ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 528 เศษวัสดุก่อสร้าง
ตอนที่ 528 เศษวัสดุก่อสร้าง
หลี่จื้อเทียนนั้นจะรับผิดชอบการวางแผนโดยรวมส่วนเย่เชียนนั้นจะรับหน้าที่ทำสิ่งต่างๆ ให้แผนการดำเนินการไปอย่างราบรื่น สำหรับการลงทุนทางธุรกิจและแผนการพัฒนานั้นเย่เชียนก็รู้เพียงเล็กน้อยและน่าเสียดายที่ซ่งหลันนั้นยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำในตอนนี้ไม่เช่นนั้นเย่เชียนก็คงจะออกจากมณฑลเหอหนานไปและมอบสิ่งต่างๆ ให้กับซ่งหลันเพราะเย่เชียนก็เชื่อว่าหลี่จื้อเทียนกับซ่งหลันนั้นจะสามารถทำงานร่วมกันได้ อย่างไรก็ตามซ่งหลันก็ยุ่งอยู่กับธุรกิจที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อไม่นานมานี้ดังนั้นหัวหน้าใหญ่อย่างเย่เชียนต้องลงมือทำเอง
โชคดีที่หลี่จื้อเทียนมีเหตุผลเพราะเขาต้องการเพียงแค่ให้เย่เชียนแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่อยู่เบื้องหลังเท่านั้น ซึ่งในเวลานี้เย่เชียนก็ไม่ต้องทำอะไรมากและเป็นเรื่องง่ายสำหรับเย่เชียนที่จะฉวยโอกาสจากเวลานี้
การตกแต่งของโรงแรมแห่งนี้เป็นหน้าที่ของผู้ใต้บังคับบัญชาที่ได้รับมอบหมายดังนั้นเย่เชียนจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ซึ่งครั้งสุดท้ายที่เย่เชียนเห็นคนที่ชื่อหลัวป้อมาสร้างปัญหาดังนั้นเย่เชียนจึงตัดสินใจมาตรวจดูเป็นการส่วนตัว
หลังจากลงจากรถเย่เชียนและชิงเฟิงก็เดินตรงไปที่โรงแรมและเมื่อเขามาถึงล็อบบี้เย่เชียนก็ตกใจเมื่อเห็นว่าผนังและเพดานที่ตกแต่งส่วนใหญ่หล่นลงมาและวอลล์เปเปอร์ก็ไม่เรียบเนียนเช่นกัน “ว้าวการตกแต่งสไตล์นี้เป็นแบบไหนกันเนี่ย” ชิงเฟิงก็ถึงกับผงะและพูดอย่างล้อเล่น
“ผมไม่สนใจหรอก..นี่มันเป็นโครงการของผมและผมก็เซนต์สัญญากับคุณแล้วแต่ตอนนี้ไม่เพียงแค่คุณเลื่อนเวลาเปิดให้บริการโรงแรมของเราล่าช้าแต่ยังสร้างความเสียหายให้กับโรงแรมของเราเป็นจำนวนมากอีกด้วย..ยิ่งไปกว่านั้นผมจะเชื่อได้ยังไงว่าโครงการนี้จะเสร็จสมบูรณ์..ผมไม่สนหรอกถ้าหากคุณไม่ชดเชยค่าเสียหายผมก็จะไปฟ้องคุณที่ศาล” ผู้จัดการตะคอกใส่ชายวัยกลางคนหัวล้านตรงหน้าเขาเสียงดัง
“คุณอู๋..คุณโทษผมไม่ได้หรอกเพราะตอนที่ไปประชุมกับหลัวป้อครั้งนั้นผมก็เตือนคุณแล้วว่าวัสดุก่อสร้างของเขามีคุณภาพต่ำและใช้ไม่ได้..แต่คุณก็ไม่โต้แย้งในเวลานั้น..แล้วดูสิตอนนี้พอเรื่องเป็นแบบนี้แล้วคุณจะบอกให้ผมรับผิดชอบได้ยังไง” ชายวัยกลางคนหัวโล้นพูดอย่างเสียใจ
“ถ้าอย่างนั้นคุณจะโทษผมหรอ..คุณหมายถึงอะไรเราทำสัญญาจ้างกับคุณสำหรับโครงการตกแต่งเพราะงั้นคุณสามารถซื้อวัสดุก่อสร้างที่คุณต้องการซื้อได้..เพราะงั้นมันก็ไม่เกี่ยวข้องกับผม..นอกจากนี้หลัวป้อก็ยังอยู่ในธุรกิจนี้มาหลายปีแล้ว แต่ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้เกิดขึ้นกับโครงการอื่นๆ มาก่อนเลย” ผู้จัดการอู๋พูด
“ใช่! ..ผมเองก็อยู่ในธุรกิจนี้มานานแล้วและถึงแม้ว่าวัสดุมันจะแย่แค่ไหนถึงยังไงมันก็ไม่มีทางเป็นแบบนี้แน่..ลองดูวอลล์เปเปอร์หินอ่อนกับไม้กระดานสิ..ทั้งหมดนี้มันเป็นของด้อยคุณภาพแต่คุณกลับจะใช้มัน..คุณน่ะรู้อยู่แก่ใจแต่คุณไม่ได้พูดหรือปฏิเสธ..พอมันเกิดข้อผิดพลาดคุณกลับโทษผมคนเดียว..ผู้จัดการอู๋คุณอย่าโยนปัญหามาให้ผมแบบนี้สิ” ชายหัวโล้นพูด
หลังจากฟังบทสนทนาของพวกเขาเย่เชียนก็เข้าใจเช่นกันว่าชายหัวโล้นที่อยู่ตรงหน้าเขาต้องเป็นผู้รับเหมาปรับปรุงห้องล็อบบี้ ส่วนวัสดุก่อสร้างเหล่านี้ถูกจัดหาโดยคนที่ชื่อหลัวป้อที่เขาพบในวันนั้นซึ่งวัสดุทั้งหมดล้วนมีคุณภาพที่ต่ำจนไม่สามารถตกแต่งให้สวยงามได้เลย เนื่องจากผู้จัดการอู๋และผู้รับเหมาต่างก็กลัวอิทธิพลของหลัวป้อดังนั้นทั้งคู่จึงไม่กล้าพูดและขัดข้องอะไรแต่ตอนนี้เมื่อมีบางอย่างผิดพลาดพวกเขาจึงปัดความรับผิดชอบให้กันและกัน
เย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และก้าวไปข้างหน้าและถามว่า “ผู้จัดการอู๋เกิดอะไรขึ้นครับ? ..มันก็ผ่านมาหลายวันแล้วแต่ทำไมการต่อเติมยังเป็นแบบนี้อบยู่? ”
“คุณเย่ครับ..คือวัสดุก่อสร้างเหล่านี้ไม่มีคุณภาพมากพอเพราะงั้นมันจึงใช้งานไม่ได้..และยิ่งไปกว่านั้นวัสดุมันต้องเป็นชนวนกันไฟไม่เช่นนั้นมันจะไม่ผ่านเกณฑ์และตอนนี้…” ผู้จัดการอู๋ยังรู้ว่าชายหัวโล้นคิดผิดอย่างมาก แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะตำหนิเขาไม่เช่นนั้นเขาจะดำเนินการเช่นนั้นได้อย่างไรและพยายามหาแพะรับบาป “คุณเย่ไม่ต้องกังวลไปครับ..ผมสัญญาว่าจะไม่มีการเลื่อนเวลาเปิดทำการของโรงแรมอีกแล้ว”
หลังจากฟังผู้จัดการอู๋พูดแล้วชายหัวโล้นก็เข้าใจโดยธรรมชาติว่าชายหนุ่มตรงหน้าเขานั้นเป็นเจ้าของโรงแรม หลังจากนั้นชายหัวโล้นก็พูดอย่างรีบร้อนว่า “คุณเย่คุณไม่สามารถตำหนิผมได้นะ..ผมยอมรับว่าผมต้องแบกรับส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบแต่ถ้าจะให้ผมชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดผมคงจะล้มละลาย”
เย่เชียนก็หันหน้าและมองไปที่ชายหัวล้านและตบไหล่เขาเบาๆ แล้วพูดว่า “ผมได้ยินสิ่งที่คุณพูดเมื่อกี้นี้แล้วจากมุมมองทางกฎหมายน่ะคุณได้ละเมิดข้อตกลงที่เราลงนามและเซนต์สัญญากันในตอนแรกอย่างชัดเจน..อย่างไรก็ตามผมก็รู้ว่าคุณไม่สามารถถูกตำหนิในเรื่องนี้ได้และผู้จัดการอู๋ก็ต้องรับภาระค่าเสียหายส่วนหนึ่งเช่นกัน..ตอนนี้พวกคุณทำอะไรไม่ได้แล้วเพราะงั้นผมจะให้คำแนะนำ”
เห็นได้ชัดว่าชายหัวโล้นถึงกับผงะและตกตะลึงเพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าเย่เชียนจะพูดได้เก่งถึงขนาดนี้และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อฟังน้ำเสียงของเย่เชียนดูเหมือนว่าเขาไม่ได้คิดที่จะให้ตนชดเชยค่าเสียหายทั้งหมดเลย ดังนั้นเขาจึงรีบพูดว่า “คุณเย่โปรดแนะนำผมมาเลยผมจะทำ”
“คุณไปหาคนมาให้มากกว่านี้และมาทำงานล่วงเวลาทั้งคืนอย่าล่าช้าอีกและต้องทำให้โรงแรมเปิดทำการให้ตรงเวลา..ส่วนการจัดซื้อจัดหาและค่าเสียหายวัสดุก่อสร้างทั้งหมดนั้นผมจะจ่ายให้ล่วงหน้าเอง” เย่เชียนพูด
เย่เชียนก็ยังพูดไม่จบแต่จู่ๆ ชายหัวโล้นก็รีบพูดว่า “ได้ครับผมยินดีที่จะชดใช้ค่าเสียหายส่วนหนึ่ง! ”
“นั่นไม่จำเป็น..คุณแค่หาคนมาเพิ่มและจำเอาไว้ว่าถึงคุณนอนหรือไม่ได้นอนแต่ยังไงตารางงานของผมก็ห้ามล่าช้าไม่งั้นก็อย่าหาว่าผมใจร้ายก็แล้วกัน..คุณยินดีที่จะรับข้อเสนอไหม?” เย่เชียนพูด
“คือคุณเย่” ผู้จัดการอู๋ก็ถึงกับตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของเย่เชียนและรีบพูดออกมา
เย่เชียนก็จ้องมองอย่างเกรี้ยวกราดและพูดว่า “คุณเป็นผู้จัดการโรงแรมแล้วคุณเคยรายงานเหตุการณ์สำคัญๆ แบบนี้บ้างหรือเปล่า..คุณลองคิดด้วยตัวเองดูสิว่าคุณมีความรับผิดชอบไหมเพราะถ้าคุณรายงานตั้งแต่แรกมันจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้หรือเปล่า? ..คุณควรจะทำหน้าที่ให้สมกับเป็นผู้จัดการนะ”
ผู้จัดการอู๋จะกล้าพูดที่ไหนเขาเพียงก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด
เย่เชียนก็เหลือบมองไปที่ชายหัวโล้นและพูดว่า “ถ้าคุณทำไม่เสร็จตรงเวลาล่ะก็ผมจะให้คุณรับผิดชอบเข้าใจไหม!”
หลังจากพูดจบเย่เชียนก็หันกลับมาและเดินออกไปข้างนอกโรงแรมและเมื่อเขาไปถึงประตูเขาก็หยุดอีกครั้งหันกลับมาแล้วถามว่า “ร้านวัสดุก่อสร้างของหลัวป้ออยู่ที่ไหน? ”
“คุณเย่ต้องการทำอะไรหรือ? ” ผู้จัดการอู๋ถาม
“ผมต้องบอกคุณทุกเรื่องเลยหรอว่าผมกำลังทำจะอะไร..คุณมีหน้าที่ทำตามคำสั่งแค่นั้นก็พอ” เย่เชียนมองและพูดอย่างเดือดดาลจนผู้จัดการอู๋ถึงกับหวาดกลัวแล้วก็รีบก้าวถอยไปและบอกเย่เชียนเกี่ยวกับที่อยู่ของร้านขายวัสดุของหลัวป้อ
“แล้วค่าวัสดุมันเท่าไหร่” เย่เชียนถามอีกครั้ง
“ยังไม่ได้คำนวณราคาสุทธิ..แต่ถ้าประเมินคร่าวๆ มันน่าจะอยู่ที่ประมาณสองล้านหยวน” ผู้จัดการอู๋พูดอย่างรีบร้อนซึ่งเขาไม่กล้าที่จะลังเลเลย
“สองล้านหรอ..อืมอย่างน้อยๆ ก็น่าจะได้คืนห้าล้าน” เย่เชียนพึมพำและเดินตรงไปที่รถ
ชิงเฟิงก็ตบไหล่ผู้จัดการอู๋เบาๆ และพูดว่า “อย่ากังวลไป..อารมณ์ของหัวหน้าก็จะเป็นแบบนี้แหละ..คุณควรทำสิ่งต่างๆ ให้ดีและอย่าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป” หลังจากพูดจบเขายิ้มเบาๆ และเดินตามเย่เชียนไป
หลังจากขึ้นรถแล้วเย่เชียนก็คาดเข็มขัดนิรภัยและพูดว่า “ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่านายจะปลอบใจคนเป็นแบบนี้”
“ผมแค่กลัวว่าเขาจะลาออกเพราะมันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะหาใครสักคนมาแทนที่แต่ถ้าหากเป็นแบบนั้นผมก็ไม่คิดว่าหลี่จื้อเทียนจะเลือกเขาหรอก” ชิงเฟิงพูด
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มจางๆ ว่า “ถึงผู้จัดการคนนั้นจะไม่ทันคนก็ตามแต่บางทีเขาอาจจะยังมีประสบการณ์ในการบริหารโรงแรมที่ดีอยู่..พวกเขาเป็นผู้จัดการที่อาวุโส..ไม่ต้องสนใจเรื่องนั้นเรามาจัดการเรื่องนี้กันเถอะไปที่ร้านของหลัวป้อกันเลย”
“บอสต้องการโทรหาหลีจื้อเทียนเพื่อนเตรียมตัวก่อนหรือเปล่า!” ชิงเฟิงพูดขณะที่เขาขับรถ
“เตรียมตัวอะไร..ทำไมเราถึงต้องเตรียมตัวล่ะ? ” เย่เชียนถามอย่างว่างเปล่า
“ก็พี่เขยของหลัวป้อเป็นถึงผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางประจำเมืองเจิ้งโจวเพราะงั้นเราก็ควรจะคุยกับหลีจื้อเทียนก่อนเพื่อให้เขาใช้เครือข่ายของเขาบอกพวกตำรวจก่อนจะได้ไม่วุ่นวายทีหลัง” ชิงเฟิงพูด
เย่เชียนก็เหลือบมองชิงเฟิงด้วยหางตาแล้วพูดว่า “นายคิดว่าฉันจะไปทำอะไร..เรากำลังไปเจรจากันเพราะงั้นจำเอาไว้ว่าเมื่อเราไปถึงที่ร้านขายวัสดุนายก็อย่าทำอะไรล่ะ..ฉันมีเรื่องที่จะถามหลัวป้อหลายเรื่อง”
ชิงเฟิงก็หัวเราะแห้งๆ และพูดว่า “ผมไม่สามารถซ่อนอะไรจากบอสได้จริงๆ สินะ..ขนาดผมยังไม่ได้พูดอะไรแต่บอสกลับสามารถรู้ได้ว่าผใหมายถึงอะไร..มันน่าทึ่งมาก”
“แค่นายอ้าปากฉันก็รู้ได้แล้วว่านายจะทำอะไร..นายสามารถซ่อนมันจากฉันได้หรอก” เย่เชียนพูด
หลังจากที่พวกเขาคุยกันได้ไม่นานพวกเขาก็มาถึงร้านวัสดุก่อสร้างของหลัวป้อแล้ว ซึ่งเย่เชียนก็เงยหน้าขึ้นมองชื่อร้านตามที่ผู้จัดการอู๋บอกเอาไว้ จากนั้นเย่เชียนก็เปิดประตูรถแล้วเดินเข้าไปในร้านส่วนชิงเฟิงก็ตามมาข้างหลังอย่างเป็นธรรมชาติ
“คุณลูกค้าต้องการซื้ออะไรครับ..วัสดุก่อสร้างของที่นี่ถูกนำเข้าทุกอย่างและรับประกันคุณภาพอย่างแน่นอน..คุณต้องการตกแต่งสถานที่แบบไหนเราจะได้แนะนำให้คุณ? ” พนักงานขายพูดหลังจากเห็นชิงเฟิงและเย่เชียนเดินเข้ามา
“บอกหลัวป้อออกมาพบเราซะ! ..เรามาที่นี่เพื่อมาพบเขา! ” ก่อนที่เย่เชียนจะพูดจู่ๆ ชิงเฟิงก็แย่งพูดก่อน
พนักงานขายคนนั้นก็ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดและใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาและเขาก็มองว่าเย่เชียนและชิงเฟิงนั้นจะมาก่อปัญหา ซึ่งคนดีๆ ที่ติดตามหลัวป้อนั้นก็มีอยู่เพียงแค่ไม่กี่คนเพราะส่วนมากจะเป็นพวกนักเลงและอันธพาล ดังนั้นหากใครทำให้หลัวป้อขุ่นเคืองล่ะก็คนคนนั้นก็เหมือนรนหาที่ตาย
เย่เชียนจ้องมองไปที่ชิงเฟิงจากนั้นก็พูดว่า “น้องชายคนนี้มีนิสัยแบบนี้แหละและไม่ต้องสนใจ.ผมต้องขอโทษแทนเขาด้วย..ผมต้องการมาพบหลัวป้อเจ้าของที่นี่..เพราะผมมีธุระที่ต้องคุยกับเขา”
.
.
.
.
.
.
.