ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 544 แผนการเป็นไปได้ด้วยดี
ตอนที่ 544 แผนการเป็นไปได้ด้วยดี
เมื่อเหล่ยเจียงพูดแบบนี้สถานการณ์ก็ค่อนข้างที่จะตึงเครียดและเจตนาฆ่าก็เริ่มอบอวลไปทั่วห้องโดยเฉพาะเซียวหวันที่จ้องมองอย่างตาโตเท่าตาของวัว เย่เชียนก็เห็นว่าสถานการณ์คนจะไม่มีถ้าหากผู้หญิงคนนี้มีอารมณ์ร้อนจนเกินไป
หลังจากไอสองสามครั้งเย่เชียนก็ยิ้มเบาๆ แล้วพูดว่า “คุณเหล่ย..โรวโร่วกับผมต้องขอตัวกลับก่อนนะครับ..คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเราพวกเราเพราะเราทุกคนล้วนเป็นนักธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายและเราทุกคนก็ปฏิบัติตามกฎหมายที่ดีและเป็นพลเมืองของประเทศจีนแล้วทำไมคุณถึงไม่กลับไปกับพวกเขาล่ะ..ถ้าผมเดาไม่ผิดมันจะต้องมีผู้สื่อข่าวรออยู่ข้างนอกมากมายเพราะงั้นถ้าคุณเหล่ยไม่ไปกับพวกเขาล่ะก็เหล่าผู้สื่อข่าวจะต้องเขียนข่าวทำข่าวตามอำเภอใจจนชื่อเสียงของคุณเสียหายใช่ไหมโรวโร่ว!”
“ใช่ค่ะคุณเหล่ย..คุณเป็นคนใจบุญฉันคิดว่าพวกเขาคงจะเข้าใจผิดนิดหน่อยเพราะงั้นคุณกลับไปกับพวกเขาเพื่อเคลียร์การเข้าใจผิดดีกว่านะคะ” หลินโรวโร่วพูด
เหล่ยเจียงก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “คุณเย่คุณหลินผมต้องขอโทษจริงๆ ที่ปล่อยให้พวกคุณเจอเรื่องตลกพวกนี้..ถ้างั้นผมจะเชิญพวกคุณมาทานอาหารค่ำกันในวันอื่นก็แล้วกัน” จากนั้นเขาก็หันไปมองหญิงวัยกลางคนและพูดว่า “เดี๋ยวผมจะไปกับพวกคุณแต่พวกคุณต้องคิดให้ดีล่ะเพราะถ้าพวกคุณไม่มีหลักฐานล่ะก็ผมจะร้องเรียนและฟ้องร้องหัวหน้าของคุณโดยตรง” จากนั้นเขาก็เหลือบไปที่แม่บ้านแล้วพูดว่า “โทรหาทนายให้ผมแล้วให้เขาตามไปกรมตำรวจส่วนกลางทันที”
“ได้ค่ะ! ” หญิงวัยกลางคนพูดอย่างสุภาพและถึงแม้ว่าเธอจะบอกว่าการกระทำนี้เป็นคำสั่งของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติก็ตาม แต่เธอก็เป็นแค่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอยู่ดีดังนั้นเธอต้องประพฤติให้เหมาะสมเมื่อต้องติดต่อกับคนอย่างเหล่ย เจียงไม่เช่นนั้นเธอเองที่จะเป็นฝ่ายลำบาก
เย่เชียนไม่ได้คาดหวังว่าเหล่ยเจียงจะสามารถถูกจับเข้าคุกได้ด้วยวิธีนี้เพราะมันจะเป็นอันตรายต่อแผนการของเขา ซึ่งสิ่งที่ทำให้เย่เชียนแปลกใจก็คือเมื่อเซียวหวันมองมาที่เขาและถึงแม้ว่าเธอจะยังคงมีความโกรธแบบเดียวกันกับที่เคยมีมาก่อนหน้านี้แต่ภายในดวงตานั้นก็ดูมีความอิจฉาผสมอยู่แต่เย่เชียนก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะหลังจากที่ตำรวจและเหล่ยเจียงจากไปเย่เชียนก็จับมือหลินโรวโร่วแล้วเดินออกไป
หลังจากมองดูรถตำรวจขับออกไปเย่เชียนก็เกาจมูกของหลินโรวโร่วแล้วพูดว่า “ยัยโง่คุณอย่าวิ่งไปไหนมาไหนตัวคนเดียวสิ..คุณรู้ไหมว่าเหล่ยเจียงคือใคร? ”
หลินโรวโร่วถามด้วยความประหลาดใจว่า “เขาคือใครหรอ..เขาไม่ใช่นักธุรกิจหรอ..ฉันเห็นว่าเขาเป็นนักธุรกิจที่ใจดีมาก”
หลินโรวโร่วมองหลินโรวโร่วด้วยหางตาและพูดว่า “ผมไม่รู้จะพูดกับคุณยังไงจริงๆ ..เหล่ยเจียงน่ะเป็นสมาชิกขององค์กรสัมพันธมิตรและเป็นเจ้าพ่อยาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย..ตอนนี้คนจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติกำลังจับตามองเขาอยู่และให้ความสำคัญกับสถานการณ์ในมณฑลเหอหนานในตอนนี้เพราะไม่มั่นคงและจะมีการสู้รบครั้งใหญ่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาและวันนี้เหล่ยเจียงก็มาเตือนผมโดยใช้คุณโดยบอกว่าเขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับผมอย่างชัดเจนและถ้าผมไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขของเขาล่ะก็เขาจะใช้คุณเพื่อคุกคามผม”
“ห๊ะ? ..ถ้าอย่างนั้นก็เหมือนฉันจะทำร้ายคุณหรอ?” หลินโรวโร่วพูดอย่างประหม่า “ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าเขาเป็นคนแบบนี้”
“เราไม่สามารถตัดสินผู้คนได้ด้วยรูปลักษณ์และการกระทำภายนอกเพราะงั้นเพียงแค่ผิวเผินก็อย่าไปตัดสินว่าคนคนนั้นดีหรือไม่ดี..แต่ยังโชคดีที่ผมมีแผนรับมือกับพวกเขาอยู่แล้วเพราะเหล่ยเจียงคนนี้เป็นคนที่กำจัดได้ยากและเป็นบุคคลอันตรายอย่างมาก..ไปกันเถอะผมจะพาคุณกลับไปที่โรงแรมและพรุ่งนี้ผมจะส่งคุณกลับเซี่ยงไฮ้” เย่เชียนพูด
“คุณต้องระวังตัวให้มากๆ นะ” หลินโรวโร่วพูดอย่างเป็นห่วง
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องห่วงเพราะคราวนี้ผมจะมอบทุกอย่างให้สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติจัดการ..ผมมีหน้าที่แค่รอดูการแสดงของพวกเขาเท่านั้น”
ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องดังมาจากข้างในบ้านของเหล่ยเจียงซึ่งเป็นเสียงของแม่บ้านจนเย่เชียนอดไม่ได้ที่จะผงะและรีบพูดกับหลินโรวโร่วว่า “คุณรอผมอยู่ที่นี่ก่อนนะ! ” ทันทีที่เสียงนั้นจบลงเย่เชียนก็รีบหันกลับไปและรีบวิ่งเข้าไปข้างในบ้านของเหล่ยเจียงแต่ประตูถูกล็อคดังนั้นเย่เชียนจึงมองผ่านหน้าต่างกระจกและเห็นแม่บ้านนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นและเสียชีวิตไปแล้วอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเย่เชียนกำลังงุนงงอยู่จู่ๆ ร่างคนร่างหนึ่งก็กระโดดออกมาจากหน้าต่างของบ้านและวิ่งไปอย่างรวดเร็วและหายไปในชั่วพริบตา ซึ่งเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการไล่ตามไปแต่ทว่าหลินโรวโร่วกำลังอยู่ข้างนอกดังนั้นเย่เชียนจึงไม่สามารถทิ้งหลินโรวโร่วให้อยู่คนเดียวได้
อย่างไรก็ตามร่างนั้นก็คุ้นเคยเป็นอย่างดีเพราะนอกจากหมาป่าผีไป๋ฮวยแล้วเย่เชียนก็ไม่สามารถนึกถึงใครอื่นได้จริงๆ ซึ่งพฤติกรรมของหมาป่าผีไป๋ฮวยมักจะทำให้เย่เชียนประหลาดใจอยู่เรื่อยๆ และเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมหมาป่าผีไป๋ฮวยถึงต้องฆ่าแม่บ้านของเหล่ยเจียงด้วยหรือเขาจะมีความขัดแย้งระหว่างเหล่ยเจียงใช่หรือไม่? แต่ถ้าหากคนอย่างหมาป่าผีไป๋ฮวยมีความขัดแย้งกับเหล่ยเจียงเขาก็จะฆ่าเหล่ยเจียงโดยตรงอย่างแน่นอนแล้วเหตุใดทำไมเขาถึงต้องฆ่าแม่บ้านของเหล่ยเจียงด้วย?
การกระทำของหมาป่าผีไป๋ฮวยนั้นแปลกประหลาดอยู่เสมอและถึงแม้ว่าเย่เชียนจะเข้าใจมากแต่เย่เชียนก็ไม่สามารถเข้าใจจุดประสงค์ของหมาป่าผีไป๋ฮวยได้อย่างเต็มที่สำหรับการกระทำหลายๆ อย่างของเขา อย่างไรก็ตามสิ่งที่หมาป่าผีไป๋ฮวย พูดในวันนั้นก็ชัดเจนมากว่าเขาจะจัดการเขี้ยวหมาป่าแต่เขาก็ไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องเขี้ยวหมาป่านอกจากเขาเท่านั้น ซึ่งนี่ก็ดูเหมือนจะเป็นการช่วยเหลือเขี้ยวหมาป่าทางอ้อมหรือเป็นไปได้ไหมว่าครั้งนี้หมาป่าผีไป๋ฮวยกำลังช่วยเขี้ยวหมาป่าอยู่?
ซึ่งเย่เชียนก็จะถามเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อเขาพบหมาป่าผีไป๋ฮวยในครั้งต่อไป ในตอนนี้เย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และหันหลังเดินออกจากบ้านไปและเมื่อเธอมาถึงข้างๆ หลินโรวโร่วแล้วเธอก็ถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เกิดอะไรขึ้น? ..คุณเป็นอะไรไหม? ”
“ผมไม่เป็นไร..กลับโรงแรมกันเถอะ” เย่เชียนยิ้มอย่างมีความสุขและพูดข้างๆ หูของหลินโรวโร่วจนหลินโรวโร่วรู้สึกสั่นไปทั่วร่างกายและเธอก็มองเย่เชียนด้วยหางตาและถอนหายใจแล้วพูดว่า “เราอยู่ในที่สาธารณะกันนะ! ”
“ที่สาธารณะแล้วไงก็ผมรักกับภรรยาของผม..ทำไมผมจะถูกตำรวจจับผมหรอ” ” เย่เชียนพูดอย่างเฉยเมยราวกับว่าหมูที่ตายแล้วและไม่กลัวน้ำเดือด
หลินโรวโร่วก็จ้องมองไปที่เขาและไม่ได้พูดอะไรอีกเพราะหลังจากที่อยู่กับเย่เชียนมานานเธอก็รู้ถึงนิสัยของเย่เชียนดีว่ายิ่งเธอพูดมากเท่าไหร่เขาก็จะยิ่งไร้ยางอายมากขึ้นเท่านั้น
*********************************************
ในขณะนี้เหล่ยเจียงก็เดินออกจากสถานีตำรวจมาอย่างเป็นธรรมชาติเพราะท้ายที่สุดสำนักงานกองสืบสวนเชิงพาณิชย์ก็ยังไม่มีหลักฐานใดๆ ที่จะยืนยันว่าเหล่ยเจียงเลี่ยงภาษีและที่สำคัญกว่านั้นในแผนของเย่เชียนเขาก็แค่ต้องการใช้สิ่งนี้เพื่อระงับอายัดบัญชีธนาคารของเหล่ยเจียงเอาไว้เพื่อที่เขาจะต้องระดมเงินทุนด้วยยาเสพติดแทน
ถึงแม้ว่าเหล่ยเจียงจะออกมาจากสถานีตำรวจแล้วแต่ศาลก็ยังคงอายัดบัญชีธนาคารของเขาเนื่องจากต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อป้องกันไม่ให้เหล่ยเจียงโอนทรัพย์สินหนีและถึงแม้ว่าเหล่ยเจียงจะมั่นใจมากแต่เขาก็ทำอะไรไม่ถูกเพราะนี่เป็นคำสั่งโดยตรงจากเบื้องบนและถึงแม้ว่าเขาจะมีเครือข่ายในมณฑลเหอหนานแต่ถึงยังไงเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้อยู่ดี
บัญชีธนาคารถูกอายัดจนเหล่ยเจียงรู้สึกทุกข์ใจมากเพราะเขารู้ดีว่าถ้าหากเขาต้องการเอาชนะฮัวซงเจี๋ยในครั้งนี้มันต้องไม่เพียงแค่จะเอาชนะเขาในแง่ของกำลังคนเท่านั้นแต่ที่สำคัญกว่านั้นคือการบดขยี้เขาอย่างสมบูรณ์ในแง่ของเงินทุนและด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่จะสามารถเอาชนะได้เพราะนักพนันจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างก็กุมเงินทุนเอาไว้ในมือจำนวนมหาศาลกันทั้งนั้นดังนั้นเขาจึงต้องใช้คาสิโนของฮัวซงเจี๋ยในการฟอกเงินได้อย่างราบรื่น แต่ตอนนี้บัญชีธนาคารของเขากลับถูกอายัดและไม่สามารถถอนเงินในบัญชีได้และถึงแม้ว่าเขาจะมีเงินฝากในธนาคารสวิสก็ตามแต่มันก็ไม่มีวิธีการโอนเงินสดข้ามประเทศเพราะถ้าหากเขาต้องการใช้เงินสดมันก็จะยากมากที่จะนำเงินออกมาจากสวิตเซอร์แลนด์มายังประเทศจีน
สิ่งที่ทำให้เหล่ยเจียงโกรธมากที่สุดก็คือเมื่อเขากลับไปที่บ้านเขาก็พบว่าแม่บ้านของเขานอนจมกองเลือดอยู่และถึงแม้ว่าเธอจะเป็นแม่บ้านในนามแต่จริงๆ แล้วเธอก็เป็นถึงมือซ้ายและมือขวาของเหล่ยเจียง เพราะแทบจะทุกอย่างแม่บ้านคนนั้นก็เป็นคนดำเนินการให้
คนแรกที่เหล่ยเจียงนึกถึงก็คือแต่แล้วเขาก็ตระหนักได้ว่าเย่เชียนไม่จำเป็นต้องฆ่าแม่บ้านของเขาเลยและยิ่งไปกว่านั้นเขาเชื่อว่าเย่เชียนสามารถเข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึงได้ในตอนนี้และเย่เชียนก็รับปากแล้วว่าจะไม่เข้ามาแทรกแซง ดังนั้นจะเหลือแค่ฮัวซงเจี๋ยและเขาก็ไม่สามารถนึกถึงใครอื่นได้นอกจากเขา
เมื่อนึกถึงฮัวซงเจี๋ยดวงตาของเหล่ยเจียงก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดออกมาด้วยความเย็นชาเพราะถ้าไม่ใช่เพราะฮัวซงเจี๋ยคนที่นี้ครอบครองธุรกิจการพนันแล้วเขาจะไปทำสงครามกับฮัวซงเจี๋ยทำไม ซึ่งเขาแค่ต้องการฟอกเงินผ่านคาสิโนของฮัวซงเจี๋ยก็แค่นั้นซึ่งมันก็ดีสำหรับฮัวซงเจี๋ยด้านกำไรแต่ทว่าฮัวซงเจี๋ยกลับไม่ยอมตกลง ดังนั้นเหล่ยเจียงจึงไม่สามารถนึกถึงสิ่งอื่นใดได้นอกจากวิธีเดียวคือการกำจัดฮัวซงเจี๋ยทิ้ง
สิ่งต่างๆ ก็กำลังดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบตามที่เย่เชียนคาดการณ์เอาไว้และเหล่ยเจียงก็ไม่กล้าที่จะละเลยแม้แต่น้อยและรีบติดต่อสมาชิกคนอื่นๆ ขององค์กรสัมพันธมิตรทันทีเพื่อที่จะเตรียมจัดการเรื่องใหญ่เพื่อระดมทุนให้กับตัวเอง
คราวนี้ยาเสพติดก็ถูกขนส่งจากอเมริกาใต้และโอนโดยตรงไปยังประเทศหมู่เกาะต่างๆ ผ่านมณฑลเหอหนานจำนวนรวมประมาณห้าตัน ซึ่งถ้าหากทุกอย่างเป็นไปด้วยดีเหล่ยเจียงก็จะมีเงินทุนเพียงพอที่จะจัดการกับฮัวซงเจี๋ย ในความเป็นจริงถ้าไม่ใช่เพราะเย่เชียนที่ต้องการกำจัดปัญหาในอนาคตเขาแล้วเขาก็ไม่ได้อยากที่จะจัดการกับเหล่ยเจียงเพราะท้ายที่สุดแล้วการขนส่งยาเสพติดไปยังประเทศหมู่เกาะหรือประเทศญี่ปุ่นของเหล่ยเจียงนั้นก็เป็นสิ่งที่เย่เชียนต้องการเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเนื่องจากเหตุการณ์นี้ทำให้สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติตื่นตระหนกและถึงแม้ว่าเย่เชียนจะยกเลิกแผนในตอนนี้แต่ถึงยังไงหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็จะไม่ปล่อยให้เจ้าพ่อยาเสพติดรายใหญ่คนนี้ลอยนวลไป นอกจากนี้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนยังจับตามองเหล่ยเจียงมาเป็นเวลานานแต่น่าเสียดายที่เขาต้องทนทุกข์ทรมานเพราะไม่มีโอกาสจัดการกับเหล่ยเจียงในที่สุดแต่ตอนนี้ในที่สุดเหล่ยเจียงก็ตกเป็นเหยื่อแล้วดังนั้นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะปล่อยเหล่ยเจียงไปได้อย่างไร
หลังจากที่หลินโรวโร่วพักอยู่ในโรงแรมเป็นเวลาเกือบหนึ่งวันหนึ่งคืนเย่เชียนก็ส่งหลินโรวโร่วขึ้นเครื่องบินกลับไปที่เมืองเซี่ยงไฮ้และบอกวิธีการฝึกศิลปะการต่อสู้โบราณที่อันซือสอนให้เย่เหวินโดยหวังว่าเธอจะสามารถฝึกฝนได้ อย่างไรก็ตามเมื่อหลินโรวโร่วมองดูตำราศิลปะการต่อสู้ของเย่เชียนที่คัดลอกมาอย่างยากลำบากเธอก็เพียงแค่ยิ้มและปฏิเสธซึ่งทำให้เย่เชียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่ได้คาดเดาหรือกังวลมากเกินไปเพราะมีเพียงแค่หลินโรวโร่วเท่านั้นที่ไม่ชอบความรุนแรงเหล่านี้
เมื่อส่งหลินโรวโร่วเข้าเทอร์มินอลไปแล้วเย่เชียนก็ออกจากสนามบินและขับรถไปที่โรงพยาบาลโดยไม่พักใดๆ
.
.
.
.
.
.
.