ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 551 เหตุกราดยิงในสนามบิน ตอนที่ 1
ตอนที่ 551 เหตุกราดยิงในสนามบิน ตอนที่ 1
เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์เย่เชียนก็ตกตะลึงจากนั้นก็ถามไปว่า? “มิสเตอร์คูลอฟส์เหรอ” ซึ่งถึงแม้ว่าคูลอฟส์อังเดรจะพูดภาษาจีนได้แต่ชาวต่างชาติมักจะมีลิ้นที่ใหญ่และเมื่อพูดภาษาจีนและหลายๆ คำก็ไม่ค่อยชัดเจนนักและโชคดีที่ความสามารถทางภาษาของเย่เชียนนั้นดีเพราะเขาได้สื่อสารกับคูลอฟส์อังเดรหลายครั้งดังนั้นเขาจึงสื่อสารกันรู้เรื่อง
อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของคูลอฟส์อังเดรก็ทำให้เย่เชียนประหลาดใจและเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าหลินโรวโร่วจะมาในเร็วๆ นี้ ซึ่งดูเหมือนว่าคูลอฟส์อังเดรให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับผลประโยชน์อันมหาศาลของการพนันในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้นเย่เชียนจึงบอกให้คูลอฟส์อังเดรรออยู่ที่สนามบินและอย่าเดินไปไหนมาไหนรอบๆ ซึ่งเย่เชียนก็บอกชิงเฟิงสั้นๆ และหลังจากนั้นทั้งสองก็ออกจากบ้านและขับรถไปที่สนามบินทันที
“คูลอฟส์อังเดรมาที่เมืองเจิ้งโจวแล้วหรอ?” ชิงเฟิงเอ่ยปากถามด้วยความประหลาดใจในขณะที่รถกำลังขับอยู่บนทางหลวงเพื่อไปสนามบิน
“เบื้องหลังของฮัวซงเจี๋ยคือการสนับสนุนจากแก๊งยามากุจิของประเทศญี่ปุ่นและเบื้องหลังเหล่ยเจียงคือพวกมาเฟียรัสเซีย ดังนั้นการกำจัดศัตรูตัวใหญ่ทั้งสองนี้กลุ่มมาเฟียของคูลอฟส์อังเดรจึงเหมาะสมที่สุด..ซึ่งตอนนี้เขี้ยวหมาป่าของเราก็อยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาที่มั่นคงและเมื่อถึงเวลาเขี้ยวหมาป่าก็ไม่จำเป็นต้องใช้พลังของใครเพื่อกำจัดฮัวซงเจี๋ยและเหล่ยเจียงเลย..แต่ทว่าตอนนี้พวกเรากับคูลอฟส์อังเดรก็อยู่ในความสัมพันธ์แบบร่วมมือกันแล้วถ้าหากเราไม่ยืมพลังของเหล่ามาเฟียคูลอฟส์ล่ะก็มันก็ดูเหมือนจะเปล่าประโยชน์ไปเสียหน่อย” เย่เชียนแสยะยิ้มแล้วพูด
“ทำไมการกำจัดฮัวซงเจี๋ยและเหล่ยเจียงถึงได้ลำบาดขนาดนี้ล่ะ..ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเองเดี๋ยวผมจะจัดการพวกเขาและทิ้งศพพวกเขาเอาไว้ในถิ่นทุรกันดารภายในคืนเดียวเอง” ชิงเฟิงพูด
“ไอบ้านี่นายก็รู้ดีว่าอะไรเป็นจุดประสงค์หลักของเราในครั้งนี้..ซึ่งมันคือการเข้าครอบครองธุรกิจของฮัวซงเจี๋ยเพราะมันเป็นกำไรที่มหาศาล..เพราะตอนนี้หลี่เหว่ยต้องการเงินทุนจำนวนมากในการเสริมกำลังของกองทัพเรือ..ดังนั้นเราจึงต้องการเงินทุนอย่างเร่งด่วนและตอนนี้ผลกำไรอันมหาศาลมันก็คือการพนันฟุตบอลโลกและมันก็กำลังจะเปิดตัว..แต่ถ้าหากเหล่ยเจียงสามารถเอาชนะได้ก่อนเริ่มการแข่งขันฟุตบอลโลกและเข้ายึดครองอุตสาหกรรมของฮัวซงเจี๋ยได้สำเร็จล่ะก็รายได้ต่อวันของเขาจะราวๆ หลายร้อนล้านดอลลาร์เลย” เย่เชียนพูดอย่างจริงจัง
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “สำหรับการจัดการกับสถานการณ์ในตอนนี้นั้นถ้าหากเรากำจัดฮัวซงเจี๋ยโดยไม่กำจัดเหล่ยเจียงไปด้วยล่ะก็..ด้วยพรสวรรค์และสติปัญญาของเหล่ยเจียงนั้นเขาจะกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่ร้ายกาจที่สุดของเราและยิ่งไปกว่านั้นเราอาจจะไม่สามารถกำจัดเหล่ยเจียงได้และเกรงว่าเราจะไม่สามารถยึดครองอุตสาหกรรมของฮัวซงเจี๋ยได้อย่างราบรื่นนายเข้าใจไหม”
“ผมก็เข้าใจ..แต่ฉันรู้สึกว่ามันเป็นข้อเสียและมันไม่คุ้มค่าที่จะปล่อยให้คูลอฟส์อังเดรได้แบ่งกำไรอันมหาศาลแบบนี้” ชิงเฟิงพูด
เย่เชียนก็ยิ้มแล้วพูดว่า “มันก็ต้องยอมเพราะมันมีหลายกองกำลังในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเราเองก็ไม่ได้มีกำลังคนมากพอที่จะจัดการได้ทุกฝ่าย..ซึ่งคูลอฟส์อังเดรนั้นแตกต่างออกไปเพราะเขาเป็นทายาทของตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรัสเซียและพวกเขาก็มีกำลังคนจำนวนมากและยิ่งไปกว่านั้นการพนันฟุตบอลโลกต่างก็มีผู้คนจำนวนมากที่สนใจมันดังนั้นพวกคูลอฟส์อังเดรจึงสามารถดูแลเรื่องนี้ได้และเขาก็สามารถดึงดูดความสนใจของกองกำลังอื่นๆ และเราสามารถทำสิ่งต่างๆ ของเราเองได้โดยไม่เปิดเผ..คูลอฟส์อังเดรน่ะได้ร่วมมือกับเราแล้วและตราบใดที่เขาทำสำเร็จในฐานะผู้นำของตระกูล..ดังนั้นผลตอบแทนในอนาคตของเราจะยิ่งใหญ่กว่านี้หลายเท่า..นายลองคิดดูนะว่าเราจะมองหาสิ่งดีๆ แบบนี้ได้ที่ไหนอีก..ตอนนี้ฮัวซงเจี๋ยและเหล่ยเจียงต่างก็เป็นเป้าหมายของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติแล้ว..เพราะงั้นพวกเราก็ยังถือได้ว่าเราได้ช่วยกำจัดอันตรายให้กับประชาชนใช่หรือเปล่าล่ะ?”
ชิงเฟิงก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “นี่หมายความว่าหมาป่าฝูงหนึ่งเพิ่งไล่ต้อนเสือใช่ไหม..ซึ่งถึงแม้ว่าคนจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติจะกำจัดฮัวซงเจี๋ยและเหล่ยเจียงไปและหลังจากนั้นพวกเขาก็ต้องจับตามองมาที่เราสิ”
“เมื่อถึงตอนนั้นเราก็มีหลายวิธีที่จะรับมือ” เย่เชียนมองออกไปนอกหน้าต่างจากนั้นก็หันกลับมาแล้วพูดต่อ “อันที่จริงความสัมพันธ์ของเรากับรัฐบาลจีนในปัจจุบันเป็นเพียงความสัมพันธ์ของการได้รับผลประโยชน์ร่วมกันเท่านั้นและรัฐบาลจีนก็จะกำจัดเราทีหลัง..ดังนั้นเราจึงต้องคิดถึงอนาคตและนอกจากนี้พวกมาเฟียของคูลอฟส์อังเดรก็ยังรับผิดชอบการดำเนินการในครั้งนี้และพวกเขาก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเราแล้ว..แต่สำหรับทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นพวกสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติจะไม่สามารถแทรกแซงได้”
ชิงเฟิงก็พูดว่า “ผมคิดมาเสมอว่าผู้นำของจีนไม่น่าเชื่อถือและถ้าเป็นผมล่ะก็ผมจะไม่ร่วมมือกับพวกเขาเพราะผมกลัวจริงๆ ว่าพวกเขาจะหลอกใช้เราอย่างที่เมืองไต้หวัน..ผมคิดว่าหลังจากที่พวกเราทำงานเสร็จแล้วพวกผู้นำเหล่านั้นจะยังยอมเราแบบนี้หรอ..ทุกคนต่างก็รู้อยู่แก่ใจ”
“ฉันเองก็เข้าใจเรื่องนี้ดีแต่เมื่อเราทำสิ่งต่างๆ ในไต้หวันได้สำเร็จแล้วพวกเบื้องบนเหล่านั้นก็ยังไม่คิดที่จะกำจัดพวกเราหรอกเพราะพวกเขาจะรอจนกว่าเขี้ยวหมาป่าของพวกเราพวกเราเติบโตจนถึงจุดที่พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะลังเลใจที่จะกำจัดเรา..แต่เมื่อถึงเวลานั้นเราเองก็มีอำนาจในการต่อรองที่จะเจรจากับพวกเขาได้..ถึงฉันจะเล่นการเมืองไม่เป็นแต่ฉันก็พอรู้มาบ้างเพราะกลอุบายแบบนี้มันเป็นนิสัยเสียๆ ของพวกชนชั้นสูง..เพราะงั้นเราไม่จำเป็นต้องไปกลัวพวกเราหรอก” เย่เชียนพูด
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้นแต่เย่เชียนก็ไม่มั่นใจมากนักและเขาก็ยังต้องก้าวไปทีละก้าว อย่างไรก็ตามเมื่อเผชิญหน้ากับพี่น้องเขี้ยวหมาป่าแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากเย่เชียนไม่มีความมั่นใจเมื่อพูดกับพวกเขา? การที่เย่เชียนเป็นเสมือนกระดูกสันหลังของเขี้ยวหมาป่านั้นคนอื่นๆ จึงสามารถที่จะอ่อนแอลงได้แต่เย่เชียนนั้นไม่สามารถอ่อนแอต่อหน้าคนอื่นได้เลย
ชิงเฟิงก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้อยู่แล้วเพราะผมจะทำในสิ่งที่บอสสั่งทุกอย่าง”
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างขมขื่นและไม่ได้พูดอะไรอีกเพราะถึงแม้ว่าชิงเฟิงจะไม่เก่งในการทำภารกิจใหญ่ๆ แต่เขาก็ยังฉลาดและมีไหวพริบอย่างมากและถ้าหากว่าใครด่าเขาว่าโง่ล่ะก็คนคนนั้นจะเป็นคนที่โง่เสียเอง
ในขณะที่คุยกันรถได้มาถึงสนามบินเมืองเจิ้งโจวแล้วและข้างหน้าเทอร์มินอลคูลอฟส์อังเดรและมาเฟียอีกสองคนของเขาก็ยืนอยู่ที่นั่นด้วย ซึ่งคูลอฟส์อังเดรก็ดูผ่อนคลายและสงบแต่ลูกน้องของเขาสองคนก็ไม่กล้าที่จะละเลยแม้แต่น้อยเพราะพวกเขาต่างก็มองไปรอบๆ ด้วยสายตาที่ระมัดระวังอย่างมาก
พวกเขาทั้งหมดเป็นดั่งบอร์ดี้การ์ดส่วนตัวของคูลอฟส์อังเดร
หลังจากเปิดประตูรถแล้วเย่เชียนและชิงเฟิงก็เดินลงไปจากรถซึ่งคูลอฟส์อังเดรก็เห็นเย่เชียนอย่างชัดเจนและเดินไปหาเย่เชียนพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแล้วพูดว่า “มิสเตอร์เย่ไม่ได้เจอกันนานเลยคุณยังสง่าผ่าเผยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”
เป็นเรื่องแปลกสำหรับชาวต่างชาติที่จะทักทายตามอารยธรรมจีนแบบนี้ แต่โชคดีที่ตอนนี้โลกกลายเป็นยุคสากลและชาวต่างชาติก็เริ่มเจาะลึกวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของจีนมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามปัจจุบันคนจีนจำนวนมากก็กำลังคิดที่จะไปทำงานในต่างประเทศและเรียนภาษาอังกฤษแต่พวกเขาก็ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษในประเทศบ้านเกิดเลย
เมื่อเย่เชียนกำลังจะก้าวไปข้างหน้าจู่ๆ ทันใดนั้นหัวใจของเขาก็เต้นไม่เป็นจังหวะและความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายได้ก็ปรากฏขึ้นในหัวใจของเขาและนี่เป็นความรู้สึกระหว่างชีวิตและความตายของเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาซึ่งมันเป็นความรู้สึกถึงอันตราย ดังนั้นเย่เชียนก็แทบจะไม่ลังเลใดๆ เขาจึงตะโกนว่า “ระวัง!” และกระโดดพุ่งไปหาคูลอฟส์อังเดรทันที
เกือบจะในเวลาเดียวกันชิงเฟิงเองก็พุ่งไปข้างหน้าเช่นกันเพราะหลังจากใช้ชีวิตท่ามกลางสนามรบกับเย่เชียนมาเป็นเวลาหลายปีการได้เห็นการเคลื่อนไหวของเย่เชียนเพียงชั่วพริบตานั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องคิดและพิจารณาผ่านสมองของเขาเลยเพราะโดยสัญชาตญาณแล้วเขาก็รับรู้ถึงอันตรายอย่างรวดเร็ว ซึ่งการที่คูลอฟส์อังเดรมาที่นี่ตามคำเชิญของเย่เชียนนั้นหากมีอะไรเกิดขึ้นกับคูลอฟส์อังเดรในประเทศจีนมันจะดึงดูดการแก้แค้นที่บ้าคลั่งของเหล่ามาเฟียคูลอฟส์อย่างแน่นอน ดังนั้นเย่เชียนกับชิงเฟิงจึงไม่ยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด
อย่างไรก็ตามลูกน้องทั้งสองคนของคูลอฟส์อังเดรก็เข้าใจผิดว่าเย่เชียนและชิงเฟิงนั้นเป็นศัตรูพวกเขาจึงรีบกระโจมมายืนบังข้างหน้าของคูลอฟส์อังเดร ซึ่งเย่เชียนก็ไม่มีเวลาที่จะบอกพวกเขาแต่อย่างใดเย่เชียนจึงต่อยคนหนึ่งลงไปกับพื้นด้วยหมัดและในเวลาเดียวกันชิงเฟิงก็ต่อยอีกคนหนึ่งด้วยหมัดเช่นกันและในเวลาเดียวกันทั้งสองก็คว้าคูลอฟส์อังเดรลงไปหมอบที่พื้น
ทันใดนั้นก็มีเสียงปืนดังสนั่นขึ้น “ปัง!” มันแฉลบคอนกรีตและกระเด็นขึ้นไป
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาแต่เย่เชียนกลับไม่ลังเลเลยและหลังจากเสียงปืนเงียบไปเขาก็รีบคว้าคูลอฟส์อังเดรขึ้นมาและหลบอยู่หลังเสา
เนื่องจากเหตุการณ์กราดยิงนี้ทำให้ทั้งสนามบินอยู่ในความโกลาหลและผู้คนเริ่มหนีกันกระเจิงอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะเสียงกรีดร้องของผู้หญิงที่ดูเหมือนจะฉีกแก้วหูของผู้คนรอบข้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่สนามบินก็รีบออกมากันอย่างรวดเร็วและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างระมัดระวังขณะที่กำลังป้องกันการอพยพของฝูงชน
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นเป็นคนที่เคยเผชิญหน้ากับฉากดังกล่าวมามากมายเพราะเขาเคยปะทะกับศัตรูด้วยปืนมาหลายครั้งในประเทศรัสเซียและเขาก็ถือได้ว่าเป็นคนที่อยู่ในสายเลือดนักรบอย่างแท้จริง ซึ่งในขณะนี้เขาก็ไม่รู้สึกตึงเครียดใดๆ และหลังจากมองไปที่เย่เชียนอย่างซาบซึ้งคูลอฟส์อังเดรก็พูดว่า “ขอบคุณ! ” จากนั้นสายตาของเขาก็หันไปยังทิศทางของการยิงและเห็นได้ชัดว่าหลังจากที่มือปืนล้มเหลวในการลอบสังหารนั้นมือปืนปริศนาก็ได้หนีไปแล้ว
“ขอโทษครับมิสเตอร์คูลอฟส์อังเดรผมไม่คิดว่าคุณจะต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เมื่อคุณมาถึงประเทศจีนครั้งแรก..มันเป็นความผิดพลาดของผมเอง” เย่เชียนพูดอย่างขอโทษ ซึ่งไม่ว่าใครจะเป็นคนส่งมือปืนมานั้นถึงยังไงสิ่งต่างๆ ก็เกิดขึ้นภายใต้จมูกของเย่เชียนและเย่เชียนก็ต้องรับผิดชอบสิ่งนี้
คูลอฟส์อังเดรก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “มิสเตอร์เย่ไม่ต้องโทษตัวเองสำหรับเรื่องนี้..เพราะสิ่งที่ผมอยากรู้ตอนนี้คือใครเป็นคนว่าจ้างมือปืนมาฆ่าผมกลางที่สาธารณะแบบนี้..และยิ่งไปกว่านั้นพวกมันกลับรู้ว่าผมจะมาที่เมืองนี้ในวันนี้”
.
.
.
.
.
.
.