ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 569 แผนการของชิงเฟิง
ตอนที่ 569 แผนการของชิงเฟิง
บางครั้งเย่เชียนก็รู้สึกกังวลเกี่ยวกับการใช้สมองมากเกินไปในตอนที่เขายังหนุ่มยังแน่นเพราะเขาอาจจะเป็นโรคอัลไซเมอร์เมื่อเขาอายุ 50 ปีก็เป็นได้ เพราะแค่แผนการพัฒนาของเขี้ยวหมาป่านั้นเย่เชียนก็ไม่รู้เลยว่าเขาต้องใช้สมองไปกี่เซลล์ในแต่ละวันเพื่อคิดแผนการ ถึงแม้ว่าเขาจะดูไม่ค่อยมีอาการปวดหัวนักแต่เขาก็ต้องเข้านอนดึกทุกคืนและตื่นเช้ามากดังนั้นถ้าเขาไม่ได้ฝึกศิลปะการต่อสู้มาก่อนเกรงว่าเขาคงจะอ่อนล้าและเสียสุขสภาพจิตได้
วางกลยุทธ์ก่อนที่จะตัดสินแพ้ชนะนี่คือสไตล์ของเย่เชียนเพราะถึงแม้ว่าการเดินมาเยือนมณฑลเหอหนานครั้งนี้จะมีอันตรายน้อยกว่าการเดินทางไปเยือนภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็ตามแต่มันก็ทำอะไรยากลำบากยิ่งกว่า เพราะแค่การกระทำของหมาป่าผีไป๋ฮวยเพียงอย่างเดียวก็ทำให้หัวของเย่เชียนปวดไปหมดและเขาก็ถูกทิ้งให้อยู่ในหมอกโดยไม่รู้ว่าจะออกไปได้เมื่อไหร่ ดังนั้นเมื่อจื้อจุนพูดเช่นนี้เย่เชียนจึงลำบากในการคิดและวิเคราะห์เรื่องนี้และยิ่งไปกว่านั้นเพราะความสับสนวุ่นวายในใจเขาจึงคิดอะไรไม่ออกจริงๆ
เป็นเรื่องง่ายมากสำหรับอาชญากรที่มีไอคิวมากกว่า 120 ที่จะโยนตัวเองเข้าไปในตาข่ายซึ่งเพราะถ้าหากเหล่ยเจียงสามารถถูกหลอกได้ง่ายถึงขนาดนั้นเขาก็คงจะไม่รอดจนถึงตอนนี้เป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนก็เคยพยายามสั่งให้ชิงเฟิงลอบทำร้ายเหล่ยเจียงเพื่อทำให้ฮัวซงเจี๋ยกับเหล่ยเจียงขัดแย้งกัน แน่นอนว่าถ้าหากเป็นฮัวซงเจี๋ยล่ะก็เขาจะไม่มีความคิดที่รอบคอบเช่นนี้
เมื่อได้ยินชิงเฟิงพูดว่ามีแผนการที่สามารถช่วยแก้ไขเรื่องนี้ได้ความอยากรู้อยากเห็นของเย่เชียนจึงเพิ่มมากขึ้นเพราะแน่นอนว่าไม่มีใครรู้สถานการณ์และสิ่งต่างๆ ของเขี้ยวหมาป่าดีไปกว่าเย่เชียนและถึงแม้ว่าชิงเฟิงจะเป็นคนของเขี้ยวหมาป่าก็ตามแต่ชิงเฟิงก็ยังไม่รู้จริงๆ ว่าแท้ที่จริงแล้วเขี้ยวหมาป่านั้นทรงพลังมากแค่ไหน ดังนั้นเย่เชียนก็ไม่เข้าใจว่าในเขี้ยวหมาป่านั้นจะมีอาวุธอะไรอยู่
ชิงเฟิงก็ยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “บอสลืมหลี่เหว่ยไปได้ยังไง..เพราะการขนส่งสินค้าจากอเมริกาใต้มายังที่นี่มันต้องเป็นการขนส่งทางทะเลเท่านั้น..อยู่ที่ว่าเรือขนส่งสินค้าของเหล่ยเจียงนั้นอยู่ตรงพิกัดไหน?”
เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนได้รับพลังจากเทพเจ้าเขาจึงพูดอย่างรีบร้อนว่า “เออใช่!”
“มันง่ายมาก! ..แค่บอกให้หลี่เหว่ยนำทัพเรือมาปล้นสะดมสินค้าของเหล่ยเจียงจากนั้นก็ติดต่อเหล่ยเจียงให้นำเงินมาไถ่สินค้าของเขา..ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นเหล่ยเจียงต้องนำเงินมาด้วยตัวเองไม่ใช่เหรอ? ..ยิ่งไปกว่านั้นเราจะได้รับเงินค่าไถ่มาโดยปริยาย..บอสคิดดูสิมันจะยอดเยี่ยมสักแค่ไหน” ชิงเฟิงพูด
“มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสมอไป..แต่เหล่ยเจียงก็ยังสามารถให้ลูกน้องนำเงินออกเรือไปไถ่สินค้าแล้วทำไมเขาถึงต้องไปด้วยตัวเองล่ะ? ” เย่เชียนพูด
“เรื่องนี้จัดการได้ง่ายมาก..เพราะแค่เราบอกให้หลี่เหว่ยยึดเรือของลูกน้องเหล่ยเจียงเอาไว้จากนั้นก็แอบติดตั้งเครื่องรบกวนสัญญาณบนเรือเพื่อแทรกแซงเครือข่ายในเวลานั้นและเหล่ยเจียงจะต้องมาด้วยตัวเองและเมื่อเรือขนสินค้าผ่านเข้ามาในน่านน้ำของจีนเมื่อไหร่คนจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติก็สามารถสานต่องานนี้ได้” ชิงเฟิงพูด
เย่เชียนพยักหน้าและพูดว่า “วิธีนี้ไม่เลวเลยแต่ฉันไม่รู้ว่าเหล่ยเจียงจะหลงกลหรือเปล่า..ถ้าเขาไม่ไปด้วยตัวเองมันคงจะยากมาก”
ชิงเฟิงก็พูดว่า “บอสลองคิดดูดีๆ ว่าตอนนี้เหล่ยเจียงขาดแคลนเงินทุนดังนั้นเขาจะต้องกระตือรือร้นที่จะรับสินค้าโดยเร็ว..และยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากสินค้าของเขาถูกปล้นล่ะก็เขาต้องกระวนกระวายเหมือนมดบนกระทะร้อนจากนั้นก็ให้หลี่เหว่ยเรียกเงินเพิ่มอีกนิดหน่อยและต้องมอบเงินก้อนนั้นเป็นการส่วนตัวไม่อย่างงั้นหลี่เหว่ยจะไม่คืนสินค้าและจะหนีไปพร้อมกับสินค้าของเหล่ยเจียง”
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเย่เชียนก็พูดว่า “แผนนี้ดูเหมือนจะเป็นไปได้..แต่เราไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เพราะในตอนนี้เรือรบของเรายังไม่ได้ติดตั้งอาวุธ..ดังนั้นเราจะให้กลุ่มโจรสลัดซาตานเป็นคนทำและผลกำไรทั้งหมดที่ได้จะถูกแบ่งครึ่งหนึ่งให้กับกลุ่มโจรสลัดซาตาน “หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “ฉันจะฝากเรื่องนี้ไว้ให้นายจัดการและคอยติดตามผล..แต่อย่าลืมไปสืบหาเส้นทางการเดินเรือของเรือบรรทุกสินค้าด้วยล่ะเราจะได้เริ่มแผนกันได้ง่าย..ส่วนฉันจะโทรไปหาหลี่เหว่ยเพื่ออธิบายให้ฟัง..เพราะเราต้องสื่อสารกันให้ดีและเหลือก็ขึ้นอยู่กับการวางแผน”
“ดีเลยเพราะผมเป็นคนที่ขี้หงุดหงิดและผมก็กำลังมองหาอะไรทำพอดี..การอยู่เฉยๆ มันไม่สนุกเลย” ชิงเฟิงก็ส่ายหัวอย่างเฉยเมยและเดินออกไปอย่างสบายใจเฉิบ
“นายจะไปไหน?” เย่เชียนถามด้วยความประหลาดใจ
“ไปหาเส้นทางการเดินเรือของการขนส่งสินค้าของเหล่ยเจียงไงบอส!” ชิงเฟิงตอบอย่างเรียบเฉย “บอสก็แค่รอเพราะเดี๋ยวผมจะไปสืบข่าวมาให้เอง”
เย่เชียนนั้นไม่ได้สงสัยเรื่องนี้เลยเพราะชิงเฟิงนั้นมีวิธีการเป็นของตัวเอง ซึ่งการได้รับข่าวสารและข้อมูลดังกล่าวนั้นชิงเฟิงก็ทำให้แบบวิธีของเขา ซึ่งดูเหมือนว่าชิงเฟิงจะมีคนให้ข้อมูลเขาอยู่ทุกหนทุกแห่งและแน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้แต่ชิงเฟิงมักจะบอกว่าเขามีวิธีของตัวเอง ซึ่งตราบใดที่เขาได้รับข่าวสารและข้อมูลนั้นเย่เชียนก็ไม่สนใจว่าชิงเฟิงจะได้ข้อมูลมาด้วยวิธีใด
หน่วยข่าวกรองเขี้ยวหมาป่านั้นอยู่ภายใต้การดูแลของแจ็คมาสักพักหนึ่งแล้วและเย่เชียนก็คิดว่าเขาควรจะส่งมอบหน่วยข่าวกรองให้ชิงเฟิงดูแลดีหรือไม่ อย่างไรก็ตามชิงเฟิงนั้นก็ไม่ต้องการอย่างแน่นอนเพราะถ้าไม่ใช่เพื่อนากาจิมะชินนะแล้ว ชิงเฟิงคงจะไม่คุยง่ายขนาดนี้เพราะไม่นานหลังจากที่เขาทำอะไรสักอย่างหนึ่งเขาก็จะไม่สนใจสิ่งนั้นอีกต่อไปและหาสิ่งใหม่ที่ท้าทายทำไปเรื่อยๆ
การตระหนักและไตร่ตรองและปรับใช้มันนี่คือสิ่งที่เย่เชียนต้องทำ
ตอนนี้สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติพร้อมที่จะเริ่มดำเนินการกำจัดเหล่ยเจียงแล้วและเย่เชียนก็คิดที่จะจัดการกับฮัวซงเจี๋ย ซึ่งถึงแม้ว่าเบื้องหลังที่ใหญ่ที่สุดในการพนันของทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของฮัวซงเจี๋ยจะไม่สูงเท่าเหล่ยเจียงก็ตามแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการเพราะธุรกิจเกือบทั้งหมดของฮัวซงเจี๋ยอยู่ที่ต่างประเทศและธุรกิจในประเทศจีนก็เป็นเพียงแค่การบังหน้าเท่านั้น ซึ่งเย่เชียนก็ไม่ได้คาดหวังว่าฮัวซงเจี๋ยนั้นจะมีจุดประสงค์เพื่อเงินเพราะที่สำคัญกว่านั้นฮัวซงเจี๋ยไม่ถือว่าเป็นอาชญากรรมในประเทศจีนดังนั้นสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติจึงไม่ทำอะไรเขาเพราะงั้นฮัวซงเจี๋ยก็ยังคงปลอดภัยในประเทศและถึงแม้ว่าเครือข่ายของเขาในทณฑลเหอหนานจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางอาญาเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ไม่ได้ทำธุรกิจที่ผิดกฎหมายในประเทศ
ซึ่งในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตอนนี้คูลอฟส์อังเดรและมาเฟียของเขาเป็นผู้คุมสิ่งต่างๆ เพราะหมาป่าผีไป๋ฮวยได้ทำให้ความแข็งแกร่งของฮัวซงเจี๋ยอ่อนแอลงและทำให้เขาไม่มั่นคง ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่กังวลอะไรมากนักและยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนยังมีเฟิงหลานและคนอื่นๆ อยู่ที่นั่นเพราะงั้นถึงแม้ว่าจะมีปัญหาที่นั่นถึงยังไงพวกเขาก็สามารถจัดการได้
ส่วนที่เหลืออยู่เป็นอุตสาหกรรมของฮัวซงเจี๋ยในมณฑลเหอหนานและมันเป็นอุตสาหกรรมและธุรกิจเล็กๆ ซึ่งส่วนใหญ่บาร์,ร้านคาราโอเกะและอาบอบนวดรวมไปถึงโรงแรม ฯลฯ ซึ่งการกวาดล้างธุรกิจเหล่านี้ก็ไม่น่าจะยากและเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเย่เชียนก็จะร่วมมือกับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติเพื่อกำจัดเหล่ยเจียงและฮัวซงเจี๋ยอย่างสมบูรณ์แบบ
หลังจากนึกถึงเรื่องนี้เย่เชียนก็โทรไปหาจื้อจุนและพูดสั้นๆ เกี่ยวกับแผนการต่างๆ อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็บอกไปเพียงแค่ว่าเขากำลังหาวิธีจัดการกับเหล่ยเจียงเพียงให้พวกเขาใส่ใจกับการกระทำของเหล่ยเจียงให้มากขึ้นและไม่ได้เล่าเรื่องราวในส่วนของกลุ่มโจรสลัดซาตานแต่อย่างใด
การพูดคุยจบลงเพียงแค่สามนาทีเพราะเย่เชียนคงไม่โง่ถึงขนาดที่จะเปิดเผยสิ่งต่างๆ ต่อสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติว่าเขี้ยวหมาป่าได้สร้างกองทัพเรือบนผืนทะเลซึ่งจะเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตของประเทศจีน
จากนั้นเย่เชียนก็พูดคุยเรื่องของฮัวซงเจี๋ยกับจื้อจุนและขอให้จื้อจุนช่วยติดต่อกรมตำรวจส่วนกลางประจำมณฑลเหอหนานและบอกให้พวกเขาดำเนินการกวาดล้างอย่างเข้มงวดโดยมีเป้าหมายเพื่อปราบปรามธุรกิจสีเทาของฮัวซงเจี๋ย ซึ่งจื้อจุนก็ตกตะลึงและเขาก็พยักหน้าเห็นด้วย ซึ่งถึงแม้ว่าสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติไม่ได้คิดที่จะจัดการกับฮัวซงเจี๋ยก็ตามถึงยังไงแต่เบื้องหลังของฮัวซงเจี๋ยก็ยังคงชัดเจนมากสำหรับพวกเขาแต่การกระทำของเย่เชียนในครั้งนี้ก็เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประเทศจีนโดยไม่ได้รับอันตรายใดๆ และนอกจากนี้มณฑลเหอหนานก็กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังพัฒนาไปอย่างราบรื่น ดังนั้นการดำเนินการกวาดล้างครั้งใหญ่เช่นนี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและความมั่นคงในการลงทุนของนักลงทุนได้อย่างแน่นอน
หลังจากตอบตกลงกับเย่เชียนแล้วขื้อจุนก็จะไปประชุมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลกลางในภายหลังและถึงแม้ว่าบุคลากรจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติจะไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการบริหารท้องถิ่นได้แต่รัฐบาลกลางและเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ได้ ไม่เช่นนั้นหากพวกเขาเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ล่ะก็พวกเขาจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายและถูกกรมตรวจสอบวินัยกลางตรวจสอบอย่างเข้มงวด
หลังจากวางสายโทรศัพท์แล้วจื้อจุนก็มองไปที่เซียวหวันอย่างมีชัยและพูดว่า “เซียวหวัน! ..เตรียมตัวซักถุงเท้าเหม็นๆ ของฉันเป็นเวลาหนึ่งเดือนเลยนะ”
“มันยังไม่ชัดเจนเลยว่าใครจะชนะหรือใครจะแพ้” เซียวหวันพูดเสียงแข็งแต่เมื่อเธอนึกถึงถุงเท้าเหม็นๆ ของจื้อจุนที่เธอจะต้องซักเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วคิ้วของเธอก็ห้อยลงอย่างขมขื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ
“เย่เชียนโทรมาเมื่อกี้บอกว่าเขาได้เตรียมแผนการทั้งหมดเอาไว้แล้วในการจับเหล่ยเจียง” จื้อจุนพูด
“ใครจะไม่ฟังอะไรจนกว่าเหล่ยเจียงจะถูกจับได้จริงๆ” เซียวหวันพูด
“ฉันก็ไม่ได้รีบอยู่แล้ว..เพราะดูเหมือนว่าเดือนนี้ฉันจะต้องเอาถุงเท้าเหม็นๆ ให้เธอซักให้” จื้อจุนพูดด้วยรอยยิ้ม
“หึ!” เซียวหวันมองจื้อจุนด้วยหางตาและหันหน้าหนีไป
“เอาล่ะไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้แล้ว..เพราะเรามีสิ่งที่ต้องทำ” จื้อจุนพูด “เย่เชียนบอกฉันเมื่อกี้ว่าให้ฉันติดต่อกรมตำรวจส่วนกลางประจำมณฑลเหอหนานเพื่อเริ่มแผนการกวาดล้างธุรกิจสีเทาทั้งหมด..ซึ่งเรากำลังจะไปกวาดล้างธุรกิจขนาดใหญ่ของฮัวซงเจี๋ย!”
“เขาต้องการใช้อำนาจของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของเราเพื่อช่วยเขากำจัดศัตรูของเขางั้นเหรอ..พี่คงรู้ใช่มั้ย? ” เซียวหวันพูด
“แน่นอนว่าฉันรู้..แต่อันที่จริงฮัวซงเจี๋ยเป็นคนอันตรายจริงๆ เพราะงั้นทำไมเราไม่ถอนรากถอนโคนซะตอนนี้ไปเลยล่ะ..เธอรู้มั้ยว่าทำไมสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของเราถึงได้สนับสนุนและร่วมมือกับเย่เชียนทั้งๆ ที่เรารู้เรื่องต่างๆ มากมาย..เพราะถ้าเป็นฉันเองฉันก็แทบจะไม่ลังเลที่จะผูกมิตรกับเย่เชียนดีกว่าการผูกมิตรกับฮัวซงเจี๋ย..เพราะงั้นไม่ต้องกังวลไปฉันจะถามผู้อำนวยการว่าเขาคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้” จื้อจุนพูด
.
.
.
.
.
.
.