ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 525 ใช้ประโยชน์
ตอนที่ 525 ใช้ประโยชน์
เย่เชียนไม่ได้คาดหวังว่ามีดเล่มนี้จะทำให้เหล่ยเจียงกับฮัวซงเจี๋ยทำสงครามกันได้ในทันทีแต่อย่างน้อยๆ มันก็ทำให้ความขัดแย้งในปัจจุบันของพวกเขารุนแรงยิ่งขึ้น ซึ่งสำหรับเหล่ยเจียงนั้นเย่เชียนก็ไม่ได้มีความแค้นมากนักแต่เป็นฮัวซงเจี๋ยที่ต้องการท้าทายเขาเมื่อตอนที่เขาอยู่ที่สนามบินในเมืองเซี่ยงไฮ้ซึ่งเย่เชียนต้องการชำระล้างความเกลียดชังนี้ออกไป
ในตอนนี้ฮัวซงเจี๋ยก็คงจะรู้แล้วว่าเขามาถึงที่มณฑลเหอหนานแล้วใช่มั้ย? เพราะลูกน้องของฮัวซงเจี๋ยหายตัวไปอย่างลึกลับและมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่ฮั่วเจี๋ยจะไม่รู้ ซึ่งเย่เชียนก็ไม่รู้ว่าทำไมเจ้าพ่อคาสิโนถึงต้องการยั่วยุตัวเองโดยไม่มีเหตุผลเช่นนี้เพราะการลงทุนในมณฑลเหอหนานนั้นก็ถูกดำเนินการโดยหลี่จื้อเทียนผู้เดียวและมันก็เป็นธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายและรายได้ต่อวันของฮัวซงเจี๋ยก็มากมายมหาศาลแล้วทำไมเขาถึงต้องบาดหมางกันเพื่อธุรกิจเล็กๆ เช่นนี้ด้วย
เมื่อก่อนตอนที่เขาอยู่ในทวีปยุโรปเย่เชียนก็มักจะเห็นนักพนันทำเงินกันได้เป็นสิบๆ ล้านแทบจะทุกวันซึ่งไม่รวมถึงฟุตบอลโลกและเกมการพนันที่สำคัญอื่นๆ ซึ่งในช่วงเริ่มต้นของการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์โลกนั้นจำนวนเงินเดิมพันรวมต่อวันก็สูงถึงหลายร้อยล้านเลยทีเดียว
ฮัวซงเจี๋ยนั้นเป็นเจ้าพ่อนักพนันที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเขาก็ยอมรับการเดิมพันอย่างน้อยๆ หลายสิบล้านในทุกๆ วันและด้วยรายได้ดังกล่าวนั้นเหตุใดทำไมเขาถึงต้องกังวลกับการมีส่วนร่วมในธุรกิจที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายเหล่านั้นด้วย อย่างไรก็ตามฮัวซงเจี๋ยอาจจะต้องการใช้ข้อมูลปกปิดของธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อฟอกเงินที่ผิดกฎหมายเหล่านั้นให้เป็นเงินที่ถูกต้องตามกฎหมายและนอกจากนี้ฮัวซงเจี๋ยเองก็ยังมีคาสิโนในต่างประเทศอีกด้วยซึ่งมันก็สามารถฟอกเงินได้อย่างง่ายๆ เลย
เหตุผลที่เหล่ยเจียงและฮัวซงเจี๋ยมีความขัดแย้งกันก็เพราะเรื่องนี้และถึงแม้ว่าบุคลากรขององค์กรสัมพันธมิตรของเหล่ยเจียงจะมีสมาชิกที่มี IQ ระดับสูงเพื่อช่วยพวกเขาในการฟอกเงินก็ตามแต่ความทะเยอทะยานของเหล่ยเจียงกลับมีมากกว่านั้นเพราะนอกจากการฟอกเงินเหล่านี้เขาก็ยังนึกถึงผลกำไรอันมหาศาลจากการพนันและเหล่ยเจียงนั้นก็ต้องการทำเงินจากคาสิโนของฮัวซงเจี๋ยเพื่อช่วยให้เขาฟอกเงินได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ฮัวซงเจี๋ยไม่สามารถยอมรับและอดทนได้อีกต่อไป
หลังจากเห็นชิงเฟิงเดินกลับมาเย่เชียนก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? ”
“เรียบร้อย! ..ผมเชื่อว่าเหล่ยเจียงจะต้องเชื่ออย่างเต็มที่ว่าผมถูกส่งมาโดยฮัวซงเจี๋ยเพื่อที่จะฆ่าเขา..ว่าแต่บอสนี่จะทำให้เหล่ยเจียงและฮัวซงเจี๋ยทำสงครามกันได้หรือเปล่า? ” ชิงเฟิงถาม
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ” เย่เชียนพูด “ถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเข้ากันไม่ได้แต่ก็มีโอกาสมากที่พวกเขาจะบรรลุข้อตกลงร่วมมือกันภายใต้ผลประโยชน์ร่วมกัน..เพราะงั้นในกรณีนี้มันจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับเราที่จะจัดการกับพวกเขา..แต่คราวนี้มันคือการเพิ่มความขัดแย้งของพวกเขาเพื่อที่พวกเขาจะไม่สามารถร่วมมือกันได้และบาดหมางกัน..อย่างไรก็ตามเหล่ยเจียงก็เป็นคนที่ฉลาดมากฉันจึงกลัวว่ามันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหลอกเขา”
“แล้วเราต้องทำยังไง..มันจะง่ายกว่าไหมถ้าจะฆ่าเหล่ยเจียงโดยตรง..ทำไมมันถึงได้ยุ่งยากขนาดนี้” ชิงเฟิงพูด
“การฆ่าเหล่ยเจียงก็เท่ากับการช่วยฮัวซงเจี๋ยน่ะสิ..เพราะศัตรูตัวสำคัญที่สุดของเราคือฮัวซงเจี๋ยไม่ใช่เหล่ยเจียง..เพราะฉันคิดว่าแค่ส่งเหล่ยเจียงให้กับพวกสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติก็จบ..เพราะงั้นเราต้องไปคุยกับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเกี่ยวกับเรื่องนี้” เย่เชียนพูด
ชิงเฟิงก็ถึงกับผงะไปจากนั้นเขาก็หัวเราะและพูดว่า “บอสนี่ร้ายกาจจริงๆ ..บอสจะหลอกใช้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนเพื่อจัดการคนพวกนี้หรอ..ฮ่าๆ ”
เย่เชียนก็มองไปที่ชิงเฟิงและพูดว่า “อย่ามาไร้สาระ..นายควรจะใช้คำพูดที่ดีกว่านี้..ถึงยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการกับเหล่ยเจียงเพราะสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับเขานั้นเป็นความลับมากและเหล่ยเจียงก็ไม่เคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติดโดยตรงหรือกระบวนการค้ายาใดๆ เลย..พูดให้เข้าใจก็คือมันยากมากที่จะค้นหาความเกี่ยวข้องของเขากับยาเสพติด..เพราะงั้นก็ไม่มีใครนอกจากหวงฟู่ชิงเตี๋ยนแล้วที่จะทำได้”
“นั่นมันง่ายมาก..เราก็แค่จับตัวเหล่ยเจียงมาแล้วทรมานเขาเพื่อเค้นข้อมูลและความลับของเขาก็จบแล้ว..ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่พูดมันออกมา” ชิงเฟิงพูดอย่างมั่นใจ
เย่เชียนก็ถึงกับตะลึงเล็กน้อยและส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “อะไรคือความแตกต่างระหว่างการทำแบบนี้กับการฆ่าเขาโดยตรงล่ะ..เอาเถอะเรายังไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ในวันนี้หรอก..เพราะงั้นตอนนี้นายคอยรวบรวมข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับเหล่ยเจียงและข้อมูลของทุกคนที่พบเขา..เข้าใจมั้ย?”
“รับทราบ! ” ชิงเฟิงตอบ
จากนั้นเย่เชียนก็กดเบอร์โทรศัพท์ของหวงฟู่ชิงเตี๋ยน ซึ่งอาจเป็นเพราะความสัมพันธ์ของม่อหลงจึงเห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นดูมีความสนิทสนมมากกว่าเมื่อก่อนมากและเมื่อได้ยินเสียงของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนแล้วเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างลับๆ และพูดว่า “ปู่! ..ม่อหลงก็คือม่อหลง..ส่วนผมก็คือผมคนเดิมเพราะงั้นผมคุ้นเคยกับวิธีการพูดของปู่แบบเดิมมากว่า..ผมไม่ชินกับการพูดเป็นกันเองอย่างสุภาพแบบนี้เลย”
“เอ็งนี่มันกวนจริงๆ! ” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด “ไหนว่ามาเลย..เพราะเอ็งโทรหาฉันเมื่อไหร่มันต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน..มีอะไรให้ฉันช่วยล่ะ?”
“เรื่ององค์กรสัมพันธมิตรน่ะ! ” เย่เชียนพูด “ผมคิดว่าปู่น่าจะรู้เหมือนกันว่าพวกนั้นไม่ใช่คนดีใช่มั้ย? ”
“แน่นอนสิ..เราได้ทำการตรวจสอบในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแล้วแต่ก็ไม่มีความคืบหน้าอะไรเลยและยิ่งไปกว่านั้น CIA ประเทศสหรัฐอเมริกาก็ไม่เต็มใจที่จะร่วมมือกับเราเพราะงั้นมันจึงเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากที่จะสืบค้นได้” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด “ทำไมจู่ๆ เอ็งถึงได้ถามแบบนี้? ..อ๋อลืมไปเอ็งอยู่ที่มณฑลเหอหนานหนิ..แล้วทำไมเอ็งถึงต้องการหลอกใช้ฉันเพื่อช่วยกำจัดเหล่ยเจียงกันล่ะ?”
“อะไรของปู่! ..ผมไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากปู่เลย..เพราะถ้าผมต้องการกำจัดเหล่ยเจียงผมก็แค่ฆ่าเขาโดยตรง..ผมก็แค่มาถามเพราะถึงยังไงปู่ก็เป็นคนของม่อหลงแล้ว..เพราะงั้นผมก็ควรจะช่วยปู่ใช่ไหมล่ะ..ถ้าผมทำให้ปู่จับเหล่ยได้จริงๆ ล่ะก็นั่นจะเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่แม้แต่ CIA ของสหรัฐอเมริกายังทำไม่ได้แต่สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของจีนกลับทำได้!”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ตกอยู่ในห้วงแห่งความคิดที่ลึกซึ้งเพราะแท้ที่จริงแล้วสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติก็พยายามตามจับเหล่ยเจียงที่เป็นมะเร็งออกไปหลายปีแล้วแต่ทว่าพวกเขาก็ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่มัดตัวเหล่ยเจียงได้ ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะจับเหล่ยเจียงได้แต่มันก็ไม่มีหลักฐานใดๆ ซึ่งนี่ก็เหมือนกับในกรณีของเหว่ยตงเซียงจากเหว่ยตงเซียงกรุ๊ปที่ถึงแม้จะรู้กันดีว่าเขาทำอะไรแต่มันก็ไม่มีทางที่จะตัดสินโทษของเขาได้และในท้ายที่สุดรัฐบาลจีนก็หลอกใช้เย่เชียนเพื่อกำจัดเหว่ยตงเซียงเช่นนั้น
การร่วมมือกับเย่เชียนในการกำจัดเหล่ยเจียงนั้นมีทั้งแสงสว่างและความมืดและมีผลประโยชน์และผลกระทบเช่นกัน เพราะเย่เชียนนั้นมักจะมีความคิดและแผนการที่น่ากลัวมากมายและบางทีเย่เชียนอาจจะกำจัดเหล่ยเจียงได้จริงๆ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็พูดว่า “ก็ได้ๆ ..ฉันจะส่งคนไปช่วยเอ็งเร็วๆ นี้ในอีกไม่กี่วัน..เพราะตอนนี้ฉันยุ่งมากและอาจจะไม่สามารถเดินทางไปไหนได้…แต่อย่าคิดว่าฉันจะไม่รู้นะไอ้หนูว่าเอ็งน่ะมีความคิดที่น่ากลัวอะไรอยู่ในใจ”
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มอย่างมีเจ้าเล่ห์
**********************************************
หลังจากนั้นชิงเฟิงก็เดินกลับไปที่โรงแรมแต่เย่เชียนนั้นเลือกที่จะนอนในรถและเมื่อถึงเวลาเช้าวันรุ่งขึ้นเย่เชียนก็เห็นเย่เหวินเดินออกมาจากบ้าน เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็เปิดประตูรถและเดินลงไปแล้วถามว่า “เธอจะไปไหน? ”
“พี่…เมื่อคืนนี้พี่นอนในรถหรอ? “เย่เหวินก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งแล้วถาม หลังจากนั้นเธอก็หยุดและตอบว่า “ตอนนี้เกือบจะเก้าโมงแล้ว..ฉันจะไปทำงาน”
“ฉันบอกเธอเมื่อวานนี้แล้วไม่ใช่หรอว่างานนี้มันไม่เหมาะกับเธอ” เย่เชียนพูด “ถ้าเธออยากเรียนฉันก็จะส่งเธอไปเรียน..แต่ถ้าเธอไม่ต้องการก็อยู่บ้านดูแลแม่ไป” เย่เชียนพูดต่อ “ไปกันเถอะเมื่อวานแม่บอกว่ามีอะไรจะเล่าให้พวกเราฟัง”
เย่เหวินก็ตกตะลึงไปชั่วขณะและพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินตามเย่เชียนไปที่บ้าน
เมื่อเข้ามาถึงห้องอันซือก็นั่งอยู่บนเตียงแล้วพร้อมกับถือรูปของเย่เจิ้งหรานเอาไว้ในมือและพึมพำอะไรบางอย่าง และหลังจากเห็นเย่เชียนมาเธอก็ยิ้มอย่างมีความสุขและวางรูปถ่ายเอาไว้แล้วพูดว่า “มาเถอะเสี่ยวเชียนมานั่งลง..เสี่ยวเหวินเองก็มานั่งด้วย! ”
“เมื่อวานแม่บอกกับผมและน้องสาวว่าวันนี้มีอะไรจะเล่าให้ฟังใช่หรือเปล่า?” เย่เชียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูด ซึ่งเย่เชียนไม่เคยพูดคำว่า ‘แม่’ และถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะพูดมันออกไปแต่เย่เชียนก็ยังรู้สึกแปลกๆ อยู่ดี บางทีมันอาจจะนานเกินไปแล้วที่เขาเคยพูดแบบนี้และเกือบลืมคำๆนี้ไปแล้ว
“เสี่ยวเชียน..ลูกเป็นผู้ชายเพีบงคนเดียวในครอบครัวของเรา..ลูกต้องล้างแค้นให้กับความร้าวฉานและความเกลียดชังของพ่อนะ” อันซือพูด “เมื่อคืนแม่ได้บอกลูกไปแล้วว่าตระกูลเย่เป็นตระกูลแห่งศิลปะการต่อสู้โบราณ..เพราะงั้นถ้าลูกต้องการแก้แค้นลูกก็ต้องฝึกฝนทักษะการต่อสู้ให้ดี..ทว่าหลายปีที่ผ่านมาการที่ฉันไม่ได้สอนเสี่ยวเหวินเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้นั้นก็เพราะแม่คิดว่าแม่คงไม่มีโอกาสได้แก้แค้นให้กับพ่อของลูกๆ อีกแล้ว..แม่จึงไม่อยากให้เสี่ยวเหวินต้องแบกรับความเกลียดชังและความเคียดแค้นมากเกินไป..แต่ตอนนี้ลูกกลับมาแล้วเพราะงั้นแม่ก็คิดว่าแม่อยากจะถามลูกว่าลูกต้องการที่จะล้างแค้นให้พ่อของลูกหรือเปล่า?”
เย่เชียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ผมไม่รู้จักคนที่ฆ่าพ่อผมแล้วผมไปจะแก้แค้นได้ยังไง..แต่ผมจะตามหาตระกูลเย่เพื่อชำระแค้นและพิสูจน์ให้พวกเขาเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาทำว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์..และผมก็ต้องการที่จะทวงคืนเกียรติและศักดิ์ศรีของพ่อในตระกูลเย่!”
เมื่อเธอได้ยินคำพูดของเย่เชียนแล้วอันซือก็ถึงกับผงะและตกตะลึงไปชั่วขณะและเธอก็กำลังจะโกรธแต่หลังจากฟังประโยคสุดท้ายแล้วเธอก็รู้สึกสงบอย่างมาก หลังจากหยุดไปชั่วครู่อันซือก็พูดว่า “เสี่ยวเชียนลูกรู้ไหมว่าทัรเกิดอะไรขึ้นกับไฝรูปดาบที่แขนของลูก? ”
เย่เชียนก็ส่ายหัวและพูดว่า “ผมไม่รู้..มันไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติหรอกเหรอ? ”
“ไม่ใช่..เพราะนั่นคือสมบัติล้ำค่าที่สุดที่พ่อทิ้งเอาไว้ให้ลูก” อันซือพูด
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “มันเกี่ยวข้องกับสิ่งแปลกๆ ในร่างกายของผมหรือเปล่า? ”
เมื่อเย่เชียนพูดแบบนี้อันซือก็ถึงกับแน่นิ่งไปชั่วขณะและพูดด้วยความประหลาดใจว่า “ลูกรู้ได้ยังไง..แม่ไม่เห็นลูกจะเหมือนพวกนักสู้เลย..ลูกรู้ได้ยังไง? ” อันซือพูด โดยปกติแล้วนักสู้นั้นหมายถึงศิลปะการต่อสู้โบราณที่มากกว่าการต่อสู้ทั่วไป
“ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ฝึกฝนแต่ผมก็ได้สัมผัสกับคนแบบนั้นอยู่บ้างผมจึงรู้สึกได้ถึงสิ่งนั้นถึงสองครั้งและมันก็ชั่วร้ายและทรงพลังมากจนผมไม่สามารถควบคุมมันได้เลย..ผมเกือบจะตายเพราะมันแล้วด้วย” เย่เชียนพูด “โชคดีที่ผมได้รับการช่วยชีวิตเอาไว้ทุกครั้งไม่เช่นนั้นผมก็ไม่รู้จริงๆ ว่ามันจะเป็นยังไง”
อันซือก็พยักหน้าและพูดว่า “อืม..ในเมื่อลูกสัมผัสมันได้แล้วมันคงจะดีกว่านี้ถ้าลูกจะเริ่มฝึกมัน..และทำให้มันมีผลลัพธ์เป็นสองเท่าซะ”
.
.
.
.
.
.
.