ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 567 หมาป่าผีต้องการอะไรกันแน่
ตอนที่ 567 หมาป่าผีต้องการอะไรกันแน่?
เมื่อสุนัขกระโดดข้ามกำแพงไปแล้วมันก็ไม่สามารถถอยกลับไปได้ ซึ่งเหรินเฉาก็เหมือนกันเพราะเขาถูกบังคับให้ทำเช่นนี้และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องต่อสู้กับมัน
เมื่อเห็นมือของชายวัยกลางคนหัวโล้นเข้ามาใกล้เช่นนี้มือของเหรินเฉาก็สั่นและเขาก็พูดว่า “อย่าเข้ามา..อย่าบังคับให้ผมต้องยิงจริงๆ ”
“เอาสิวะ..แกคิดว่ามันเป็นปืนของเล่นเหรอถ้าแกกล้าแกก็ยิงสิวะ! ” นักเลงคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ๆ พร้อมกับขู่เหรินเฉา
“ปัง!” เมื่อเขายื่นมือเข้าไปจับเหรินเฉาจู๋ๆเหรินเฉาก็เหนี่ยวไกและในทันใดนั้นเวลาก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่งและทุกคนต่างก็ตกตะลึงรวมไปถึงชายวัยกลางคนหัวโล้นที่ตกใจอยู่พักหนึ่งซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่คาดคิดว่าเหรินเฉาจะกล้ายิงจริงๆ หลังจากตั้งสติได้ชายวัยกลางคนหัวโล้นก็ใช้มือกดแผลที่ถูกยิงของลูกน้องของเขาแต่เลือดก็ยังคงไหลออกมาผ่านนิ้วของเขาอย่างต่อเนื่อง
“พวกคุณบังคับให้ผมทำแบบนี้เองนะ..ผมบอกแล้วว่าอย่าเข้ามา!” เหรินเฉาพูดด้วยความตื่นตระหนกและรู้สึกประหม่าอย่างมากเมื่อเขายิงปืนครั้งแรกและถึงแม้ว่าปกติเขาจะดูหยิ่งผยองและโอหังก็ตามแต่เขาก็ไม่เคยฆ่าใครจริงๆ ดังนั้นเขาจะไม่กลัวการฆ่าคนเป็นครั้งแรกได้อย่างไร
“ไอ้เด็กบ้าแกทำอะไรลงไปเนี่ย! ”
“ล็อคตัวมัน! ”
“ไป!” นักเลงกลุ่มหนึ่งทำให้เหรินเฉาสูญเสียสติด้วยคำพูดต่างๆ จนเหรินเฉาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรและเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ใช้ประโยชน์จากความตื่นตระหนกควบคู่กับเหรินเฉาที่กำลังเสียสตินักเลงกลุ่มหนึ่งก็รีบวิ่งไปคว้าปืนในมือของเหรินเฉาทันทีและล็อคตัวเขาเอาไว้ เมื่อเห็นเหรินเฉาถูกล็อคตัวแล้วชายวัยกลางคนหัวโล้นก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและตะคอกว่า “แกกล้ามากเลยนะ..วันนี้อย่าได้หวังที่จะออกไปจากที่นี่! ”
“พี่เสืออย่า! ..ผมไม่ได้จะทำแบบนี้จริงๆ ..ผมไม่ได้ตั้งใจ..ถ้าคุณปล่อยผมไปผมสัญญาเลยว่าผมจะให้เงินคุณ” เหรินเฉาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เพราะเขาสูญเสียอาการไปหมดแล้ว แต่เขาก็รู้ดีว่าที่เขายิงออกไปนั้นอีกฝ่ายไม่ถึงกับตายดังนั้นถ้าเขาไม่ตั้งสติและใจเย็นกว่านี้เขาคงจะไม่ได้ออกไปจากที่นี่และชายวัยกลางคนหัวโล้นก็อาจจะฆ่าตนจริงๆ เพื่อระบายความโกรธและยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังเด็กและเขายังไม่อยากตาย
“มันไม่ใช่เงินที่จะจ่ายผ่อนได้ในตอนนี้” ชายวัยกลางคนหัวโล้นตะคอกอย่างเกรี้ยวกราดว่า “แกต้องรับผิดชอบที่แกยิงลูกน้องของฉัน..ส่วนเรื่องเงินฉันจะบอกพ่อของแก! ..แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แค่สี่ล้านแล้วแกควรภาวนาเอาไว้จะดีกว่าพ่อของแกจะไม่เล่นตุกติก..ไม่งั้นก็อย่ามาโทษว่าฉันโหดร้ายก็แล้วกัน”
หลังจากพูดจบชายวัยกลางคนหัวโล้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาและโทรออกไปยังเบอร์โทรศัพท์ของเหรินชุนไป่
****************************************************************************
คูลอฟส์อังเดรก็ใช้เวลาอีกสองสามวันในเมืองเจิ้งโจวจากนั้นเย่เชียนก็ไปส่งเขาที่สนามบินและบินตรงไปยังประเทศรัสเซียทันที เพราะเขาเตรียมการทุกอย่างในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เอาไว้หมดแล้ว ซึ่งครั้งนี้คูลอฟส์อังเดรจำเป็นต้องเป็นประธานในการเตรียมการต้อนรับอุตสาหกรรมของฮัวซงเจี๋ยเป็นการส่วนตัว
ภายในบ้านเย่เชียนเอนกายบนโซฟาและอ่านหนังสือพิมพ์อย่างผ่านๆ โดยมีชิงเฟิงนั่งอยู่ข้างๆ และกำลังเบื่ออย่างมากเขาจึงอยู่ไม่สุข “บอสผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมวันนั้นบอสถึงได้ปล่อยไอ้หมอนั่นไปง่ายๆ อย่างนี้ล่ะ..เพราะถ้าพ่อของเขาเป็นถึงผู้อำนวยการกรมตำรวจส่วนกลางแบบนั้นจากมุมมองของผมเขาควรจะให้บทเรียนที่รุนแรงซะบ้าง” ชิงเฟิงอดไม่ได้ที่จะเบะปากของเขาและพูด
ซึ่งเย่เชียนก็ไม่ได้สนใจเขาและยังคงดูหนังสือพิมพ์ของเขาต่อไปทว่าข่าวหัวข้อหนึ่งไปกระตุ้นความสนใจของเย่เชียนทันทีและรอยยิ้มที่ดูพึงพอใจปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา เมื่อเห็นเย่เชียนเช่นนี้ชิงเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและถามด้วยความประหลาดใจว่า “บอสอะไรที่ทำให้บอสยิ้มแบบนั้น? ”
“ทำไมฉันถึงยิ้มแบบนี้น่ะเหรอ..ดูเอาเองก็แล้วกัน! ” เย่เชียนพูดพร้อมกับจ้องมองไปที่ชิงเฟิงจากนั้นก็ยื่นหนังสือพิมพ์ให้และพูดว่า “ลองอ่านดูสิ..เดี๋ยวนายก็จะรู้เองว่าฉันหัวเราะเพราะอะไร”
ชิงเฟิงหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอย่างงุนงงและมองดูอย่างตั้งใจและจากนั้นร่องรอยของความประหลาดใจก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาและหลังจากนั้นชิงเฟิงก็มองไปที่เย่เชียนด้วยความสงสัยและถามว่า “บอสทั้งหมดนี้มันอยู่ในแผนของบอสด้วยหรอ? ”
เย่เชียนก็ยักไหล่และพูดว่า “เกือบจะใช่แต่สถานการณ์ของเรื่องนี้มันดีกว่าที่ฉันคาดเดาเอาไว้มาก..และมันก็น่าตื่นเต้นกว่าเดิมอีก”
ข่าวในหนังสือพิมพ์คืออะไร? แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องของชายวัยกลางคนหัวโล้นและเหรินเฉา ซึ่งเมื่อเหรินชุนไป๋รู้ว่าลูกชายของเขาถูกลักพาตัวไปโดยเหรินเฉาแล้วเหรินชุนไป่ก็ตื่นตระหนกอย่างมากและเขาก็สาปแช่งเหรินเฉาหลายครั้งในใจ แต่ตอนนี้จะดุด่าไปเพื่ออะไร? เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการช่วยเหลือลูกชายของเขา
มีการรวบรวมกำลังพลเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากและยังมีตำรวจติดอาวุธและหน่วยรบพิเศษถูกส่งไปยังคลับเฮาส์คาราโอเกะ
สถานการณ์ต่างๆ ดำเนินไปอย่างยากลำบากแต่ผลสุดท้ายนั้นก็คือเหรินเฉาถูกพี่ลูกน้องของชายวัยกลางคนหัวโล้นฆ่าตายส่วนชายวัยกลางคนหัวโล้นและลูกน้องของเขาถูกจับทั้งหมด
เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เหรินชุนไปจะไม่สามารถยอมรับผลลัพธ์นี้เพราะในที่สุดเขาก็ไม่สามารถรอดไปจากเงื้อมมือของเย่เชียนได้และถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่ได้ทำอะไรเขาโดยตรงแต่ลูกชายของเขากลับต้องเสียชีวิตไป ซึ่งถ้าเขารู้ว่าเรื่องต่างๆ จะดำเนินมาถึงจุดนี้เหรินชุนไป่ก็คงจะส่งลูกชายของเขาเข้าคุกไปในวันนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เขาต้องทนทุกข์กับหายนะเช่นนี้
เย่เชียนไม่ได้คาดหวังว่าชายวัยกลางคนหัวโล้นจะทำเช่นนี้เพราะในความคาดหวังของเย่เชียนนั้นเขาต้องการเพียงแค่ให้ชายวัยกลางคนหัวโล้นสั่งสอนให้บทเรียนและดัดนิสัยของเหรินเฉา ดังนั้นผลลัพธ์ดังกล่าวจึงเกินความคาดหมายของเย่เชียนไปมาก
“บอสยอดเยี่ยมมาก..เพราะเราไม่จำเป็นต้องทำเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเองเลย..เรายิงปืนนัดเดียวได้นกตั้งสองตัว..บอสนี่ช่างน่ากลัวเหลือเกิน” ชิงเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไอ้บ่านี่ทำไมนายไม่ใช้คำว่าร้ายกาจล่ะ..ถึงยังไงมันก็เป็นการวางกลยุทธ์ใช่มั้ยล่ะ?” เย่เชียนพูดและมองไปที่ชิงเฟิงแล้วส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
ชิงเฟิงยักไหล่เบาๆ และพูดว่า “บอสก็เป็นอย่างที่บอสเป็นนั่นแหละ” เย่เชียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดของชิงเฟิงเพราะคำว่า ‘น่ากลัว’ ที่ออกมาจากปากของชิงเฟิงนั้นไม่ได้มีความหมายที่เสื่อมเสียอะไร
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของเย่เชียนก็ดังขึ้นและเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและปรากฏว่าเป็นเฟิงหลานที่โทรมาและในทันใดนั้นเย่เชียนก็คิดว่าเฟิงหลานคงรู้แล้วว่าใครเป็นคนลอบสังหารเหล่าผู้บริหารการพนันระดับสูงในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเมื่อนึกถึงสิ่งนี้เย่เชียนก็รีบกดปุ่มรับสายและพูดว่า “พี่เฟิงหลานว่าไงบ้าง? ”
“บอส..ฉันทราบข่าวแล้ว” เฟิงหลานพูด “ฉันรู้แล้วว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ลอบสังหารเมื่อเร็วๆ นี้..ฉันคิดว่าบอสคงจะคาดไม่ถึง! ”
เย่เชียนก็ถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะเพราะยิ่งเฟิงหลานพูดแบบนั้นแล้วความอยากรู้อยากเห็นของเย่เชียนก็ยิ่งมากขึ้น “ใครเป็นคนทำ? ” เย่เชียนถามอย่างร้อนรน
“ตามข้อมูลของหน่วยข่าวกรองของเราพบว่าคนที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารนี้คือหมาป่าผีไป๋ฮวย..ซึ่งถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้นัดพบกันแต่พวกเขาก็ติดต่อกันทางโทรศัพท์..ซึ่งพี่น้องของเราได้ยินข่าวมาว่าคนเหล่านั้นล้วนเป็นคนของหมาป่าผีไป๋ฮวย” เฟิงหลานพูด
คำพูดเหล่านี้เหมือนสายฟ้าฟาดอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งเย่เชียนก็ตกใจจนไม่สามารถตั้งตัวได้ไปชั่วขณะและเย่เชียนก็ไม่เคยคิดเลยว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยจะทำสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นเย่เชียนจึงรู้สึกสับสนกับการกระทำของหมาป่าผีไป๋ฮวยอย่างมากและแอบสงสัยว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยต้องการที่จะก้าวเท้าเข้าสู่การพนันของทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยหรือไม่
“พี่รู้ไหมว่าทำไมหมาป่าผีไป๋ฮวยถึงได้ทำอย่างนั้น” เย่เชียนถาม เพราะครั้งสุดท้ายที่หมาป่าผีไป๋ฮวยจับมือปืนที่ลอบสังหารคูลอฟส์อังเดรที่สนามบินมาให้เขาและตอนนี้เขายังเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารต่อเนื่องนี้อีก ซึ่งเย่เชียนต้องยอมรับเลยว่าเขาได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้อย่างมากจากการกระทำของหมาป่าผีไป๋ฮวยและเย่เชียนก็ไม่ทำรู้จริงๆ ว่าทำไมเพราะถึงแม้ว่าเย่เชียนจะรู้จักหมาป่าผีไป๋ฮวยเป็นอย่างดีก็ตามแต่เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยต้องการอะไรกันแน่
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจุดประสงค์มันคืออะไรแต่ฉันคิดว่ามันไม่ใช่เพื่อครอบครองการพนันของฮัวซงเจี๋ยแน่ๆ ..เพราะพวกนักฆ่าที่ลอบสังหารได้ทยอยถอนตัวออกจากทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กันไปแล้วและดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้มีเจตนาที่จะแทรกแซงการพนันในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลย” เฟิงหลานพูด
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่นและเขาก็ประหลาดใจมากขึ้นกว่าเดิมเพราะถ้าหากการกระทำของหมาป่าผีไป๋ฮวยมีจุดประสงค์เพื่อควบคุมตัวคนที่อยู่เบื้องหลังการพนันล่ะก็เย่เชียนยังคงสามารถเข้าใจได้แต่หมาป่าผีไป๋ฮวยและคนของเขากลับถอนตัวออกไปจากทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลังจากฆ่าคนเหล่านั้นแล้วซึ่งหมายความชัดเจนว่าเขาไม่มีเจตนาที่จะแทรกแซงการพนันเหล่านี้ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลย ‘หมาป่าผีไป๋ฮวยถูกเหล่ยเจียงว่าจ้างหรือเปล่า?’ เย่เชียนคิดอย่างลับๆ เพราะนอกจากเหตุผลนี้เย่เชียนก็ไม่สามารถนึกถึงเหตุผลอื่นที่หมาป่าผีไป๋ฮวยจะทำแบบนี้
ดูเหมือนว่าหากเย่เชียนต้องการทราบทั้งหมดนี้ทางเดียวก็คือการไปถามจากปากหมาป่าผีไป๋ฮวยโดยตรงเมื่อเขาพบหมาป่าผีไป๋ฮวยในคราวหน้าไม่เช่นนั้นไม่ว่าเย่เชียนจะเดาอย่างไรแต่เขาก็ไม่สามารถเดาจุดประสงค์ที่แท้จริงของหมาป่าผีไป๋ฮวยได้ “ผมเข้าใจแล้วขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ..ผมฝากคุณช่วยเป็นหูเป็นตาและช่วยสนับสนุนคูลอฟส์อังเดรด้วยเพราะเขากำลังจะไปเมียนมาร์เพื่อยึดครองอุตสาหกรรมของฮัวซงเจี๋ยและหลังจากนั้นพี่จะเป็นคนดูแลส่วนที่เหลือ..แต่จำเอาไว้ว่าอย่าละเลยเพราะการแข่งขันฟุตบอลโลกกำลังจะเริ่มขึ้นเพราะงั้นผมคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่เราจะเริ่มเคลื่อนไหว” เย่เชียนพูด
เฟิงหลานก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ฉันรู้ว่าต้องทำอะไร..บอสไม่ต้องกังวล! ”
เย่เชียนก็ตอบกลับแล้ววางสายโทรศัพท์ไป “บอส..พี่เฟิงหลานเขารายงานบอสเรื่องอะไร..เหมือนผมจะได้ยินว่ามันเกี่ยวกับหมาป่าผีไป๋ฮวย..มีอะไรผิดปกติหรอหมาป่าผีไป๋ฮวยทำอะไรเขี้ยวหมาป่าหรือเปล่า?” ชิงเฟิงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ใช่! …คือ…” เย่เชียนกำลังจะพูดแต่จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้งและเขาก็หยิบมันขึ้นมาดูและปรากฏว่าเป็นจื้อจุนที่โทรเข้ามา ซึ่งเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเพราะดูเหมือนว่าเรื่องต่างๆ จากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติจะจบลงแล้ว
.
.
.
.
.
.
.