ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 526 วิญญาณชั่วร้าย
ตอนที่ 526 วิญญาณชั่วร้าย
นับตั้งแต่ที่เย่เชียนรู้จากหวงฟู่ชิงเตี๋ยนว่ายังมีหลายองค์กรที่ทรงพลังในปักกิ่งนั้นเย่เชียนก็ต้องการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้โบราณมาโดยตลอด อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถหาทางได้และยิ่งไปกว่านั้นทั้งหวงฟู่ชิงเตี๋ยนและหูวเค่อต่างก็ยึดมั่นในกฎและไม่สามารถฝ่าฝืนได้ นอกจากนี้ยังมีการเผชิญหน้ากันกับซงเจิ้งหยวนพี่ชายร่วมสำนักของหูวเค่ออีก ซึ่งเย่เชียนก็รู้ดีว่าซงเจิ้งหยวนนั้นเหมือนกับหูวเค่อ ดังนั้นถ้าหากเขาไปเมืองปักกิ่งเมื่อไหร่ล่ะก็ซงเจิ้งหยวนคนนี้จะเป็นคนที่ต้องเผชิญหน้าคนแรกและถ้าหากไม่มีศิลปะการต่อสู้โบราณล่ะก็เย่เชียนก็รู้ดีว่าทักษะการต่อสู้ในปัจจุบันของเขานั้นไม่เพียงพอที่จะต่อสู้กับซงเจิงหยวนเลย
ตอนนี้เย่เชียนนั้นไม่ได้คาดคิดเลยว่าครอบครัวของเขากลายเป็นตระกูลใหญ่ที่มีศิลปะการต่อสู้โบราณเพราะเพียงแค่พ่อของเขาเคยเป็นวีรบุรุษผู้ที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลเย่และเป็นผู้นำของรุ่นใหม่และแม่ของเขาก็ยังเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้โบราณเช่นนั้น แต่เนื่องจากแม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงจนเส้นลมปราณในร่างกายเสียหายและเธอก็สูญเสียทักษะการต่อสู้ไปและร่างกายของเธอก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากซึ่งแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรักษาเส้นลมปราณเอาไว้หากได้รับบาดเจ็บและถึงแม้ว่าการแพทย์แผนตะวันตกจะสามารถคิดค้นการเยียวยาฟื้นฟูสภาพร่างกายที่ดีก็ตามแต่เกรงว่ามันคงจะไม่มีทางที่จะฟื้นฟูเส้นลมปราณที่เสียหายไปนานหลายปีก่อนหน้านี้ได้เลย
ในโลกของศิลปะการต่อสู้โบราณนั้นทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎนั่นคือพวกเขาจะต้องไม่ใช้ศิลปะการต่อสู้โบราณของตนเพื่อกลั่นแกล้งและทำร้ายคนธรรมดาทั่วไปและพวกเขาจะต้องไม่พูดถึงศิลปะการต่อสู้โบราณกับคนทั่วไป เว้นแต่จะรับเขาเป็นสาวกหรือเขาเป็นสมาชิกในสำนักก่อน ด้วยเพราะเหตุนี้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนและหูวเค่อจึงไม่บอกอะไรกับเย่เชียนรวมไปถึงเฉินยี่ก็เช่นกันเพราะพวกเขาไม่สามารถพูดและบอกได้อย่างชัดเจน
ตอนนี้เย่เชียนถือได้ว่าเป็นลูกหลานและทายาทที่แท้จริงของตระกูลนักสู้โบราณและเป็นเรื่องที่แน่นอนในการเข้ารับการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้โบราณ ดังนั้นปรมาจารย์อันซือคนนี้ก็ไม่ได้ละเมิดกฎแห่งนักสู้ใดๆ และยิ่งไปกว่านั้นในใจของเย่เชียนเองกฎเหล่านี้ก็เป็นแค่เรื่องไร้สาระ แต่ทว่าคนจีนนั้นให้ความสำคัญกับกฎทุกประเภทมากเกินไปซึ่งนำไปสู่การสูญเสียหลายสิ่งรวมถึงยาจีนที่มีสรรพคุณที่ดีแต่กลับถูกสั่งห้ามเพราะกฎนั่นเอง
“แม่! ..นู๋เองก็อยากเรียนเหมือนกัน! ” เย่เหวินเหลือบมองอันซือและพูดอย่างแน่วแน่ “นู๋เองก็ต้องการทวงความยุติธรรมให้พ่อด้วยเหมือนกัน”
“เสี่ยวเหวิน! ..แม่ไม่อนุญาต..เพราะลูกลำบากมาตั้งหลายปีแล้วและจุดประสงค์คือเพื่อไม่ให้ลูกเข้ามาเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทเหล่านี้..แม่น่ะหวังจะให้ลูกใช้ชีวิตแบบเด็กผู้หญิงธรรมดาๆ แม่จึงเกลียดตระกูลเย่อยู่ในใจเสมอ..เพราะพวกเขาบังคับให้เราต้องเป็นแบบนี้แต่เดิมทีหัวใจของแม่ก็เหมือนตายไปแล้วและแม่ก็ไม่ได้คิดที่จะแก้แค้นอีกต่อไป..แต่ทว่าตอนนี้พี่ชายของลูกกลับมาแล้วและนั่นก็หมายความว่าพ่อของลูกๆ ที่อยู่บนท้องฟ้าเฝ้าหวังว่าเราจะสามารถทวงคืนศักดิ์ศรีของครอบครัวของเรา” อันซือพูดอย่างช้าๆ “สภาพร่างกายของลูกไม่ได้ดีเท่าพี่ชายของลูกและแม่เองก็ไม่มีทางช่วยลูกได้ในตอนนี้..เพราะงั้นลูกต้องค้นหามันด้วยตัวเองมันจึงจะยากมากลูกกลัวไหม? ”
“นู๋ไม่กลัว..ไม่ว่านู๋จะเหนื่อยแค่ไหนนู๋ก็จะทำมัน..นู๋จะไม่ทำให้แม่ผิดหวังนู๋เป็นลูกสาวของเย่เจิ้งหรานเพราะงั้นนู๋ต้องทำได้อย่างแน่นอน” เย่เหวินพูดอย่างหนักแน่น
“ใช่ครับแม่..ให้เสี่ยวเหวินเรียนรู้มันเถอะ..เพราะเธอจะได้ไม่ถูกคนอื่นรังแกอีกในอนาคต” เย่เชียนพูดเห็นด้วย หลังจากได้ยินคำพูดของเย่เชียนแล้วเย่เหวินก็หันหน้ามามองเย่เชียนพร้อมกับยิ้มอย่างพึงพอใจ
“ถ้างั้นก็แล้วแต่พวกลูกเลย! ” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งอันซือก็ตอบตกลงและในท้ายที่สุดหากเย่เชียนเริ่มแก้แค้นตระกูลแย่ล่ะก็เขาจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของเย่เหวินด้วยและการอาศัยเย่เชียนเพียงคนเดียวเพื่อแก้แค้นตระกูลเย่ทั้งหมดนั้นมันค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องยากและถึงแม้ว่าเย่เหวินจะไม่สามารถช่วยเย่เชียนได้ก็ตามแต่อย่างน้อยๆ เธอก็จะสามารถป้องกันและปกป้องตัวเธอเองได้เมื่อเธอเผชิญบางสิ่งบางอย่าง
“แม่! ..เมื่อกี้แม่เพิ่งจะพูดถึงปานรูปดาบมันคืออะไรกันแน่..มันมีอะไรหรอ?” เย่เชียนถาม
เป็นเวลานานแล้วที่เย่เชียนคิดว่าปานรูปดาบนั้นเกิดมาจากอะไร แต่หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของแม่ของเขาเมื่อคืนนี้เย่เชียนก็รู้ได้ว่าปานรูปดาบนั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดาอย่างนั้น ซึ่งมันอาจเกี่ยวข้องกับออร่าที่ชั่วร้ายและทรงพลังในร่างกายของเขาและตอนนี้อันซือก็ยังบอกด้วยว่านั่นคือสมบัติอันล้ำค้าที่เย่เจิ้งหรานทิ้งเอาไว้ให้เขาซึ่งทำให้เย่เชียนชัดเจนมากขึ้นว่าปานรูปดาบนี้ต้องมีความสำคัญเป็นพิเศษ และตราบใดเท่าที่เขาเข้าใจสิ่งนี้เย่เชียนก็จะสามารถเข้าใจต้นกำเนิดของลมปราณในร่างกายของเขาได้
“เรื่องนี้มันยาว..อันที่จริงในหมวดศิลปะการต่อสู้โบราณของเรายังมีเคล็ดลับการปิดผนึกอยู่อีกแบบหนึ่ง…” อันซือพูด
“เคล็ดลับการปิดผนึก? ” ก่อนที่อันซือจะพูดจบเย่เชียนก็ขัดจังหวะเธอด้วยความสงสัยสี ซึ่งในความคิดของเย่เชียนนั้นการปิดผนึกหรือเปิดผนึกพลังแฝงเหล่านั้นจะมีอยู่แค่ในนวนิยายหรือในทีวีเท่านั้น
“อย่าเพิ่งเข้าใจผิด..การผนึกของเราไม่ได้เกินจริงเหมือนในนิยายเหล่านั้น..เพราะอันที่จริงแล้วเคล็ดลับการปิดผนึกจะถ่ายโอนพลังชี่ที่คนคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งเท่านั้นและจากนั้นจะใช้วิธีการบางอย่างเพื่อรวบรวมพลังปราณเหล่านั้นให้ถูกระงับในจุดที่แน่นอนหรือเส้นลมปราณที่แข็งแกร่งนั่นเอง” อันซือพูด
“โห! ” เย่เชียนนตอบ เมื่ออันซือพูดเช่นนี้เย่เชียนก็เข้าใจได้แต่เขาก็ประหลาดใจเมื่ออันซือพูดถึงเคล็ดลับการปิดผนึกเพราะเขาคิดว่ามันถูกเขียนขึ้นในนิยายเหล่านั้นจริงๆ ที่ว่าสัตว์เทวะจะถูกปิดผนึกอยู่ในศาตราวุธอะไรแบบนั้น แต่ปรากฏว่ามันไม่ใช่แต่มันเป็นเพียงวิธีการใช้พลังชี่เท่านั้น
“ตอนที่ลูกยังเด็กมากพ่อของลูกบังเอิญได้รับคัมภีร์ที่ยอดเยี่ยมมาและพ่อของลูกก็ทนต่อความอยากรู้อยากเห็นของเขาไม่ได้เขาจึงเริ่มปลูกฝัง..แต่ยิ่งฝึกมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งกลายเป็นคนที่ดุร้ายมากเท่านั้นเพราะออร่าที่เขาบ่มเพาะนั้นมีความชั่วร้ายจนทำให้เขามีความรู้สึกหงุดหงิดและปรารถนาที่จะฆ่านองเลือดอยู่ตลอดเวลาอย่างอธิบายไม่ได้..ดังนั้นพ่อของลูกจึงละทิ้งการฝึกฝนของเขาไปแต่ลมปราณนั้นก็ยังคงอยู่ในร่างกายของเขาและต่อสู้กับพลังชี่ดั้งเดิมของเขาอยู่ตลอดเวลาเพื่อที่จะกำจัดลมหายใจที่ชั่วร้ายนั้นออกไปให้หมด..ซึ่งพ่อก็พยายามทุกวิถีทางและในที่สุดเขาก็สามารถทำได้” อันซือพูด
“ลมปราณนั้นถูกถ่ายเทมาที่ผมหรอ?” เย่เชียนขมวดคิ้วและถาม ถ้าเป็นเช่นนี้มันก็หมายความว่าพ่อของเขานั้นเห็นแก่ตัวมากและเขาก็ไม่สนใจชีวิตของลูกชายเพียงเพราะทำให้ตัวเองพ้นทุกข์ใช่หรือไม่?”
อันซือก็พยักหน้าเบาๆ และพูดว่า “ใช่! ..วิธีเดียวที่จะทำให้ลมปราณออกจากร่างกายก็คือการถ่ายทอดมันให้กับผู้อื่น..อย่างไรก็ตามพ่อของลูกก็ไม่ได้เต็มใจที่จะทำร้ายคนอื่นดังนั้นเขาจึงทำการศึกษาอย่างหนักหน่วงว่าจะต้องทำยังไงถึงจะดีที่สุดและในที่สุดเขาก็พบมันโดยการถ่ายเทลมปราณนั้นเข้าไปในร่างกายของลูกและปิดผนึกเอาไว้ที่แขนของลูก..แต่ถึงแม้ว่าลมปราณนั้นจะชั่วร้ายแต่พลังของมันก็ทรงพลังมากและสามารถก้าวข้ามได้ไวกว่าการฝึกการต่อสู้อื่นๆ ..ความคิดของพ่อก็คือการให้ลูกใช้ลมปราณนั้นควบคู่กับความช่วยเหลือจากลมปราณบริสุทธิ์ของเขามันจะสามารถช่วยเร่งการฝึกฝนของลูกและทำให้มันมีเสถียรภาพ..ด้วยวิธีนี้การฝึกฝนและการขัดเกลาบ่มเพาะของลูกจะมีผลทวีคูณ..แต่ก็น่าเสียดายที่ฟ้าไม่เป็นใจอย่างที่ใครๆ ต้องการเพราะพ่อของลูกจากไปเร็วเกินไปและตอนนี้ก็ไม่มีใครสามารถควบคุมมันได้อีก..เพราะงั้นถ้าหากลูกต้องการเปิดผนึกมันล่ะก็ลูกก็ต้องทำด้วยความมุ่งมั่นของลูกเอง..ไม่เช่นนั้นลูกก็จะต้องเป็นคนธรรมดาต่อไปเพราะมันจะสามารถผนึกลมปราณเอาไว้ที่นั่นได้เหมือนที่ผ่านมา”
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ผมเกรงว่าตอนนี้ผมคงจะไม่ใช่คนธรรมดาแล้วเพราะผมเจอสถานการณ์แบบนี้มาสองครั้งแล้ว..เห็นได้ชัดว่าลมปราณนี้มันได้กำจัดผนึกพันธนาการออกไปแล้ว”
“แม่คิดว่าผลของผนึกของพ่อคงจะค่อยๆ สูญหายไป..เพราะเมื่อก่อนตอนที่พ่อของลูกยังอยู่เขาสามารถใช้ออร่าบริสุทธิ์ของเขาเพื่อช่วยผนึกได้อย่างเต็มที่..และตอนนี้แม่เองก็ไม่มีพลังแล้วแม่คงช่วยลูกไม่ได้เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับตัวลูกเองแล้วว่าจะควบคุมมันยังไง” อันซือผงะไปครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างช้าๆ
เย่เชียนก็รู้ดีว่าถ้าเขาไม่เริ่มฝึกฝนตั้งแต่ตอนนี้เขาก็อาจจะไม่สามารถควบคุมลมปราณที่ชั่วร้ายนั้นได้และอาจจะพลาดพลั้งฆ่าตัวเองได้ทุกเมื่อ ซึ่งวิธีเดียวก็คือการฝึกฝนควบคุมลมปราณนั้นให้สามารถใช้ได้อย่างมีเสถียรภาพ ยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนยังจำได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่วัดหลิงหลงในดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีพระนิรนามใส่ลมปราณเข้าไปในร่างกายของเขาและระงับลมปราณชั่วร้ายไป ซึ่งเย่เชียนคิดว่าถ้าหากเขาควบคุมมันได้ดีล่ะก็เย่เชียนเชื่อว่ามันจะสามารถเสริมคุณสมบัติซึ่งกันและกันได้
“นี่คือคุมภีร์ลับ! ..ลูกสามารถนำไปและใช้ความเข้าใจของลูกเองเพราะตอนนี้แม่ไม่สามารถเข้าถึงลมปราณได้อีกต่อไปแล้ว..ดังนั้นแม่จึงไม่สามารถช่วยลูกได้..ทุกอย่างนับต่อจากนี้ลูกต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น” อันซือพูด “มันเป็นคัมภีร์ลับของตระกูลเย่และพ่อของลูกก็เคยบอกเอาไว้ว่าถ้าหากเป็นคัมภีร์นี้ล่ะก็มันจะช่วยลูกได้มาก..และห้ามให้มันตกอยู่ในมือของคนอื่นนะไม่เช่นนั้นมันเป็นเหมือนหายนะครั้งใหญ่เลย..ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้พ่อของลูก็ได้จากโลกนี้ไปแล้วเพราะงั้นแม่เองก็ไม่รู้เลยว่ามันเป็นคำอวยพรหรือคำสาปกันแน่..แต่หลังจากฟังสิ่งที่ลูกพูดก่อนหน้านี้แล้วแม่ก็กลัวว่าตอนนี้ถึงแม้ว่าลูกฝึกควบคุมมันแต่มันก็อาจจะไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไปแล้ว”
เย่เชียนก็หยิงคัมภีร์ที่มีกระดาษเป็นสีเหลืองแล้วเปิดออกมาแล้วชำเลืองดูมันอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งมันมีภาพเส้นลมปราณของร่างกายมนุษย์วาดอยู่และมีลูกศรกำกับทิศทางการไหลเวียนของลมปราณ ซึ่งเย่เชียนก็ครุ่นคิดว่าเขาจะควบคุมลมปราณนั้นได้อย่างไร? นอกจากนี้ยังมีแถวของตัวหนังสือข้างๆ ซึ่งทั้งหมดเป็นภาษาจีนโบราณซึ่งมันอ่านอยากอย่างมาก
สำหรับเย่เชียนแล้วตอนนี้ถึงจะอยากและเหมือนขี่หลังเสืออยู่ก็ตามแต่ตามประสบการณ์สองครั้งที่ผ่านมานั้นเย่เชียนก็ไม่กล้าแน่ใจจริงๆ ว่าลมปราณนี้ใจจะไม่ออกมาสร้างปัญหาให้กับเขาอีก และถ้าหากมันออกมาสร้างปัญหาอีกครั้งล่ะก็เขาจะยังโชคดีเหมือนก่อนหน้านี้อยู่ไหม? ดังนั้นเย่เชียนจึงต้องอ่านและศึกษามันแบบงุนงง
เย่เชียนนั้นก็เข้าใจความคิดของแม่เป็นอย่างดีเพราะเธอต้องการให้เย่เชียนฝึกฝนอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้จากนั้นก็ไปเยือนตระกูลเย่เพื่อแก้แค้นแต่เธอก็กลัวว่าเย่เชียนจะไม่สามารถควบคุมลมปราณได้และเป็นเย่เชียนเองที่จะได้รับอันตรายจากมันแทน ดังนั้นเย่เชียนจึงต้องใช้ความคิดว่าจะเลือกแบบไหน แต่ถึงจะเลือกยังไงอันซือก็จะไม่ตำหนิเขาอย่างแน่นอน
ในความเป็นจริงแล้วความคิดของเย่เชียนนั้นเรื่องแนวคิดการแก้แค้นนั้นก็ไม่ค่อยที่จะสนใจมากนักนั่นเป็นเพราะการที่เขาอาจจะจำไม่ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในสมัยก่อนดังนั้นเขาจึงไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับสิ่งที่ตระกูลเย่ทำมากนัก แต่สิ่งที่เขาคิดก็คือเขาจะควบคุมลมปราณนั้นได้อย่างไรเพราะมันเป็นเรื่องของชีวิตของเขาเอง
.
.
.
.
.
.
.