ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 532 ถอนตัวไม่ทัน
ตอนที่ 532 ถอนตัวไม่ทัน
เมื่อเห็นเย่เฉียนและฮัวซงเจี๋ยพูดคุยกันอย่างเป็นกันเองแล้วเฉินจงข่ายก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจและสับสนอย่างมากเพราะเมื่อครู่นี้ฮัวซงเจี๋ยเพิ่งจะบอกว่าเขาไม่ได้ส่งใครมา? แต่ตอนนี้ทำไมเย่เชียนกลับเป็นคนรู้จักของฮัวซงเจี๋ยและยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังพูดคุยกันอย่างเป็นกันเองอีกด้วยหรือจะเป็นไปได้ไหมว่าเย่เชียนคือคนที่ฮัวซงเจี๋ยส่งมาจริงๆ?
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าฮัวซงเจี๋ยจะมีอิทธิพลอย่างมากในมณฑลเหอหนานก็ตามแต่ถึงยังไงเฉินจงข่ายก็ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางของมณฑลเหอหนานเพราะงั้นฮัวซงเจี๋ยก็ควรจะไว้หน้าเขาบ้างใช่ไหม? ยิ่งไปกว่านั้นฮัวซงเจี๋ยก็ไม่ควรทำกับน้องชายภรรยาของเขาแบบนั้นเพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเองก็ไม่เคยทำอะไรให้ฮัวซงเจี๋ยต้องขุ่นเคืองมาก่อนใช่หรือไม่?
ทางด้านของฮัวซงเจี๋ยเองก็ประหลาดใจเพราะถ้าหากเย่เชียนต้องการจัดการกับเขานั้นเย่เชียนก็คงจะไม่โง่ถึงขนาดใช้เฉินจงข่ายเพราะเฉินจงข่ายนั้นไม่มีอำนาจและอิทธิพลมากพอที่จะจัดการกับตนได้ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เย่เชียนจะไม่รู้ใช่ไหม? ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้รู้จักเย่เชียนมากนักและเขาก็รู้แค่ว่าเย่เชียนนั้นเป็นประธานของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปเพราะเย่เชียนนั้นเคยเป็นข่าวพาดหัวของหนังสือพิมพ์และสื่อหลายครั้งในงานพิธีเปิดตัวมูลนิธิและกองทุนและหลังจากนั้นเย่เชียนก็ก่อตั้งโรงยิมศิลปะการต่อสู้จนทำให้เย่เชียนได้รับความนิยมสูงและกลายเป็นประเด็นร้อนในหนังสือพิมพ์สื่อต่างๆ และนิตยสารอยู่ช่วงหนึ่ง
การที่เครือน่านฟ้ากรุ๊ปเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำ 20 อันดับของโลกดังนั้นอำนาจและอิทธิพลจึงมีไม่น้อยเลย ส่วนฮัวซงเจี๋ยเองก็อยู่ในวงการห้างสรรพสินค้าเขาจึงเข้าใจกิจการของห้างสรรพสินค้าเป็นอย่างดีว่ามันไม่มีองค์กรขนาดใหญ่ใดๆ ที่เรียบง่ายเพราะมันต้องมีเครือข่ายและความสัมพันธ์ขนาดใหญ่ ไม่เช่นนั้นมันก็จะไม่มีวันพัฒนาไปถึงจุดนั้นได้ ดังนั้นเมื่อฮัวซงเจี๋ยรู้ว่าเย่เชียนนั้นเป็นหุ้นส่วนของหลี่จื้อเทียนเช่นนี้ฮัวซงเจี๋ยก็รู้สึกว่าเขานั้นกำลังถูกคุกคามและมันก็ไม่มีที่ว่างสำหรับเสือสองตัวในถ้ำเดียวกัน ดังนั้นฮัวซงเจี๋ยจึงไม่อยากให้ใครมาที่มณฑลเหอหนานเพื่อแย่งกำไรอันมหาศาลของเขา
ในตอนนี้เย่เชียนได้ทำสิ่งน่าแปลกประหลาดอย่างยิ่งเพราะเขาถูกมองว่าเป็นคนที่มีฐานะแต่เขาก็ไม่เคยแสดงอะไรออกมาในคำพูดและการแสดงออกของเขาแต่ทว่าคราวนี้เย่เชียนกลับบุกไปที่ร้านของคนอื่นเพื่อสร้างปัญหาซึ่งทำให้ฮัวซงเจี๋ยประหลาดใจอย่างมาก ซึ่งการทำแบบนี้นั้นสามารถใช้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้แต่ทำไมเย่เชียนถึงต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเองเช่นนี้?
“ใช่ครับคุณฮัว..ตอนนี้ผมลำบากนิดหน่อยเพราะผู้อำนวยการเฉินคนนี้จะไม่ปล่อยผมไปและเขาก็จะฟ้องร้องและยัดข้อหาฆาตกรรมและกรรโชกทรัพย์กับผมอีกด้วย” ” เย่เชียนพูด
ฮัวซงเจี๋ยก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และเขาก็จะเข้าใจว่าเย่เชียนนั้นหมายถึงอะไรจากการทำเช่นนี้เพราะดูเหมือนว่าเย่เชียนนั้นต้องการดึงเขาออกมาและต้องการพบเขา อย่างไรก็ตามฮัวซงเจี๋ยเองก็ต้องการพบเย่เชียนเช่นกันเพื่อดูว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นคนอย่างไร หลังจากหยุดไปชั่วขณะ ฮัวซงเจี๋ยก็พูดว่า “คุณเย่ไม่ต้องกังวลไปเพราะคุณเย่มีบางอย่างที่ต้องทำในเขตของผมแต่ผมกลับไม่ได้ต้อนรับและดูแลให้ดี..ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วคุณเย่วันนี้เรามาทานอาหารเย็นด้วยกันเถอะ” หลังจากไปชั่วขณะเขาก็พูดต่อ “คุณเย่ผมขอคุยกับเฉินจงข่ายหน่อย!”
เย่เชียนก็ยิ้มเบาๆ และยื่นโทรศัพท์ให้แล้วพูดว่า “คุณฮัวอยากคุยกับคุณ” เย่เชียนนั้นไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของฮัวซงเจี๋ยที่ว่าเขตของเขา หรือฮัวซงเจี๋ยกำลังจะบอกเขาว่ามณฑลเหอหนานแห่งนี้นั้นเป็นดินแดนของเขา?
เฉินจงข่ายก็รับโทรศัพท์ด้วยความงงงวยจากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ครับคุณฮัว! ”
“ผู้อำนวยการเฉิน..น้องชายคนนั้นเป็นคนรู้จักของผม…ถ้าคุณไม่รังเกียจผมจะจ่ายเงินให้คุณแทนเขา..เอาเถอะผู้อำนวยการเฉินเห็นแก่หน้าของผมคุณจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้ไหม?” ฮัวซงเจี๋ยพูด
“คุณฮัวไม่ใช่ว่าผมไม่อยากจะปล่อยผ่าน..แต่เขารีดไถเงินจากน้องภรรยาของผมตั้งสี่ล้านหยวนมันไม่ใช้น้อยๆเลยนะ” น้ำเสียงของเฉินจงข่ายก็เปลี่ยนไปและดวงตาของเขาก็ดูประหลาดใจเมื่อมองไปที่เย่เชียน ซึ่งไม่ต้องพูดถึงเลยเพราะถ้าหากเย่เชียนไม่ได้มีเครือข่ายและความสัมพันธ์ที่ดีกับคนใหญ่คนโตเย่เชียนก็คงจะไม่กล้าข่มขู่และรีดไถน้องชายภรรยาของเขาถึง 4 ล้านหยวนใช่มั้ย? เห็นได้ชัดว่าเย่เชียนนั้นซับซ้อนเกินไป อย่างไรก็ตามในเมื่อฮัวซงเจี๋ยได้พูดอย่างชัดเจนแล้วว่าเย่เชียนนั้นเป็นคนรู้จักของเขา ซึ่งเงินนั้นสำหรับเขาก็เป็นเรื่องเล็กน้อยแต่การให้เงินสี่ล้านหยวนกับเย่เชียนเช่นนี้เขาจะเอาหน้าของตัวเองไปไว้ที่ไหน? อย่างไรก็ตามเฉินจงข่ายก็ไม่กล้าที่จะยั่วยุฮัวซงเจี๋ยแต่อย่างใด ดังนั้นน้ำเสียงของเขาจึงดูลังเลเล็กน้อย
แม้ว่าเฉินจงข่ายจะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางของมณฑลเหอหนานก็ตามแต่เนื่องจากเขาเติบโตมาจากวงการใต้ดินเขาจึงมีการติดต่อกับพวกอันธพาลในท้องถิ่นมาโดยตลอดและยิ่งไปกว่านั้นฮัวซงเจี๋ยก็ไม่ง่ายเหมือนพวกนักเลงและอันธพาลอย่างแน่นอน ดังนั้นถ้าหากฮัวซงเจี๋ยต้องการชีวิตของเขานั้นมันก็ไม่ยากอะไรเลย
เฉินจงข่ายยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปีนั้นได้อย่างชัดเจนและเป็นเพราะเหตุการณ์นั้นด้วยที่ทำให้ความหยิ่งผยองของเฉินจงข่ายลดลงไปมาก ซึ่งในเวลานั้นเฉินจงข่ายบังเอิญมีสัมพันธ์กับหญิงที่แต่งงานแล้วและด้วยเหตุผลที่ว่าเขาเป็นผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางของมณฑลเหอหนานเขาจึงรู้สึกอับอาย ซึ่งหลังจากที่สามีของผู้หญิงคนนั้นรู้เรื่องต่างๆ แล้วเขาก็ทำร้ายเฉินจงข่ายอย่างสาหัสจากนั้นชายคนนั้นก็ถูกส่งเข้าคุกเป็นเวลาสามปีและหลังจากสามปีต่อมาชายคนนั้นก็ออกจากคุกมาและตรงไปที่บ้านของเฉินจงข่ายและบอกเขาอย่างชัดเจนว่าถ้าเฉินจงข่ายไม่ชดใช้ที่ต้องทำให้เขาติดคุกไปสามปีล่ะก็เขาจะทำให้เฉินจงข่ายเผชิญหน้ากับสิ่งที่เลวร้าย ซึ่งเฉินจงข่ายก็เห็นว่าเขาไม่ได้ล้อเล่นและถึงแม้ว่าในใจเขาจะลังเลใจมากแต่เขาก็ไม่อยากที่จะต่อสู้กับคนที่สิ้นหวังเช่นนี้ ดังนั้นเฉินจงข่ายจึงต้องจ่ายเงินชดเชยให้ชายคนนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
มนุษย์มักจะกลัวความอัปยศแต่ไม่กลัวความตายและนี่ก็คือสัจธรรมของโลก!
“ผู้อำนวยการเฉินอย่าหาว่าผมไม่ได้เตือนคุณก็แล้วกัน..เพราะเขาคนนี้ไม่ใช่คนที่คุณจะทำให้ขุ่นเคืองได้เลย..เพราะงั้นถ้าหากเงินแค่ 4 ล้านสามารถแก้ปัญหานี้ได้ล่ะก็คุณควรจะทำซะ” ฮัวซงเจี๋ยพูดต่อ “ถ้างั้นก็รอผมอยู่ที่นั่นแล้วกัน..เดี๋ยวผมจะรีบไปแล้วเราค่อยคุยกัน”
เฉินจงข่ายถึงกับผงะไปชั่วขณะและเขาก็ไม่ได้คาดคิดว่าฮัวซงเจี๋ยจะมาด้วยตัวเอง ดังนั้นจากมุมมองนี้สิ่งที่ฮัวซงเจี๋ยพูดนั้นไม่ผิดว่าตัวตนของเย่เชียนนั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ และเขาไม่สามารถยั่วยุได้ไม่เช่นนั้นฮัวซงเจี๋ยก็คงจะไม่พูดเช่นนี้เป็นแน่ หลังจากลังเลอยู่สักพักหนึ่งเฉินจงข่ายก็วางสายโทรศัพท์ไป
จากนั้นเขาก็มองไปที่เย่เชียนอีกครั้งและการแสดงออกของเฉินจงข่ายนั้นก็ดูอึดอัดและกระวนกระวายอย่างมาก
“พี่เขยมีอะไรเหรอ..เขาเป็นคนของประธานฮัวจริงๆ เหรอ?” หลัวป้อโน้มเข้าไปข้างๆ หูของเฉินจงข่ายแล้วถามเบาๆ
เฉินจงไคจ้องมองไปที่หลัวป้ออย่างเดือดดาลเพราะถ้าหากหลัวป้อไม่ได้ก่อปัญหาขึ้นแล้วเขาจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร หลังจากถูกเฉินจงข่ายจ้องมองแล้วหลัวป้อก็รีบเงียบไปโดยไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก เพราะความหมายในการแสดงออกของเฉินจงข่ายนั้นชัดเจนอยู่แล้วและหลัวป้อเองก็รู้ดีว่าครั้งนี้เขาได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดลงไปแล้ว
เย่เชียนก็ยิ้มและมองไปที่ชายหนุ่มร่างผอมที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของหลัวป้อซึ่งเขาเป็นคนที่โทรแจ้งเฉินจงข่ายนั่นเอง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าการแสดงออกของชายหนุ่มคนนั้นดูตื่นตระหนกและหวาดกลัวเพราะเขารู้แล้วว่าเฉินจงข่ายนั้นไม่สามารถเผชิญหน้ากับเย่เชียนได้เลย ดังนั้นเขาจึงกลัวว่าเย่เชียนจะโยงปัญหาทั้งหมดไปที่หัวของเขา
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างแผ่วเบาและพูดว่า “แล้วบุหรี่ที่หมดบอกให้คุณไปซื้อล่ะ? ”
ชายหนุ่มร่างผอมก็สั่นสะท้านไปทั้งตัวและพูดอย่างตะกุกตะกักว่า “ผม…ผม…” หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะเขากลัวจนตัวสั่นไปหมดและแทบจะปัสสาวะเล็ดออกมา
“ทำไมคุณไม่ได้ซื้อมาเหรอ..ผมให้เงินทอนคุณทั้งหมดและบอกให้คุณไปซื้อบุหรี่มา 1 ซอง..นี่คุณต้องการยั่วโมโหผมหรอ? ” เย่เชียนพูดอย่างสนุกสนานและเพิ่มความตึงเครียดให้กับน้ำเสียงของเขาเล็กน้อยจนทำให้คำพูดของเขานั้นดูเย็นชา
ทันทีที่หลัวเห็นสถานการณ์เช่นนี้เขาก็หันหลังกลับไปและตบชายร่างผอมแล้วตำหนิว่า “แม่งเอ๊ย..ฉันบอกให้แกไปถอนเงินออกมาแล้วไหนเงินที่แกถอนออกมาล่ะ? ..นี่แกพยายามจะทำอะไรกันแน่?”
ชายร่างผมนั้นรู้ตัวว่าเขาทำผิดเขาจึงคุกเข่าลงพร้อมกับพูดว่า “ผมขอโทษ..ผมขอโทษจริงๆ ผมจะไม่ทำอีกแล้วปล่อยผมไปเถอะ!”
เมื่อเห็นฉากนี้เฉินจงข่ายก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเพราะในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางที่กำลังนั่งอยู่ที่นี่และเห็นฉากดังกล่าวปรากฏขึ้นต่อหน้าโดยไม่คาดคิดแต่เขาจะทำอะไรได้ล่ะ? เขาจึงจำเป็นต้องหันหน้าหนีไปทางอื่นและแสร้งทำเป็นว่าเขาไม่รู้และไม่เห็นอะไรเลย
“เดี๋ยวฉันค่อยจัดการกับแกทีหลัง! ” หลัวป้อตะคอกและเตะชายร่างผมจนล้มลงกับพื้นราวกับว่าเขาได้ระบายความโกรธเกรี้ยวของเขา ซึ่งหลัวป้อนั้นไม่ได้โง่เพราะเขาเคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้ในศาลและแม้แต่พี่เขยของเขาเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้นเขาจึงลงมือทำด้วยตัวเองดีกว่าการที่เย่เชียนจะหันมาทำร้ายเขาแทน
“คุณหลัวหมายความว่าไง..เรื่องทั้งหมดนี้ใครเป็นคนทำ? ” เย่เชียนพูดอย่างเย็นชา
หลัวป้อก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะและหลังจากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างเชื่องช้าและพูดว่า “คุณเย่..ทั้งหมดนี้เป็นความคิดของเขาเอง..มันไม่เกี่ยวกับผมเลย” เมื่อได้ยินคำพูดของหลัวป้อแล้วลูกน้องทั้งสามคนของเขาก็ถึงกับสั่นสะท้านเพราะมันไม่มีใครสามารถบอกได้จริงๆ ว่าชายหนุ่มร่างผอมนั้นทำตามคำสั่งของหลัวป้อ ซึ่งเขาผลักไสความผิดทุกอย่างไปที่ชายร่างผอมทั้งหมด
“หืม..คุณคิดว่าผมเป็นคนโง่งั้นเหรอ? ” เย่เชียนพูดด้วยความเย็นชาจนหลัวป้อรีบปิดปากของเขาไปอย่างร้อนรนและไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีกแล้ว หลัวป้อได้แต่เพียงจ้องมองดวงตาอันดุร้ายของเย่เชียนเท่านั้น “ลุกขึ้น! ” เย่เชียนพูดพลางมองไปที่ชายหนุ่มร่างผอม
ชายหนุ่มร่างผอมก็ยืนตัวสั่นและก้มหน้าลงเพราะกลัวที่จะพูด
“เมื่อกี้คุณบอกว่ามันเป็นความคิดเขาเองใช่ไหมที่ไม่ถอนเงินแต่กลับแจ้งตำรวจ..เอาเถอะถ้างั้นตอนนี้คุณก็บอกรหัสผ่านกับเขาแล้วผมจะให้เขาไปถอนเงินอีกครั้ง” เย่เชียนมองไปที่หลัวป้อและพูด
.
.
.
.
.
.
.