ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 570 การกวาดล้างครั้งใหญ่
ตอนที่ 570 การกวาดล้างครั้งใหญ่
อันที่จริงจื้อจุนนั้นไม่จำเป็นต้องถามหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเลยเพราะความคิดของเขากับเหมือนๆ กับของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเพราะถ้าจะปล่อยให้ฮัวซงเจี๋ยครองมณฑลเหอหนานเช่นนั้นมันคงจะเป็นการดีกว่าถ้าจะปล่อยให้เย่เชียนครอบครองมณฑลเหอหนานแทน เพราะหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นคุ้นเคยกับเย่เชียนและรู้ทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนของเย่เชียน ดังนั้นหากต้องเผชิญหน้ากันในอนาคตจะสามารถจัดการได้ง่ายกว่ามาก
ถึงแม้ว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรายงานหวงฟู่ชิงเตี๋ยนในวันนี้แต่จื้อจุนก็เป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติดังนั้นทุกอย่างต้องเป็นไปตามคำแนะนำจากเบื้องบน ซึ่งถ้าหากวันหนึ่งในอนาคตประเทศต้องการจัดการกับเย่เชียนจริงๆ ล่ะก็หวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะต้องได้รับคำสั่งก่อนเท่านั้น
เย่เชียนก็คาดหวังว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะคิดแบบนี้เหมือนกัน ดังนั้นเขาจะปล่อยให้คนจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติยื่นมือเข้ามาช่วยเขาโดยไม่ลังเล อย่างไรก็ตามหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็มีความคิดของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนส่วนเย่เชียนก็มีแผนเป็นของตัวเองเช่นกันและเย่เชียนก็ป้องกันไม่ให้วันนั้นมาถึงแต่ถึงยังไงทั้งสองคนก็มีความคิดที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ด้วยการยืนยันของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นจื้อจุนก็จะสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้ด้วยความมั่นใจ อย่างไรก็ตามเซียวหวันกลับรู้สึกไม่สบอารมณ์เพราะเธอไม่เข้าใจว่าทำไมจื้อจุนถึงได้ไว้ใจเย่เชียนมากขนาดนั้นและแม้แต่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนเองก็เช่นเดียวกัน ซึ่งเธอไม่รู้เลยว่าคนพาลอย่างเย่เชียนมีอะไรดี
จื้อจุนก็โทรไปติดต่อประสานงานกับกรมตำรวจส่วนกลางประจำมณฑลเหอหนานและอธิบายเกี่ยวกับเรื่องการกวาดล้างฮัวซงเจี๋ย ซึ่งเหรินชุนไป่ก็ตกลงโดยไม่ลังเลใดๆ เพราะการตายของเหรินเฉานั้นสร้างความปวดร้าวอย่างมากต่อเหรินชุนไป่ผู้เป็นพ่อเพราะเหรินเฉาเป็นทายาทเพียงคนเดียวแต่เขากลับเสียชีวิตไปเมื่อยังเยาว์วัยเช่นนี้ ดังนั้นเหรินชุนไป่จะไม่เศร้าได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นเหรินชุนไป่ก็โทษเหล่าอันธพาลและองค์กรใต้ดินทั้งหมดเพราะในความคิดของเขาถ้าไม่ใช่เพราะองค์กรใต้ดินเหล่านี้แล้วลูกชายของเขาจะตายได้อย่างไร? ดังนั้นตอนนี้เขาจึงเกลียดนักเลงอันธพาลและองค์กรใต้ดินอย่างมากจนแทบจะรอไม่ไหวที่จะกวาดล้างคนเหล่านั้น
ก่อนหน้านี้เหรินชุนไปอาจจะยังมีความคิดที่วิตกกังวลอยู่เพราะเขากลัวว่าพวกนักเลงอันธพาลเหล่านั้นจะเข้ามาคุกคามครอบครัวของเขา เพราะตอนนี้ลูกชายเพียงคนเดียวของเขาก็จากไปแล้วและเขาต้องทนดูภรรยาของเขาน้ำตานองตลอดทั้งวันดังนั้นเหรินชุนไป่จะไม่เจ็บปวดได้อย่างไร? ตอนนี้เขามีเพียงความคิดเดียวและนั่นคือการส่งนักเลงและอันธพาลเหล่านั้นเข้าคุกทีละคนหรือแม้แต่ส่งไปลงนรกเช่นนั้น
ดังนั้นหลังจากได้ยินคำพูดของจื้อจุนแล้วเหรินชุนไปก็แทบจะไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้เลยเพราะในความเป็นจริงถึงแม้ว่าจื้อจุนจะไม่พูดเช่นนั้นแต่เหรินชุนไป่ก็เตรียมที่จะระดมพลเพื่อทำการกวาดล้างครั้งใหญ่อยู่แล้วแต่ในวันนี้ด้วยการสนับสนุนของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติแล้วเหรินชุนไป่จึงก็ไม่มีปัญหาใดๆ
เมื่อจื้อจุนประสานงานกับกรมตำรวจส่วนกลางเสร็จเหรินชุนไป่ก็เริ่มเรียกผู้กำกับจากเขตต่างๆ และสั่งให้พวกเขามาประชุมทันที ซึ่งเหรินชุนไป่ในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางประจำมณฑลเหอหนานก็ได้ออกคำสั่งโดยตรงและกำชับผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัดว่าหากใครแค่ทำตามหน้าที่เพื่อเอาหน้าและไม่ได้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและจริงจังล่ะก็อย่าตำหนิว่าเขาเป็นคนโหดเหี้ยม ซึ่งนั่นความหมายชัดเจนว่าครั้งนี้ลูกน้องและเครือข่ายทั้งหมดของฮัวซงเจี๋ยจะต้องได้รับการกวาดล้างอย่างสมบูรณ์แบบและใครก็ตามที่ฝ่าฝืนคำสั่งคนคนนั้นจะต้องถูกปลดออกจากตำแหน่งทันที
ผู้กำกับประจำแต่ละเขตเหล่านั้นทุกคนรู้เรื่องการเสียชีวิตของเหรินเฉาโดยธรรมชาติและคราวนี้พวกเขาก็รู้ด้วยว่าเหรินชุนไป่นั้นกำลังเดือดดาลแล้วพวกเขาจะกล้าโต้แย้งได้อย่างไร? ดังนั้นหลังการประชุมผู้กำกับประจำเขตต่างๆ ก็เริ่มสั่งการและมอบหมายงานจากนั้นติดตามขั้นตอนต่างๆ และประสานงานร่วมกับหน่วยอื่นๆ อย่างเคร่งครัดเพื่อดำเนินการกวาดล้างสถานบันเทิงและธุรกิจทั้งหมดที่อยู่ภายใต้การดูแลของฮัวซงเจี๋ยพร้อมกันในเวลาเดียวกัน
สามวันต่อมาช่วงประมาณห้าทุ่มนั้นเกือบทั้งมณฑลเหอหนานก็เข้าสู่สภาวะของกฎอัยการศึกโดยสมบูรณ์โดยมีเหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกส่งมาประจำการตามสถานที่ต่างๆ ทั่วเมืองและไม่ว่าจะเป็นตำรวจจราจรหรือตำรวจดับเพลิงหรือตำรวจอาชญากรรมและตำรวจติดอาวุธต่างก็ทำหน้าที่อย่างเคร่งครัดและไม่มีใครละเลยในหน้าที่ เหรินชุนไป่ก็ไม่ได้โง่เช่นกันเพราะเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวายเขาจึงสั่งให้บุคลากรประจำการตลอดห้าวันต่อมาเพื่อให้บุคลากรประจำในสถานีตำรวจคอยรับหน้าที่คุมขังเหล่าอันธพาล
อย่างไรก็ตามเหรินชุนไป่ก็ยังไม่หยุดยั้งเพราะในการดำเนินการนี้มันเป็นการกวาดล้างอย่างบ้าคลั่งและยิ่งธุรกิจส่วนใหญ่ของฮัวซงเจี๋ยเป็นสถานบันเทิงและถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจยาเสพติดหรือธุรกิจสีเทาก็ตามแต่ตราบใดที่มันเป็นธุรกิจของฮัวซงเจี๋ยแล้วเหรินชุนไป่ก็ไม่คิดที่จะละเลยแต่อย่างใด
ภายในบ้านฮัวซงเจี๋ยก็แทบจะหัวใจวายเมื่อได้ยินข่าวต่างๆ เพราะทางการไม่มีการไว้หน้าเขาเลย ซึ่งธุรกิจทั้งหมดของเขาถูกกวาดล้างในเวลาเดียวกันทั้งไม่ใช่แค่ธุรกิจบันเทิงและสื่อลามกหรือการพนันและยาเสพติดเท่านั้นเพราะแม้แต่ธุรกิจธรรมดาๆ ก็ถูกกวาดล้างไปด้วย
ใบหน้าของฮัวซงเจี๋ยก็บิดเบี้ยวและขมขื่นอย่างมากเพราะเขามีหน้ามีตาและมีอิทธิพลอย่างมากในมณฑลเหอหนานตาทำไมเขาถึงได้รับการปฏิบัติเช่นนี้? ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการตรวจตราตามปกติแต่สายข่าวของเขาก็จะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเสมอแต่ครั้งนี้เขาไม่ได้รับข่าวสารและการแจ้งเตือนใดๆ ล่วงหน้าเลย ซึ่งวิธีการของตำรวจในการดำเนินการในครั้งนี้แตกต่างจากวิธีการก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง เพราะการดำเนินการครั้งนี้ดำเนินไปอย่างเคร่งครัดและสมบูรณ์แบบ
การแข่งขันฟุตบอลโลกก็ใกล้เข้ามาแล้วดังนั้นช่วงเวลานี้มันเป็นช่วงที่เขาทำสงครามกับเหล่ยเจียงและมันก็กำลังทวีความรุนแรงขึ้นและยิ่งทางการและรัฐบาลปฏิบัติกับเขาแบบนี้อีก ซึ่งฮัวซงเจี๋ยก็ขมวดเข้าหากันและเขาก็คิดกับตัวเองว่าเหล่ยเจียงทำทั้งหมดนี้หรือเปล่า? อย่างไรก็ตามฮัวซงเจี๋ยก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเหล่ยเจียงจะมีเครือข่ายที่ทรงพลังเช่นนี้เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากจะออกมาปราบปรามในเวลาเดียวกันทั้งหมด?
อย่างไรก็ตามตอนนี้มันสายไปแล้วที่จะคิดมาก ซึ่งฮัวซงเจี๋ยก็ขับรถไปที่ไนต์คลับแห่งหนึ่งทันทีและเมื่อเขาอยู่บนรถเขาก็รีบโทรไปหาสายของเขาในสถานีตำรวจและถามสั้นๆ ว่าทำไมถึงมีการกวาดล้างครั้งใหญ่และทำไมถึงไม่มีข่าวหรือการแจ้งเตือนใดๆ เลย
อย่างไรก็ตามคำตอบของอีกฝ่ายก็คือว่านี่เป็นคำสั่งที่เข้มงวดซึ่งออกโดยสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางและรัฐบาลกลาง โดยการดำเนินการดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการจึงไม่มีใครสามารถรู้ได้ก่อนล่วงหน้าเลย ยิ่งไปกว่านั้นการดำเนินเรื่องในครั้งนี้มีความเข้มงวดอย่างมากและดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่การทำเพื่อฉากบังหน้าเหมือนก่อนหน้านี้แต่มันเป็นการดำเนินการอย่างเป็นทางการ
ฮัวซงเจี๋ยก็วางสายไปด้วยความโกรธและคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เขาสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างแบบกะทันหันและเขาก็ไม่สามารถรับมือได้ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่เป็นการกระทำโดยเจตนาของรัฐบาลหรือการสมรู้ร่วมคิดของเหล่ยเจียงกันแน่
หลังจากคิดเรื่องนี้ฮัวซงเจี๋ยก็โทรไปหาเย่เชียนและเมื่อเย่เชียนเห็นว่าฮัวซงเจี๋ยโทรมาเขาก็ฉีกยิ้มและเขาก็รู้อยู่แล้วว่าฮัวซงเจี๋ยต้องโทรมาหาเขาเพราะฮัวซงเจี๋ยคิดว่าเขาได้ช่วยเย่เชียนเอาไว้ตอนอยู่ที่ไซต์ก่อสร้างของโครงการแอนิเมชั่นครั้งที่แล้วและตอนนี้เขาก็ต้องการที่จะทวงบุญคุณเย่เชียน
หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเย่เชียนก็แสร้งทำเป็นตื่นขึ้นมาจากการนอนอยู่บนเตียงและดุด่าด้วยความโกรธว่า “แม่งเอ๊ยใครโทรมากลางดึกแบบนี้วะอยากตายเหรอ!”
ฮัวซงเจี๋ยก็ตกใจอย่างเห็นได้ชัดด้วยความอับอายกับคำสบดของเย่เชียน ซึ่งหลังจากหยุดไปชั่วขณะฮัวซงเจี๋ยก็คิดว่าเขาอาจจะขัดจังหวะการพักผ่อนของเย่เชียนและนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เย่เชียนโกรธเคืองดังนั้นเขาจึงต้องขอโทษและพูดว่า “ขอโทษนะคุณเย่ที่ผมโทรมารบกวนเวลาพักผ่อนของคุณ”
“หือ? ..เป็นประธานฮัว? ” เย่เชียนแสร้งทำเป็นเพิ่งได้ยินเสียงของฮัวซงเจี๋ยและพูดว่า “เอ่อโทษทีครับผมไม่รู้ว่าเป็นประธานฮัว..ว่าแต่คุณมีเรื่องด่วนอะไรหรอถึงได้โทรมาหาผมดึกขนาดนี้”
“ผมต้องขอโทษจริงๆ ผมไม่รู้ว่าคุณเย่หลับไปแล้ว..ขอโทษที่โทรไปรบกวนครับ” ฮัวซงเจี๋ยพูด
“ไม่เป็นไรผมเพิ่งจะหลับไปได้ไม่นาน..ว่าแต่มีเรื่องอะไรหรอ? ” เย่เชียนถาม
“เอ่อ..ผมไม่รู้ทำไมจู่ๆ คืนนี้รัฐบาลกลางและกรมตำรวจส่วนกลางถึงได้ดำเนินการปราบปรามผม..ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ทั้งมณฑลเหอหนานก็ถูกระดมพลไปเก็บกวาดธุรกิจของผมทั้งหมดในเวลาเดียวกัน..ผมจึงอยากถามว่าคุณเย่ได้รับข่าวหรือข้อมูลอะไรบ้างหรือเปล่า? ..นี่คือแผนของรัฐบาลหรือเหล่ยเจียงกันแน่?”
ฮัวซงเจี๋ยไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ และเขาก็คิดว่าเย่เชียนเป็นคนที่มีตำแหน่งสูงดังนั้นเขาจะต้องรู้เรื่องนี้ไม่มากก็น้อย ซึ่งการกระทำทั้งหมดของเขาในครั้งนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าการพยายามทำให้เย่เชียนช่วยเหลือเขาเพื่อที่เขาจะได้พูดคุยเรื่องการร่วมมือ
“ห๊ะ? ..มีอะไรเหรอผมไม่รู้จริงๆ ..มิน่าล่ะทำไมคืนนี้ผมถึงได้ยินเสียงไซเรนของรถตำรวจผมหงุดหงิดมาก” เย่เชียนพูดต่อ “เมื่อกี้นี้คุณว่ายังไงนะ..พวกตำรวจเข้าปราบปรามธุรกิจของคุณงั้นหรอ? ”
“ใช่! ..ธุรกิจที่อยู่ในมณฑลเหอหนานทั้งหมดถูกตำรวจเข้ายึดในเวลาเดียวกัน” ฮัวซงเจี๋ยพูด
“อืม..ผมคิดว่ามันคงถึงเวลาแล้วที่มณฑลเหอหนานจะต้องพัฒนาเพื่อให้นักลงทุนมีความมั่นใจในการทำธุรกิจและลงทุนเพราะงั้นพวกเขาถึงต้องเคลื่อนไหวกวาดล้างแค่เบื้องหน้าเท่านั้นไม่ต้องกังวลไป..เดี๋ยวทุกอย่างจะกลับสู่สภาวะปกติภายในไม่กี่วัน” เย่เชียนพูดเบาๆ
มีดเล่มนั้นไม่ได้ปักอยู่ในอกของเย่เชียนดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่ามันเจ็บแค่ไหน ซึ่งเมื่อเห็นท่าทีของเย่เชียนแล้วฮัวซงเจี๋ยก็รู้ว่าไม่จำเป็นต้องคุยอะไรต่อแล้ว ซึ่งหลังจากทักทายกันอีกไม่กี่คำฮัวซงเจี๋ยก็วางสายโทรศัพท์ไป เมื่อฟังจากน้ำเสียงของเย่เชียนแล้วฮัวซงเจี๋ยก็ไม่รู้จริงๆ หรือว่าเย่เชียนไม่รู้จริงๆ หรือกำลังเล่นตลกกับเขาอยู่ อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ไม่สำคัญเลยเพราะตอนนี้ฮัวซงเจี๋ยต้องคิดให้ได้ก่อนว่าตำรวจเหล่านี้ต้องการทำอะไรและใครอยู่เบื้องหลังเรื่องพวกนี้ ซึ่งมันเหมือนกับถูกมีดปักอกอย่างไงอย่างงั้น
หลังจากวางสายแล้วรถก็หยุดอยู่ที่หน้าไนต์คลับแห่งหนึ่ง ซึ่งมีรถตำรวจหลายคันจอดอยู่ที่ประตูและไนต์คลับก็เปิดไฟสว่างและมีเสียงดังออกมาจากข้างใน โดยไม่รอให้บอดี้การ์ดเปิดประตูให้ตัวเองฮัวซงเจี๋ยก็ผลักประตูเข้าไปโดยตรงแล้วเดินเข้าไปและเดินไปยังส่วนออฟฟิศซึ่งจากระยะไกลฮัวซงเจี๋ยเห็นเหรินชุนไป่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนด้วยท่าทางที่จริงจังอย่างมาก
.
.
.
.
.
.
.