวนก็จะค่อยๆ กำจัดเฟิงกั๋วฟู่และนี่ก็ไม่เกี่ยวกับธุรกิจหรืออิทธิพลใดๆ เพราะนับตั้งแต่ที่เฟิงกั๋วฟู่คิดสกปรกกับหลินโรวโร่วนั้นโชคชะตาและชีวิตของเขาก็ถึงวาระแล้วและเย่เชียนเองก็ไม่เคยคิดที่จะปล่อยเขาไปเลยแม้แต่น้อย
หลังจากอยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้ได้สองสามวันเย่เชียนและชิงเฟิงก็มาที่สนามบินเพื่อบินไปยังเมืองเจิ้งโจวในมณฑลเหอหนาน ในความเป็นจริงความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของมณฑลเหอหนานก็ยังคงชัดเจนมาก แต่นโยบายต่างๆ ของรัฐบาลก็ยังไม่เพียงพอดังนั้นการพัฒนาจึงดำเนินไปอย่างไม่ราบรื่นนัก ซึ่งมณฑลเหอหนานนั้นคล้ายคลึงกับฮาวายในประเทศสหรัฐอเมริกาและเนื่องจากฮาวายสามารถกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกได้แล้วทำไมมณฑลเหอหนานจะเป็นไม่ได้? เพราะที่นี่มีหาดทรายทอดยาวและต้นมะพร้าวสูงตระหง่านดูสวยงามอย่างมาก
“โอ๊ย!” เมื่อพวกเขาเดินเข้ามาในเทอร์มินอลของสนามบินแล้วจู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาชนกับพวกเขาจนล้มลงไปกับพื้น
“พวกคุณตาบอดกันรึไงห๊ะ!” ชายคนนั้นโกรธมากและตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยว
ชิงเฟิงก็ขมวดคิ้วและระงับความโกรธของเขาเอาไว้แล้วพูดว่า “ผมขอโทษ..คุณเป็นอะไรหรือเปล่า? ”
ในเวลานี้ชายหนุ่มอีกคนก็แอบเดินมาที่ด้านหลังและแอบยัดสิ่งของบางอย่างลงในกระเป๋าเดินทางของชิงเฟิง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เย่เชียนนั้นเห็นทุกอย่างชัดเจนแต่เขาก็ฉีกยิ้มและไม่ได้พูดอะไรและถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างในแต่มันก็ต้องไม่ใช่เรื่องดีไม่เช่นนั้นคนเหล่านี้คงจะไม่ทำเช่นนี้เป็นแน่ แต่คิดยังไงเย่เชียนก็คิดไม่ออกว่าเพราะอะไรทำไมชายหนุ่มทั้งสองคนถึงเลือกที่จะทำเช่นนี้หรือพวกเขาทำลงไปเพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถนำสิ่งเหล่านั้นชึ้นเครื่องได้อย่างปลอดภัยและตามมานำมันกลับไปทีหลัง?
หลังจากที่ชายหนุ่มวางของแล้วเขาก็มองไปที่ชายหนุ่มอีกคนที่นอนอยู่บนพื้นและหลังจากนั้นชายหนุ่มคนที่นอนอยู่บนพื้นก็มองอย่างรู้ทันและหลังจากคร่ำครวญสองสามครั้งแล้วเขาก็ลุกขึ้นโดยมีชิงเฟิงช่วยพยุง ซึ่งชายหนุ่มคนนั้นก็พูดว่า “เอาเถอะ..ทีหลังก็เดินระวังคนอื่นด้วย” หลังจากพูดเสร็จเขาก็รีบเดินจากไปทันที
ชิงเฟิงก็จ้องมองอย่างเย็นชาจากนั้นก็พูดกับเย่เชียนว่า “บอส! ..ดูเหมือนว่าเราจะต้องใช้สิทธิพิเศษกันแล้ว..ไม่งั้นเราคงไม่ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยของด่านตรวจคนเข้าเมืองแน่ๆ”
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มและเห็นได้ชัดว่าชิงเฟิงนั้นก็รับรู้ถึงกลอุบายของชายหนุ่มทั้งสองเช่นกัน เมื่อพูดถึงความระมัดระวังตัวล่ะก็ชิงเฟิงนั้นถือได้ว่ายืนหนึ่งของเรื่องเหล่านี้เลยดังนั้นเขาจะมองไม่ออกได้อย่างไร? ในตอนนี้เขาและเย่เชียนก็มีความคิดเดียวกันก็คือดูว่าทั้งสองคนนั้นกำลังคิดอะไรกันอยู่พวกเขานำสิ่งของอะไรมายัดใส่กระเป๋าเดินทางและทำไมพวกเขาถึงแน่ใจว่าตนจะสามารถนำสิ่งเหล่านี้ผ่านด่านตรวจเข้าไปได้
เย่เชียนก็ยักไหล่เล็กน้อยแล้วพูดว่า “มันก็ไม่ยากอะไรเลย! ”
ทั้งสองเดินมาที่ประตูขึ้นเครื่องพิเศษและหลังจากนั้นเย่เชียนก็หยิบใบรับรองยศจอมพลของเขาออกมาและส่งต่อให้กับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งเจ้าหน้าที่คนนั้นก็ไม่กล้าลังเลเลยแม้แต่น้อยและรีบปล่อยให้เย่เชียนและชิงเฟิงเดินผ่านช่องทางพิเศษไปและการตรวจสอบความปลอดภัยนั้นได้รับการยกเว้นไปโดยปริยาย
“สองคนนั้นได้ขึ้นเครื่องหรือเปล่า?” เย่เชียนถาม
“ขึ้นครับบอส! ..บอสคิดว่าพวกเขาเป็นใคร? ” ชิงเฟิงพูดและถามกลับ
“ฮ่าๆ ..อะไรกันนายอยากจะทดสอบฉันเหรอ..มันเดาได้ไม่ยากเลย..เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ใช่คนท้องถิ่นหรือพวกต้มตุ๋นหรอก..เพราะคนพวกนั้นจะไม่โง่ถึงขนาดนี้ที่เลือกลักลอบขนสิ่งผิดกฎหมายทางเครื่องบินหรอก..ฉันคิดว่าพวกเขาจงใจโจมตีพวกเราโดยการใส่ร้าย” เย่เชียนพูด
“หลังจากที่ขึ้นเครื่องบินไปสักพักผมจะไปดูว่าพวกเขายัดอะไรให้พวกเรา” ชิงเฟิงพูด
เย่เชียนพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เอาสิ! ..ฉันอยากรู้ว่าพวกนั้นกำลังทำอะไรกันอยู่”
ใช้เวลาไม่นานเครื่องบินก็บินขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างเป็นทางการจากสนามบินนานาชาติผู่ตงในเมืองเซี่ยงไฮ้ จากนั้นชิงเฟิงก็เปิดกระเป๋าเดินทางออกมาและสิ่งที่อยู่ด้านในมันคือผงสีขาว ซึ่งเย่เชียนและชิงเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะต้องผงะและชิงเฟิงก็ไม่กล้าที่จะละเลยและเขาก็รีบยัดสิ่งของต่างๆ ลงในกระเป๋าของเขาดังเดิม
“บอส! ..พวกมันเป็นเอเย่นต์ค้ายาหรอแต่นี่มันโง่เกินไปเพราะการขนส่งยาโดยเครื่องบินมันก็เหมือนเดินเข้าไปตายไม่ใช่หรอ” ชิงเฟิงพูด
“เป้าหมายของพวกมันไม่ได้อยู่ที่การนำยาเหล่านี้ข้ามพรมแดนแต่มันเป็นการโจมตีพวกเราเพื่อไม่ให้ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง!” เย่เชียนขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูด
“ทำไมพวกมันถึงไม่อยากให้เราผ่านด่านตรวจล่ะ? ” ชิงเฟิงไม่เข้าใจถึงถามด้วยใบหน้าที่มึนงง
เย่เชียนเองก็ไม่ชัดเจนนักและเขาก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “มันก็มีอยู่สองจุดประสงค์..หนึ่งคือไม่ให้เราผ่านด่านตรวจและทำให้พวกเราซวย..แต่นี่เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลเลยเพราะถ้าพวกมันต้องการทำให้เราซวยจริงๆ ล่ะก็เรื่องแบบนี้มันก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรเลย..เพราพงั้นก็เหลือความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว”
“มันคืออะไร?” ชิงเฟิงถาม
“นั่นคือพวกเขาต้องการถ่วงเวลาและไม่ต้องการให้เราไปที่มณฑลเหอหนาน” เย่เชียนพูด นอกเหนือจากเรื่องนี้เย่เชียนก็ไม่สามารถนึกถึงความเป็นไปได้อื่นๆ เลย
“ฮ่าๆ ..ดูเหมือนว่าการเดินทางไปเหอหนานครั้งนี้จะน่าสนใจมาก..พวกมันกำลังคิดหาวิธีที่จะจัดการกับเราก่อนออกเดินทางมันน่าสนใจจริงๆ” ชิงเฟิงอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นเพราะครั้งล่าสุดเขาได้ยินเย่เชียนพูดว่าการเดินทางไปมณฑลเหอหนานครั้งนี้เป็นเพียงการเจรจาทางธุรกิจธรรมดาๆ ซึ่งทำให้เขาผิดหวังมากแต่ก็ดีกว่าอยู่ที่บริษัทรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัด แต่ทว่าตอนนี้เขาไม่ได้คาดหวังเลยว่าการเดินทางไปเยือนมณฑลเหอนานในครั้งนี้จะน่าตื่นเต้นถึงขนาดนี้
“ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครเป็นยักษ์ใหญ่ของเหอหนาน..เพราะพวกนั้นรู้ด้วยว่าวันนี้พวกเราจะบินไปที่เหอหนานกัน!” ปากของเย่เชียนฉีกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าของเขาและพูดต่อ “หาทางนำตัวพวกเขาไปที่ห้องน้ำและถามอย่างระมัดระวังด้วยล่ะ”
“ครับบอส!” ชิงเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
หลังจากพูดจบชิงเฟิงก็ลุกขึ้นและเดินไปที่ห้องน้ำ ซึ่งชายหนุ่มทั้งสองจ้องมองมาที่เขาและชิงเฟิงก็ฉีกยิ้มแล้วเดินไปด้านข้างของพวกเขาแล้วพูดผ่านๆ ว่า “พวกคุณมากับผมหน่อย”
ชายหนุ่มทั้งสองก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งและเมื่อพวกเขามองดูหลินเฟิงเดินไปที่ห้องน้ำพวกเขาก็มองหน้าและเดินตามชิงเฟิงไป เย่เชียนก็ยิ้มอย่างขี้เล่นและลุกขึ้นแล้วเดินตามไปที่ห้องน้ำ
ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องน้ำใบหน้าของชิงเฟิงก็มืดมนลงและมีดในมือของเขาก็จ่อเอาไว้ที่คอของชายหนุ่มคนหนึ่งอย่างรวดเร็วและพูดว่า “อย่าขยับไม่งั้นอย่าโทษว่าฉันโหดร้ายก็แล้วกัน”
“หืม..ฉันไม่เชื่อว่าพวกแกกล้าฆ่าคนบนเครื่องบิน..ก็ลองทำดูสิถ้าพวกแกมีความสามารถมากพอ” หนึ่งในนั้นพูด
“อย่าท้าฉันเลย..มันง่ายมากที่จะทำแบบนั้น!” ชิงเฟิงพูด
ในเวลานี้เย่เชียนก็เปิดประตูและเดินเข้ามาซึ่งชายหนุ่มอีกคนก็ถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะและจู่โจมเย่เชียนอย่างรวดเร็ว เพราะเขาคิดว่าตราบใดที่เย่เชียนถูกเขาจับเอาไว้เขาก็จะมีข้อต่อรองและจะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้ ซึ่งเย่เชียนก็กลอกตาของเขาไปมาและตอกชายหนุ่มคนนั้นกลับด้วยศอก ซึ่งเขาจะทนต่อการโจมตีของเย่เชียนได้อย่างไรเขาจึงกระเด็นและล้มลงกับพื้นทันที
“อยากตายขนาดนั้นเลยเหรอ?” เย่เชียนเหยียบชายหนุ่มเอาไว้แล้วพูดว่า “มาคุยกันเถอะพวกแกเป็นใคร? ..จุดประสงค์ที่พวกแกยัดสิ่งของลงในกระเป๋าเดินทางของเราคืออะไร? ..อย่าบอกนะว่าไม่รู้? ..ฉันไม่ชอบคำเหล่านี้!”
“พูดสิวะ! ” ชิงเฟิงขยับมีดในมือและตะคอก
“พวก…พวกเราเป็นเอเย่นต์ค้ายา..พวกเรากลัวว่าจะถูกด่านตรวจพบ..พวกเราจึงยัดมันเข้าไปในกระเป๋าเดินทางของคุณ! ” ชายหนุ่มคนที่นอนอยู่ที่พื้นพูด
“จริงเหรอ? ..ถ้างั้นแกรู้ได้ยังไงว่าเราจะสามารถผ่านด่านตรวจและนำยาเสพติดขึ้นเครื่องบินได้? ” เย่เชียนด้วยรอยยิ้มที่ขี้เล่น
“เรา..เราแค่เดาเอาอย่างสุ่มๆ” ชายหนุ่มคนนั้นพูดด้วยความเสียใจอย่างเห็นได้ชัด
“แกคิดว่าฉันเป็นเด็กสามขวบเหรอ? ..ซองใส่ยาแบรนด์เนมพวกนี้มีมูลค่าอย่างน้อยๆ ก็หลายล้าน..แล้วพวกแกกล้าเดาสุ่มๆ งั้นเหรอ? ..พวกแกคงรวยมากสินะ..แล้วทำไมพวกแกต้องไปค้ายาเสพติดกันด้วยล่ะถ้าพวกแกรวย?” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย จากนั้นสีหน้าของเย่เชียนก็กลายเป็นเย็นชาและเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกว่า “อย่ามาล้อเล่นกับฉัน! ..พูดมาซิว่าใครส่งพวกแกมาที่นี่!”
ชายหนุ่มสองคนก็ลังเลและมองหน้ากันแต่ก็ไม่ได้คุยกัน “ปากแข็งกันนักใช่ไหม! ..ถ้าพวกแกชอบยามากงั้นก็รับไปซะ” เย่เชียนเปิดซองยาและกรอกใส่ปากของชายหนุ่มคนที่นอนอยู่บนพื้นแล้วเทมันลงไป “เมื่อถึงเวลานั้นพวกตำรวจก็จะคิดเพียงแค่ว่าแกเสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาด..เอาล่ะ..ส่วนแก! ..ต้องการแบบมันด้วยหรือเปล่า?” เย่เชียนค่อยๆ หันหน้าไปมองชายหนุ่มคนที่ถูกชิงเฟิงเอามีดจ่อคอเอาไว้แล้วพูดเช่นนี้
.
.
.
.
.
.
.