ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 536 สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติขาดกำลังพล
ตอนที่ 536 สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติขาดกำลังพล
นับตั้งแต่ที่เขาได้พบกับหลัวป้อที่โรงแรมในวันนั้นเย่เชียนก็สั่งให้แจ็คช่วยตรวจสอบสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของหลัวป้อคนนี้ซึ่งเขาเป็นคนขี้เหนียวและมีเงินที่ไม่สุจริตฝากธนาคารจำนวน 5 ล้านหยวนและนี่ก็คือสาเหตุทีเย่เชียนต้องการขโมยเงินห้าล้านหยวนนี้ของหลัวป้อและแน่นอนว่าจุดประสงค์ไม่ใช่แค่เงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพราะเงินห้าล้านเป็นเพียงเศษเงินสำหรับเย่เชียนเพราะเหตุผลที่เย่เชียนต้องทำเช่นนี้ก็เพื่อบังคับให้หลัวป้อจนตรอกและคิดหาวิธีอื่นซึ่งหลัวป้อนั้นก็มีญาติเพียงคนเดียวที่จะช่วยเรื่องนี้ได้และคนคนนั้นก็คือเฉินจงข่าย
ในแง่ของเงินเดือนปัจจุบันของเฉินจงข่ายในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางของมณฑลเหอหนานนั้นไม่ได้มากมายอะไรนัก ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่าเฉินจงข่ายได้ยักยอกและรับสินบนดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะกำจัดเขาตราบใดที่หลักฐานและรายงานถูกส่งไปยังคณะกรรมการตรวจสอบวินัยกลางนั่นเอง
เฉินจงข่ายนั้นไต่เต้ามาจากลูกจ้างและอาจกล่าวได้ว่าเขาพึ่งพาความสำเร็จทางการเมืองของตัวเองอย่างสมบูรณ์และไม่ได้มีภูมิหลังที่แข็งแกร่งเลยแม้แต่น้อย ซึ่งในอดีตเฉินจงข่ายนั้นเป็นข้าราชการที่ขาวสะอาดและมีคุณธรรมแต่อำนาจของเขากลับทำให้เขาสูญเสียตัวตนเดิมไปและตั้งแต่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางประจำมณฑลเหอหนานไปเฉินจงข่ายก็เริ่มรับสินบนอย่างดุเดือดและบ้าคลั่ง ดังนั้นเย่เชียนจึงเชื่อว่าหลักฐานและรายงานจะสามารถกำจัดเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ อย่างไรก็ตามเฉินจงข่ายเองก็ไม่รู้ว่ามีสักกี่คนที่เฝ้ามองและจับจ้องตำแหน่งปัจจุบันของเขาอยู่ เพราะฉะนั้นตราบใดที่เฉินจงข่ายทำผิดพลาดล่ะก็ศัตรูและคู่แข่งทางการเมืองของเขาก็จะเริ่มโจมตีเขาอย่าบ้าคลั่งนั่นเอง
หลัวป้อในตอนนี้กำลังทุกข์ทรมานเพราะก่อนหน้านี้เขาคิดเพียงแค่นำเงินสองล้านหยวนของตัวเองจากนั้นก็นำเงินอีกสองล้านหยวนของเฉินจงข่ายไปสะสางเรื่องนี้และถึงแม้ว่าจำนวนเงินมันจะไม่น้อยก็ตามแต่มันก็ดีกว่าการที่ชีวิตของเขาต้องอยู่บนเส้นด้ายใช่มั้ย?
แต่ใครจะรู้ล่ะว่าเงินที่รวบรวมได้นั้นสุดท้ายมันก็ถูกปล้นอย่างลึกลับและถึงแม้ว่าเขาจะยังมีเงินอยู่อีกสามล้านหยวนในธนาคารและการขอเงินอีกหนึ่งล้านจากเฉินจงข่ายจะไม่ใช่ปัญหาก็ตามแต่ประเด็นสำคัญคือเขาได้บอกเฉินจงข่ายไปแล้วว่าเขามีเงินอยู่แค่สามล้าน ดังนั้นถ้าหากเขาเอาเงินมาเพิ่มตอนนี้นั่นก็แสดงว่าเขาโกหกเฉินจงข่ายและสิ่งต่างๆ ก็คงจะยากลำบากขึ้น
หลังป้อก็ไม่กล้าที่จะรอช้าอีกต่อไปเขาจึงรีบโทรหาเฉินจงข่ายและบอกเฉินจงข่ายว่ามันเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้ ซึ่งเฉินจงข่ายก็ถึงกับผงะและดุด่าสาปแช่งหลัวป้ออย่างเดือดดาลเพราะสี่ล้านสองแสนห้าหมื่นหยวนนั้นไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อยเลยแต่มันกลับถูกปล้นไปง่ายๆ เช่นนี้
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าเฉินจงข่ายจะดุด่าสักแค่ไหนถึงยังไงมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร อีกอย่างเฉินจงข่ายก็ไม่กล้าที่จะเสียเวลาอีกต่อไปเขาจึงสั่งให้บุคลากรจากสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางลงตรวจสอบพื้นที่ ในทางกลับกันเขาได้ติดต่อกับเหล่านักเลงและอันธพาลบนท้องถนนและขอให้พวกเขาช่วยค้นหาว่าใครเป็นคนทำเช่นนี้ นี่ก็เหมือนกับงูถิ่นที่รู้เส้นทางนั่นก็เพราะว่านักเลงอันธพาลเหล่านี้สามารถค้นหาข้อมูลได้เร็วกว่าตำรวจและด้วยเหตุนี้อัตราการแก้ไข้คดีและการก่ออาชญากรรมของเฉินจงข่ายจึงสูงและโดดเด่นมาโดยตลอด
เวลาที่ฮัวซงเจี๋ยให้ไว้นั้นคือสามวันเพราะตราบใดที่หลัวป้อเงินคืนให้กับเย่เชียนภายในสามวันก็จะไม่เป็นไรแต่ถ้าหากเขาไม่ได้คืนล่ะก็เขาอาจจะต้องเผชิญกับสิ่งที่เลวร้ายอย่างมากก็เป็นได้
หลังจากที่ชิงเฟิงขโมยกระเป๋าเงินของหลัวป้อได้แล้วถัดจากนั้นมาสองสามถนนเขาก็เข้าไปในรถและโทรไปหาเย่เชียนแล้วรายงานถึงเรื่องนี้ ซึ่งเมื่อนึกถึงการแสดงออกของหลัวป้อเมื่อครู่นี้แล้วชิงเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเสียงดัง
เย่เชียนก็ยักหน้าและสั่งให้ชิงเฟิงไปติดตามและสังเกตการณ์เฉินจงข่ายต่อไปและส่งรายงานร้องเรียนไปยังคณะกรรมการตรวจสอบวินัยกลาง ซึ่งหลังจากอธิบายเรื่องนี้แล้วเย่เชียนก็วางสายโทรศัพท์ไป เมื่อเขากำลังจะโบกแท็กซี่เพื่อออกจากสโมสรจู่ๆ เย่เชียนก็เหลือบไปเห็นร่างที่คุ้นเคยและมองไปที่สโมสรที่อยู่ฝั่งตรงข้ามและเขาก็ถึงผงะไปชั่วขณะและพึมพำว่า “พี่ไป๋ฮวยทำไมเขาถึงมาที่นี่? ”
ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาคือหมาป่าผีไป๋ฮวยได้รับว่าจ้างมาจากเหล่ยเจียงให้มาฆ่าฮัวซงเจี๋ยเพราะการแข่งขันฟุตบอลโลกกำลังจะเปิดฉากขึ้นดังนั้นเหล่ยเจียงจึงต้องกระตือรือร้นอย่างมากที่จะกำจัดฮัวซงเจี๋ยจากนั้นก็ยึดธุรกิจการพนันของฮัวซงเจี๋ยไป ซึ่งหลังจากงานการประมูลในเมืองเซี่ยงไฮ้ในวันนั้นเย่เชียนก็ไม่ได้เห็นหมาป่าผีไป๋ฮวยอีกเลยและเขาก็ไม่ได้คาดคิดว่าจู่ๆ หมาป่าผีไป๋ฮวยจะมาปรากฏตัวที่นี่ตอนนี้
เย่เชียนก็กำลังเตรียมตัวที่จะปล่อยผ่านไปแต่ทว่าในทันใดนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นร่างสองร่างที่สะกดรอยตามหมาป่าผีไป๋ฮวยจากระยะไกลและเย่เชียนก็ต้องตกตะลึงเมื่อเขามองไปแล้วพบว่าแท้ที่จริงแล้วคนเหล่านั้นมาจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของจีนและคนคนนั้นก็คือจื้อจุนและเซียวหวันที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนบอกจะส่งมาช่วยจัดการกับเหล่ยเจียง ซึ่งเป็นไปได้ไหมว่าจื้อจุนและเซียวหวันเห็นหมาป่าผีไป๋ฮวยพวกเขาจึงต้องสะกดรอยตามมาใช่ไหม?
เย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้เมื่อคิดว่าสองคนนี้ไม่กลัวความตายเลยจริงๆ จากนั้นเย่เชียนก็มองไปที่รอยยิ้มบนใบหน้าของหมาป่าผีไป๋ฮวยซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาสังเกตเห็นจื้อจุนและเซียวหวันแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นหมาป่าผีไป๋ฮวยก็ไม่ได้มีมิตรภาพที่ดีใดๆ กับพวกเขาเลยดังนั้นหมาป่าผีไป๋ฮวยจะไม่มีวันแสดงความเมตตาต่อพวกเขา อย่างไรก็ตามพวกเขาก็เป็นคนของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเช่นกันซึ่งเย่เชียนก็ไม่สามารถเฝ้าดูพวกเขาถูกฆ่าได้ เมื่อเห็นหมาป่าผีไป๋ฮวยเดินไปตามตรอกที่ถนนเรื่อยๆ ในขณะที่จื้อจุนและเซียวหวันก็ยังคงตามมาอย่างกระตือรือร้นแล้วเย่เชียนก็รู้ดีว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยกำลังจะฆ่าพวกเขาจริงๆ
อย่างไรก็ตามเย่เชียนและหมาป่าผีไป๋ฮวยก็อยู่ด้วยกันมานานแล้วดังนั้นเย่เชียนจึงรู้จักหมาป่าผีไป๋ฮวยดีกว่าจื้อจุนและเซียวหวันเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ไม่ลังเลอีกต่อไปและรีบเดินข้ามถนนไปอย่างรวดเร็วและหยุดอยู่ตรงหน้าของจื้อจุนและเซียวหวันแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “หือ..พวกคุณเองหรอบังเอิญจัง”
เมื่อหมาป่าผีไป๋ฮวยได้ยินเสียงของเย่เชียนเขาก็หันหน้ามาและเหลือบมองเล็กน้อยและพบว่าหลังจากที่เย่เชียนหยุดจื้อจุนและเซียวหวันเอาไว้เขาก็แสยะยิ้มเล็กน้อย เพราะในเมื่อเย่เชียนเข้ามาแทรกแซงแล้วหมาป่าผีไป๋ฮวยก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่จะสังหารสมาชิกจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติทั้งสองคนในวันนี้ดังนั้นเขาจึงหันหลังกลับไปและหายตัวไปในความมืดอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นหมาป่าผีไป๋ฮวยหายไปแล้วเซียวหวันก็จ้องมองไปที่เย่เชียนอย่างโกรธเกรี้ยวและพูดว่า “นายหมายความว่าไง..นี่นายเป็นพวกเดียวกันกับหมาป่าผีไป๋ฮวยงั้นเหรอ? ”
เย่เชียนก็ยิ้มเบาๆ และพูดว่า “ฉันไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร? ”
“อย่ามาเสแสร้งแกล้งทำนะ..เมื่อครู่นี้ตอนที่นายเห็นพวกเรานายจะไม่เห็นหมาป่าผีไป๋ฮวยเลยเหรอ? ทั้งๆ ที่นายรู้ว่าเรากำลังตามเขาแต่นายดันมาหยุดพวกเราเอาไว้..นี่มันไม่ใช่การปล่อยให้หมาป่าผีไป๋ฮวยหนีไปงั้นเหรอ?” เซียวหวันก็โกรธเกรี้ยวและพูดว่า “เย่เชียน! ..นายทำให้ฉันสงสัยว่านายกับหมาป่าผีไป๋ฮวยเป็นพวกเดียวกันตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว..นายจำตอนที่หมาป่าผีไป๋ฮวยขโมยพระบรมสารีริกธาตุได้หรือเปล่า..ตอนนั้นน่ะสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของเราระบุว่าเขาเป็นบุคคลอันตรายและเขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าออกประเทศจีน..แต่ทำไมเขาถึงยัง..”
เย่เชียนก็รีบพูดอย่างเย็นชาว่า “เดี๋ยวก่อนสาวน้อย..ถึงแม้ว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยจะขโมยพระบรมสารีริกธาตุไปก็ตามแต่เขาก็ส่งมอบคืนมาแล้วเช่นกัน..เธอคิดว่าคนอย่างเธอจะนำพระบรมสารีริกธาตุกลับคืนมาได้หรือเปล่าล่ะเพราะคนคนนั้นคือหมาป่าผีไป๋ฮวยและเขาก็แข็งแกร่งเกินไป..อีกอย่างเมื่อกี้นี้เธอไม่เห็นเลยเหรอว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยต้องการต้อนพวกเธอไปฆ่าน่ะ..หึ..การสะกดรอยตามของพวกเธอเนี่ยย่ำแย่มาก..ลองคิดดูดีๆ ว่าตอนนี้ถ้าพวกเธอยังตามเขาไปพวกเธอจะยังมีชีวิตอยู่ได้หรือเปล่า!”
เซียวหวันและจื้อจุนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเมื่อนึกถึงสถานการณ์ที่พวกเขาสังเกตการณ์เหล่ยเจียงและตามเขามายังที่นี่และได้พบกับหมาป่าผีไป๋ฮวยโดยบังเอิญ ซึ่งพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวเหน็บเพราะเห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เย่เชียนพูดออกมานั้นมันเป็นความจริงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตามเซียวหวันก็ดูเหมือนจะหยิ่งผยองกับเย่เชียนมากเพราะตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอเห็นเย่เชียนนั้นถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าเย่เชียนพูดถูกแต่เธอก็ไม่มีวันยอมรับทั้งคำพูดและการกระทำของเขาเลย
เซียวหวันก็พูดอย่างเย็นชาว่า “นายคิดเหรอว่าเขี้ยวหมาป่าของนายจะยิ่งใหญ่ค้ำฟ้าในโลกใบนี้? ..นั่นมันเป็นเพราะหัวหน้าของเราคิดว่าพวกนายเป็นชาวจีนเพราะงั้นพวกเขาจึงเห็นใจเพื่อนร่วมชาติ..แต่ถ้าหากเมื่อไหร่ที่มังกรซ่อนเขี้ยวที่ซ่อนอยู่ของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของเราปรากฏตัวออกมานายคิดเหรอว่านายจะยังยืนหยัดอยู่ได้อีก!”
“เซียวหวัน! ” จื้อจุนตะคอกเซียวหวันอย่างดุเดือดจนเซียวหวันถึงกับผงะและรู้ว่าเธอพูดอะไรผิดเธอจึงรีบปิดปากของเธอไปอย่างรวดเร็ว
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำว่ามังกรซ่อนเขี้ยวอย่างชัดเจนซึ่งดูเหมือนว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนยังคงมีตัวหมากสำคัญหลงเหลืออยู่โดยการฟังจากน้ำเสียงของเซียวหวันแล้วในตอนนี้มังกรซ่อนเขี้ยวที่ซ่อนอยู่นั้นพวกเขาคงจะมั่นใจอย่างมากและพวกเขาเหล่านั้นน่าจะเป็นผู้ฝึกตนใช่มั้ย? เย่เชียนคิดอย่างลับๆ
“ผมต้องขอโทษคุณเย่ด้วยครับ..เซียวหวันเธอยังเด็กโปรดอย่าไปขุ่นเคืองเธอเลย” จื้อจุนพูดอย่างสุภาพ “สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เป็นความประมาทและความผิดพลาดของพวกเราเอง..แน่นอนว่าถ้าไม่ใช่เพราะคุณเย่เข้ามาขัดจังหวะเอาไว้ผมก็เกรงว่าพกวเราอาจจะตายไปด้วยเงื้อมมือของหมาป่าผีไป๋ฮวยแล้วจริงๆ ..ขอบคุณมากครับคุณเย่!”
“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก..ผมจงใจปล่อยให้หมาป่าผีไป๋ฮวยหนีไป” เย่เชียนพูดอย่างเฉยเมย
จื้อจุนก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างขมขื่นและไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เพราะเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นและถึงแม้ว่าเซียวหวันจะอารมณ์ร้อนและชอบทำให้เกิดปัญหาก็ตามแต่เธอก็ปฏิบัติตามหน้าที่ได้ดี เพียงแค่ว่าทุกๆ ครั้งที่เธอพบกับเย่เชียนก็มักจะมีการโต้เถียงเกิดขึ้นเสมอ
“ปู่เขาส่งพวกเธอมาที่นี่จริงๆ เหรอ..เห้อ..ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของพวกเธอเนี่ยมันไม่มีใครคนอื่นแล้วเหรอ..ทำไมคนที่ถูกส่งมาถึงต้องเป็นพวกเธอทุกครั้งเลยล่ะ” เย่เชียนมองไปที่เซียวหวันและพูดอย่างประชดประชัน
“นาย! …” เซียวหวันกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่จื้อจุนก็รีบขยิบตาให้เขาอย่างรวดเร็วเพื่อหยุดเธอเอาไว้ จากนั้นเขาก็ยิ้มเบาๆ และพูดว่า “เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ต่างก็ยุ่งเรื่องอื่นอยู่..พวกเขาจึงต้องส่งพวกเราสองคนมาและนอกจากนี้พวกเราเองก็ยังไม่มีประสบการณ์มากพอเพราะงั้นถ้าหากคุณเย่ช่วยแนะนำสิ่งต่างๆ ให้พวกเราก็คงจะดีมาก”
จื้อจุนนั้นพูดด้วยความสุภาพอย่างมาก ซึ่งเย่เชียนก็ไม่ชอบการเสแสร้งแสดงละครเช่นนี้เขาจึงพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “พวกคุณพักอยู่ที่ไหนกันล่ะ..เดี๋ยวผมจะไปหาพวกคุณในภายหลังและแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับสถานการณ์ในวันนี้..จากนั้นเราจะหารือกันเกี่ยวกับแผนการเฉพาะกิจ”
“ได้ครับ! ” หลังจากที่จื้อจุนตอบเขาก็บอกชื่อโรงแรมและห้องที่เขาพักอยู่ให้กับเย่เชียนแล้วพูดต่อ “เชิญคุณเย่ตามสบายเลยครับ..เดี๋ยวผมจะไปรอคุณที่โรงแรม..ขอตัวก่อนนะครับ” จื้อจุนพูดด้วยความถ่อมตัว
“อืม! ..” เย่เชียนตอบแล้วก็พยักหน้าเบาๆ หลังจากเฝ้าดูจื้อจุนและเซียวหวันจากไปแล้วเย่เชียนก็หันกลับมาและเดินไปยังที่จุดที่หมาป่าผีไป๋ฮวยยืนอยู่ก่อนหน้านี้และเขาก็พบสัญลักษณ์ลับขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าถูกทิ้งเอาไว้บนผนังในตรอกข้างๆ
.
.
.
.
.
.