ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 521 เกลียดหรือรัก
ตอนที่ 521 เกลียดหรือรัก
อาการแพ้กุ้งที่เกิดจากการกินกุ้งจนทำให้เกิดผื่นแดงนั้นถึงแม้ว่ามันจะคุกคามชีวิตของเย่เชียนก็ตามแต่ก็นี่เป็นเพียงจุดอ่อนเล็กๆ น้อยๆ ของเย่เชียน ดังนั้นแน่นอนว่าเย่เชียนจะไม่เปิดเผยจุดอ่อนของเขาให้คนอื่นรู้อย่างเปิดเผยทำให้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าเขาแพ้กุ้ง อย่างไรก็ตามหญิงวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าเขาพูดเช่นนี้ซึ่งทำให้เย่เชียนต้องเชื่อว่าสิ่งที่เธอพูดออกมานั้นเป็นความจริงและเธอก็เป็นแม่ของเขาจริงๆ
เย่เชียนก็หันหน้าไปหาชิงเฟิงและพยักหน้าเบาๆ จนชิงเฟิงถึงกับประหลาดใจและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ยินดีด้วยครับบอส! ” ซึ่งเย่เชียนก็ยิ้มอย่างขมขื่นและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ถึงแม้ว่าเย่เชียนต้องการพบพ่อและแม่ของเขามาตลอดก็ตามแต่เมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ เขาก็รู้สึกแปลกๆ และคำว่า ‘แม่’ ก็แทบจะไม่มีอยู่ในความคิดของเขาและมันก็ยากสำหรับเขาที่จะพูดคำแบบนี้ออกมา และในขณะนี้เย่เชียนก็นึกถึงอดีตทั้งหมดของวันที่เขาเร่ร่อนไปตามท้องถนนและขอทานครั้งที่เขาถูกเหยียบย่ำเหมือนสุนัขข้างถนน ซึ่งมันเป็นอดีตที่เย่เชียนไม่มีวันลืมที่มีสภาพร่างกายที่อ่อนแอและกำลังสั่นสะท้านท่ามกลางลมหนาวและพยายามอดทนต่อสายตาที่แปลกประหลาดและการเยาะเย้ยของผู้คนที่เดินผ่านไปมาและการไปหาอาหารเหลือที่ประตูร้านอาหาร เขาตึงตระหนักว่าถ้าหากพ่อแม่ของเขาอยู่ด้วยเขาจะต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบนั้นอยู่ไหม?
เขานั้นนึกถึงสิ่งเหล่านี้มาทั้งกลางวันและกลางคืนเสมอและเย่เชียนก็ไม่รู้ว่าทำไมเพราะถ้าหากเย่เชียนไม่เกลียดการมีชีวิตเช่นนั้นมันก็จะดูเป็นการโกหก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวันที่เศร้าที่สุดของเย่เชียนปรากฏขึ้นในใจของเขามันก็ยิ่งทำให้ความเกลียดชังในใจของเขาเดือดดาลมากขึ้น
อารมณ์ของเย่เชียนในตอนนี้ขัดแย้งกันมากและเขาก็อยากจะตกอยู่ในอ้อมกอดของแม่ทันทีและสัมผัสถึงความห่วงใยของแม่แต่เขาก็ไม่สามารถปล่อยวางความโกรธในใจได้ ซึ่งหลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเย่เชียนก็ลุกขึ้นยืนและหันหลังและเดินออกไป การเคลื่อนไหวของเย่เชียนนั้นชัดเจนมากและเย่เหวินก็สามารถมองออกได้อย่างเป็นธรรมชาติซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม่ของเธอนั้นไม่ได้เข้าใจผิดและเย่เชียนก็เป็นพี่ชายของเธอจริงๆ
เมื่อเห็นเย่เชียนเดินออกไปชิงเฟิงก็ตกตะลึงและสูญเสียอาการไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ยักไหล่เบาๆ และวางของฝากเอาไว้แล้วยิ้มให้หญิงวัยกลางคนกับเย่เหวินแล้วเดินตามเย่เชียนไปอย่างรวดเร็ว
“เสี่ยวเชียน..เสี่ยวเชียน!” หญิงวัยกลางคนแปลกใจอย่างมากกับพฤติกรรมของเย่เชียนดังนั้นเธอจึงรีบตะโกนเรียก อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่ได้มองย้อนกลับไปและสิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกปวดใจอย่างมากและคิดว่าตอนนี้เย่เชียนคงโกรธที่เธอตบหน้าเขา ดังนั้นเธอจึงรีบพูดว่า “มันเป็นความผิดของแม่เอง..แม่ไม่ควรตบตีลูก..เสี่ยวเชียนอย่าไปนะ”
อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ดูเหมือนจะไม่ได้ตั้งใจที่จะเดินหนีไปและไม่เห็นว่าตาของหญิงวัยกลางคนกลายเป็นสีแดงก่ำและน้ำตาก็ไหลหยดออกมา “ใจเย็นๆ นะแม่..พี่ชายอาจจะยังรับไม่ได้..ให้เวลาเขาหน่อยเดี๋ยวเขาก็กลับมา” เย่เหวินพูดปลอบใจเพราะนอกจากการพูดเช่นนี้แล้วเธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
“เสี่ยวเหวินไปเร็ว..รีบไปเรียกพี่ชายของลูกกลับมา” หญิงวัยกลางคนรีบพูดและรีบดันเย่เหวินออกไป
“ก็ได้แม่..ใจเย็นๆ นะ..นู๋จะไปตามพี่กลับมา” เย่เหวินพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนและวิ่งตามเย่เชียนออกไปข้างนอก
เมื่อเย่เชียนออกมาข้างนอกเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แต่ความคิดที่วุ่นวายในใจของเขาก็ยังไม่ได้หมายความว่ามันจะสงบลงเพราะเขายังคงครุ่นคิดและหงุดหงิด “บอส!” ชิงเฟิงเดินไปที่ด้านข้างของเย่เชียนและตบไหล่ของเย่เชียนเบาๆ แล้วพูดต่อ “ผมรู้ว่าบอสรู้สึกยังไง! ”
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ตอนแรกฉันก็อยากพบพ่อแม่ของฉันมาโดยตลอดและฉันก็อยากรู้ว่าใครคือความทรงจำที่คลุมเครือในใจของฉันและฉันก็เฝ้ารอมันมาตลอด..ฉันเองก็อยากจะมีพ่อและแม่ของตัวเองบ้าง..ฉันก็อยากจะอยู่ในอ้อมแขนของพวกเขาและสัมผัสถึงการดูแลจากพ่อแม่บ้าง..แต่ฉันได้เห็นได้สัมผัสมันจริงๆ ฉันก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงชีวิตก่อนหน้านี้ของฉัน..และคิดว่าถ้าพวกเขาอยู่ที่นั่นด้วยฉันจะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า..ฉันไม่รู้..ฉันไม่รู้จริงๆ ..ฉันสับสนมาก”
ชิงเชิฟก็ถอนหายใจอย่างลับๆ เพราะเขาไม่เคยเห็นเย่เชียนบอบบางขนาดนี้ “บอสถึงยังไงเราก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในอดีต..บางทีพวกเขาอาจจะเผชิญกับความยากลำบากก็ได้..ผมเชื่อว่ามันไม่มีพ่อแม่คนไหนที่อยากทิ้งลูกๆ ของตัวเองหรอก..ในความเป็นจริงแล้วบอสควรจะรู้สึกโชคดีนะเพราะอย่างน้อยๆ บอสก็ยังมีแม่..ไม่เหมือนผมที่ไม่มีพ่อแม่เลย..พวกเขาทิ้งผมไว้คนเดียวมานานแล้ว..เพราะงั้นผมก็เข้าใจอารมณ์ตอนนี้ของบอสจริงๆ นะ..ตอนนี้บอสน่ะอยากจะเผชิญหน้ากับแม่มากใช่ไหมล่ะ..เพราะงั้นก็ไม่ต้องกังวลกับเรื่องราวในอดีตอีกต่อไป..เรื่องที่ผ่านๆ มาก็ให้จบลงที่ตรงนี้เถอะ”
“ไม่คิดเลยว่านายจะสามารถพูดหลักการอันยอดเยี่ยมเหล่านี้ได้” เย่เชียนยิ้มให้เขาและพูดว่า “แน่นอนว่าฉันเข้าใจความจริง..แต่มันเป็นเรื่องยากสำหรับฉันที่จะยอมรับมันในขณะที่ความทรงจำของฉันจางหายไปนาน..การที่ฉันได้พบแม่น่ะมันยากนะที่จะเผชิญหน้าเพราะตั้งแต่เด็กมาฉันไม่เคยเจอแม่มาก่อน”
“ก็นะเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ..คนที่ห่วงใยและความรักที่บริสุทธิ์แบบนี้บอสจะทิ้งแม่กับน้องสาวเอาไว้อย่างนี้น่ะเหรอ” ชิงเฟิงพูด
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “อย่ามาสอนฉันหน่า..ถึงนายไม่พูดฉันก็เข้าใจ”
“พี่ชาย! ” ในขณะที่ทั้งสองคุยกันเย่เหวินก็เดินออกจากบ้านและเมื่อเธอเห็นเย่เชียนเธอก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะเพราะในที่สุดเธอก็พูดคำว่า “พี่ชาย” ออกมาซึ่งเธอไม่ได้พูดคำนี้มาเกือบยี่สิบปีแล้วและเย่เหวินก็ดูสับสนและตื้นตันอย่างมาก
“เธอออกมาทำไม?” เย่เชียนถาม
“แม่เป็นห่วงพี่..แม่ก็เลยให้ฉันออกมาดูพี่ชาย..ฉันหวังว่าพี่จะไม่โทษแม่นะเพราะมันเป็นช่วงเวลาแห่งความตื้นตัน..ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาฉันเห็นแม่ซ่อนตัวอยู่ในห้องและร้องไห้ขณะที่ดูถ่ายรูปของพี่แทบจะทุกวัน..และตอนนี้ร่างกายของแม่ก็ไม่ดีประกอบกับความห่วงใยและกังวลกับลูกชายมานานหลายปี..แม่ทรมานทั้งวันทั้งคืนมาโดยตลอดจนร่างกายก็ยิ่งแย่ลงทุกวันๆ” เย่เหวินพูด
“แล้วพ่อตายยังไง?” บางทีเย่เชียนอาจมีความเกลียดชังในใจของเขาน้อยลงเขาจึงเบี่ยงประเด็นแล้วถามเรื่องพ่อของเขา
เย่เหวินเหลือบมองไปที่เย่เชียนอย่างว่างเปล่าและพูดว่า “พี่ชาย..พี่จำอะไรไม่ได้จริงๆ เหรอ? ”
เย่เชียนก็ส่ายหัวและพูดว่า “จำไม่ได้เลย..ทำไมหรอ? ”
“ไม่มีอะไรหรอก” เย่เหวินพูด “ตอนนั้นฉันเองก็ยังเด็กมากฉันก็เลยไม่รู้เรื่องอะไรมากนัก..ฉันเคยถามแม่มาหลายปีแล้วแต่แม่ก็ไม่ยอมบอกฉันเลย..ฉันรู้ว่าเธอเป็นห่วงฉันและกลัวว่าฉันจะคิดมาก”
อาจเป็นเพราะเย่เชียนนั้นผ่านประสบการณ์ชีวิตที่ยิ่งใหญ่มามากมายเมื่อเขายังเป็นเด็กและหลงทางมานานดังนั้นเขาจึงลืมเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเย่เชียนจึงถามว่า “สุสานของพ่ออยู่ที่ไหนหรอ”
เย่เหวินก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะและพูดว่า “พี่จะไปหรอ? ”
“อืม..เธอแค่บอกที่อยู่ให้ฉันก็พอ..ฉันจะไปเอง” เย่เชียนพูด
“เดี๋ยวฉันจะไปบอกแม่ก่อน..ฉันจะพาพี่ไปที่นั่นเอง” เมื่อเย่เหวินพูดจบเธอก็หันหลังวิ่งกลับเข้าไปในบ้านและใช้เวลาไม่นานเธอก็วิ่งออกมาอีกครั้ง ซึ่งสิ่งแรกที่เย่เชียนต้องการทำคือการนมัสการพ่อของเขาซึ่งมันจะทำให้แม่รู้สึกสบายใจขึ้นมากและรู้ว่าเย่เชียนนั้นไม่ได้โกรธเธอเลย
ถ้าเย่เจิ้งหรานยังมีชีวิตอยู่เย่เชียนคงก็กลัวการเผชิญหน้ากับเขาอย่างแน่นอน เพราะเด็กกำพร้าที่รู้ว่าพ่อแม่ของเขายังมีชีวิตอยู่นั้นต่างก็สูญเสียอาการกันทั้งนั้นและพวกเขาก็อยากเจอพ่อแม่แต่ก็กลัวที่จะเผชิญหน้ากับพวกเขาเช่นกันแต่เป็นเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าจะทำตัวและวางตัวอย่างไรเมื่อพบพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดจริงๆ เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าควรจะร้องไห้หรือดีใจนั่นเอง
เหตุผลที่เย่เชียนเลือกที่จะนมัสการเย่เจิ้งหรานนั้นก็เพราะเหตุนี้เพราะเขาจะสามารถให้เวลาตัวเองได้สงบสติอารมณ์และระบายอารมณ์ออกมาได้ ด้วยวิธีนี้เมื่อเผชิญหน้ากับแม่อีกครั้งเขาจะได้ลืมความร้าวฉานและความเกลียดชังในใจออกไปได้
เมื่ออยู่บนรถระหว่างทางไปสุสานนั้นดวงตาของเย่เชียนก็ยังคงมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไม่หยุดยั้งพร้อมกับขมวดคิ้วแน่นและคลายออกอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเขากำลังคิดอะไรบางอย่างดังนั้นชิงเฟิงจึงไม่คิดที่จะรบกวนเขาเพราะชิงเฟิงรู้ว่าเย่เชียนนั้นต้องการเวลาตระหนักและไตร่ตรองถึงสิ่งต่างๆ
การจ้องมองของเย่เหวินที่มองมายังเย่เชียนนั้นราวกับว่าเธอต้องการมองดูพี่ชายที่ห่างหายไปนานของเธออย่างใกล้ชิดและดูเหมือนว่าเธอจะเชื่อมโยงภาพของชายตรงหน้าเธอกับเด็กที่ร่าเริงในความทรงจำของเธอ อย่างไรก็ตามเวลามันก็ผ่านมานานเกินไปที่จะนึกถึงได้และหลายๆ ภาพก็ดูคลุมเครือและใบหน้าของเย่เชียนก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา
ต่อมาไม่นานรถก็หยุดอยู่ข้างสุสานและภายใต้การนำทางของเย่เหวินทั้งสามคนก็เดินขึ้นภูเขา ซึ่งก่อนที่จะล่วงลับไปนั้นผู้คนต่างก็ถูกแบ่งออกเป็นชนชั้นเพราะบางคนก็อาศัยอยู่ในคฤหาสน์และบางคนก็อาศัยอยู่ในสลัมแต่ทว่าหลังจากความตายแล้วพวกเขาเหล่านั้นต่างก็อาศัยอยู่ในสถานที่เดียวกัน
ในสุสานแห่งนี้มีการฝังวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่แต่กลับเสียชีวิตไปเพียงแค่อายุสามสิบต้นๆ ซึ่งเขาคนนั้นเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดของเย่เชียนที่มีนามว่าเย่เจิ้งหราน
สุสานของเย่เจิ้งหรานนั้นอยู่ตรงมุมหนึ่งและก็สะอาดอย่างมากและน่าจะเป็นเพราะเย่เหวินมักจะมาทำความสะอาดอยู่สม่ำเสมอ ซึ่งหลุมฝังศพถูกสลักด้วยวันเดือนปีเกิดและวันตายของเย่เจิ้งหรานและมีรูปภาพที่มีรอยยิ้มของเขาที่ดูใจดีและเป็นมิตรอย่างมาก ซึ่งเมื่อมองไปที่รูปถ่ายของเขาแล้วในใจของเย่เชียนก็สงบลงเพราะคนที่อยู่บนสวรรค์คนนี้มีปาฏิหาริย์มากมายกับเขาโดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นซึ่งดูเหมือนจะอธิษฐานออกมาและรูปลักษณ์นั้นก็คล้ายกันมากเว้นแค่การที่เย่เชียนมีรอยแผลเป็นบนใบหน้าจึงทำให้ไม่เหมือนเล็กน้อย
“พี่ชายนี่คือสุสานของพ่อ! ” เย่เหวินมองไปที่เย่เชียนที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความคิดและพูดอย่างช้าๆ
เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ และพูดว่า “เธอออกไปก่อนนะ..ฉันขออยู่คนเดียวหน่อย”
.
.
.
.
.
.