ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 572 แผนการหลอกล่อเหล่ยเจียง
ตอนที่ 572 แผนการหลอกล่อเหล่ยเจียง
เหล่ยเจียงรู้โดยธรรมชาติแล้วว่าสินค้าที่หลี่เหว่ยหมายถึงนั้นคืออะไร แต่ในสายตาของเหล่ยเจียงสิ่งนี้เป็นเรื่องไร้สาระเพราะเขาเป็นถึงสมาชิกขององค์กรสัมพันธมิตร ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าเลย ดังนั้นเขาจะคุยธุรกิจกับคนที่ไม่รู้จักได้อย่างไร?
ในเส้นทางสายนี้สิ่งที่นักธุรกิจให้ความสำคัญมากที่สุดคือความคุ้นเคยและความไว้ใจเพราะในการทำธุรกิจกับคนที่คุณไม่รู้จักนั้นย่อมมีความเสี่ยงมาก ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่จำเป็นต้องทำสิ่งนี้เลยเพราะงั้นเขาจึงไม่สนใจหลี่เหว่ยและแน่นอนว่าเขาไม่สนใจธุรกิจที่หลี่เหว่ยเสนอ
“คุณเหล่ยไม่ต้องกังวลไปเพราะผมบอกไปแล้วหนิว่าคุณเหล่ยจะต้องสนใจ” หลี่เหว่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมเพิ่งจะดักปล้นสินค้าจำนวนมากจากเรือขนส่งสินค้ากลางทะเล..และรอบนี้มีอย่างน้อยๆ ราวๆ สิบตัน..เป็นยังไงคุณเหล่ยสนใจมั้ย?”
เหล่ยเจียงตกใจมากเพราะดูเหมือนว่าสิ่งต่างๆ จะไม่ง่ายอย่างที่หลี่เหว่ยพูดเพราะคำว่า ‘สิบตัน’ เหล่ยเจียงจึงอดไม่ได้ที่จะแน่นิ่งไปชั่วขณะเพราะนี่มันไม่ใช่สินค้าที่เขาขนส่งมาจากอเมริกาใต้หรอกเหรอ? เป็นไปได้ไหมว่าเรือของเขาถูกปล้นกลางทะเล? หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเหล่ยเจียงก็ถามว่า “คุณหลี่ใช่มั้ย? ..งั้นเรามาคุยกันเถอะ”
หลี่เหว่ยก็หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ผมบอกแล้วว่าคุณเหล่ยต้องสนใจ..ถึงยังไงมันก็เป็นของคุณเหล่ยเพราะงั้นผมก็ไม่อะไรมากถ้าคุณเหล่ยต้องการเอาของคืนคุณก็แค่นำเงินค่าไถ่สินค้าสิบตันมาจำนวนสามสิบล้านหยวน..สำหรับสินค้าน้ำหนักสิบตันเนี่ยราคาสามสิบล้านมันคงจะไม่เยอะเกินไปหรอกใช่มั้ย?”
“คุณหลี่หมายความว่าไง..สามสิบล้านหยวนมันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ” เหล่ยเจียงพูดด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา
“หือ? ..พวกเราทุกคนกำลังทำงานที่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตโดย..ธุรกิจของคุณเหล่ยน่ะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ทั้งนั้น..ซึ่งเงินสามสิบล้านมันไม่ได้มากอะไรเลย” หลี่เหว่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าคุณเหล่ยไม่สนใจผมก็จะไม่บังคับเพราะมันก็เป็นแค่กฎของเราที่ก่อนจะทำอะไรเราต้องถามเจ้าของสินค้าก่อนแต่ถ้าเจ้าของสินค้าไม่สนใจล่ะก็นั่นก็หมายความว่าเราจะทำอะไรกับสินค้าก็ได้”
หลังจากพูดจบหลี่เหว่ยก็วางสายโทรศัพท์ไปโดยไม่ให้โอกาสเหล่ยเจียงพูดอะไรต่อเลย
เมื่อได้ยินเสียงตัดสายจากโทรศัพท์มือถือแล้วเหล่ยเจียงก็ตกตะลึงอย่างสิ้นเชิงเพราะสินค้าจำนวนสิบตันนั้นไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลยและถ้าหากเขาไม่ได้รับสินค้าชุดนั้นคืนเขาก็จะสูญเสียทุกอย่างไปและที่สำคัญกว่านั้นเงินเหล่านี้เป็นความรับผิดชอบขององค์กรสัมพันธมิตรอีกด้วย ดังนั้นหากเขาไม่สามารถนำสินค้ากลับคืนมาล่ะก็สมาชิกคนอื่นๆ ขององค์กรสัมพันธมิตรจะต้องผลักความรับผิดชอบมาให้เขาทั้งหมดเป็นแน่ เนื่องจากการขนส่งสินค้าในครั้งนี้อยู่ในความรับผิดชอบเหล่ยเจียงดังนั้นเขาจึงต้องรับผิดชอบโดยธรรมชาติ
เงินจำนวนสามสิบล้านหยวนนั้นก็ไม่ได้มากมายสำหรับเขาก็จริงถ้าเทียบกับสินค้าในเรือนั้น ซึ่งเหล่ยเจียงเองก็รู้มานานแล้วว่ามันมีโจรสลัดปล้นสะดมกลางทะเลแต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าเขาจะถูกโจรสลัดเหล่านั้นปล้นจริงซึ่งทำให้เขารู้สึกหดหู่ใจอย่างมากและเขาก็สาปแช่งโจรสลัดเหล่านั้นเจ็ดชั่วโคตร อย่างไรก็ตามไม่ว่าอิทธิพลขององค์กรสัมพันธมิตรจะมากสักแค่ไหนแต่ถึงยังไงพวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดอะไรกลางผืนทะเลได้และทำได้เพียงเชื่อฟังเท่านั้น
หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เหล่ยเจียงก็โทรกลับไปยังหมายเลขล่าสุด แต่หลังจากโทรไปแล้วเขาก็ถูกตัดสายทิ้งทุกครั้ง ซึ่งเหล่ยเจียงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลเพราะเขาถูกวางสายหลายครั้งหลังจากโทรกลับไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งตอนนี้เขาได้ปฏิเสธไปโดยตรงดังนั้นเขาจึงกังวลว่าเหล่าโจรสลัดจะขายสินค้าให้คนอื่นจริงๆ หากเป็นเช่นนั้นเหล่ยเจียงจะต้องสูญเสียครั้งใหญ่ ไม่เพียงแค่นั้น เพราะถ้าหากเขาไม่มีเงินทุนล่ะก็นั่นหมายความว่าธุรกิจการพนันมีแนวโน้มที่จะถูกคนอื่นแย่งชิงไปเป็นแน่
ด้วยเหตุนี้เหล่ยเจียงจึงรู้สึกกังวลเหมือนมดบนหม้อไฟเขาจึงโทรออกอย่างร้อนรนอีกครั้งและหลังจากนั้นไม่นานสายก็ถูกเชื่อมต่อในที่สุดและเสียงของหลี่เหว่ยก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งว่า “มีอะไรเหรอคุณเหล่ย..ผมเรื่องที่ต้องจัดการผมจึงรับสายของคุณไม่ได้” หลี่เหว่ยพูด
โทรศัพท์ทุกเครื่องที่สมาชิกของกลุ่มโจรสลัดซาตานใช้นั้นถูกติดตั้งโปรแกรมป้องกันการดักฟังแบบเดียวกันกับขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า ซึ่งมันมีประสิทธิภาพที่โดดเด่นไม่มีใครสามารถติดตามตำแหน่งของพวกเขาได้ ที่สำคัญกว่านั้นเครือน่านฟ้ากรุ๊ปก็มีดาวเทียมเป็นของตัวเองและเครือข่ายโทรศัพท์มือถือทั้งหมดก็จะถูกส่งผ่านดาวเทียมโดยตรง
“เอ่อคือ..เงินสามสิบล้านหยวนมันไม่ใช่จำนวนมากอะไรเพราะงั้นผมจึงอยากคุยกับคุณหลี่อีกครั้ง” เหล่ยเจียงพูด “ผมไม่รู้ว่าเราจะต้องจ่ายคุยด้วยวิธีไหน? ”
“ต้องขอโทษด้วยนะคุณหลี่พอดีผมเพิ่งจะตกลงกับผู้ซื้อีกรายเมื่อไม่นานมานี้” หลี่เหว่ยพูด
เหล่ยเจียงตกใจและพูดอย่างร้อนรนว่า “คุณหลี่! ..นี่มันไม่ถูกต้องเพราะคุณปล้นสินค้าของผมถ้างั้นคุณก็ควรจะให้ผมจ่ายค่าไถ่ก่อนสิ..คุณจะขายให้คนอื่นแบบนี้ได้ยังไง?”
“หืม..คุณเหล่ยลืมไปเหรอว่าผมบอกคุณไปแล้วแต่คุณกลับไม่เห็นด้วยเพราะงั้นคุณเหล่ยจะมาโทษผมได้ยังไง..ผมก็แค่ทำตามกฎ” หลี่เหว่ยพูด
เหล่ยเจียงรู้สึกสับสนอย่างมากเขาจึงรีบพูดว่า “ไม่คุณหลี่! ..ผมไม่ได้พูดแบบนั้น..มันเป็นเรื่องของการทำธุรกิจเพราะงั้นการต่อรองจึงเป็นเรื่องธรรมดา..คุณหลี่เพิ่งจะโทรมาแล้วตัดสายไปจนไม่มีเวลาให้ผมพูดเลย..เอาล่ะผมจะให้คุณเพิ่มอีกสิบล้านหยวน..ผมรู้ว่าคุณหลี่เองก็เป็นคนที่มีสัจจะ”
ตอนนี้เหล่ยเจียงแทบรอไม่ไหวที่จะตบตัวเองสองสามครั้งเพราะถ้าเขาไม่หยิ่งยโสแล้วเขาจะเสียเงินอีกสิบล้านหยวนโดยไม่มีเหตุผลได้อย่างไร? ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการทำให้หลี่เหว่ยขายสินค้าให้กับตนไม่เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างของเขาจะต้องจบลงตรงนี้จริงๆ
“ผมต้องขอโทษด้วย..เพราะผมได้เจรจากับผู้ซื้ออีกรายเอาไว้แล้ว..ถ้าตอนนี้จู่ๆ ผมไปบอกเขาว่าผมจะไม่ขายให้เขาล่ะก็มันคงดูไม่สมเหตุสมผลเลย” หลี่เหว่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่ลำบากใจและพูดว่า “คุณเหล่ยกำลังทำให้ผมลำบากใจ”
“ผมรู้ครับ..แต่ผมหวังว่าคุณหลี่จะช่วยผมได้” เหล่ยเจียงต้องลดท่าทีที่แข็งกร้าวและความหยิ่งผยองลงแล้วพูด
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งหลี่เหว่ยก็พูดว่า “ผมจะลองเจรจากับอีกฝ่ายดูเพราะท้ายที่สุดเราต่างก็เป็นนักธุรกิจและเราต่างก็กำลังทำธุรกิจกันอยู่มันเป็นเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของเรา..เพราะงั้นผมเดี๋ยวผมจะลองดู”
“ไม่เป็นไรครับเพราะผมไม่เข้าใจกฎของโจรสลัดเอง..มันเป็นความผิดของผมเองคุณหลี่” เหล่ยเจียงพูด “ผมไม่รู้ว่าจะต้องจ่ายคุณด้วยวิธีไหน? ”
เมื่อเห็นว่าสิ่งต่างๆ เริ่มเปลี่ยนไปเหล่ยเจียงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่น่าเศร้าที่เขาต้องเสียเงินเพิ่มอีกสิบล้านหยวน แต่ก็โชคดีที่ในที่สุดเขาก็จะสามารถนำสินค้ากลับมาได้อย่างปลอดภัยไม่เช่นนั้นจุดจบของเขาอาจจะเป็นเหมือนฮัวซงเจี๋ย
“คุณต้องนำเงินมาให้ผมที่นี่เป็นการส่วนตัวและเดี๋ยวผมจะแจ้งให้คุณทราบว่าต้องแลกเปลี่ยนเงินกันที่ไหน..จากนั้นผมจะนำสินค้ากลับไปคืนให้คุณในเวลานั้น” หลี่เหว่ยพูด
“เอ่อ..” เหล่ยเจียงรู้สึกสูญเสียอาการและเขาก็พูดอะไรไม่ออก
“อะไรเหรอ..คุณกลัวว่าผมจะหลอกคุณ? ” หลี่เหว่ยยิ้มและพูดว่า “คุณเหล่ยสบายใจได้เพราะที่นี่มีกฎและผมจะไม่ทำผิดกฎ..คุณก็รู้หนิว่าการทำธุรกิจย่อมมีความเสี่ยงและมันเป็นไปไม่ได้ที่จะโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารหรือทิ้งเอาไว้ข้างทาง..เพราะงั้นไม่ต้องกังวลไป”
“แน่นอนว่าถ้าคุณเหล่ยไม่เต็มใจผมจะได้ขายให้ผู้ซื้ออีกราย..นั่นคือทั้งหมดที่ผมจะพูด..คุณต้องพิจารณาด้วยตัวเอง” หลังจากหยุดไปชั่วขณะหลี่เหว่ยก็พูดแล้วกำลังจะตัดสายอีกครั้ง
“ก็ได้ๆ ..ถ้างั้นก็ตามนั้นเลย” เหล่ยเจียงพูดอย่างรีบร้อนเพราะกลัวว่าหลี่เหว่ยจะตัดสายอีกครั้ง ดังนั้นถ้าเขาจึงต้องรีบตกลงเพราะกลัวว่าหลี่เหว่ยจะไม่สนใจเขาอีก เนื่องจากเขาเลือกที่จะทำธุรกิจนี้เขาจึงต้องเสี่ยงโดยธรรมชาติเพื่อที่จะได้สินค้าชุดนั้นกลับคืนมาดังนั้นเหล่ยเจียงจึงไม่สนใจสิ่งอื่นใดอีกต่อไป อย่างไรก็ตามตอนนี้บัญชีในประเทศทั้งหมดของเขาก็ถูกอายัดและมีเพียงธนาคารสวิสและถึงยังไงมันก็ต้องไปถอนเงินและรับเงินก้อนนั้นด้วยมือของเขาเองจากนั้นก็ต้องแลกเปลี่ยนด้วยมืออีก ซึ่ง สินค้าตำนวนสิบตันนั้นถ้าเขานำมันกลับคืนมาไม่ได้เขาก็คงจะต้องตายอย่างแน่นอน ดังนั้นหากเขาต้องการนำสินค้าเหล่านี้กลับคืนมาเขาก็ควรที่จะเสี่ยง
“ผมต้องจ่ายเมื่อไหร่และสถานที่แลกเปลี่ยนคือที่ไหน” เหล่ยเจียงถามหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง
“คุณเตรียมเงินเอาไว้ก่อน..เดี๋ยวผมจะแจ้งเวลาและสถานที่ให้คุณทราบเอง” หลี่เหว่ยพูด “เอาเป็นว่าตอนนี้คุณแค่รอข่าวดีจากผมก็แล้วกัน..ว่ากันตามนี้นะไว้คุยกันคุณเหล่ย”
หลังจากพูดจบหลี่เหว่ยก็วางสายโทรศัพท์ไปและเมื่อได้ยินเสียงวางสายในโทรศัพท์คิ้วของเหล่ยเจียงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งต่างๆ จะกลายเป็นเช่นนี้และแน่นอนว่าเขาคิดว่ามันบังเอิญเกินไปเพราะก่อนหน้านี้เรือบรรทุกสินค้าของเขาไม่เคยถูกปล้นมาก่อน ดังนั้นเขาจะเตรียมตัวรับมือได้อย่างไรว่าสินค้าชุดนี้จะถูกโจรสลัดปล้น? โจรสลัดเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่สิ้นหวังและพวกเขากาสามารถทำทุกอย่างได้เพื่อเงิน ซึ่งกองทัพเรือและสมาพันธ์ระหว่างประเทศไม่รู้กี่ประเทศที่ส่งกองกำลังไปกำจัดเหล่าโจรสลัดแต่มันก็ไร้ประโยชน์ตลอดและไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดเหล่านั้นได้เลย ซึ่งเหล่ยเจียงก็ไม่มีทางอื่นนอกจากต้องทำตามและจ่ายเงินตามคำแนะนำของโจรสลัดไม่เช่นนั้นเขาจะไม่มีทางนำสินค้ากลับคืนมาอย่างแน่นอน
เหล่ยเจียงนั้นไม่มีทางเลือกอื่นเพราะตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีเพราะฮัวซงเจี๋ยถูกจับกุมและกวาดล้างโดยรัฐบาลดังนั้นถ้าเหล่ยเจียงไม่ใช้ประโยชน์จากเวลานี้เพื่อจัดหาเงินทุนและกำจัดโอกาสของฮัวซงเจี๋ยแบบนี้เขาก็จะพลาดโอกาสนี้ไป หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเหล่ยเจียงก็สั่งให้มือขวาของเขาไปที่ธนาคารโดยไม่ลังเลเพื่อถอนเงินในบัญชีและในเวลาเดียวกันเขาก็ติดต่อไปยังธนาคารระหว่างประเทศเพื่อและบอกให้พวกเขาเตรียมโอนเงินมายังบัญชีสุดท้ายของเขา
หลังจากวางสายของเหล่ยเจียงไปหลี่เหว่ยก็โทรไปหาเย่เชียนทันทีและบอกเขาว่ามันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเมื่อนึกถึงน้ำเสียงของเหล่ยเจียงแล้วหลี่เหว่ยก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมา
.
.
.
.
.
.
.