ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 565 รอยฝ่ามือ
ตอนที่ 565 รอยฝ่ามือ
เหรินชุนไป่นั้นอยากจะตีลูกชายของตัวเองให้ตายคามือในตอนนี้จริงๆ เพราะเหรินเฉานั้นไม่ได้ใช้สมองเลยแม้แต่น้อยในเวลานี้ ซึ่งเดิมทีเรื่องนี้แก้ไขได้ไม่ยากนักแต่ทว่าตอนนี้เหรินชุนไป่ไม่สามารถมองเห็นทางออกใดๆ ได้เพราะเขาเป็นผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางแต่ไม่ใช่เทพเจ้าที่จะสามารถแก้ไขทุกสิ่งได้ ซึ่งตอนนี้เย่เชียนนั้นไม่ต้องการที่จะปล่อยเรื่องนี้ไปอย่างเห็นได้ชัดดังนั้นเหรินชุนไป่จึงต้องการที่จะยื้อเวลาและหวังว่าหลี่จื้อเทียนจะช่วยเขาแต่ลูกชายที่งี่เง่าคนนี้กลับมาพูดประโยคแบบนั้นขึ้นมาจนสถานการณ์เครียดมากขึ้นอย่างมาก
เหรินชุนไป่ก็ไม่กล้าที่จะลังเลเพราะหลังจากคำพูดของเหรินเฉาจบลงเหรินชุนไป่ก็ตบหน้าเขาและมีเสียง “เพี้ยะ!” จากนั้นรอยฝ่ามือก็ปรากฏอยู่บนแก้มของเหรินเฉาอย่างชัดเจน “พ่อ! ..พ่อตบผมทำไม?” เหรินเฉากุมหน้าและถามด้วยความงงงวยและโกรธอย่างมาก
“ทำไมถึงตีน่ะเหรอ..พ่อต้องถามก่อนว่าแกทำอะไรอยู่กันแน่แกรู้ไหมว่าพฤติกรรมของแกมันคืออะไร..ทั้งข่มขู่และมีพฤติกรรมแบบมาเฟีย! ” เหรินชุนไป่พูดอย่างโกรธเกรี้ยว นี่คือการตัดบทเพราะไม่ว่ายังไงเหรินชุนไป่ก็จะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ใครมีโอกาสพูดอะไรออกมาในตอนนี้
เมื่อเห็นใบหน้าของพ่อของเขาเช่นนี้ดวงตาของเหรินเฉาก็กลอกไปมาและเข้าใจสิ่งต่างๆแล้วซึ่งนั่นก็หมายความชัดเจนว่าเรื่องนี้พ่อของเขาไม่สามารถจัดการและแก้ไขได้ง่ายๆ ในตอนนี้เหรินเฉานั้นก็เข้าใจสิ่งต่างๆ แล้วเขาจึงก้มหน้าลงทันทีพร้อมกับแสดงความรู้สึกผิดบนใบหน้าของเขา
“หืม? ..ผู้อำนวยการเหรินเขาเป็นลูกชายของคุณเหรอ? ” เย่เชียนแสร้งทำเป็นสับสนและประหลาดใจมากและพูดต่อ “นี่..มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง..คุณเป็นถึงผู้อำนวยการฝ่ายรักษาความปลอดภัยแต่ลูกชายของคุณกลับสร้างความวุ่นวายเนี่ยนะ? ”
เย่เชียนแสร้งทำเป็นสับสนงงงวยและถึงแม้ว่าเหรินชุนไป่จะรู้ว่าเย่เชียนกำลังเสแสร้งและจงใจล้อเลียนตัวเองก็ตามแต่ถึงยังไงเขาก็ต้องก้มหน้าและปล่อยให้เย่เชียนพูดต่อไป
“คุณเย่ครับผมจะแจ้งเรื่องนี้ให้คุณทราบโดยเร็วที่สุดและไม่ว่าเขาจะเป็นลูกชายแท้ๆ ของผมก็ตามแต่ถึงยังไงผมก็จะจัดการและทำทุกอย่างให้เป็นกลางครับ” เหรินชุนไป่พูด
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “ผู้อำนวยการครับผมไม่รู้จริงๆ ว่าเขาเป็นลูกชายของคุณเพราะถ้าผมรู้ล่ะก็หุ้นโครงการ 20% ของทั้งหมดก็จะเป็นของเขา..ผมไม่ใช่คนขี้เหนียวอะไรแบบนั้น..ถ้างั้นก็ลืมเรื่องนี้ไปเถอะเพราะถึงยังไงเขาก็เป็นลูกชายของคุณผมจึงไม่อยากทำให้คุณลำบากใจ..อีกอย่างพวกเราก็ไม่ได้เสียหายอะไรเพราะงั้นเรื่องนี้ก็ช่างมันเถอะ”
คำพูดของเย่เชียนทำให้เหรินชุนไป่ตกตะลึงและเขาก็ไม่เข้าใจว่าเย่เชียนต้องการทำอะไรกันแน่ ตอนนี้เย่เชียนกำลังเยาะเย้ยเขาอยู่? หรือเย่เชียนต้องการเหน็บแนมเขาหรือไม่? อย่างไรก็ตามเนื่องจากเย่เชียนพูดเช่นนั้นเหรินชุนไป่ก็รู้สึกโล่งใจมากเพราะถ้าหากเรื่องนี้ถูกดำเนินไปตามขั้นตอนและกฎหมายล่ะก็ในฐานะผู้รับผิดชอบกฎหมายทางอาญาแล้วมันไม่ง่ายเลยที่จะจัดการและยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากเรื่องนี้ถึงเบื้องบนล่ะก็เขาคงจะถูกปลดออกจากตำแหน่งปัจจุบันของเขา
“เด็กๆ ก็แบบนี้ทำอะไรไม่คิดเสมอ..ผมต้องขอโทษคุณเย่และคุณหลี่ด้วย..ถ้างั้นพรุ่งนี้ผมจะขอเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงแทนคำขอโทษและผมก็หวังว่าคุณเย่จะไม่ขุ่นเคืองนะครับ” เหรินชุนไป่พูด จากนั้นเขาก็จ้องไปที่เหรินเฉาและดุว่า “ขอโทษพวกเขาซะสิ..คุณเย่กับคุณหลี่เขาไม่เอาความแล้ว”
“ขอบคุณ…” เหรินเฉาก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและพูดแต่เหรินชุนไป่ตบเขาอีกครั้งและพูดว่า “แสดงท่าทีขอโทษที่จริงใจกว่านี้หน่อย..ไม่งั้นฉันจะส่งแกเข้าคุกทันทีและปล่อยให้แกได้ลิ้มรสอาหารในคุก..รสชาติของมันน่ะเหรอต่างกันเหมือนฟ้ากับเหว..แกไม่เห็นโลงศพคงไม่หลั่งน้ำตาสินะ”
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเหรินเฉาคงจะเถียงแต่ในเวลานี้เขาไม่กล้าที่จะโต้เถียงเลย ซึ่งถ้าเหรินชุนไป่ไม่เตือนสติเขาก่อนหน้านี้แล้วตเขาก็ไม่รู้เลยว่าชะตากรรมของตัวเองจะเป็นอย่างไร ดังนั้นเขาจึงต้องเชื่อฟังพ่อและก้มลงอย่างเคารพและพูดว่า “ขอบคุณครับคุณเย่คุณหลี่สำหรับความเมตตาของพวกคุณ..ผมเป็นเด็กที่ไม่เอาไหนผมขอโทษครับ”
เย่เชียนก็แสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าผมรู้ว่าเหรินเฉาเป็นลูกชายของผู้อำนวยการเหรินมันคงจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอก..ผมหวังว่าคุณจะไม่โกรธเคืองนะ”
ในใจของเหรินเฉานั้นต้องการพุ่งออกไปและฆ่าเย่เชียนด้วยมือของเขาเองเพราะเย่เชียนนั้นเสแสร้งแกล้งทำอย่างมากเพราะก่อนหน้านั้นเขาได้บอกเย่เชียนไปแล้วว่าตัวตนของเขาคือใครและพ่อของเขาคือใคร แต่ตอนนี้เย่เชียนกลับบอกว่าไม่รู้อะไรเลย ซึ่งเมื่อเห็นท่าทางที่เสแสร้งของเย่เชียนแล้วเหรินเฉาก็รู้สึกโกรธอย่างมาก อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาก็เป็นเหยื่อของเย่เชียนดังนั้นเขาจึงต้องกลืนกินความคิดเช่นนั้นลงไปและถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเย่เชียนกำลังเยาะเย้ยตัวเองก็ตามแต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรหรือทำอะไรใดๆ เลย
เมื่อเห็นว่าเรื่องได้รับการแก้ไขแล้วเหรินชุนไป่ก็กังวลเกี่ยวกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตและเขาก็โบกมือให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาและสั่งให้เจ้าหน้าที่นำตัวเหรินเฉาและคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกลับไปที่สถานีตำรวจจากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่เย่เชียนด้วยความขอบคุณและพูดว่า “ขอบคุณครับคุณเย่คุณหลี่สำหรับเรื่องนี้..ผมจะนำตัวคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกลับไปที่สถานีตำรวจแล้วและผมจะรายงานสิ่งต่างๆ ให้คุณโดยเร็วและผมรับปากว่าจะไม่มีใครมาก่อปัญหาที่นี่อีก”
“ผมหวังว่าผู้อำนวยการเหรินจะจัดการปัญหานี้ได้อย่างจริงจังเพราะคนเหล่านั้นก็เหมือนแมลงของสังคมที่มีผลต่อการพัฒนาสังคมของเรา..คุณไม่สามารถเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ได้” แม้ว่าเย่เชียนจะพูดถึงเรื่องอื่นๆ แต่เหรินชุนไป่ก็เข้าใจได้ว่านี่คือการพูดถึงวีรกรรมของลูกชายของเขา อย่างไรก็ตามตอนนี้เรื่องทั้งหมดก็ได้รับการแก้ไขไปแล้วดังนั้นถึงแม้ว่าเย่เชียนจะพูดเหน็บแนมตนสักแค่ไหนถึงยังไงเหรินชุนไป่ก็ต้องแสร้งทำเป็นว่าเขาไม่รู้และไม่เห็นอะไรเลยจะได้ไม่ต้องมีปัญหาอะไรอีก
หลังจากบอกลาเย่เชียนและหลี่จื้อเทียนแล้วเหรินชุนไป่ออกจากไซต์ก่อสร้างพร้อมกับตำรวจและชายวัยกลางคนหัวโล้นและเหล่าอันธพาลทั้งหลาย ตั้งแต่ต้นจนจบดูเหมือนเหรินชุนไป่จะไม่เห็นฮัวซงเจี๋ยเขาจึงไม่ได้ทักทาย ซึ่งฮัวซงเจี๋ยถือได้ว่าเป็นคนที่มีมือและตาทั่วทุกแห่งในมณฑลเหอหนานดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เหรินชุนไป่จะไม่รู้จักฮัวซงเจี๋ย อย่างไรก็ตามไม่มีใครรู้ว่าเหรินชุนไป่นั้นกำลังขัดแย้งกับฮัวซงเจี๋ยอยู่หรือเปล่าหรือเขามีเหตุผลอื่นๆ แต่ทว่าเรื่องนี้มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่เชียนเลย
คนตัวเล็กๆ อย่างเหรินเฉานั้นเย่เชียนไม่จำเป็นต้องกังวลที่จะจัดการกับเขาเลยและยิ่งไปกว่านั้นเขาจะไม่ทำให้เหรินชุนไป่ต้องขายหน้าเพื่อที่จะเป็นประโยชน์ต่อเขาและไม่เป็นอันตรายในอนาคต เพราะเย่เชียนเชื่อว่าหลังจากเหตุการณ์ในวันนี้เหรินชุนไป่ก็จะรู้ว่าเขานั้นทำอะไรได้บ้างและจะต้องกลัวเขาในอนาคต
ที่สำคัญกว่านั้นเย่เชียนก็เห็นชายวัยกลางคนหัวโล้นไม่พอใจเหรินเฉาดังนั้นเย่เชียนก็เชื่อว่าเรื่องนี้มันต้องไม่จบลงง่ายๆ อย่างแน่นอนและเย่เชียนก็จะตั้งตารอดูการแสดงดีๆ
ใช้เวลาไม่นานนักเครื่องจักรต่างๆ จากไซต์ก่อสร้างก็ก็กลับมาทำงานและเข้าสู่สภาวะปกติ เหล่าอันธพาลและตำรวจทั้งหมดออกจากไซต์ก่อสร้างไปแล้ว ในตอนนี้หลี่จื้อเทียนก็เหลือบมองไปที่เหอปิงและเหอปิงก็เข้าใจและรีบประสานงานกับเหล่าคนงานเพื่อเริ่มดำเนินการสร้างต่อทันที
เมื่อเห็นว่าเรื่องนี้สงบลงแล้วฮัวซงเจี๋ยก็มองไปที่เย่เชียนและพูดว่า “คุณเย่ถ้างั้นผมก็ขอตัวก่อนเหมือนกัน” ฮัวซงเจี๋ยรู้สึกว่าเขาเหมือนถูกเย้ยหยันเล็กน้อยเมื่อเขามาในวันนี้แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองและสามารถมองเห็นได้ชัดเจน อย่างไรก็ตามการทำเช่นนี้ก็เท่ากับการซื้อใจเย่เชียนและโอกาสในการทำงานร่วมกับเย่เชียนก็เพิ่มขึ้นอย่างมากในอนาคต
เย่เชียนก็หัวเราะเบาๆ และจับมือกับฮัวซงเจี๋ยและพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะคุณฮัวล่ะก็วันนี้ผมไม่รู้เลยว่ามะนจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง..ขอบคุณมากครับคุณฮัว..หากมีโอกาสในอนาคตผมจะขอบคุณประธานฮัวอย่างเป็นทางการเอง”
ฮัวซงเจี๋ยก็ตกใจไปกับสีหน้าที่ตื่นเต้นของเย่เชียนและเขาไม่เข้าใจว่าเย่เชียนเสแสร้งหรือจริงใจกันแน่ เมื่อเห็นเช่นนั้นฮัวซงเจี๋ยก็พูดเบาๆ ว่า “คุณเย่ผมไม่ได้ช่วยอะไรเลยและนอกจากนี้ปัญหาของคุณเย่ก็เป็นปัญหาของผมเช่นกัน..หากมีอะไรในอนาคตคุณเย่ก็สามารถโทรมาหาผมโดยตรงได้..ในมณฑลเหอหนานนี้คุณแค่บอกผมมาผมยินดีที่จะช่วย”
“ครับผม..ในมณฑลเหอหนานนี้ไม่มีใครที่ไม่รู้ว่าประธานฮัวคืออันดับหนึ่ง” เย่เชียนพูดขณะยกนิ้วโป้ง
ฮัวซงเจี๋ยก็ฉีกยิ้มและดูเหมือนจะพอใจกับคำพูดของเย่เชียนอย่างมาก จากนั้นฮัวซงเจี๋ยก็พยักหน้าและพูดว่า “คุณเย่ผมไม่รบกวนแล้ว..คุณเย่คุณหลี่ผมขอตัวก่อนนะครับ! ”
“ครับ! ” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม
หลังจากมองฮัวซงเจี๋ยขึ้นรถแล้วออกไปคูลอฟส์อังเดรก็แทบจะอดใจรอไม่ไหวที่จะเอ่ยปากถามว่า “มิสเตอร์เย่นี่คือฮัวซงเจี๋ยที่ควบคุมการพนันของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใช่ไหม”
เย่เชียนก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่..ถือได้ว่าเขาเป็นนักธุรกิจจอมโกงเลยแหละ”
“แต่ในความคิดของผมฮัวซงเจี๋ยคนนี้ไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้นเลย..ผมเชื่อว่ามิสเตอร์เย่สามารถควบคุมเขาได้อย่างสมบูรณ์ในกำมือของคุณและคุณก็สามารถทำอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ” คูลอฟส์อังเดรพูด
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “มันไม่ได้เกินจริงอย่างที่คุณพูดหรอกเพราะที่ฮัวซงเจี๋ยคนนี้สามารถยืนอยู่ในตำแหน่งของเขาได้ในวันนี้มันก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าเขามีความสามารถบางอย่างและเราก็ไม่สามารถประมาท..มันไม่มีใครที่ประสบความสำเร็จด้วยความบังเอิญหรอก..เพราะงั้นฮัวซงเจี๋ยคนนี้ต้องมีความพิเศษเป็นของตัวเองและอาจเป็นได้ว่าเรื่องล่าสุดทำให้เขาปวดหัวเขาจึงมาในวันนี้..และถ้าผมเดาไม่ผิดเขาคงจะมาเพื่อจุดประสงค์บางอย่างและเป็นไปได้ว่าเขามาแสดงความดีเพื่อซื้อใจผม..แต่อิทธิพลของเขาก็ยังคงเป็นที่หนึ่งในมณฑลเหอหนาน…ดังนั้นผมต้องไม่เบี่ยงไปทางเหล่ยเจียงมากเกินไป..ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ผมคิดว่าฮัวซงเจี๋ยคนนี้กำลังจะเตรียมตัวทำการใหญ่และในไม่ช้าก็จะมีการแสดงดีๆ ให้เราดู”
คูลอฟส์อังเดรก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะจากนั้นก็มองไปที่เย่เชียนด้วยความชื่นชม ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเย่เชียนถึงได้มีความมั่นใจอยู่เสมอ ดังนั้นเขาจึงชื่นชมสายตาที่มั่นใจของเย่เชียนซึ่งมันเต็มไปด้วยพลังแห่งการต่อสู้
.
.
.
.
.
.
.