ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 531 หัวหน้าของฉันมีอิทธิพล
ตอนที่ 531 หัวหน้าของฉันมีอิทธิพล!
ลูกน้องคนนั้นก็จะไม่พลาดโอกาสดีๆ เช่นนี้ไปและถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่ทำให้เขาเดือดร้อนมากนักก็ตามแต่ถ้าหากเขาไม่ทำเช่นนั้นหลัวป้อเองที่จะเป็นคนลงโทษเขา ดังนั้นเขาจึงกลับมาอย่างมีสติและหลังจากซื้ออาหารจานด่วนมาแล้วเขาก็ไม่กล้าที่จะรอช้าใดๆ รีบมอบให้กับเย่เชียน
“หือ? ..แล้วคุณไม่หิวเหรอไปซื้อมาอีก! ” เย่เชียนเหลือบมองไปที่ชายหนุ่มและยื่นเงินที่เหลืออยู่ให้เขาและพูด
“ครับ! ” ชายหนุ่มรีบตอบอย่างเร่งรีบและใช้เวลาไม่นานก่อนที่เขาจะกลับมาพร้อมกับอาหารอีกสองสามอย่าง
“นี่เงินทอนครับ!” ชายหนุ่มส่งเงินหลายสิบหยวนคืนและพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“ไม่ต้องคืนเก็บมันไว้เถอะ” เย่เชียนพูดแล้วตบไหล่หลัวป้อเบาๆ แล้วพูดว่า “มากินสิอร่อยดี”
“เอ่อ..! ” ตอนนี้มันอาจจะเป็นความกลัวไปแล้วเพราะเมื่อเย่เชียนตบไหล่เขาเบาๆ หลัวป้อก็ถึงกับตัวสั่นโดยไม่รู้ตัวและใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกทันที อย่างไรก็ตามเขาก็จะไม่ตัดสินใจปล่อยและเพิกเฉยต่อเย่เชียนที่เย่เชียนทำสุภาพกับเขาในตอนนี้เพราะก่อนหน้านี้เย่เชียนทุบตีเขาและสร้างความร้าวฉานให้เขาอย่างมากและตอนนี้ปากของเขาเจ็บแล้วเขาจะกินอะไรได้ที่ไหน? สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคืออาหารจานด่วนของเขานั้นเป็นซี่โครงหมูและข้าวก็แข็งมากเขาจึงไม่สามารถเคี้ยวมันได้ แต่เย่เชียนอยู่ที่นั่นและเขาไม่กล้าที่จะบอกว่าไม่อยากกินเพราะเขากลัวว่าเขาจะโชคร้ายอีกครั้งถ้าหากเย่เชียนเกิดโกรธขึ้นมาอีก ดังนั้นเขาจึงต้องทนกับความเจ็บปวดและกินมันลงไป
ระหว่างรับประทานอาหารรถตำรวจหลายคันหยุดอยู่ที่ประตูพร้อมกับเสียงไซเรนและบีบแตรกันอย่างเสียงดังและมีชายวัยกลางคนลงมาจากรถก่อนและตามด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่า 20 นาย ซึ่งไม่จำเป็นต้องอธิบายใดๆ เพราะชายวัยกลางคนคนนั้นก็คือเฉินจงข่ายพี่เขยของหลัวป้อนั่นเอง
เฉินจงข่ายนั้นก็เดินเข้ามาในร้านและชำเลืองมองอย่างไม่เป็นทางการและเขาก็เหลือบไปสบตากับเย่เชียนและชิงเฟิงที่กำลังสูบบุหรี่อยู่อย่างสบายๆ และเมื่อเห็นเฉินจงข่ายเดินเข้ามาหลัวป้อก็ดูเหมือนจะโล่งใจและรีบลุกขึ้นยืนแล้วรีบวิ่งไปคว้าแขนของเฉินจงข่ายแล้วพูดว่า “พี่เขย..พี่ต้องจัดการให้ผมนะ..พวกมันเองไม่เพียงแค่ทำร้ายร่างกายผมเท่านั้นแต่พวกมันยังโกงเงินผมด้วย”
สำหรับเฉินจงข่ายเขาก็คิดว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันเป็นเรื่องไร้สาระแต่อย่างไรก็ตามเขาก็เป็นพี่ถึงพี่เขยของหลัวป้ออยู่ดีดังนั้นเพื่อเป็นการเห็นแก่ภรรยาของเขาหรือพี่สาวของหลัวป้อแล้วเขาจึงต้องดูแลหลัวป้อเป็นอย่างดี ในขณะนี้เฉินจงข่ายก็จ้องมองหลัวป้ออย่างดุเดือดและพูดว่า “นายมักจะทำตัวหยิ่งผยองอยู่เสมอเพราะงั้นก็ลองเจอแบบนี้เสียบ้าง”
“พี่เขยอย่าเพิ่งตำหนิผมสิ..ตอนนี้คนที่ทำร้ายร่างกายของผมมันอยู่ตรงหน้าพี่แล้ว..พี่ต้องจัดการให้ผมและต่อจากนี้ไปผมจะเชื่อฟังพี่ตกลงไหม!” หลัวป้อพูด
เฉินจงข่ายก็มองอย่างเย็นชาแบะไม่สนใจหลัวป้ออีกต่อไปแต่หันสายตาของเขากลับไปที่เย่เชียนและพูดว่า “ผมเป็นผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางของเมือนเจิ้งโจว..เฉินจงข่าย! ..ไม่ทราบว่าน้องชายทั้งสองคือใครหรือ?”
“เย่เชียน..ส่วนนี่คือผู้ช่วยของผมชิงเฟิง” Ye Qian ตอบอย่างลวก ๆ
“ผมรู้ดีว่าเรื่องนี้น้องเขยของผมเป็นฝ่ายผิดก็จริงแต่ถ้าคุณไม่พอใจคุณก็สามารถไปที่ศาลเพื่อฟ้องร้องเขาและเรียกร้องค่าเสียหายได้..แต่ถ้าคุณทำร้ายร่างกายเขาแบบนี้คุณก็จะมีความผิดทางอาญาและผมก็สามารถฟ้องร้องและแจ้งข้อหาคุณได้ในข้อหาเจตนาฆ่าและขู่กรรโชกทรัพย์อีกด้วย..คุณรู้ไหมว่าตอนนี้ผมสามารถจับคุณได้ทุกเมื่อและให้คุณนั่งเล่นในคุกสักสองสามปี!” เฉินจงข่ายพูด
“โห! ..ผู้อำนวยการเฉินเป็นเจ้าหน้าที่ที่ทรงอำนาจขนาดนี้เลยหรอ” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ “อย่าใช้กฎหมายมาหลอกลวงผมเพราะผมไม่อยากจะใช้ตัวตนของผมเพื่อข่มคุณ..ก่อนอื่นเลยคุณควรจะชั่งน้ำหนักให้ดีก่อนนะว่าตำแหน่งของคุณในตอนนี้น่ะเพียงพอที่จะหยิ่งผยองหรือเปล่า! ”
เฉินจงข่ายก็ถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะจากนั้นเขาก็หันไปมองที่หลัวโดยเห็นได้ชัดว่าต้องการรู้สิ่งต่างๆ เพื่อรู้ว่าเย่เชียนนั้นเป็นใครกันแน่ ซึ่งหลัวป้อนั้นก็ไม่รู้และถึงแม้ว่าเขาจะรู้เขาก็จะไม่พูดตอนนี้เพราะเขาอดใจรอไม่ไหวที่จะได้เห็นเย่เชียนถูกจับไปนั่นเอง “พี่เขยกลัวเขาเหรอ..ถ้าพี่ไม่จัดการเขาแล้วใครจะกลัวพี่อีกในอนาคต! ” หลัวป้อพูดอย่างเกรี้ยวกราด
“หุบปาก! ..ฉันมีวิธีเป็นของตัวเอง..ฉันรู้ว่าต้องทำอะไรและฉันไม่ต้องการให้คนอย่างนายมาเตือน!” เฉินจงข่ายก็ตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว จากนั้นเขาก็มองกลับไปที่เย่เชียนและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นผมก็อยากจะรู้จริงๆ ว่าคุณมีอิทธิพลมากพอจนผมจะไม่สามารถทำอะไรคุณได้จริงๆ ไหม..อย่ามาหาว่าผมกำลังกลั่นแกล้งคุณก็แล้วกัน” นำเสียงของเฉินจงข่ายนั้นไม่เหมือนผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางแต่เหมือนนักเลงข้างถนนมากกว่า อย่างไรก็ตามกฎหมายของมณฑลเหอหนานนั้นจังหวันนั้นก็เข้มงวดมาก ซึ่งความจริงก็คือเฉินจงข่ายคนนี้ที่ไต่เต้าขึ้นมาจากตำแหน่งเบื้องล่างทีละขั้นนั้นเพราะเขาติดต่อกับคนผู้มีอิทธิพลจากวงการใต้ดินมาเสมอดังนั้นเขาจึงพูดเหมือนอันธพาลเช่นนั้น
“คุณคิดดูนะว่าน้องของคุณมาหลอกลวงหัวหน้าของผมจนทำให้โรงแรมของเราต้องเลื่อนกำหนดการเปิดบริการและการสูญเสียก็ไม่ได้น้อยเลย..แต่ผมเรียกร้องค่าเสียหายแค่สี่ล้านหยวนเอง” เย่เชียนพูด
การที่เย่เชียนพูดแบบนี้นั้นเฉินจงข่ายไม่เพียงแค่ผงะเพราะแต่แม้แต่ชิงเฟิงเองก็ยังผงะเช่นกันเพราะเขาไม่รู้ว่าเย่เชียนกำลังทำอะไรอยู่โดยการบอกว่าเย่เชียนนั้นมีหัวหน้าอยู่เบื้องหลังอีก
“ผมไม่รู้ว่าหัวหน้าของคุณคือใคร?” เฉินจงข่ายพูด
“พี่เขย! ..เขากำลังหลอกคุณชัดๆ ..จับเขาไปที่สถานีตำรวจและสอนบทเรียนเขาแล้วส่งเขาเข้าคุกสักสองสามปีไปเลย” หลัวป้อพูดอย่างหมดความอดทน
เฉินจงข่ายก็จ้องมองไปที่หลัวป้ออย่างดุร้ายและสาปแช่งในใจของเขาเพราะน้องภรรยาคนนี้ไร้ประโยชน์จริงๆ และไม่น่าแปลกใจเลยที่ใครหลายคนจะขุ่นเคืองหลัวป้อคนนี้ ซึ่งถ้าหากไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์กับเฉินจงข่ายแล้วล่ะก็ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหลัวป้อคงจะตายซ้ำตายซ้อนไปหลายครั้งแล้ว ซึ่งคำพูดของเย่เชียนนั้นชัดเจนมากในตอนนี้และนั่นก็เป็นเพราะเย่เชียนถูกใครบางคนหนุนหลังอยู่และถึงแม้ว่าตัวเองจะเป็นถึงผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางก็ตามแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยิ่งใหญ่ที่สุดและเขาไม่สามารถที่จะหยิ่งผยองในเมืองเจิ้งโจวมากเกินไปได้เพราะเมืองนี้ยังมีฮัวซงเจี๋ยอยู่และนั่นก็คือผู้มีอำนาจและอิทธิพลที่เฉินจงข่ายไม่กล้าที่จะรุกรานและยั่วยุได้เลย
“หุบปากซะ..ใครให้นายพูด..มันใช่เรื่องที่คนอย่างนายจะมาสอนฉันงั้นเหรอ” เฉินจงข่ายก็ตะโกนอย่างรวดเร็วและหลัวป้อก็รีบก้มหน้าด้วยความตกใจไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก
“หัวหน้าของผมสามารถทำให้คุณกลัวตายได้! ..ฮัวซงเจี๋ยเป็นหัวหน้าของผมแล้วคุณสามารถทำให้หัวหน้าของผมขุ่ยเคืองได้หรือเปล่าล่ะ? ” เย่เชียนพูดอย่างขี้เล่น
เฉินจงข่ายก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและเขาก็กลัวจริงๆ จากนั้นเขาก็มองไปที่หลัวป้อด้วยความโกรธเกรี้ยวและสาปแช่งบรรพบุรุษหลัวป้อในใจเพราะมันเลวร้ายมากที่ทำให้ฮัวซงเจี๋ยขุ่นเคือง ซึ่งไม่ใช่แค่เมืองเจิ้งโจวเท่านั้นเพราะแม้แต่ทั้งมณฑลเหอหนานทั้งหมดนั้นไม่มีใครรู้ว่าฮัวซงเจี๋ยนั้นเป็นบุคคลที่ไม่ควรทำให้ขุ่นเคืองเลย ซึ่งนั่นหมายความว่าคนคนนั้นได้ก้าวเท้าเข้าไปในวังแห่งความตายแล้ว
แต่อย่างไรก็ตามเฉินจงข่ายก็ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางของเมืองเจิ้งโจวและเขาก็ได้พบกับฮัวซงเจี๋ยอยู่หลายครั้งและแทบจะไม่ได้รับความดีความชอบจากหลัวซงเจี๋ยเลยแม้แต่น้อย “คุณเป็นลูกน้องของฮัวซงเจี๋ยหรอ..อย่ามาหลอกผมเพราะผมกับเขาเป็นเพื่อนกัน” เฉินจงข่ายะพูด หลังจากทำงานเป็นตำรวจมานานหลายปีเฉินจงข่ายจึงคุ้นเคยกับเล่ห์เหลี่ยมเช่นนี้เป็นอย่างดีเพราะนักโทษหลายคนมักจะทำเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง
“ถ้าคุณไม่เชื่อคุณก็สามารถโทรถามประธานฮัวได้เลย..เดี๋ยวคุณก็จะได้รู้คำตอบเอง” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม
“อย่าพึ่งไปไหนเดี๋ยวผมจะโทรไปหาประธานฮัวเอง..คุณควรจะรู้ผลที่ตามมานะ” เฉินจงข่ายพูด จากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่ตำรวจที่มาพร้อมกับเขาและพูดว่า “เฝ้าพวกเขาเอาไว้..ถ้าพวกเขาขัดขืนก็จับได้เลย”
หลัวป้อก็ยิ้มอย่างมีชัยและเขาก็คิดว่าเย่เชียนนั้นไม่รู้จักฮัวซงเจี๋ยจริงๆ และตราบใดที่พี่เขยของเขาคุยจบมันก็จะเป็นจุดจบของเย่เชียนดังนั้นหลัวป้อจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะที่อธิบายไม่ได้ของหลัวป้อแล้วเฉินจงข่ายก็หันหน้ามาจ้องมองเขาอย่างดุร้ายและหลัวป้อก็รีบปิดปากไปในทันที
สายโทรศัพท์ก็เชื่อมต่ออย่างรวดเร็วและเฉินจงข่ายก็พูดอย่างรีบร้อนว่า “ประธานฮัวครับ..ผมเฉินจงข่าย..ผมเป็นผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางของเจิ้งโจว”
“โอ้..ผู้อำนวยการเฉินสวัสดี..ไม่ทราบว่ามีอะไรหรือ” เสียงของฮัวซงเจี๋ยก็ดังเข้ามา
“อ๋อพอดีมีชายคนหนึ่งในร้านขายวัสดุอุปกรณ์ของน้องชายภรรยาของผมที่กำลังสร้างปัญหาและเขาบอกว่าเขาเป็นลูกน้องคุณ..ดังนั้นผมจึงต้องการยืนยันกับประธานฮัวเพื่อป้องกันคนที่แอบอ้างใช้ชื่อของประธานฮัวครับ” เฉินจงข่ายพูด
“น้องของคุณเป็นใคร..ผมไม่ได้ส่งคนไปร้านวัสดุก่อสร้างหนิ..ผมคิดว่าเขาคงจะโกหกแล้ว..ยังมีคนกล้าสร้างปัญหาโดยการแอบอ้างใช้ชื่อของผมด้วยเหรอ..ผู้อำนวยการเฉินคุณช่วยจัดการคนคนนั้นที” ฮัวซงเจี๋ยพูด
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฮัวซงเจี๋ยพูดเฉินจงข่ายก็หัวเราะและมองไปที่เย่เชียนอย่างร้ายกาจราวกับว่าเขากำลังพูดว่า ‘ไอ้เด็กน้อยแกกล้าโกหกฉันเหรอ..เพราะงั้นแกจะไม่มีทางรู้ว่าแกจะต้องตายยังไงจนกว่าแกจะตายจริงๆ’
“เอาโทรศัพท์มาให้ผม..ผมจะคุยกับหัวหน้า! ” เย่เชียนพูดขณะที่เขาคว้าโทรศัพท์จากเฉินจงข่ายและเขาก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ยังพยายามระงับความโกรธของเขาไว้เพราะยังไงเย่เชียนก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้อยู่ดีและเขาไม่สามารถเล่นกลเม็ดใดๆ ได้อีก ดังนั้นเฉินจงข่ายจึงให้เวลาเย่เชียนอีกสักหน่อย
“ประธานฮัวจำผมไม่ได้หรอ..ผมเย่เชียนไง” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม
ฮัวซงเจี๋ยซึ่งอยู่ตรงข้ามของสายโทรศัพท์ก็ถึงกับตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเขาไม่ได้คาดหวังว่าเย่เชียนจะแอบอ้างชื่อของเขาเองและครั้งที่แล้วเขาก็ได้โทรไปหาคนที่เขาส่งไปที่เมืองเซี่ยงไฮ้แต่ก็ไม่ได้รับข่าวสารอะไรเลย ดังนั้นเขาจึงรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติและคาดว่าเย่เชียนนั้นได้มาที่มณฑลเหอหนานแล้ว อย่างไรก็ตามคนที่เขาส่งไปนั้นก็ติดต่อไม่ได้มาสักพักหนึ่งแล้วแต่เขาก็ไม่ได้คาดคิดว่าเย่เชียนจะมาเยือนที่ประตูด้วยตัวเองเช่นนี้
“โอ้คุณเย่เองหรอกหรือ..คนที่ผู้อำนวยการเฉินพูดเมื่อกี้คือคุณหรอ?” ฮัวซงเจียพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร
.
.
.
.
.
.
.