ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 560 ถ้ากล้าก็ลองดู
ตอนที่ 560 ถ้ากล้าก็ลองดู
เย่เชียนก็ไม่สงสัยเลยที่เหรินเฉาอาศัยสิทธิของพ่อในการข่มขู่และหยิ่งผยองเช่นนี้ อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้เพราะเมื่อมองไปที่เหล่าอันธพาลแล้วพวกเขาก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเด็กหนุ่มที่ไร้ความสามารถโดยอาศัยอิทธิพลครอบครัวของเหรินเฉาในการเอาเปรียบคนอื่น ซึ่งเหล่าอันธพาลพวกนี้ต่างก็รู้วิธีประจบสอพลอเป็นอย่างดี
เมื่อได้ยินคำพูดของเหรินเฉาเช่นนี้ชิงเฟิงก็อดไม่ได้และเขาก็หัวเราะออกมาดังๆ เพราะถ้าหากคนเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นคนที่กล้าหาญแล้วตัวเขาจะถือว่าเป็นคนอย่างไร? เขาจะเปรียบได้กับคนที่คลานกลับมาจากนรกเลยไม่ใช่หรือ?
เมื่อเห็นท่าทางที่ดูเหยียดหยามของชองเฟิงแล้วใบหน้าของเหรินเฉาก็แสดงให้เห็นถึงความโกรธเกรี้ยวอย่างชัดเจน ซึ่งถึงแม้ว่าเขาจะเย่อหยิ่งแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนงี่เง่าเพราะถ้าหากเขาไม่รู้ว่าชิงเฟิงกำลังล้อเลียนเขาอยู่นั้นเขาคงจะเป็นคนที่โง่เขลาอย่างมาก เมื่อเห็นเช่นนั้นเหรินเฉาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เยาะเย้ยว่า “ทำไมนายไม่เชื่อเหรอ..นายกล้าดูถูกเหรินเฉาคนนี้งั้นเหรอ? ”
“โอ๊ย..ฉันหัวเราะจนปวดท้องไปหมดแล้วเนี่ย” ชิงเฟิงก็หยุดหัวเราะในที่สุดและชี้ไปที่เด็กหนุ่มกลุ่มนั้นแล้วพูดว่า “พวกนายบอกว่าเคยผ่านประสบการณ์บนท้องถนนมามากมายงั้นเหรอ? ..ดูเหมือนพวกนายเพิ่งจะหย่านมเองนะ” จากนั้นเขาก็มองไปที่เย่เชียนและพูดว่า “บอสเราหยุดเล่นกันเถอะ..ผมไม่อยากกลั้นหัวเราะแล้ว”
เย่เชียนก็ยักไหล่และมองไปที่เหรินเฉาและพูดว่า “เอาล่ะหยุดสร้างปัญหาได้แล้วไอ้เด็กน้อย..เพื่อเห็นแก่หน้าของพ่อของนายฉันจะทำเป็นมองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้..ชิงเฟิงมอบอั่งเปาให้พวกเขาซิ”
“แม่งเอ๊ย..นี่พวกแกล้อฉันเล่นงั้นเหรอ..ฉันก็พูดไปแล้วว่าฉันต้องการ 20% ของหุ้นในโครงการแอนิเมชั่นไม่งั้นฉันรับรองได้เลยว่าโครงการของพวกแกจะไม่สามารถเริ่มดำเนินการได้! ” เหรินเฉานั้นใช้เวลาอย่างมากในการบอกสิ่งที่ตนอย่างได้แต่เย่เชียนกลับไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดเหล่านั้นของเขาเลยดังนั้นเขาจึงตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วและมองไปที่คูลอฟส์อังเดรแล้วพูดว่า “คุณจะทำยังไงถ้าคุณเจอคนแบบนี้? ”
“ฆ่ามันแล้วชำแหละมันเป็นชิ้นๆ และโยนให้หมากิน” คูลอฟส์อังเดรพูดเบาๆ และเมื่อมองจากสีหน้าของเขาแล้วเขาดูจริงจังมากและไม่เหมือนพูดโกหกเลย
“ไอ้พวกต่างชาติจำเอาไว้ว่านี่คือประเทศจีนแผ่นดินใหญ่..เชื่อไหมว่าฉันทำให้แกไม่ได้กลับประเทศได้” เหรินเฉาจ้องมองไปที่คูลอฟส์อังเดรและพูด
แน่นอนว่าคูลอฟส์อังเดรจะไม่รู้สึกกลัวโดนธรรมชาติและยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนก็ยังอยู่เคียงข้างเขาในตอนนี้และที่นี่ก็คือประเทศจีนดังนั้นเย่เชียนจะจัดการกับสิ่งต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลเลยอย่างไรก็ตามลูกน้องของเขาสองคนก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาและจ้องมองไปที่เหรินเฉาอย่างเอาเอาจริงเอาจัง
คิ้วของเย่เชียนก็ขมวดเข้าหากันแน่นและความโกรธก็ค่อยๆ ลอยขึ้นมาอยู่บนใบหน้าของเขาเพราะเด็กหนุ่มคนนี้เป็นเพียงก้อนหินที่ดื้อรั้นและเขาดูไม่มีเหตุผลเลยและดูเหมือนว่าเขาจะหยิ่งผยองอย่างไม่ลดละ ยิ่งไปกว่านั้นเหรินเฉายังกล้ามาคุกคามแขกคนสำคัญของเขาอีกด้วยดังนั้นถ้าหากเย่เชียนไม่ทำอะไรเลยคูลอฟส์อังเดรก็จะไม่พอใจเล็กน้อยใช่ไหม? เดิมทีเย่เชียนไม่ได้ต้องการสร้างความวุ่นวายแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะห้ามไม่ได้เสียแล้ว
จากนั้นดวงตาของเย่เชียนก็หรี่ลงแนะในทันใดนั้นเย่เชียนก็เตะเข้าไปที่เหรินเฉาทันทีโดยเหรินเฉาไม่มีการป้องกันใดๆ เลยจนร่างคนทั้งร่างถูกเตะลอยขึ้นไปบนอากาศและตกลงกับพื้นอย่างแรง ซึ่งในความเป็นจริงถึงแม้ว่าเหรินเฉาจะป้องกันก็ตามแต่เขาก็ไม่สามารถหยุดการเตะของเย่เชียนได้อยู่ดี ลูกหลานผู้มีอิทธิพลอย่างเขาที่มักจะอาศัยอำนาจของครอบครัวในการทำสิ่งชั่วร้ายมาเสมอนั้นแน่นอนว่าคนประเภทนี้จะไม่มีความสามารถที่จะทำอะไรได้เลยและยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนยังเป็นปรมาจารย์ด้านการต่อสู้อันดับหนึ่งในบรรดาทหารรับจ้างทั้งหมดของเขี้ยวหมาป่าและเมื่อเร็วๆ นี้เขาได้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้โบราณอย่างขยันขันแข็งและถึงแม้ว่าเขาจะเพิ่งจะเป็นมือใหม่ก็ตามแต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการกับคนอย่างเหรินเฉา
เมื่อเย่เชียนเริ่มต่อสู้แน่นอนว่าชิงเฟิงก็รีบพุ่งไปข้างหน้าโดยไม่ลังเลใดๆ จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปหาเหล่าอันธพาลราวกับเสือและได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องและหลังจากนั้นไม่นานเหล่าอันธพาลก็ล้มลงกับพื้นทีละคนและส่งเสียงโอดครวญอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งหลี่จื้อเทียนที่อยู่ด้านข้างก็ถึงกับตกตะลึงเพราะท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่เขาทำนั้นต่างก็เป็นธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายและส่วนใหญ่ถึงแม้ว่าเขาจะเคยเห็นการต่อสู้ขององค์กรใต้ดินก็ตามแต่ส่วนใหญ่มักจะตัดสินแพ้หรือชนะด้วยตัวเลข แต่คนอย่างชิงเฟิงกลับล้มคู่ต่อสู้ของเขาได้ด้วยตัวคนเดียว ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่หลี่จื้อเทียนจะประหลาดใจ
ในความเป็นจริงแล้วหลี่จื้อเทียนเลือกที่จะร่วมมือกับเย่เชียนในตอนแรกก็เพราะว่าเย่เชียนสามารถควบคุมสถานการณ์ในเมืองหนานจิงได้ในช่วงเวลาสั้นๆ และในความคิดของเขาบุคคลเช่นนี้น่าจะมีสติปัญญาและความแข็งแกร่งอยู่ในระดับสูงแต่ถึงยังไงเขาก็ไม่ได้รู้จักเย่เชียนมากนักเพราะเขามัวแต่จัดการกับเรื่องธุรกิจมาโดยตลอดและตอนนี้มันถึงโอกาสที่หลี่จื้อเทียนต้องการให้เย่เชียนแสดงความสามารถของเขาออกมาเพื่อที่เขาจะได้รู้จักเย่เชียนให้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามตามสถานการณ์ในตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินเย่เชียนต่ำเกินไปเพราะตั้งแต่เย่เชียนก้าวลงจากรถนั้นกลุ่มอันธพาลเหล่านี้ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเย่เชียนเลยและก่อนหน้านี้เย่เชียนเพียงแค่ล้อเล่นกับพวกเขาเท่านั้น ซึ่งตอนนี้มันเหมือนกับหนูที่ถูกไล่ต้อนโดยแมวแต่มันก็ไม่สามารถหลบอุ้งมือและเท้าของแมวได้เลย
ต้องโทษเหรินเฉาที่หยิ่งผยองเกินไปไม่เช่นนั้นเย่เชียนก็คงจะไม่ทำเช่นนั้น อย่างไรก็ตามศัตรูที่สำคัญที่สุดของเย่เชียนในตอนนี้ก็คือฮัวซงเจี๋ยและเหล่ยเจียงและเย่เชียนก็พยายามอย่างมากที่จะกำจัดพวกเขา ซึ่งเมื่อเทียบกับฮัวซงเจี๋ยและเหล่ยเจียงแล้วเหรินเฉานั้นก็เป็นแค่หนอนผีเสื้อที่ไร้ค่า ซึ่งเย่เชียนก็ไม่ต้องการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากเกินไปเพราะถ้าหากเย่เชียนทำอะไรที่โจ่งแจ้งเกินไปมันจะไปดึงดูดความสนใจของฮัวซงเจี๋ยและเหล่ยเจียง ซึ่งการที่เหรินเฉาคนนี้เพราะได้รับการเลี้ยงดูอย่างตามใจมาตั้งแต่เด็กเขาจึงมีทัศนคติที่เย่อหยิ่งและจองหองและหลายปีที่ผ่านมาเขามักจะอาศัยสิทธิของพ่อเขาทำเรื่องแบบนี้ แต่ไม่ใช่ว่าเหรินเฉาจะไม่ทำอะไรเลยเพราะจะช่วยจัดการในส่วนองค์กรการดับเพลิงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์และอื่นๆ และยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากตำแหน่งของเหรินชุนไป่พ่อของเขาจึงทำให้ผู้คนบนท้องถนนไม่กล้าสร้างปัญหาให้เขา ซึ่งสิ่งนี้เป็นการขับเคลื่อนที่ทำให้เขาหยิ่งผยองนั่นเอง
สิ่งที่เหรินเฉาทำนั้นเหรินชุนไป่ก็รู้เช่นกันซึ่งเขายังยังตักเตือนอยู่หลายครั้งแต่เหรินเฉามักจะเถียงราวกับเสียงนกหวีดและถึงแม้ว่าเหรินเฉาจะทำอะไรลงไปแต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎหมายและมีระเบียบวินัยดังนั้นเหรินชุนไป่จึงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากปิดตาข้างหนึ่งแล้วทำเป็นไม่เห็นอะไร
ลูกน้องของคูลอฟส์อังเดรทั้งสองตนก็ถึงกับสั่นไปทั้งตัวเมื่อพวกเขาเห็นว่าชิงเฟิงสามารถจัดการคนเหล่านั้นได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ ราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่น ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเห็นทักษะของชิงเฟิงแล้วเมื่อพวกเขาอยู่ที่สนามบินแต่มันก็แค่ชั่วพริบตาเดียวและพวกเขาก็มองไม่เห็นชัดเจนมากนัก แต่ตอนนี้พวกเขาสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าทักษะของชิงเฟิงนั้นน่าเหลือเชื่ออย่างมากและพวกเขาก็ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
คูลอฟส์อังเดรไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรมากนักเพราะจากมุมมองของเขามันเป็นเรื่องธรรมดาที่สมาชิกขององค์กรทหารรับจ้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างเขี้ยวหมาป่าจะมีทักษะเช่นนี้เพราะมันไม่มีอะไรที่น่าแปลกใจเลย
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นและเสร็จสิ้นภายในไม่กี่นาทีและครั้งนี้ชิงเฟิงก็ยังมีความเมตตาโดยการยั้งมือเอาไว้ ไม่เช่นนั้นกล้ามเนื้อและกระดูกของอันธพาลเหล่านี้คงจะแหลกไม่เหลือ
“มันน่าเบื่อมาก..นี่ไม่เห็นจะท้าทายอะไรเลยพวกนายเป็นคนที่ผ่านการต่อสู้ตามท้องถนนมาแล้วจริงๆ เหรอ..มันช่างน่าอับอายขายหน้าจริงๆ ” ชิงเฟิงไม่ได้ตระหนี่กับการดูถูกแต่อย่างใดและยิ่งไปกว่านั้นก็มองเข้าไปในดวงตาของเหล่าอันธพาลทีละคนและพูดอย่างช้าๆ
ใครที่ไหนจะกล้าพูดเพราะพวกเขากลัวว่าถ้าหากพูดอะไรออกไปแล้วไปยั่วยุจนอีกฝ่ายโกรธล่ะก็เขาอาจจะโชคร้ายกว่าเดิม ซึ่งพวกเขาได้เห็นทักษะการต่อสู้ของชิงเฟิงแล้วและพวกเขาก็ไม่สามารถเทียบได้เลยแม้แต่น้อยเพราะต่อหน้าชิงเฟิงแล้วพวกเขาก็เป็นได้แค่เด็กที่เล่นกับปืนของเล่นนั่นเอง
“แม่งเอ๊ยแกกล้าทำร้ายฉันงั้นเหรอ..พวกแกมีปัญหาแน่..เดี๋ยวหุ้น 20 %ของพวกแกจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไปคอยดูเถอะ” เหรินเฉากุมท้องของเขาและพูดด้วยความโกรธ
“อยากโดนอีกเหรอ?” ชิงเฟิงจ้องมองเขาและกำลังจะพุ่งเข้าไปหาอีกครั้ง
เย่เชียนก็โบกมือเพื่อหยุดชิงเฟิงจากนั้นเย่เชียนก็เดินไปหาเหรินเฉาและเย่เชียนก็ค่อยๆ นั่งยองลงและถอดแว่นกันแดดของเหรินเฉาแล้วนำมาสวมให้ตัวเอง “ไอ้หนู..แกคิดว่าฉันกลัวแกหรือไง..ถ้าฉันกลัวฉันคงไม่สั่งสอนแกแบบนี้หรอก..อย่าคิดว่าแกจะทำอะไรก็ได้ที่แกต้องการด้วยอำนาจและอิทธิพลของพ่อของแกล่ะ..แกไม่คิดแบบนั้นเหรอ?” เย่เชียนตบหน้าเหรินเฉาเบาๆ และเย่เชียนพูดช้าๆ ว่า “มองตาฉันสิฉันรู้ว่าแกไม่มั่นใจ..ถ้างั้นก็ลองดูสิเดี๋ยวแกจะได้รู้ว่าฉันทำอะไรได้บ้าง!”
“เอาสิถ้าแกกล้าพอก็อย่าหนีไปไหนก็แล้วกัน..รอฉันอยู่ที่นี่เดี๋ยวแกจะได้รู้ว่าโครงการของแกจะต้องถูกยุบ” เหรินเฉาพูดอย่างเกรี้ยวกราด
“ได้เดี๋ยวฉันจะรอ..แต่ถ้าแกไม่กล้าที่จะมาก็บอกนะเพราะฉันจะเป็นฝ่ายไปหาแกเอง” เย่เชียนแสยะยิ้มแล้วพูด
“เดี๋ยวก็รู้!” เหรินเฉาลุกขึ้นยืนและมองเย่เชียนด้วยหางตาแล้วพูด การแสดงออกที่หวาดกลัวของเขาแตกต่างจากเย่เชียนที่กำลังยิ้มอย่างเฉยเมยอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตามไม่มีใครคิดว่าการปรากฏตัวของเย่เชียนนั้นจะกลายเป็นการสั่งสอนเหรินเฉา ในทางตรงกันข้ามดูเหมือนว่าคำพูดของเหรินเฉาจะเบาลงมาก
“ไปกันเถอะ” เหรินเฉาตะโกนบอกลูกน้องของเขาและออกจากไซต์ก่อสร้างไป
เมื่อเห็นรถหลายคันออกจากไซต์ก่อสร้างไปชิงเฟิงยักไหล่และเหลือบมองไปที่เย่เชียนแล้วพูดว่า “บอสคิดจะทำอะไรหรอ..ทำไมถึงปล่อยพวกมันไปล่ะ..เพราะผมจะส่งพวกมันเข้าโรงพยาบาลเอง”
“ใช่น้องเย่..ถ้าเขาพาคนอีกกลุ่มมาอีกเราจะจัดการกับมันยังไง?” หลี่จื้อเทียนพูด แน่นอนว่าเขาไม่กลัวแต่เขาแค่อยากรู้ว่าเย่เชียนนั้นมีการเตรียมแผนการอะไรเอาไว้หรือไม่นั่นเอง
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “ผมแค่หวังว่าเขาจะพาคนอีกกลุ่มหนึ่งมาจริงๆ ..เพราะมันเป็นเรื่องดีที่เขาจะทำให้สิ่งต่างๆ อย่างจริงจังสักที..ผมจะได้จัดการทีเดียวให้จบ”
“บอสหมายถึงอะไรผมไม่เข้าใจ” ชิงเฟิงถามด้วยความสงสัย
.
.
.
.
.
.
.