ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 564 วิธีแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
ตอนที่ 564 วิธีแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
เมื่อเดินผ่านด้านข้างของเหรินเฉาแล้วชายวัยกลางคนหัวโล้นก็มองเหรินเฉาอย่างเดือดดาลราวกับจะกลืนกินเขา ซึ่งเมื่อเห็นการแสดงออกของชายวัยกลางคนหัวโล้นแล้วเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้ม เพราะเห็นได้ชัดว่าเหรินเฉานั้นไม่ได้มีมิตรภาพที่ดีกับชายวัยกลางคนหัวโล้นคนนี้ ซึ่งทั้งหมดนั้นเหรินเฉาเพียงแค่จ่ายเงินเพื่อให้ชายวัยกลางคนหัวโล้นช่วยจัดการเรื่องนี้ให้เขานั่นเอง
ตอนนี้สถานการณ์กลายเป็นเช่นนี้แล้วดังนั้นเหรินเฉาจึงไม่มีกองกำลังมาสนับสนุนอีกและมีเพียงเงินก้อนโตแต่มันก็ไม่สามารถโน้มน้าวให้ชายวัยกลางคนหัวโล้นคนนี้ทำสิ่งต่างๆ เพื่อเขาอีกต่อไปแล้ว ถึงแม้ว่าพ่อของเหรินเฉาจะมีอิทธิพลเพราะอำนาจของพ่อก็ตามแต่ตอนนี้เกรงว่าเหรินชุนไป่คงจะไม่สามารถช่วยเขาได้เหมือนก่อนอีก ยิ่งไปกว่านั้นชายวัยกลางคนหัวโล้นก็ยังเป็นนักเลงตามท้องถนนและไม่มีอะไรจะเสีย ดังนั้นเขาก็สามารถทำทุกอย่างได้ตลอดเวลาและเมื่อถึงเวลานั้นมันอาจจะเป็นสิ่งที่เหรินชุนไป่ไม่อยากจะเห็นกับสิ่งที่เกิดกับลูกของตัวเอง
เหรินเฉาถูกจ้องมองโดยชายวัยกลางคนหัวโล้นและตัวสั่นโดยไม่ได้ตั้งใจและก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเขาจะรู้ได้อย่างไรว่ามันจะเป็นเช่นนี้และยิ่งไปกว่านั้นเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าทักษะการต่อสู้ของเย่เชียนจะเก่งถึงขนาดนี้และยังมีฮัวซงเจี๋ยที่เข้ามาเกี่ยวข้องโดยไม่มีเหตุผลอีก ซึ่งถ้าเขารู้เรื่องพวกนี้แล้วเขาคงจะไม่หยิ่งผยองถึงขนาดนี้และทำเพียงแค่หยิบเงินอั่งเปาแล้วเดินจากไปโดยดี
ในความคิดของเหรินเฉาแล้วทั้งหมดนี้เป็นความผิดของหลี่จื้อเทียนเพราะทุกๆ ครั้งๆ ที่เขามาสร้างปัญหาที่นี่หลี่จื้อเทียนก็จะเรียกตำรวจมาจัดการปัญหาเสมอและเขาก็คิดว่าหลี่จื้อเทียนนั้นไม่มีความสามารถอะไรมากนักเขาจึงกล้าที่จะหยิ่งผยอง ซึ่งไม่มีใครที่โง่พอจะไปยั่วโมโหบุคคลที่ทรงอำนาจเช่นนี้ ซึ่งเหรินเฉาเองก็คนท้องถิ่นของเมืองเจิ้งโจวเช่นกันดังนั้นเขาจะไม่รู้จักฮัวซงเจี๋ยได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นพ่อของเขาเองยังไม่สามารถที่จะทำอะไรกับคนแบบนี้ได้เลย ถึงแม้ว่าเขาอาจจะถูกพ่อของเขาตำหนิอย่างรุนแรงก็ตามแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องติดคุกหรืออะไรและเขาก็ยอมที่จะเสียเงินและขอโทษคนเหล่านี้ อย่างไรก็ตามตอนนี้เหรินเฉาก็ไม่กล้าที่จะคาดหวังอะไรเพียงแค่หวังว่าเรื่องนี้จะได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุดเท่านั้น
เมื่อชายวัยกลางคนหัวโล้นกำลังจะจากไปพร้อมกับลูกน้องของเขานั้นจู่ๆ เสียงไซเรนของรถตำรวจก็ดังขึ้นและเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายสิบคนก็มาอยู่ด้านหน้าไซต์ก่อสร้าง ซึ่งไม่รู้ว่ามีหนังและภาพยนตร์กี่เรื่องที่เกี่ยวกับตำรวจและอาชญากรรมนั้นที่ตำรวจเหล่านี้มักจะมาก็ต่อเมื่อเรื่องต่างๆ กำลังจะคลี่คลายเสมอ
หลังจากที่เหรินชุนไป่ลงจากรถเขาก็โบกมือและพูดว่า “หยุด! ..ทุกคนที่นี่ห้ามออกไปไหน! ”
เมื่อเห็นพ่อของเขามาเหรินเฉาก็รู้สึกโล่งใจอย่างมากเพราะเมื่อพ่อของเขาอยู่ที่นี่ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะกล้าสักแค่ไหนแต่เขาก็คิดว่าเย่เชียนคงจะไม่กล้ายุ่งกับพวกตำรวจใช่ไหม? ซึ่งถึงแม้ว่าเขาจะทำผิดแต่ถึงยังไงพวกเขาสองคนก็เป็นพ่อลูกกันและไม่ว่าจะยังไงเหรินชุนไป่ก็ต้องปกป้องเขาและกลับบ้านไปตำหนิและดุเพียงเท่านั้น
เย่เชียนก็ไม่สนใจอะไรแต่เขารู้สึกว่าเหรินชุนไป่นั้นมาที่นี่ในเวลาที่เหมาะสมจริงๆ ซึ่งแน่นอนว่าเหรินชุนไป่จะไม่ยอมปล่อยชายวัยกลางคนหัวโล้นไปง่ายๆ อย่างแน่นอนซึ่งนั่นเท่ากับการทำให้ความเกลียดชังของชายวัยกลางคนหัวโล้นที่มีต่อเหรินเฉาลึกลงไปและเมื่อถึงเวลาอันควรเย่เชียนก็ไม่จำเป็นต้องลงมือกำจัดเหรินเฉาเองเพราะชายวัยกลางคนหัวโล้นคนนี้ก็จะไม่ปล่อยเหรินเฉาไปเป็นแน่
หลี่จื้อเทียนนั้นเป็นคนที่คุ้นเคยกับเหตุการณ์ครั้งใหญ่มานับไม่ถ้วนแล้วนับประสาอะไรกับเหตุการณ์ของเหรินเฉาในครั้งนี้ ซึ่งถึงแม้ว่าหลี่จื้อเทียนจะสามารถแก้ไขสิ่งต่างๆ ได้ด้วยตัวเองแต่เนื่องจากเรื่องนี้เขาส่งมอบให้กับเย่เชียนแล้วเขาจึงไม่ต้องการเข้าไปแทรกแซงเพื่อดูว่าเย่เชียนจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร
มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากที่ล้อมรอบลูกน้องของชายวัยกลางคนหัวโล้นอยู่ ซึ่งชายวัยกลางคนหัวโล้นก็รู้ดีว่าพวกเขาต้องไปอยู่ในที่ที่พวกเขาต้องอยู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “ผู้อำนวยการเหรินครับพี่น้องของผมได้บาดเจ็บอยู่..ช่วยส่งพวกเขาไปโรงพยาบาลก่อนได้ไหมแล้วค่อยว่ากันทีหลัง” ชายวัยกลางคนหัวโล้นเดินมาหาเหรินชุนไป่และพูด
เหรินชุนไป่เหลือบมองอย่างไม่เป็นทางการและเห็นว่ามีคนอย่างน้อยสี่สิบหรือห้าสิบคนได้รับบาดเจ็บสาหัสและบางคนถึงกับสลบและเขาก็ต้องตกตะลึงในสิ่งที่เห็นและเมื่อมองไปที่เย่เชียนแล้วเห็นได้ชัดว่าเย่เชียนเป็นคนทำสิ่งเหล่านี้ อย่างไรก็ตามเหรินชุนไปก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีคนเพียงไม่กี่คนที่อยู่ฝั่งเย่เชียนและพวกเขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย ซึ่งหากมีการต่อสู้กันมันก็จะต้องมีบาดแพลเสียบ้างดังนั้นเขาจึงประหลาดใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้นเหรินชุนไป่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าเย่เชียนจะมาปรากฏตัวที่นี่เพราะเท่าที่เขารู้มาหลี่จื้อเทียนเป็นผู้รับผิดชอบในโครงการพัฒนาและลงทุนของดินแดนแอนิเมชั่นแห่งนี้ หรือเป็นไปได้ไหมที่เย่เชียนมาช่วยหลี่จื้อเทียน? เมื่อลองคิดดูเหรินชุนไป่ก็พบว่าความคิดของเขาไร้สาระจริงๆ เพราะหลี่จื้อเทียนเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงจึงไม่น่าแปลกใจเลยเขาที่จะรู้จักเย่เชียนที่เป็นCEOของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปและเขาก็สันนิษฐานว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น
“เรียกรถพยาบาลมาและส่งคนบาดเจ็บไปโรงพยาบาลและส่งเจ้าหน้าที่ของเราไปโรงพยาบาลเพื่อเฝ้าติดตามอาการเพื่อรอสอบปากคำคนทั้งหมด!” เหรินชุนไป่บอกผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ข้างๆ เขาอย่างเคร่งขรึม
เมื่อเหรินชุนไป่กำลังจะเดินไปข้างหน้าเขาก็เหลือบไปเห็นเหรินเฉาที่ซ่อนตัวอยู่ข้างๆ โดยไม่ได้ตั้งใจและเขาก็ถึงกับผงะและทันใดนั้นร่องรอยของความโกรธก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เพราะเขารู้จักลูกชายของเขาเป็นอย่างดีดังนั้นเขาจึงเดาได้ว่าคราวนี้เขาคงจะหลีกเลี่ยงในการปราบปรามลูกชายของเขาไม่ได้ใช่มั้ย? ซึ่งเหรินชุนไป่ก็เริ่มลังเลและคิดว่าจะช่วยลูกชายของเขาผ่านการล้อมของตำรวจได้อย่างไร เพราะไม่ว่าลูกชายของเขาจะทำผิดแค่ไหนถึงยังไงเหรินเฉาก็จะเป็นลูกชายแท้ๆ ของตัวเองเสมอและยังเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลเหรินอีกด้วย
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเหรินชุนไป่ก็เดินไปหาหลี่จื้อเทียนและพยักหน้าจากนั้นก็พูดว่า “คุณหลี่ขอโทษทีผมมาช้าไปหน่อย…ว่าแต่มีอะไรเกิดขึ้นใช่มั้ย? ”
“ผมดูหนังตำรวจและพวกมาเฟียอันธพาลมาหลายเรื่องผมก็คิดอยู่แล้วว่าพวกคุณต้องมาสาย” ชิงเฟิงเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างเย้ยหยัน อย่างไรก็ตามไม่มีใครสังเกตเห็นแต่เย่เชียนสะกิดชิงเฟิงเพื่อให้พูดสิ่งเหล่านี้ กล่าวอีกนัยหนึ่งสิ่งที่ชิงเฟิงพูดเมื่อครู่นี้นั้นได้รับคำสั่งจากเย่เชียนเพราะหลังจากติดตามเย่เชียนมานานชิงเฟิงก็เข้าใจนิสัยของเย่เชียนเป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อมือของเย่เชียนสัมผัสเขาเขาก็ตอบสนองได้ทันทีและรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร
ร่องรอยของความโกรธเกรี้ยวก็ปรากฏบนใบหน้าของเหรินชุนไป่แต่มันก็ถูกระงับไว้อย่างรวดเร็วเพราะเนื่องจากเขาไม่ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นดังั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะรุกรานเย่เชียนอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า เหตุผลแรกหนึ่งเขาไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเย่เชียนและหลี่จื้อเทียนเพราะกลัวว่าการทำให้เย่เชียนขุ่นเคืองจะเทียบเท่ากับการทำให้หลี่จื้อเทียนขุ่นเคืองไปด้วย เหตุผลที่สองเขาไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับลูกชายของเขาหรือเปล่าเพราะถ้าทุกอย่างเป็นความผิดของลูกชายของเขาล่ะก็ถ้าเขาออกตัวแรงเกินไปเกรงว่าเขาจะไม่สามารถช่วยลูกชายของเขาได้ ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับคำพูดเยาะเย้ยและยั่วยุของชิงเฟิงเช่นนี้เหรินชุนไป่จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอดกลั้นเอาไว้
“ใช่..ก็อย่างทีเห็น” หลี่จื้อเทียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อผู้อำนวยการมาที่นี่แล้วถ้างั้นผมก็ฝากจัดการด้วย”
“เรื่องส่วนบุคคลหรือเปล่า” เหรินชุนไป่พูด จากนั้นเขาก็แสร้งทำเป็นเหมือนเพิ่งเห็นเย่เชียนและพูดว่า “หืม..คุณเย่ก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ..ยินดีที่ได้พบครับ”
เย่เชียนก็เหลือบมองเขาด้วยหางตาและพูดว่า “ยินดีอะไรกันเพราะครั้งที่แล้วที่พบคุณผมก็เกือบจะถูกมือปืนฆ่าตายที่สนานบิน..ว่าแต่อย่าบอกนะว่าพวกคุณยังไม่ได้เบาะแสจนถึงตอนนี้..ผมไม่รู้จริงๆ ว่าตำรวจอย่างพวกคุณกำลังทำอะไรกันอยู่..คุณรู้ไหมว่าคนแบบนี้ถ้าปล่อยไปมันจะก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงแค่ไหนน่ะ..ในกรณีที่ผมหรือคนรอบข้างของผมเป็นอะไรไปแล้วใครจะรับผิดชอบ..หึ..ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะต้องร้องเรียนและส่งเรื่องถึงเบื้องบนสินะ”
เหรินชุนไป่ก็ยิ้มอย่างเชื่องช้าและพูดว่า “เรากำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่..เห็นได้ชัดว่ามือปืนเป็นมืออาชีพมากและไม่มีหลักฐานหรือร่องรอยใดๆ เหลืออยู่..แต่คุณเย่สามารถมั่นใจได้เลยว่าเรามีเทคโนโลยีและบุคลากรในการสืบสวนอาชญากรรมระดับมืออาชีพและเราจะสามารถค้นพบเบาะแสโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” หลังจากหยุดไปชั่วขณะเหรินชุนไป่ก็รีบเปลี่ยนเรื่องและพูดว่า “ว่าแต่คุณเย่มาทำอะไรที่นี่ครับ..คุณหลี่กับคุณเย่รู้จักกันหรอครับ”
หลี่จื้อเทียนก็ยิ้มแล้วพูดว่า “เนื่อจากผู้อำนวยการเหรินและน้องเย่รู้จักกันแล้วผมจะได้ไม่ต้องแนะนำพวกคุณให้รู้จักกัน..อันที่จริงน้องเย่กับผมเป็นหุ้นส่วนกันและโครงการดินแดนแอนิเมชั่นนี้น้องเย่ก็ถือหุ้นครึ่งหนึ่งและเขายังคอยดูความคืบหน้าของโครงการในวันนี้แต่วันนี้มีคนมาสร้างความวุ่นวายจนโครงการเกิดความเสียหายและไม่สามารถดำเนินการได้..ในฐานะผู้อำนวยการคุณต้องดูแลเรื่องนี้..ผมไม่คิดเลยว่าการรักษาความปลอดภัยสาธารณะในเมืองนี้จะแย่ถึงขนาดนี้..นักธุรกิจอย่างพวกเราไม่พอใจกับสิ่งนี้มาก”
“สรุปว่าคุณเย่เป็นหุ้นส่วนของคุณหลี่ผู้พัฒนารายใหญ่ในมณฑลเหอหนานของเรา! ..” เหรินชุนไป๋ตกตะลึงซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ หลังจากหยุดไปชั่วขณะเขาก็พูดต่อ “คุณหลี่..คุณเย่โปรดมั่นใจได้เลยเดี๋ยวผมจะดูแลเรื่องนี้และผมรับปากเลยว่าผมจะให้คำอธิบายที่น่าพอใจเพราะอันที่จริงเราให้ความสำคัญกับกฎหมายและคำสั่งอย่างเคร่งครัดเพื่อปราบปรามอาชญากรรมและผมขอรับประกันเลยว่าเรื่องแบบนี้มันจะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต”
“มันไม่มีประโยชน์ที่จะให้ผมรอ..เพราะผมอยากเห็นว่าผู้อำนวยการเหรินจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นกลางยังไง!” เย่เชียนหัวเราะและพูดว่า “ผู้อำนวยการเหรินไม่รู้ใช่ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น..ถ้างั้นผมจะบอกคุณเข้าใจเองว่าคนที่อยู่ตรงนั้นมาสร้างปัญหาที่นี่ทุกวันตั้งแต่วันที่โครงการของเราเริ่มก่อสร้างโดยขู่ว่าถ้าเราไม่ให้หุ้น 20% พวกเขาจะขัดขวางไม่ให้เราเริ่มดำเนินการสร้างต่อ..ทางเราแจ้งตำรวจไปทุกครั้งแต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงยังยืนอยู่ตรงนั้นได้อย่างสบายใจเฉิบ..ซึ่งวันนี้เขาก็มาก่อเรื่องอีกแล้วและเรียกคนมาเยอะมากและผมก็มีหลักฐานครบ..ผมคิดว่าผู้อำนวยการอย่างคุณน่าจะรู้วิธีจัดการใช่มั้ย? ”
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเย่เชียนเหรินชุนไป่ก็รู้แล้วว่าเย่เชียนนั้นรู้อยู่แล้วว่าเหรินเฉาเป็นลูกชายของเขาดังนั้นเขาจึงตั้งใจกดดันตนเอง “ทางเราต้องตรวจสอบเรื่องนี้ก่อนแต่คุณเย่สบายใจได้เลย..ผมจะให้คำตอบที่น่าพอใจกับคุณ” เหรินชุนไป่พูด
อันที่จริงเหรินชุนไป่นั้นต้องการถ่วงเวลาเอาไว้โดยหวังว่าจะเลื่อนเวลาออกไปสักพักแล้วหาโอกาสให้หลี่จื้อเทียนช่วยพูดอะไรดีๆ และทำให้เรื่องนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี อย่างไรก็ตามเหรินเฉานั้นไม่มีไหวพริบเลยและเขาก็ไม่เข้าใจในความพยายามของเหรินชุนไป่ผู้เป็นพ่อเลยเพราะเหรินเฉารีบวิ่งเข้าไปหาพ่อของเขาและพูดว่า “พ่อ! ..พ่อดูผมสิ! ..เขาทำร้ายร่างกายของผมจนเป็นแบบนี้..พ่อต้องจับเขาเข้าคุกนะ”
.
.
.
.
.
.
.