ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 549 กำไรที่ไม่คาดฝัน
ตอนที่ 549 กำไรที่ไม่คาดฝัน
เย่เชียนก็ไม่ได้ปฏิเสธสิ่งที่แจ็คพูดเพราะอันที่จริงเหล่าสมาชิกเขี้ยวหมาป่านั้นไม่ได้ลึกลับเหมือนกับนักฆ่าขององค์กรเซเว่นคิล ซึ่งในตะวันออกกลางองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าคือการดำรงอยู่ตามกฎหมายและแต่ละคนก็สามารถเข้าออกโรงพยาบาลหรือพื้นที่ราชการได้อย่างยิ่งใหญ่และมีส่วนร่วมในงานเลี้ยงของรัฐบาลครั้งสำคัญได้ ดังนั้นถึงแม้ว่าจะมีคนไม่มากนักที่รู้ถึงลักษณะทางกายภาพและจุดเด่นของพวกเขาก็ตามแต่สำหรับใครที่อยากรู้เรื่องพวกนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับใครบางคนที่มีเครือข่ายที่ดี
อย่างไรก็ตามถึงยังไงก็มีไม่กี่คนที่รู้ว่าเย่เชียนนั้นแพ้กุ้งและยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนก็ยังคิดไม่ออกว่าถ้าอันซือและเย่เหวินไม่ใช่แม่และน้องสาวของเขาแล้วพวกเขามีจุดประสงค์อะไร? เนื่องจากพวกเขาสามารถรู้เกี่ยวกับตัวเองได้ถึงขนาดนี้จึงเห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นคนที่มีเครือข่ายและไม่ธรรมดาเลย ซึ่งพวกเขาไม่ได้ต้องการพึ่งพาเย่เชียนเพื่อให้มีชีวิตที่ดีแต่อย่างใดและยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังบอกเย่เชียนถึงวิธีการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้โบราณและทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะเป็นแม่และน้องสาวผู้ให้กำเนิดของเย่เชียนจริงๆ
อย่างไรก็ตามการแสดงออกและการกระทำที่พวกเขาแสดงออกมาเป็นครั้งคราวนั้นกลับทำให้เย่เชียนสงสัยและยิ่งกว่านั้นเย่เชียนก็ไม่ได้สัมผัสความรักระหว่างแม่กับลูกเลย? เพราะความทรงจำเกี่ยวกับพ่อและแม่ในความคิดของเขาก็ยังคงคลุมเครือและไม่ชัดเจนเลยแม้แต่น้อย
หากเย่เชียนเป็นเพียงคนธรรมดานั้นถึงแม้ว่ามันจะเป็นการหลอกลวงก็ตามแต่เย่เชียนก็อาจจะเชื่อและไม่คิดที่จะสงสัยมัน อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาไม่เพียงแค่แบกรับชะตากรรมของตัวเองแต่ยังรวมไปถึงชะตากรรมของพี่น้องหลายคนของเขี้ยวหมาป่าและเจตนารมณ์ของเฉินฟู่เฉิงในเมืองหนานจิงและความไว้วางใจของฉินเทียนและอื่นๆ ดังนั้นเย่เชียนจึงต้องระวังและต้องทำให้เรื่องนี้ชัดเจนและกระจ่างแจ้ง
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดว่า “ตามนั้น”
“บอสผมเข้าใจความรู้สึกของบอสในตอนนี้นะและผมก็รู้ด้วยว่าบอสคิดถึงพวกเขาจริงๆ ในฐานะครอบครัวของ..ผมน่ะเข้าใจความปรารถนาของเด็กกำพร้าที่ต้องการบ้าน..เพราะพ่อแม่ของผมเองก็เสียชีวิตไปต่อหน้าผมเหมือนกันซึ่งความปรารถนานั้นมันเป็นความรู้สึกของการเหมือนอยู่ที่บ้านและมีความสุขเป็นพิเศษ..แต่ว่าถนนข้างหน้านั้นมักจะเต็มไปด้วยขวากหนามและอุปสรรคแล้วถ้าเราไม่ระวังล่ะก็เราอาจจะตกลงไปในหน้าผาและพังทลายไป..ดังนั้นผมก็หวังว่าบอสจะรักษาสติเอาไว้และอย่าหลงกลไปกับความสุขชั่วขณะแบบนั้นนะครับ” แจ็คพูดด้วยความจริงใจ
หลังจากถอนหายใจลึกๆ เย่เชียนก็พูดว่า “ขอบใจมากฉันรู้ว่าต้องทำยังไงไม่งั้นฉันคงไม่ให้นายไปช่วยตรวจสอบตัวตนของพวกเขาหรอก..ฉันก็แค่สับสนเพราะพวกเขาเต็มใจที่จะบอกวิธีการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้โบราณให้ฉันอย่างง่ายดายและมันเป็นเพียงแค่การได้รับความไว้วางใจจากฉันแค่นั้นหรือเปล่าก็ไม่รู้และแท้ที่จริงแล้วพวกเขาต้องการอะไรจากฉันกันแน่”
“บอสหมายถึงพวกเขาให้วิธีการฝึกศิลปะการต่อสู้โบราณเหล่านั้นกับบอสเพื่อซื้อความไว้ใจอย่างงั้นหรอ?” แจ็คก็ถึงกับผงะและถามด้วยความประหลาดใจ
เย่เชียนก็พยัคหน้าแล้วพูดว่า “ใช่! ..แต่นายสามารถมั่นใจได้เพราะฉันน่ะระวังตัวอยู่ตลอดเวลา”
แจ็คก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อรู้ว่าเย่เชียนยังคงตื่นตัวอยู่และไม่หลงระเริงไปกับความสุขที่ได้พบพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดที่พรากจากกันมานาน หลังจากหยุดไปชั่วขณะแจ็คก็พูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นพวกเขาต้องการให้บอสทำอะไรบ้างหรือเปล่า..พวกเขาเรียกร้องอะไรบ้างไหมยกตัวอย่างเช่นการแก้แค้นอะไรแบบนี้”
“ใช่! ..พวกเขาต้องการให้ฉันทำลายตระกูลเย่และเรื่องมันก็ซับซ้อนกว่านี้มาก..พูดง่ายๆ ก็คือตระกูลเย่ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายและพวกเขาก็หวังว่าฉันจะสามารถล้างแค้นตระกูลเย่ให้พวกเขาได้” เย่เชียนพูด
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแจ็คก็พูดว่า “ดูเหมือนว่าถ้าบอสต้องการรู้ความจริงของทั้งหมดนี้ก็ต่อเมื่อบอสได้พบตระกูลเย่..บอสไม่ต้องกังวลไปผมจะให้เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของเขี้ยวหมาป่าสืบค้นต่อให้แล้วผมจะรีบแจ้งทันทีที่มีข่าวสารใหม่ๆ”
เย่เชียนก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “งั้นก็ขอรบกวนหน่อยก็แล้วกัน..ถ้านายมีคำถามอะไรก็โทรมาหาฉันได้ทุกเมื่อ”
แจ็คก็ตอบกลับและปิดการสนทนาทางวิดีโอไป
เย่เชียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วจุดไฟ ซึ่งหลังจากพูดคุยกับแจ็คแล้วเขาก็ประโยชน์อย่างมากเพราะอย่างน้อยๆ มันก็ทำให้เขาตื่นตัวมากขึ้น ส่วนเรื่องที่ว่าอันซือกับเย่เหวินนั้นเป็นแม่และน้องสาวของตัวเองหรือไม่นั้นเขาก็ต้องเข้าใจสถานการณ์ที่แท้จริงก่อนและถึงแม้ว่าผลสุดท้ายจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ เย่เชียนก็เต็มใจที่จะตรวจสอบเรื่องนี้โดยเสี่ยงต่อการถูกพวกเขาขุ่นเคือง
บางทีอาจเป็นอย่างที่แจ็คพูดจริงๆ ว่าเย่เชียนต้องพบคนของตระกูลเย่ก่อนถึงจะเข้าใจสิ่งต่างๆ อย่างแท้จริง
หลังจากสูบบุหรี่แล้วเย่เชียนก็เขี่ยก้นบุหรี่ทิ้งไปและหลังจากนั้นก็กดเบอร์โทรศัพท์ซองหลันแล้วจากนั้นไม่นานก็มีเสียงของโทรศัพท์ของอีกฝ่ายดังขึ้น ซึ่งเย่เชียนก็ตกตะลึงอย่างมากเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ซ่งหลันตัดสายโทรศัพท์ของเขาทิ้ง ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอแต่เย่เชียนก็ยักไหล่เล็กน้อยและวางโทรศัพท์ทิ้งเอาไว้และไม่ได้โทรหาเธออีก
เมื่อเขาเดินไปที่ห้องนั่งเล่นเขาพบว่าชิงเฟิงไม่สามารถอดใจรอได้เพราะเขานั่งไขว่ห้างและดูเอกสารที่เย่เชียนให้เอาไว้อย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งเย่เชียนก็ไม่อยากรบกวนเขาเย่เชียนจึงหันหลังเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง
เย่เชียนเบื่อหน่ายกับเวลาว่างเขาจึงเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อค้นหาข่าวสารบนอินเทอร์เน็ตและพบข่าวที่ไม่คาดคิดซึ่งดึงดูดความสนใจของเขา “ผู้อำนวยการกรมตำรวจส่วนกลางถูกสงสัยว่าทุจริตและติดสินบนคณะกรรมาธิการตรวจสอบวินัย..ทางการเผยได้รับจดหมายรายงานที่ไม่เปิดเผยชื่อ…” หนึ่งในภาพขนาดใหญ่ดึงดูดความสนใจของเย่เชียนอย่างมากและเขาคนนั้นก็คือเฉินจงข่ายผู้อำนวยการกรมตำรวจส่วนกลางของเมิงเจิ้งโจวโดยที่มือของเขาถูกใส่กุญแจมือและใบหน้าที่หดหู่ถูกพาเข้าไปในรถตำรวจ
การดำเนินเรื่องนั้นเร็วมากและเย่เชียนก็ถอนหายใจอย่างลับๆ เพราะในความเป็นจริงเย่เชียนคิดว่าถึงแม้ว่าเฉินจงข่ายจะทุจริตและรับสินบนแต่เขาก็ไม่น่าจะถูกดำเนินคดีในเวลาอันรวดเร็วขนาดนั้น อย่างไรก็ตามท่าทีของรัฐบาลต่อเฉินจงข่ายในครั้งนี้ทำให้เย่เชียนประหลาดใจมากและคิดว่ามณฑลเหอหนานกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาที่สำคัญของประเทศเพื่อให้นักลงทุนมีความมั่นใจอย่างมากและนี่คือเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงดำเนินการกวาดล้างทุจริตได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นภาพนี้เย่เชียนก็ได้เห็นชะตากรรมที่น่าเศร้าของเฉินจงข่าย ซึ่งตอนแรกเฉินจงข่ายยืมเงินฮัวซงเจี๋ยไปมากกว่าสี่ล้านหยวนและตอนนี้ทรัพย์สินของเฉินจงข่ายก็ถูกยึดและเขาก็ไม่สามารถจ่ายเงินสี่ล้านหยวนคืนฮัวซงเจี๋ยได้ดังนั้นฮัวซงเจี๋ยจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร? ด้วยอิทธิพลของฮัวซงเจี๋ยแล้วถึงแม้ว่าเฉินจงข่ายจะเข้าคุกไปแต่เกรงว่าเขาก็ยังไม่ปลอดภัยหรอกใช่มั้ย?
ความหายนะของเฉินจงข่ายถูกโชคชะตาที่น่าเศร้าของหลัวป้อโจมตีอย่างแท้จริง ซึ่งก่อนหน้านี้หลัวป้อมักจะอาศัยตำแหน่งของเฉินจงข่ายในการทุจริตทำให้หลายคนไม่พอใจเพราะในเวลานั้นเฉินจงข่ายสามารถหนุนหลังเขาได้และคนอื่นๆ ก็กลัวที่จะคุกคามเขาแต่ทว่าตอนนี้หากปราศจากการสนับสนุนของเฉินจงข่ายแล้วหลัวป้อจะมีชีวิตที่ดีได้อย่างไร?
เย่เชียนก็ยังคงเปิดหน้าเว็บอินเทอร์เน็ตเพื่อหาข่าวสารต่างๆ เพิ่มเติมและแน่นอนว่าสถานการณ์ก็เหมือนกับที่เขาคาดการณ์เอาไว้เพราะเมื่อวานนี้หลังจากที่เฉินจงข่ายถูกกรรมการตรวจสอบวินัยกลางแล้วหลัวป้อก็ตระหนักได้ว่ามันมีบางอย่างผิดปกติเขาจึงไปที่ธนาคารถอนเอาเงินทั้งหมดเตรียมขึ้นเรือหนีไปมาเก๊าแล้วจะหนีไปยังต่างประเทศ อย่างไรก็ตามเมื่อเขาอยู่ที่ท่าเรือหลัวป้อก็ถูกฆ่าตายและศพก็จมน้ำและเมื่อตำรวจกู้ร่างของเขาขึ้นมาร่างก็เขาก็บวมไปด้วยน้ำแล้ว
มีรูปถ่ายร่างของหลัวป้ออยู่ด้านล่างของหน้าอินเทอร์เน็ตและข้อความซึ่งน่าขยะแขยงอย่างมาก
เย่เชียนก็ยังคงค้นหาต่อไปและหน้าที่สองก็เป็นข่าวการปราศรัยของเลขาธิการคณะกรรมการพรรคเทศบาลเมืองเจิ้งโจวและเย่เชียนก็ไม่ได้อ่านเนื้อหาอย่างละเอียดเพราะมันเป็นสิ่งที่รัฐบาลไม่อนุญาตให้มีการทุจริตอย่างแน่นอนและพวกเขาก็พยายามปราบปรามการทุจริตของเจ้าหน้าที่ แต่เย่เชียนก็ไม่ได้คาดหวังว่าการเคลื่อนไหวแบบสุ่มสี่สุ่มห้าของตัวเองจะทำให้เกิดพายุอันรุนแรงเช่นนี้ในการกวาดล้างการทุจริตของรัฐบาลจนเย่เชียนรู้สึกตกตะลึงอย่างมาก
เมื่อเย่เชียนกำลังจดจ่ออยู่กับข่าวสารจู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นแต่เย่เชียนก็ไม่ได้มองเลยด้วยซ้ำดังนั้นเขาจึงเชื่อมต่อทันทีและพูดอย่างรีบร้อนว่า “ว่าไงพี่หลัน”
น้ำเสียงของเขาดูตื่นเต้นและร้อนใจอย่างมากและแม้แต่ซ่งหลันเองก็ยังรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น ซึ่งหลังจากงุนงงเล็กน้อยซ่งหลันก็พูดว่า “วันนี้นายดูผิดปกติไปนะเป็นอะไรรึเปล่า? ”
“ทำไมพี่ถึงตัดสายผมไปล่ะ..พี่รู้ไหมว่าผมเป็นห่วงน่ะ” เย่เชียนพูด
ซ่งหลันก็ยังงุนงงอยู่เล็กน้อยและพูดด้วยความว่างเปล่าว่า “เย่เชียนนายเป็นอะไรหรือเปล่า..ทำไมวันนี้พูดแปลกๆ ..นี่มันไม่เหมือนกับนิสัยของนายเลย”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็ตระหนักว่าน้ำเสียงที่เขาเพิ่งจะพูดออกไปนั้นดูตื่นตระหนกเกินจริงไปอย่างมากเขาจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “พี่หลันผมได้ยินฮวนเฟิงพูดว่าช่วงนี้พี่อารมณ์ไม่ค่อยดี..มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าบอกผมได้นะ..มีอะไรที่ผมช่วยได้ไหม”
“นายสนใจฉันด้วยเหรอ..ฉันคิดว่านายไม่เคยสนใจฉันเลย” ซ่งหลันพูดด้วยความเจ็บปวด “ฉันอารมณ์ดีจะตายอย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของหวนเฟิงเลย..ตอนนี้ฉันมีความสุขมากเพราะไฮโซหนุ่มส่งดอกไม้มาให้ฉันทุกวันเลย”
คิ้วของเย่เชียนก็ขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขารู้สึกเจ็บแปลบในใจและในขณะนี้เย่เชียนก็ตระหนักว่าเขารู้สึกขอบคุณซ่งหลันมาโดยตลอดและเขาก็รู้สึกรักเธอจริงๆ “ไฮโซหนุ่มเหรอ? ..ใครเขาชื่ออะไร..เขาทำงานอะไร?” เย่เชียนถามอย่างหึงหวง
“นายมาสนใจอะไรฉัน..เขาเป็นทายาทของครอบครัวที่เก่าแก่มากในประเทศญี่ปุ่นและเขาก็เป็นนักเรียนที่มีความสำเร็จสูงที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด” ซงหลันพูด
“ชาวญี่ปุ่น?” เย่เชียนขมวดคิ้วและพูดว่า “ไม่! ..พี่ห้ามติดต่อกับเขาอีกในอนาคตและแม้แต่การติดต่อทางธุรกิจด้วย”
“คุณเป็นใคร..ทำไมนายถึงมาห้ามฉัน” ซ่งหลันตะคอกและพูดว่า “ฉันทำงานและช่วยนายมามากพอแล้ว..และทำเพื่อพวกนานมาหลายปีแล้วเพราะงั้นสิ่งที่ฉันเป็นหนี้นายมันก็ควรได้ชำระล้างหมดแล้วไม่ใช่เหรอ..นายไม่มีสิทธิ์บังคับฉัน!” ซ่งหลันก็ยังเป็นผู้หญิงและไม่ว่าเธอจะแข็งแกร่งสักแค่ไหนแต่เธอก็ยังมีจุดที่เปราะบางอยู่ในใจเธอเสมอ และจุดที่เปราะบางของเธอก็คือดูเหมือนว่าเธอจะติดตามเย่เชียนอย่างสิ้นหวังมาโดยตลอดเพราะเย่เชียนดูเหมือนจะไม่สนใจเธอเลย
หนึ่งปีหรือสองปีหลังจากหลายปีที่ผ่านนั้นมาซ่งหลันก็เหนื่อยอย่างมากและไม่ว่าความรักของเธอจะร้อนแรงแค่ไหนแต่เธอก็รู้ดีว่าความรักของเธอนั้นไม่มีทางสมหวังและจะไม่มีการหวนกลับไปได้อีกและนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอแกล้งเย่เชียนอยู่ตลอดเวลาเพราะเธอแค่ต้องการค้นหาความรู้สึกในนั้นและความรู้สึกที่เย่เชียนห่วงใยตัวเธอ
.
.
.
.
.
.
.