ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 555 ใครเป็นคนทำ
ตอนที่ 555 ใครเป็นคนทำ?
เย่เชียนก็รู้ดีว่าเนื่องจากหลินเฟิงไม่ต้องการพูดอะไรดังนั้นหลินเฟิงจึงต้องมีเหตุผลของเขา หลังจากทักทายกันสองสามครั้งแล้วเย่เชียนก็วางสายโทรศัพท์ไป
ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่ได้ถามอะไรอีกแต่ความสงสัยของเย่เชียนกลับมากขึ้นกว่าเดิมและเขาก็ไม่เข้าใจว่าใครเป็นคนทำและทำไมพวกนั้นถึงต้องการช่วยเขา เย่เชียนก็ยังคงไว้วางใจหลินเฟิงเนื่องจากหลินเฟิงบอกว่าอีกฝ่ายต้องการช่วยเขาดังนั้นมันจึงต้องเป็นอย่างนั้นไม่เช่นนั้นหลินเฟิงก็ไม่จำเป็นต้องพูดสิ่งเหล่านี้เลย
หลังจากนึกถึงเรื่องนี้เย่เชียนก็โทรไปหาแจ็คและบอกให้แจ็คตรวจสอบและค้นหาว่าองค์กรทหารรับจ้างและนักฆ่ามืออาชีพองค์กรไหนที่ออกปฏิบัติภารกิจใหญ่เช่นนี้ ไม่ว่าอีกฝ่ายต้องการช่วยเขาหรือต้องการยึดดินแดนในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จริงๆ ก็ตามถึงยังไงเย่เชียนก็ต้องรู้ให้ได้ไม่งั้นมันจะเหมือนหายใจไม่ออกและอึดอัดใจอย่างมาก
เย่เชียนก็วางโทรศัพท์และจัดเสื้อผ้าของเขาและเดินเข้าไปในโรงแรมพร้อมกับคูลอฟส์อังเดร ซึ่งผู้ใต้บังคับบัญชาของคูลอฟส์อังเดรและชิงเฟิงได้เข้าไปในห้องก่อนแล้ว ซึ่งเย่เชียนก็โทรไปหาชิงเฟิงและหลังจากถามหมายเลขห้องพักจากชิงเฟิงแล้วเย่เชียนก็เดินตรงไปที่ลิฟต์ทันที
“บอสทำอะไรอยู่ทำไมนานจัง..มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ?” ชิงเฟิงถามด้วยความสงสัยเมื่อเขาเปิดประตูห้องออกมา
“หึ! ” เย่เชียนก็พยักหน้าและพูดว่า “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ! ” หลังจากพูดจบเขาก็เดินเข้าไปในห้องและเดินตรงไปที่โซฟาตรงข้ามกับคูลอฟส์อังเดรแล้วนั่งลง
“เป็นยังไงบ้างมิสเตอร์คูลอฟส์อังเดรคุณพอใจที่นี่ไหม” เย่เชียนก็ชี้ไปที่ห้องและถาม
“ผมพอใจมาก..ถึงแม้ว่าการตกแต่งของโรงแรมนี้จะไม่หรูหราเหมือนที่มอสโกก็ตามแต่สไตล์ของที่นี่สามารถทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับว่าพวกเขาอยู่ในบ้านของตัวเองเพราะมันดูอบอุ่นมาก” คูลอฟส์อังเดรพูด
เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ แล้วพูดว่า “ถ้ามีอะไรไม่พอใจก็บอกชิงเฟิงได้เลยเดี๋ยวเขาจะช่วยจัดเตรียมให้”
“ใช่ครับมิสเตอร์คูลอฟส์อังเดรผมเก่งเรื่องแบบนี้มาก..ขอแค่บอกผมว่าคุณต้องการอะไรและไม่ว่าจะเป็นของว่างหรือของใช้ผมก็จัดให้ได้” ชิงเฟิงทุบหน้าอกของเขาและพูด
เย่เชียนก็หันไปมองและยิ้มเบาๆ จากนั้นก็หันหน้าหนีไป ส่วนคูลอฟส์อังเดรก็ยิ้มและพูดว่า “ดูเหมือนว่ามิสเตอร์ชิงเฟิงจะเก่งด้านนี้จริงๆ ..ผมได้ยินมานานแล้วว่าสาวสวยชาวจีนมีผิวที่บอบบางและผิวพรรณก็ดีกว่าสาวรัสเซีย..เพราะตอนที่มิสเตอร์เย่อยู่ในรัสเซียผมก็หาสาวงามให้เขาตั้งสองคนแต่เขากลับปฏิเสธ..ฮ่าๆ ..ผมคิดว่าคุณเย่น่ะหล่อมากแต่คุณไม่ได้มองหาผู้หญิงเลย..ผมสงสัยล่ะจริงๆ ว่า..ฮ่าๆ ผมล้อเล่นนะ”
เย่เชียนก็ยิ้มเยาะและพูดว่า “ถ้าคุณทำกับผู้หญิงที่ไม่รู้สึกอะไรมันจะไปแตกต่างอะไรกับการทำกับศพ? ”
เมื่อเย่เชียนพูดเช่นนี้ทั้งคูลอฟส์อังเดรและชิงเฟิงต่างก็ตกตะลึง หลังจากนั้นคูลอฟส์อังเดรก็พูดด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่นว่า “มิสเตอร์เย่กำลังเข้าใจพวกเราผิด”
“ฮ่าๆ ไม่มีอะไรมันก็แค่รสนิยมของพวกเราต่างกัน” เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมก็พูดเล่นเหมือนกันฮ่าๆ”
“ฮ่าๆ คุณเย่ช่างอารมณ์ดีจริงๆ ” หลังจากหยุดไปชั่วขณะคูลอฟส์อังเดรก็พูดต่อ “ว่าแต่เมื่อครู่นี้ผมเห็นมิสเตอร์เย่ตอนเดินเข้ามาคุณขมวดคิ้วอยู่..ไม่ทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า? ”
เย่เชียนก็พยักหน้าและตอบว่า “ใช่ผมเพิ่งได้รับโทรศัพท์แจ้งว่ามีการลอบสังหารต่อเนื่องจำนวนมากในประเทศแถบทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อเร็วๆ นี้และเป้าหมายของการลอบสังหารคือคนของฮัวซงเจี๋ยซึ่งเป็นผู้บริหารูรกิจการพนัน..ซึ่งฮัวซงเจี๋ยคิดว่ามันเป็นฝีมือของเหล่ยเจียง..แต่ในความคิดของผมมันไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะตอนนี้เหล่ยเจียงกำลังถูกทางการจับตามองอยู่..ดังนั้นเขาไม่ควรเคลื่อนไหวครั้งใหญ่แบบนี้เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรกับเขาเลย”
หลังจากตกตะลึงไปชั่วขณะคูลอฟส์อังเดรก็พูดว่า “คนของผมเองก็ยังไปไม่ถึงและถ้าหากยังไม่มีคำสั่งของผมแล้วพวกเขาก็ไม่น่าจะเริ่มลงมือทำอะไร”
“ไม่ว่าจะเป็นใครแต่ถึงยังไงมันก็เป็นประโยชน์กับเราไม่ใช่หรอ..เพราะการทำแบบนั้นมันก็เหมือนการช่วยพวกเรากวาดล้างศัตรู..เพราะงั้นทำไมบอสถึงต้องกังวลมากขนาดนี้ด้วย” ชิงเฟิงพูด
“ผู้บริหารที่ดูแลธุรกิจการพนันทุกประเทศในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตายกันไปหมดแล้ว..เพราะงั้นผมคิดว่าฮัวซงเจี๋ยคงจะหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ไปอีกสักพัก..เราจังเราสามารถใช้โอกาสนี้ในการควบคุมการพนันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยพวกของเราเอง..มิสเตอร์เย่ไม่ต้องกังวลไปผมสัญญาว่าผมจะทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จลุล่วง” คูลอฟส์อังเดรพูด
เย่เชียนก็ถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า “ใช่การที่คนของฮัวซงเจี๋ยตายไปมันก็เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับพวกเรา..แต่คุณสงสัยไหมว่าจุดประสงค์ของคนที่ทำเรื่องพวกนี้คืออะไรและเขาคือใคร? ..ซึ่งถ้าหากพวกเขาเล็งไปที่กำไรอันมหาศาลของการพนันและยิ่งเราไม่รู้จักอีกฝ่ายเลยแบบนี้มันเสี่ยงมาก..เพราะศัตรูที่มองไม่เห็นนั้นอันตรายมากถ้าไม่ระมัดระวังให้ดี”
หลังจากฟังคำพูดของเย่เชียนแล้วคูลอฟส์อังเดรและชิงเฟิงก็ผงะไปชั่วขณะและพวกเขาก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่เย่เชียนพูดนั้นถูกต้อง “แล้วตอนนี้พวกเราควรทำอะไรหรือเปล่า” คูลอฟส์อังเดรถาม
“ผมให้คนไปตรวจสอบแล้วว่าใครเป็นคนทำ” เย่เชียนพูด “ตอนนี้แผนของเรายังคงไม่เปลี่ยนแปลงในขณะนี้..เพราะงั้นมิสเตอร์คูลอฟส์อังเดรคุณก็สั่งให้คนของคุณเริ่มเคลื่อนไหวตามแผนแต่ต้องทำอย่างระมัดระวังและอย่าปล่อยให้ฮัวซงเจี๋ยหันมาสนใจเราเนื่องจากตอนนี้เขาเชื่อว่าเหล่ยเจียงเป็นคนทำเขาจึงต้องการกำจัดเหล่ยเจียง..เพราะงั้นเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเราก็กำจัดพวกเขาทั้งสองพร้อมๆ กันและหลังจากนั้นเราก็สามารถยึดครองอุตสาหกรรมและธุรกิจการพนันทั้งหมดของฮัวซงเจี๋ยได้อย่าสมบูรณ์แบบ”
“ใช่แผนการของเราถูกจัดเตรียมเอาไว้และคนทั้งหมดก็กระจายตัวกันไปยังทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตอนนี้ไม่มีทางที่จะเรียกพวกเขากลับมาได้ทันทีและยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากพวกเขากลับมาโดยไม่ประสบความสำเร็จล่ะก็มันก็ดูไม่สมเหตุสมผลไปหน่อย..เพราะงั้นผมก็เห็นด้วยกับมิสเตอร์เย่ที่บอกว่าแผนของเรายังคงเหมือนเดิมเพียงแค่ต้องระมักระวังให้มากขึ้น” คูลอฟส์อังเดรพูด
เย่เชียนก็ค่อยๆ หยิบขวดไวน์แดงบนโต๊ะกาแฟและรินใส่แก้วตรงหน้าคูลอฟส์อังเดรและรินให้ตัวเอง จากนั้นก็ค่อยๆ หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาแล้วพูดว่า “มามิสเตอร์คูลอฟส์อังเดร..ขอให้การร่วมมือของเราเป็นไปได้ด้วยดีและประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่! ”
“เช่นกันครับ!” คูลอฟส์อังเดรชนแก้วกับเย่เชียนแล้วจิบมัน
ในโรงแรมเย่เชียนก็คุยกับคูลอฟส์อังเดรจนถึงตอนเย็นและหลังจากทานอาหารเย็นด้วยกันแล้วเย่เชียนก็ขับรถกลับบ้านด้วยตัวเอง ส่วนชิงเฟิงนั้นแน่นอนว่าเขาต้องอยู่เพื่อดูแลความปลอดภัยของคูลอฟส์อังเดรเมื่อเหตุการณ์แบบที่สนามบินในวันนี้ ซึ่งถึงแม้ว่าเย่เชียนยังจะไม่สามารถรู้ตัวตนของมือปืนได้และถึงแม้ว่าทุกอย่างจะดูสงบในระหว่างอาหารค่ำแต่ถึงยังไงเย่เชียนก็ยังคงต้องรับมืออย่างระมัดระวังจึงสั่งให้ชิงเฟิงคอยคุ้มกันคูลอฟส์อังเดร
ก่อนกลับบ้านเย่เชียนไปโรงพยาบาลเพื่อไปเยี่ยมอันซือและถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่ต้องการติดต่อกับพวกเขาในตอนนี้เพราะเขาอึดอัดใจเมื่อเห็นพวกเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้วความจริงของเรื่องนี้ก็ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ แต่เย่เชียนก็ยังคงต้องทำตามหน้าที่ไม่เช่นนั้นถ้าหากในอนาคตหากปรากฏว่าพวกเขาเป็นแม่และน้องสาวในสายเลือดจริงๆ ล่ะก็เย่เชียนจะทำอย่างไร?
เมื่อเห็นเย่เชียนเดินเข้ามาอันซือก็ตกตะลึงไปชั่วขณะแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เสี่ยวเชียนลูกมาที่นี่ทำไม..ลูกคงจะเหนื่อยมากหลังจากทำงานมาทั้งวัน..ลูกไม่ต้องมาที่นี่หรอกกลับบ้านไปเถอะและพักผ่อนซะ”
“ไม่เป็นไรครับ” เย่เชียนตอบและเดินไปที่เตียงของอันซือและนั่งลง หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่งเย่เชียนก็ถาม “แม่ตอนนี้แม่เป็นยังไงบ้าง? ”
“ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากและตอนนี้มือและเท้าก็สามารถออกกำลังกายเล็กๆ น้อยๆ ได้แล้ว..แต่แพทย์จะต้องทำการผ่าตัดอีกสองสามครั้งการผ่าตัดทั้งหมดจะเสร็จในอีกไม่นาน..หากไม่มีอุบัติเหตุในการผ่าตัดล่ะก็ถึงแม่จะไม่สามารถฝึกฝนศิลปะการต่อสู้โบราณแต่ก็สามารถฝึกทักษะการต่อสู้ทั่วไปได้” อันซือพูด
“ไม่เป็นไรครับ” เย่เชียนพยักหน้าและพูด หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็ถามต่อ “ยังไงก็ตามผมอยากจะถามว่าตระกูลเย่อยู่ที่ไหนและพวกเขามีพลังและอิทธิพลมากแค่ไหน? ”
“อำนาจและอิทธิพลของตระกูลเย่อยู่ในมณฑลเหอหนานและมันก็ทรงพลังมากและมีชื่อเสียงมากในวงการทหารและการเมืองและธุรกิจของจีน” อันซือพูด “ทำไมจู่ๆ ลูกถึงถามเรื่องนี้ล่ะ..ลูกไม่ได้จะหาทางแก้แค้นพวกเขาตอนนี้ใช่ไหม..เพราะตอนนี้ลูกยังไม่มีความสามารถมากพอไม่งั้นลูกจะเหมือนเดินเข้าไปหาความตาย”
เมื่อเห็นการแสดงออกของอันซือแล้วเย่เชียนก็ตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอันซือรู้สึกกังวลมาก ซึ่งเย่เชียนก็มีความสุขเล็กน้อยเพราะนั่นหมายความว่าอันซือใส่ใจและเป็นห่วงเขา ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่เธอจะเป็นแม่ของเขาเองจริงๆ เพียงแต่เย่เชียนยังคงมีสติและจะไม่คลายความสงสัยเพราะเหตุนี้
“เปล่าครับ..ผมแค่คิดเพราะผมถ้าผมต้องล้างแค้นตระกูลเย่ผมก็ต้องรู้ก่อนว่าอิทธิพลและอำนาจของพวกเขามีมากแค่ไหนและตำแหน่งของตระกูลเย่ตั้งอยู่ที่ไหน..ซึ่งถ้าผมไม่รู้เรื่องพวกนี้ผมจะกำหนดกลยุทธ์และวางแผนได้ยังไง” เย่เชียนพูด
.
.
.
.
.
.
.