ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 571 จับกุมฮัวซงเจี๋ย
ตอนที่ 571 จับกุมฮัวซงเจี๋ย
เมื่อเห็นธุรกิจของฮัวซงเจี๋ยทั้งหมดถูกปิดไปทีละแห่งแล้วเหรินชุนไป่ก็รู้สึกมีความสุขมากและถึงแม้ว่าการตายของเหรินเฉาจะไม่เกี่ยวข้องกับฮัวซงเจี๋ยก็ตามแต่ถ้าไม่ใช่เพราะองค์กรใต้ดินและพวกนักเลงเหล่านี้แล้วลูกชายของเขาจะเข้าไปพัวพันและตายได้อย่างไร? ถึงแม้ว่ามุมมองของเขาจะผิดไปหน่อยแต่ถึงยังไงความคิดของเขาก็ไม่ได้ผิด
แท้จริงแล้วเป็นเพราะคนเหล่านี้ที่ทำให้สังคมในปัจจุบันเน่าเฟะดังนั้นคนที่เดินบนถนนสีดำและสีเทาหรือคนที่เกิดมาในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อยและยิ่งไปกว่านั้นตราบใดที่ใครมีจิตใจที่อ่อนแอคนประเภทนี้ก็มักจะถูกล่อลวงและหลงผิดจนกระทำในสิ่งที่ผิด
จากมุมมองของความเป็นจริงเหรินชุนไป่นั้นก็เห็นแก่ตัวแต่ถ้ามอบภาพรวมล่ะก็สิ่งนี้ล้วนเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม เพราะท้ายที่สุดแล้วการกวาดล้างฮัวซงเจี๋ยและการกวาดล้างองค์กรที่ชั่วร้ายทั้งหมดนั้นมันจะเป็นผลดีอย่างมากต่อสังคมนี้
เมื่อฮัวซงเจี๋ยเห็นเหรินชุนไป่แล้วใบหน้าของฮัวซงเจี๋ยก็เปลี่ยนไปและมีความโกรธเกรี้ยวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาจากนั้นมันก็หายไปอย่างรวดเร็วและเขาก็เดินตรงไปหาเหรินชุนไป่แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้อำนวยการเหรินนี่มันอะไรกัน..ทำไมพวกคุณถึงได้สั่งปิดธุรกิจของผมมากมายภายในชั่วข้ามคืนแบบนี้ล่ะมันเป็นธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย! ”
“ก็ในเมื่อมันเป็นธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วทำไมคุณฮัวถึงต้องกังวลด้วยล่ะ..พวกเราทุกคนปฏิบัติตามกฎหมายและตราบใดที่คุณไม่ได้ละเมิดล่ะก็อย่ากังวลไป” เหรินชุนไป่พูด
“แล้วคลับคาราโอเกะของผมละเมิดกฎหมายอะไรทำไมมันถึงถูกสั่งปิดไปด้วย” ฮัวซงเจี๋ยพยายามเก็บความโกรธเกรี้ยวเอาไว้ในใจของเขาและพูดออกมาอย่างใจเย็น
“นี่คุณไม่รู้จริงๆ เหรอเพราะการที่คุณทำธุรกิจเกี่ยวกับสถานบันเทิงแล้วมันก็ต้องเกี่ยวข้องกับสื่อลามกและยาบางอย่างด้วย..เพราะงั้นการสั่งปิดสถานประกอบการของคุณมันก็เป็นไปตามกฎหมาย..เพราะงั้นถ้าคุณขัดขวางเจ้าหน้าที่ล่ะก็ผมจะส่งหมายเรียกคุณไปที่สถานีตำรวจ” เหรินชุนไป่พูด
“ผู้อำนวยการเหรินหมายความว่าไง? ..ใครๆ ก็รู้ว่าฮัวซงเจี๋ยไม่เคยแตะต้องยาเสพติดและถึงแม้ว่ามันจะมีอยู่ในสถานประกอบการของผมก็ตามแต่มันก็เป็นของพวกนักเลงอันธพาลที่ชอบสร้างปัญหา..มันไม่เกี่ยวข้องกับผมเลยและการที่คุณสั่งปิดสถานประกอบการของผมแบบนี้มันก็เหมือนกับการยัดข้อหา” ปากของฮัวซงเจี๋ยกระตุกอย่างเห็นได้ชัดว่าเขาพยายามที่จะระงับความโกรธของเขาเอาไว้ “ในมณฑลเหอหนานใครๆ ก็รู้ว่าเหล่ยเจียงเป็นเจ้าพ่อยาเสพติดตัวจริงแล้วทำไมคุณถึงไม่ไปจับเขาล่ะ..คุณมาหาผมทำไมคุณอยากจะยัดข้อหาให้ผมใช่มั้ย?”
เหรินชุนไป่ก็หัวเราะอย่างดูถูกเหยียดหยามและพูดว่า “คุณพูดถูกเหล่ยเจียงน่ะเป็นงอกมะเร็งเนื้องอกเพราะงั้นไม่ช้าก็เร็วเราจะดึงเขาออกมาจากหลุม..แต่ใครๆ ก็รู้ว่าคุณฮัวคือราชานักพนันและเจ้าแห่งการเดิมพัน..เพราะงั้นรัฐบาลจึงสั่งปิดสถานประกอบการของคุณเพราะงั้นอย่ามาพูดว่าพวกเรายัดข้อหามั่วๆ ล่ะ”
หลังจากฟังคำพูดของเหรินชุนไป่แล้วฮัวซงเจี๋ยก็ขมวดคิ้วราวกับว่าเขารู้ว่าการกระทำแบบนี้ไม่ใช่เล่ห์เหลี่ยมในแบบของเหล่ยเจียงแต่เป็นเหรินชุนไป่ที่อยู่ตรงหน้าเขาที่ต้องการกำจัดตัวเอง ดังนั้นฮัวซงเจี๋ยจึงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ในฐานะผู้อำนวยการคุณอย่าฝืนทำสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อคุณจะดีกว่า”
“อะไรนะ? ..คุณกำลังขู่ผมงั้นเหรอ? ” เหรินชุนไป๋พูดอย่างเกรี้ยวกราด
“ถ้าผู้อำนวยการจะคิดแบบนั้นก็แล้วแต่” สายตาของฮัวซงเจี๋ยก็กวาดไปรอบๆ และมองเหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วพูดว่า “ผมน่ะเป็นคนที่รู้บุญคุณของคนและผมก็จะจำเอาไว้ว่าใครดีกับผม..เพราะงั้นก็อย่ามาโทษผมล่ะถ้าครอบครัวและเพื่อนๆ ของคุณเป็นอะไรไป..เชื่อเถอะไม่มีใครอยากให้พวกเขาประสบอุบัติเหตุหรอก”
ภัยคุกคามและการข่มขู่ของฮัวซงเจี๋ยนั้นเหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ยินอย่างชัดเจนและพวกเขาก็ตระหนักเกี่ยวกับสถานการณ์เช่นนี้โดยธรรมชาติ เพราะการเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อยนั้นไม่มีอะไรแน่นอนและไม่ต้องพูดถึงสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาเลย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทำอะไรมากเกินไปเพราะตอนนี้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแล้ว ซึ่งพวกเขาก็เป็นแค่พนักงานดังนั้นความผิดทั้งหมดเป็นของเหรินชุนไป่ ดังนั้นทำไมพวกเขาถึงต้องทำอะไรมากเกินไปและพวกเขาก็ไม่สงสัยในคำพูดของฮัวซงเจี๋ยเลยยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็เชื่อว่าฮัวซงเจี๋ยนั้นสามารถทำตามสิ่งที่เขาพูดได้
เจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นๆ กลัวแต่เหรินชุนไป่ไม่กลัวเลยเพราะลูกชายเพียงคนเดียวของเขาก็ตายไปแล้วเพราะงั้นเขาจะกลัวอะไรได้อีก? ถึงแม้ว่านี่จะเป็นการแก้แค้นให้เขาก็ตามแต่มันก็ไม่ควรให้คนอื่นมาเกี่ยวข้องดังนั้นเหรินชุนไป่จึงมองไปที่ฮัวซงเจี๋ยอย่างเดือดดาลและพูดว่า “อะไร? ..นี่คุณกำลังขู่งั้นเหรอ..ถ้าไม่ใช่เพราะคุณล่ะก็ลูกของผมจะตายไปแบบนี้เหรอ? ..ผมแทบจะรอไม่ไหวแล้วที่จะฆ่าพวกนักเลงอันธพาลทั้งหมด..ลูกของผมน่ะตายไปแล้วเพราะงั้นผมจะไม่มีวันปล่อยให้ครอบครัวหรือลูกๆ ของคนอื่นเดินตามรอยลูกชายของผม!”
ฮัวซงเจี๋ยก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะและในที่สุดก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและเขาก็เชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงการแก้แค้นโดยเหรินชุนไป่คนนี้เอง อย่างไรก็ตามในความคิดของฮัวซงเจี๋ยนั้นเหรินชุนไป๋คนนี้ไม่มีเหตุผลเกินไปเพราะการตายของลูกชายของเหรินชุนไป่จะไปเกี่ยวข้องกับตนได้อย่างไร? ทำไมเหรินชุนไปถึงผลักความรับผิดชอบทั้งหมดมาไว้บนหัวของเขากัน? หลังจากหยุดไปชั่วขณะฮัวซงเจี๋ยก็พูดว่า “เหรินชุนไป่! ..ผมเองก็รู้เรื่องลูกชายของคุณเหมือนกันแต่มันไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลย..นั่นเป็นเพราะคุณไม่ได้สั่งสอนลูกชายของคุณให้ดีเอง..เพราะงั้นตอนนี้คุณจะมาโทษคนอื่นได้ยังไง? ..หืม? ..คุณอยากจะลองดีกับผมงั้นเหรอ”
“ใช่! ..แต่มันก็น่าเสียดายนะเพราะผมเกรงว่าคุณจะไม่ได้รอจนถึงวันนั้น” เหรินชุนไป่หัวเราะเยาะและพูดว่า “เอาล่ะ! ..พาตัวเขากลับไปสถานีตำรวจ! ”
ทันทีที่เสียงของเหรินชุนไป่จบลงเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนก็รีบวิ่งไปข้างหน้าและเมื่อผู้คุ้มกันของฮัวซงเจี๋ยเห็นเขาก็รีบมาปิดกั้นตรงหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ “หืม? ..คุณฮัวต้องการขัดขืนการจับกุมงั้นเหรอ?” เหรินชุนไป่ก็พูดอย่างเย้ยหยันว่า “การปราบปรามครั้งใหญ่นี้ทำให้คุณไม่สามารถหนีไปจากสถานีตำรวจได้อีก”
“จริงเหรอ? ” ฮัวซงเจี๋ยก็ยิ้มอย่างมั่นใจและโบกมือให้ผู้คุ้มกันถอยออกไปและพูดอย่างช้าๆ ว่า “ผู้อำนวยการเรามาพนันกันไหมล่ะว่าผมจะได้ออกจากสถานีตำรวจหรือเปล่า..แต่คุณต้องเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ด้วยนะเพราะในวันที่ผมออกมาได้นั่นคือวันที่คุณจะไม่มีวันลืมแต่คุณไม่ได้จะเข้าไปในสถานีตำรวจเหมือนกับผมแต่คุณจะไปเยือนเทพเจ้าแห่งความตาย!” หลังจากนั้นฮัวซงเจี๋ยก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งจนดูน่ากลัวอย่างมาก
ยกเว้นเหรินชุนไป่แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นๆ ก็อดไม่ได้ที่จะอธิษฐานอย่างลับๆ เพื่อหวังว่าคนบ้าคนนี้จะไม่มายุ่งกับพวกเขาจริงๆ เพราะไม่ว่าเหรินชุนไป่จะตายหรือมีชีวิตอยู่ถึงยังไงเหรินชุนไป่ก็ช่วยพวกเขาไม่ได้อยู่ดีและพวกเขาก็คาดหวังให้ฮัวซงเจี๋ยตายโดยเร็วที่สุดไม่เช่นนั้นถ้าหากฮัวซงเจี๋ยออกมาจากคุกได้ล่ะก็มันอาจจะมีบางอย่างเกิดขึ้นในอนาคตก็เป็นได้
………………
การกวาดล้างครั้งนี้นั้นคุ้มค่าและเป็นการดำเนินการครั้งสำคัญต่อความมั่นคงสาธารณะของมณฑลเหอหนานเพราะไม่เพียงแค่การปราบปรามสถานบันเทิงเกือบร้อยแห่งที่ผิดกฎหมายจนถูกปิดตัวลงแต่ยังมีการจับกุมสมาชิกองค์กรใต้ดินที่เป็นภัยต่อสังคมอีกจำนวนมากซึ่งรายที่ใหญ่ที่สุดก็คือฮัวซงเจี๋ย
อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากเหรินชุนไป่แล้วก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกตื่นเต้นไปกับการกวาดล้างและจับกุมฮัวซงเจี๋ยครั้งนี้ แต่พวกเขาก็ตื่นตระหนกเพราะพวกเขาทุกคนรู้ดีว่าถึงแม้ว่าฮัวซงเจี๋ยจะเข้าคุกแต่เขาก็สามารถสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาไปคุกคามครอบครัวของตนได้และไม่เพียงแค่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเทศบาลเมืองและมณฑลอีกด้วย
ข่าวการจับกุมฮัวซงเจี๋ยและการกวาดล้างครั้งใหญ่ถูกแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วและไปถึงหูของเหล่ยเจียง ซึ่งเหล่ยเจียงจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าปฏิบัติการในครั้งนี้ถูกดำเนินไปเพื่อกำจัดองค์กรใต้ดินและเมื่อเห็นคู่ต่อสู้ของเขาถูกจับกุมไปแล้วเหล่ยเจียง ก็มีความสุขมาก อันที่จริงเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่ารัฐบาลจีนจะทำประโยชน์ให้กับตัวเองโดยการกำจัดฮัวซงเจี๋ยในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ ตอนนี้ฮัวซงเจี๋ยเหมือนมังกรไร้หัวและเมื่อฮัวซงเจี๋ยล้มลงแล้วเหล่ยเจียงก็มั่นใจอย่างยิ่งว่าเขาจะสามารถครอบครองการพนันในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วและจากนั้นก็เข้าไปแทนที่ฮัวซงเจี๋ย
“ฮัวซงเจี๋ย+..อย่ามาโทษฉันในเรื่องนี้ล่ะ..แกต้องโทษตัวเองที่โง่เขลา..แกโง่เองที่ทำพลาดเพราะงั้นฉันจะไม่เกรงใจที่จะรับทุกอย่างของแกมา!” เหล่ยเจียงพึมพำกับตัวเองอย่างมีความสุข
ทันทีที่เขาพูดจบจู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือของเหล่ยเจียงก็ดังขึ้นจากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูและพบว่ามันเป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย เมื่อเห็นเช่นนั้นเหล่ยเจียงก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและกดรับสายทันที
“คุณเหล่ยงั้นหรอ?” เสียงชายแปลกหน้าดังขึ้นที่อีกด้านหนึ่งของสายโทรศัพท์
เหล่ยเจียงก็ตกตะลึงและถามว่า “ใช่! ..ผมคือเหล่ยเจียง..ผมขอถามได้ไหมว่าคุณเป็นใคร..”
“ผมได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของคุณดี..ผมหลี่เหว่ยผมมีธุระที่ต้องคุยกับคุณเหล่ย” หลี่เหว่ยพูดด้วยรอยยิ้ม
“หลี่เหว่ย? ” เหล่ยเจียงขมวดคิ้วและคิดในใจเป็นเวลานานและพบว่าเขาไม่รู้จักคนคนนี้ ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างเย็นชาว่า “ขอโทษทีผมไม่คิดว่าผมจะรู้จักคุณเพราะงั้นเราไม่มีธุระอะไรที่จะต้องคุยกัน”
“ใจเย็นๆ ก่อนคุณเหล่ย..ถึงตอนนี้เราจะไม่รู้จักกันแต่ถ้าคุณลองฟังข้อเสนอของผมก่อนแล้วคุณจะได้รู้ว่าธุรกิจนี้มันเป็นธุรกิจขนาดใหญ่แค่ไหน..ผมคิดว่าคุณเหล่ยจะต้องสนใจแน่ๆ ..แต่ถ้าคุณเหล่ยไม่อยากฟังผมก็จะไม่รบกวน” หลี่เหว่ยพูดเบาๆ
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเหล่ยเจียงก็พูดช้าๆ ว่า “ลองพูดมาผมจะรอฟัง”
ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของเหล่ยเจียงจะไม่ผ่อนคลายมากนักแต่มันก็เป็นเรื่องปกติสำหรับหลี่เหว่ยเพราะการพูดคุยกับคนแปลกหน้าเป็นครั้งแรกเรามักจะต้องระวังตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สิ่งนี้จะป้องกันไม่ให้เราพูดอะไรมากเกินไปและถึงแม้ว่าเหล่ยเจียงจะไม่อยากคุยกับหลี่เหว่ยในตอนนี้แต่ถึงยังไงเหล่ยเจียงก็จะต้องมาพบตัวเองในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี
“ผมมีสินค้าอยู่ในมือผมคิดว่าคุณเหล่ยจะต้องสนใจมากแน่ๆ” หลี่เหว่ยพูด
“มันคืออะไร? ” เหล่ยเจียงพูด
“ผมบอกได้เลยว่าคุณเหล่ยเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้..เพราะงั้นคุณจะต้องรู้ว่าผมกำลังพูดถึงเรื่องอะไร” หลี่เหว่ยพูด
“ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับสินค้าของคุณเลย..ถ้าคุณว่าจนไม่มีอะไรจะทำก็ช่างมันเถอะ..ผมยังมีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก..โชคดี! ” เหล่ยเจียงพูด
.
.
.
.
.
.
.