ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 524 เหล่ยเจียง
ตอนที่ 524 เหล่ยเจียง
ไม่ต้องพูดถึงความสามารถของชิงเฟิงในการตามหาใครสักคนเลยเพราะชิงเฟิงใช้เวลาไม่นานในการค้นหาที่อยู่ของเหล่ยเจียง ซึ่งจากคำพูดของชิงเฟิงนั้นเหล่ยเจียงคนนี้เป็นคนที่ฉลาดและมีไหวพริบพอๆ กันกับตนดังนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะสืบข่าวของเขาได้
แม้แต่เมืองที่ด้อยพัฒนาอย่างเจิ้งโจวก็มีสถานบันเทิงยามค่ำคืนแต่มันก็ไม่ได้หรูหราอะไรมากนัก
ในเวลานี้แจ็คก็โทรมาและบอกว่าเขาพบข้อมูลเกี่ยวกับฮัวซงเจี๋ยและเหล่ยเจียงแล้ว ซึ่งเขาก็ส่งข้อมูลไปยังโทรศัพท์มือถือของเย่เชียนเรียบร้อยแล้วดังนั้นเย่เชียนจึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและหลังจากวางสายโทรศัพท์ไปข้อมูลก็ถูกถ่ายโอนมายังโทรศัพท์ของเขา “บอส! ..เข้าไปกันเถอะ! ” ชิงเฟิงโบกมือให้เย่เชียนและเดินไปที่ไนต์คลับ
“เดี๋ยว! ..ฉันขอดูข้อมูลก่อน” เย่เชียนพูดขณะเปิดโทรศัพท์
“จะดูข้อมูลอะไร..รับเข้าไปเถอะ..เดี๋ยวสาวๆ สวยๆ ก็ถูกคนอื่นแย่งไปหมด” ชิงเฟิงพูดอย่างหดหู่
“ไอ้บ้านี่เรามาทำธุรกิจแต่นายกลับนึกถึงผู้หญิงตลอดทั้งวัน..สักวันนายจะต้องตายเพราะผู้หญิง! ” เย่เชียนมองชิงเฟิงด้วยท่าทางดุร้ายและพูดว่า “ฉันจะดูข้อมูลของเหล่ยเจียงอย่าเพิ่งมารบกวนฉัน..เดี๋ยวฉันจะตามเข้าไปเองแต่นายอย่าสร้างความเดือดร้อนล่ะไม่งั้นฉันจะส่งนายกลับ!”
ชิงเฟิงก็ผงะไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ยิ้ม เพราะความหมายของเย่เชียนนั้นชัดเจนอยู่แล้วและถ้าหากชิงเฟิงนั้นไม่เข้าใจเขาก็คงจะไม่สามารถเป็นพี่น้องกับเย่เชียนมานานหลายปีเช่นนี้ ซึ่งนี่แสดงให้เห็นว่าเย่เชียนนั้นได้คิดแค่การล้างแค้นให้เย่เหวินน้องสาวของเขาแต่เย่เชียนกำลังตระหนักถึงแผนการอื่นๆ อีก
เย่เชียนก็มองไปที่ไฟล์ชื่อเหล่ยเจียงและถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะเพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าเหล่ยเจียงจะเรียบง่ายขนาดนี้ เมื่อเห็นเย่เชียนก็ขมวดคิ้วแล้วชิงเฟิงก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินไปข้างในแล้วถามว่า “เป็นอะไรไปบอส..เหล่ยเจียงคือใคร? ”
“เขาเป็นนักธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย..แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นสมาชิกขององค์กรสัมพันธมิตร” เย่เชียนพูด
“องค์กรสัมพันธมิตรมันคืออะไร? ” ชิงเฟิงถามด้วยความประหลาดใจ
“องค์กรสัมพันธมิตรเป็นองค์กรที่มีความลับมากมายและมีผู้นำอยู่ประมาณหกคนและแต่ละคนเป็นนักเรียนที่มีความสำเร็จสูงที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงทั่วโลกและยังเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมต่างๆ อีกด้วย..พวกเขาล้วนเป็นนักธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายแต่อันที่จริงแล้วพวกเขาเป็นองค์กรค้ายาเสพติดรายใหญ่ ซึ่งทั้ง CIA และสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของจีนก็ติดตามพวกเขามาเป็นเวลานานหลายปีแต่ก็น่าเสียดายที่ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่จะฟ้องร้องและมักตัวพวกเขาได้..ซึ่งเหล่ยเจียงเป็นหนึ่งในนั้น” เย่เชียนพูดอย่างช้าๆ ตามข้อมูลที่แจ็คส่งมา
“ไอ้บ้าเอ๊ยสรุปไอ้หมอนั่นเขาจบมาจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงงั้นหรอ..แล้วเขาจบจากที่ไหนล่ะ? ” ชิงเฟิงอุทาน
“มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ในประเทศอังกฤษ” เย่เชียนพูด “คนเหล่านี้ล้วนเป็นอาชญากรที่มี IQ สูงและดูเหมือนว่าเหล่ยเจียงจะรับมือได้ยากเพราะงั้นก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขากล้าเผชิญหน้ากับฮัวซงเจี๋ยอย่างหยิ่งยโส”
“แล้วระหว่างเหล่ยเจียงกับฮัวซงเจี๋ยบอสคิดว่าใครฉลาดและมีไหวพริบมากกว่ากัน? ” ชิงเฟิงถาม
“เมื่อพูดถึงไหวพริบฉันคิดว่าฮัวซงเจี๋ยคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหล่ยเจียงเลย..ซึ่งเห็นได้จากข้อเท็จจริงที่ว่าทั้ง CIA และสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของจีนยังไม่สามารถหาข้อมูลอาชญากรรมขององค์กรสัมพันธิมิตรได้..เพราะงั้นเหล่ยเจียงน่ะจะต้องเป็นอัจฉริยะอย่างแน่นอน..ส่วนฮัวซงเจี๋ยน่ะมาจากองค์กรใต้ดินเพราะงั้นอำนาจและอิทธิพลของเขาน่ะเยอะกว่ามาก..เพราะงั้นถ้าเราได้ต่อสู้กับทั้งสองจริงๆ ล่ะก็มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจเลยทีเดียว” ปากของเย่เชียนค่อยๆ ฉีกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
“ฮ่าๆ ผมเข้าใจ” ชิงเฟิงหัวเราะและพูด
หลังจากนั้นเย่เชียนก็ใส่โทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและพูดว่า “ไปกันเถอะ..ข้อมูลของนายจะถูกต้องจริงๆ หรือเปล่าว่าเหล่ยเจียงอยู่ที่นี่”
“แน่นอนสิ..ผมรับปากเลย..บอสเห็นรถคันนั้นไหมมันจอดอยู่นอกภัตตาคารตอนกลางวัน..เพราะงั้นถ้าผมคิดไม่ผิดมันจะต้องเป็นรถของเหล่ยเจียงอย่างแน่นอน” ชิงเฟิงพูดอย่างมั่นใจ
เย่เชียนหันหน้าไปมองซึ่งมันเป็นรถ Mazda ที่ดูธรรมดามากเมื่อนึกถึงตอนนั้นเขาเคยเห็นมันนอกร้านอาหารในตอนกลางวัน ทว่าเหล่ยเจียงคนนี้มีตำแหน่งและฐานะที่ดีมากแต่เขากลับขับแค่รถ Mazda ธรรมดาๆ เท่านั้น “ไปกันเถอะไปหาอะไรดื่มกันก่อน..จิตใจของฉันจะได้ปลอดโปร่งและมีสติไม่งั้นฉันจะไม่มีอารมณ์ทำสิ่งต่างๆ ” เย่เชียนพูด
ไนต์คลับมีคนไม่มากนักและมีคนนั่งอยู่ในห้องล็อบบี้เพียงไม่กี่สิบคนแต่ไม่มีร่องรอยของเหล่ยเจียงเลยซึ่งเขาน่าจะต้องอยู่ในห้องส่วนตัว ซึ่งในเวลานี้เย่เชียนและชิงเฟิงก็หาที่สำหรับนั่งในห้องล็อบบี้และสั่งเบียร์สองสามขวดและขนมผลไม้สองสามจาน
ชิงเฟิงก็พยักหน้าให้เย่เชียนและลุกขึ้นเดินไปที่ห้องน้ำแน่นอนว่าเขาจะไม่ใช่แค่อยากไปห้องน้ำแต่เพื่อไปดูว่าเหล่ยเจียงอยู่ในห้องส่วนห้องไหนนั่นเอง อย่างไรก็ตามนี่เป็นเรื่องยากเพราะในไนต์คลับมีห้องส่วนตัวมากมายและกระจกก็เป็นแบบที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก ดังนั้นชิงเฟิงก็ต้องอดทนกับความขมขื่นที่ต้องแกล้งทำเป็นคนเมาและเปิดประตูเข้าไปทีละบานเช่นนั้น
ประมาณสิบนาทีชิงเฟิงก็เดินกลับมาอีกครั้ง “บอสทำไมไม่กินอะไรเลยล่ะ? ” ชิงเฟิงพูดขณะที่เขาหยิบผลไม้เข้าปาก
“มันน่าเบื่อมากฉันไม่อยากกินอะไร” เย่เชียนพูด
“ถ้างั้นบอสก็หาสาวๆ มานั่งด้วยสิ” ชิงเฟิงพูดต่อ “ผมเห็นเหล่ยเจียงกำลังคุยอยู่กับชาวต่างชาติ..ภาษาอังกฤษที่เขาพูดนั้นดูคล่องเกินไปสมแล้วที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง”
“ชาวต่างชาติคนนั้นหน้าตาเป็นไง?” เย่เชียนถาม
“ผมมองไม่ชัดเพราะไฟข้างในมันสลัวๆ ..นอกจากนี้ชาวต่างชาติก็หน้าตาเหมือนๆ กันหมด” ชิงเฟิงพูด “ผมสั่งผลไม้อีกจานดีกว่า”
“แล้วบอสจะทำอะไร?” ชิงเฟิงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ฉันเห็นนายอยากจะเล่นมาตั้งแต่เช้าแล้วถ้างั้นฉันจะให้โอกาสนายได้ระบายอารมณ์ให้สมใจ” เย่เชียนพูด
ชิงเฟิงก็เช็ดปากของเขาและยืนขึ้นจากนั้นก็มองไปรอบๆ และพูดว่า “บอสคอยดูผมเถอะ..ผมจะทำให้สาวๆ เหล่านั้นร้องไห้ให้ดู”
เย่เชียนก็ผงะไปชั่วขณะเพราะเขาไม่รู้ว่าชิงเฟิงกำลังจะทำอะไรเพราะในขณะนี้ชิงเฟิงได้ก้าวขึ้นไปบนเวทีแล้วเขาหยิบไมโครโฟนขึ้นมาและฉีกยิ้มจากนั้นก็พูดอะไรบางอย่างกับนักดนตรีข้างๆ เขาจากนั้นก็พูดใส่ไมค์โครโฟนว่า “ทุกคนโปรดเงียบ! ” ชิงเฟิงพูดโดยไม่มีความละอายใจใดๆ “ผมไม่ได้มาที่นี่มานานแล้วเพราะงั้นผมจะเปิดคอนเสิร์ตในวันนี้! ..สาวๆ โบกมือให้กำลังใจหน่อย”
แท้จริงแล้วการปรากฏตัวของชิงเฟิงนั้นเกินความคาดหมายของใครหลายๆ คน ซึ่งเขาดูหล่อเข้มจนสาวๆ เหล่านั้นต่างก็ส่งเสียงเชียร์ทันที ส่วนเย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้พลางคิดว่าเรื่องแบบนี้มีแค่ชิงเฟิงเท่านั้นทีทำได้อย่างไร้ยางอาย
เพลงก็ดังขึ้นช้าๆ ซึ่งต้องบอกว่าการร้องเพลงของชิงเฟิงนั้นมีเสน่ห์จริงๆ และเสียงของเขาก็ดีมากซึ่งกระตุ้นให้เกิดเสียงปรบมือในทันที ซึ่งชิงเฟิงก็ยังงุนงงและทักทายคนด้านล่างเป็นครั้งคราวราวกับว่าเขาเป็นคนดังจากวงการบันเทิงจริงๆ
หลังจากร้องเพลงจบแล้วชิงเฟิงก็อยากจะเล่นต่อแต่ในเวลานี้เหล่ยเจียงและชาวต่างชาติก็เดินออกจากห้องส่วนตัวและเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับคุยกันและหัวเราะกัน ซึ่งเย่เชียนก็แอบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปชาวต่างชาติแล้วเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงเช่นเดิมจากนั้นก็มองไปที่ชิงเฟิงและเชิงเฟิงก็เข้าใจในทันที
“เหล่ยเจียงคนนี้กล้าพอที่ออกไปไหนมาไหนคนเดียวและเขาไม่กลัวว่าฮัวซงเจี๋ยจะจัดการกับเขาหรอกเหรอ?” หลังจากที่เหล่ยเจียงและชาวต่างชาติเดินออกจากไนต์คลับไปชิงเฟิงก็เดินกลับไปหาเย่เชียนและนั่งลงพร้อมกับพูดเช่นนี้
“อาจเป็นไปได้ว่าเขาบรรลุข้อตกลงบางอย่างกับฮัวซงเจี๋ยไว้” เย่เชียนพูด “ไปเถอะ..จำเอาไว้ล่ะว่าอย่าให้ถึงตาย..แค่หักมือหักขาของเขาก็พอ..เข้าใจไหม? ”
“เข้าใจแล้ว! ” ชิงเฟิงพูด หลังจากพูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกจากไนต์คลับโดยใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ชุลมุนหยิบมีดปอกผลไม้แนบเอาไว้ในแขนเสื้อของเขา
เหล่ยเจียงแลกเปลี่ยนคำพูดกับชาวต่างชาติสองสามคำและหลังจากจับมือกันแล้วเขาก็ส่งชาวต่างชาติเข้าไปในรถและเมื่อเขากำลังจะเปิดประตูรถจู่ๆ ชิงเฟิงก็รีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับถือมีดและตะโกนว่า “หัวหน้าสั่งเอาไว้ว่าวันนี้ฉันจะต้องฆ่าแกให้ได้! ”
เหล่ยเจียงก็ถึงกับตกใจและเขาก็ไม่กล้าลังเลใดๆ และรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งสุภาพบุรุษที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่างเหล่ยเจียงเขาจะวิ่งหนีชิงเฟิงที่ฝึกฝนมาอย่างเข้มงวดได้อย่างไร? ในไม่ช้าชิงเฟิงก็จับเขาได้และใช้มือข้างที่ถือมีดปอกผลไม้ทุบไปที่มือขวาของเหล่ยเจียงซึ่งทำให้เขาเจ็บปวดมาก
เย่เชียนยืนอยู่ด้านนอกประตูไนต์คลับและเมื่อเห็นฉากนี้เขาก็ฉีกยิ้ม ซึ่งต้องบอกว่าชิงเฟิงนั้นแสดงได้ดีจริงๆ จนดูเหมือนนักเลงข้างถนนอย่างสมบูรณ์แบบ ทำไมเย่เชียนถึงทำเช่นนี้? ซึ่งนี่ไม่ใช่การล้างแค้นให้เย่เหวินต่อเพราะมันคงไม่ง่ายอย่างนี้แน่นอน ซึ่งเย่เชียนก็ทำเพียงเพื่อกระตุ้นความขัดแย้งระหว่างเหล่ยเจียงและฮัวซงเจี๋ยเพื่อที่เขาจะได้มีโอกาสกำจัดทั้งคู่และยิ่งไปกว่านั้นความขัดแย้งระหว่างคนทั้งสองนี้มันก็ไม่ง่ายอย่างแน่นอนและถึงแม้ว่าการทำเช่นนั้นจะไม่เพียงพอที่จะเปิดศึกระหว่างพวกเขาในทันทีแต่ก็อาจจะสะสมจนเกิดความขัดแย้งที่ไม่อาจแก้ไขได้อีกก็เป็นได้
เย่เชียนก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาและส่งภาพของชาวต่างชาติที่เขาเพิ่งถ่ายให้แจ็คจากนั้นก็โทรไปหาแจ็คแล้วพูดว่า “โทษทีที่ขัดจังหวะ..ฉันเพิ่งจะส่งรูปให้นาย..พรุ่งนี้นายช่วยตรวจสอบข้อมูลของชาวต่างชาติคนนี้และแจ้งให้เราทราบเมื่อนายพบข้อมูลทันที”
.
.
.
.
.
.
.