ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 573 ท้าทาย
ตอนที่ 573 ท้าทาย
แผนการทุกอย่างดำเนินไปอย่างสมบูรณ์ตามวิสัยทัศน์ของเย่เชียนและทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การควบคุมของเย่เชียน ดังนั้นทุกอย่างในมณฑลเหอหนานดูเหมือนจะเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์แล้วและอาจพูดได้ว่านับตั้งแต่ที่เย่เชียนก้าวเข้ามาในมณฑลเหอหนานสิ่งต่างๆ มันก็เป็นไปดั่งที่เย่เชียนคาดการณ์เอาไว้ อย่างไรก็ตามการปรากฏตัวของหมาป่าผีไป๋ฮวยนั้นเป็นสิ่งที่เย่เชียนคาดไม่ถึงโดยสิ้นเชิงและเย่เชียนก็ไม่คิดว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยจะเข้ามามีส่วนร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ด้วย
อย่างไรก็ตามหมาป่าผีไป๋ฮวยก็ไม่ได้ขัดขวางแผนการของเย่เชียนไม่เช่นนั้นเย่เชียนเองก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าแผนของเขาจะดำเนินไปอย่างราบรื่นเช่นนี้ ซึ่งเย่เชียนนั้นสามารถวางแผนทุกอย่างอย่างรอบคอบแต่เขาไม่สามารถคาดเดาการกระทำของหมาป่าผีไป๋ฮวยได้เลยเพราะสำหรับเย่เชียนแล้วหมาป่าผีไป๋ฮวยเป็นตัวแปรที่สำคัญที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยและเขาก็ไม่สามารถคาดเดาการกระทำหรือจุดประสงค์ของหมาป่าผีไป๋ฮวยได้ ในเวลานี้เมื่อมองย้อนกลับไปเย่เชียนก็ยังคงมีความกลัวอยู่แต่ท้ายที่สุดสิ่งต่างๆ ก็ยังคงพัฒนาหปตามวิสัยทัศน์และแผนการที่เย่เชียนวางเอาไว้โดยไม่มีปัญหาใดๆ
เย่เชียนนั้นไม่รู้ว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยจะทำอะไรในครั้งนี้แต่เย่เชียนก็ยังคงรู้สึกขอบคุณเขาเพราะท้ายที่สุดหมาป่าผีไป๋ฮวยก็เหมือนกับกำลังช่วยเขาอยู่และช่วยเขี้ยวหมาป่าได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งถึงแม้ว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยจะเอาแต่พูดว่าต้องการทำลายเขี้ยวหมาป่าก็ตามแต่สิ่งที่เขากระทำมาโดยตลอดดูเหมือนจะไม่ใช่การทำลายเขี้ยวหมาป่าแต่เหมือนจะช่วยเขี้ยวหมาป่าจัดการกับปัญหาต่างๆ ดังนั้นเย่เชียนไม่มีทางรู้ได้เลยว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยกำลังคิดอะไรอยู่?
เหล่ยเจียงนั้นก็ได้เริ่มเคลื่อนไหวแล้วโดยการนำเงินไปยังสถานที่แลกเปลี่ยนที่หลี่เหว่ยแจ้งเอาไว้ แน่นอนว่าสถานที่นั้นถูกเลือกให้ติดทะเลและเหล่ยเจียงก็พาบอดี้การ์ดของเขาไปแค่สองคนและไม่ได้พาลูกน้องคนอื่นๆ มาด้วยเพราะเขารู้ดีว่าในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่นี้ถึงแม้ว่าเขาจะพาคนมามากมายก็ตามแต่ถึงยังไงมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย ดังนั้นการแสดงให้เห็นว่าเขามีความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยวนั้นคงจะดีกว่าไปแบบหวาดกลัว
หากเย่เชียนคาดการณ์เอาไว้ไม่ผิดครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เหล่ยเจียงจะสามารถยืนอยู่ได้หลังจากนั้นเส้นทางชีวิตของเขาจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า ซึ่งในประเทศจีนนั้นยาเสพติดจำนวนสิบตันมันสามารถทำให้เหล่ยเจียงตกนรกได้เป็นร้อยๆ ครั้ง ซึ่งเย่เชียนก็เชื่อในความสามารถของหลี่เหว่ยในการทำสิ่งต่างๆ และถึงแม้ว่าน้องชายคนนี้จะดูงี่เง่าและโง่เขลากว่าชิงเฟิงก็ตามแต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยเกี่ยวกับความสามารถและสติปัญญาในการทำสิ่งต่างๆ ของหลี่เหว่ยที่สามารถหลอกเหล่ยเจียงได้สำเร็จส่วนที่เหลือจะเป็นหน้าที่ของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ
เพียงไม่กี่วันหลังจากเหล่ยเจียงเดินทางออกทะเลไปฮัวซงเจี๋ยก็เดินออกจากห้องขังของสถานีตำรวจอย่างราบรื่น ซึ่งเย่เชียนก็ไม่ได้คิดที่จะใช้ตำรวจในการกำจัดฮัวซงเจี๋ยอยู่แล้วเพราะเขาต้องจัดการกับฮัวซงเจี๋ยเองเป็นการส่วนตัวและนั่นก็ไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่นใดแต่เป็นเพราะฮัวซงเจี๋ยได้ส่งคนไปเย้ยหยันเขาที่สนามบินในเมืองเซี่ยงไฮ้ ซึ่งถึงแม้ว่านั่นจะไม่เพียงพอที่คุกคามเย่เชียนถึงชีวิตแต่เย่เชียนก็เกลียดพฤติกรรมที่ขี้ขลาดตาขาวของและความอหังการของฮัวซงเจี๋ยอย่างมาก ดังนั้นสำหรับฮัวซงเจี๋ยแล้วเย่เชียนก็คิดที่จะจัดการกับเขาเป็นการส่วนตัว
แน่นอนว่าที่ฮัวซงเจี๋ยสามารถออกจากสถานีตำรวจได้ไม่ใช่เพราะเย่เชียนวางแผนอะไรไว้แต่เป็นเพราะการที่คนอย่างฮัวซงเจี๋ยที่สามารถเป็นได้ทุกวันนี้แน่นอนว่าเขาต้องมีเครือข่ายและความสัมพันธ์กับคนวงในที่สามารถทำให้เขาเดินออกมาจากสถานีตำรวจได้อย่างสบายใจเฉิบ ซึ่งตราบใดที่รัฐบาลกลางไม่ออกคำสั่งกำจัดฮัวซงเจี๋ยอย่างเป็นทางการล่ะก็เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจะไม่สามารถทำอะไรฮัวซงเจี๋ยได้เลย
คนของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้นักเพราะคำสั่งเดิมของเย่เชียนมีเพียงการระดมกำลังของตำรวจเพื่อกวาดล้างสถานประกอบการของฮัวซงเจี๋ยไม่ได้บอกว่าจะจัดการกับฮัวซงเจี๋ย ดังนั้นหลังจากทำลายธุรกิจของเขาจนหมดแล้วสิ่งต่อไปที่ต้องทำก็คือการกำจัดฮัวซงเจี๋ยโดยตรง
หลังจากใช้เวลาหลายปีในสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติจื้อจุนก็รู้ดีเกี่ยวกับภูมิหลังของฮัวซงเจี๋ยแต่สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติไม่เคยคิดที่จะกำจัดฮัวซงเจี๋ยมาก่อนและถ้าหากเย่เชียนไม่ต้องการให้พวกเขากำจัดฮัวซงเจี๋ยในครั้งนี้พวกเขาก็จะไม่ทำอะไรใดๆ ดังนั้นฮัวซงเจี๋ยจึงสามารถออกจากสถานีตำรวจได้โดยที่สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติไม่ต้องการเข้าไปแทรกแซงเว้นแต่จะได้รับคำสั่งจากหวงฟู่ชิงเตี๋ยนหรือเย่เชียนอีกครั้ง อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นไปไม่ได้เพราะด้วยความฉลาดของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้ก็เหมือนกับเย่เชียนได้ฆ่าฮัวซงเจี๋ยไปแล้ว? ทุกอย่างก่อนหน้านี้เป็นเพียงการละเล่นเท่านั้นเพราะหน้าที่การกำจัดฮัวซงเจี๋ยก็คือเย่เชียนที่ต้องลงมือทำเอง
ฮัวซงเจี๋ยนั้นสามารถออกจากสถานีตำรวจได้อย่างราบรื่นและไม่มีใครกลัวไปกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าร่วมในปฏิบัติการเพราะพวกเขาจำสิ่งที่ฮัวซงเจี๋ยตอนที่ฮัวซงเจี๋ยถูกจับได้อย่างชัดเจนเพราะถ้าหากฮัวซงเจี๋ยตอบโต้พวกเขาล่ะก็พวกเขาก็ไม่มีทางป้องกันได้เลยเว้นแต่เขาจะซ่อนตัวอยู่ในสถานีตำรวจทั้งวันและไม่ได้ไปไหนเลย แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นครอบครัวของเขาจะทำอย่างไร? สิ่งที่เรียกว่าจริยธรรมและความยุติธรรมที่ทำร้ายครอบครัวของเขานั้นได้หลุดรอดออกมาจากนรกแล้วและสิ่งที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ก็คือการถอนรากถอนโคน
ถึงแม้ว่าเหรินชุนไป่จะหมดหนทางแต่เขาก็ไม่มีทางเลือกเพราะเขาไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะฟ้องฮัวซงเจี๋ยและสิ่งที่กล่าวมานั้นได้สร้างความกดดันให้กับเขาอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงต้องปล่อยฮัวซงเจี๋ยไปอย่างไรก็ตามเขาไม่ได้มีความกลัวเลยแม้แต่น้อยเนื่องจากเขากล้าที่จะจับฮัวซงเจี๋ยเขาก็คาดการณ์ถึงสถานการณ์เช่นนี้เอาไว้แล้ว นอกจากนี้ลูกชายของเขาก็ตายไปแล้วและเขาไม่มีอะไรที่ต้องกลัว ซึ่งเหรินชุนไป่นั้นต้องการให้ฮัวซงเจี๋ยมาคุกคามหรือมาลอบสังหารเขาเพื่อที่เขาจะได้มีหลักฐานเพียงพอที่จะส่งฮัวซงเจี๋ยไปที่กิโยตินเพื่อกำจัดเขาอย่างสมบูรณ์ซึ่งถือได้ว่าเป็นการแก้แค้นให้กับลูกชายของเขา ตราบใดที่ฮัวซงเจี๋ยไม่เหลือทั้งธุรกิจและเครือข่ายองค์กรใต้ดินแล้วเขาก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าปลาตัวเล็กจากนั้นฮัวซงเจี๋ยก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก
ถึงแม้ว่าฮัวซงเจี๋ยจะบ้าคลั่งแต่เนื่องจากเขารู้ว่าเหตุการณ์นี้เป็นความคิดของเหรินชุนไป่เขาจึงรู้สึกสบายใจที่จะกำจัดเหรินชุนไป่ ซึ่งมันง่ายกว่าการกำจัดเหล่ยเจียงมากแต่สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดก่อนหน้านี้คือแผนการสมคบคิดที่มีเบื้องหลังคือเหล่ยเจียงแต่ทว่าตอนนี้ฮัวซงเจี๋ยรู้แล้วว่ามันไม่ใช่เหล่ยเจียงเขาจึงมีความสุขอย่างมาก
ที่ทางเข้าสถานีตำรวจมีรถหรูหลายสิบคันจอดอยู่ที่นั่นและมีผู้คนจำนวนหลายร้อยคนยืนอยู่และเรียงเป็นสองแถว ซึ่งพวกเขากำลังรออะไรอยู่? แน่นอนว่าเขากำลังรอฮัวซงเจี๋ยเจ้าพ่อการพนันนั่นเอง
ฮัวซงเจี๋ยเดินออกจากสถานีตำรวจอย่างสบายใจเฉิบและเหรินชุนไป่ก็เดินตามเขาออกมาพร้อมกับตำรวจสองสามคน ซึ่งเมื่อเห็นสถานการณ์ที่หน้าสถานีตำรวจแล้วเหรินชุนไป่จึงตะโกนว่า “พวกคุณกำลังทำอะไรกันอยู่..พวกคุณกำลังจับกลุ่มกันเพื่อสร้างความเดือดร้อนเหรอ..เชื่อไหมว่าห้องขังของผมสามารถรับพวกคุณได้ทั้งหมด”
“ทำไม? ..ยืนตรงนี้แล้วมันผิดกฎหมายงั้นเหรอ..จับสิ..จับสิวะ!” เหล่านักเลงอันธพาลตะโกนไล่หลังกัน
ฮัวซงเจี๋ยก็โบกมือให้คนเหล่านั้นหยุดส่งเสียงดัง จากนั้นฮัวซงเจี๋ยก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “พวกนายทำอย่างนี้กันได้ยังไง..เขาเป็นถึงผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางประจำมณฑลเหอนานเลยนะ..เขาเป็นข้าราชการชั้นสูงเราเกรงใจเขาสิ” ในขณะที่พูดเขาก็มองไปที่เหรินชุนไป่อย่างยั่วยุ
ด้วยความโกรธเกรี้ยวมุมปากของเหรินชุนไป่ก็กระตุกและเขาก็ตะคอกอย่างเดือดดาลว่า “ฮัวซงเจี๋ยอย่าทะนงตัวเกินไป..สักวันคุณจะต้องตายด้วยน้ำมือของผม..ตอนนี้สั่งให้คนของคุณออกไปจากที่นี่ซะไม่งั้นอย่ามาโทษว่าผมไม่สุภาพล่ะ”
“ท่านผู้อำนวยการอย่าโกรธนักสิ..คนเหล่านี้เป็นพนักงานทั้งหมดของบริษัทของผม..พวกเขาก็แค่มารับผมเพราะงั้นพวกเขาก็ไม่ได้ทำผิดกฎหมายใช่มั้ยล่ะ? ” ฮัวซงเจี๋ยพูดอย่างเย้ยหยัน “เหรินชุนไป่..วันนี้อย่าลืมมองดูดวงอาทิตย์ตกดินล่ะเพราะเกรงว่าคุณจะไม่มีโอกาสได้เห็นมันอีกรู้มั้ย?”
“หึ..อย่าพูดเยอะถ้าคุณกล้าก็ทำซะสิ! ” เหรินชุนไป่พูดโดยไม่กลัว
“มันไม่มีประโยชน์หรอกที่จะมายั่วโมโหผม..ก่อนหน้านี้คุณคิดว่าผมกลัวคุณจริงๆ งั้นเหรอ” ฮัวซงเจี๋ยยิ้มเยาะโบกมือและเดินออกไปและนำลูกน้องของเขาทั้งหมดออกจากสถานีตำรวจไป
เมื่อเห็นขบวนคนกำลังเดินออกไปตำรวจคนหนึ่งก็เดินไปที่ด้านข้างของเหรินชุนไป่และพูดว่า “ผู้อำนวยการเหรินคุณควรจะระวังให้มากนะ..เพราะฮัวซงเจี๋ยสามารถทำตามที่เขาพูดได้..ผมคิดว่าวันนี้คุณควรจะอยู่กับพวกเราที่สถานีตำรวจก่อนมันปลอดภัยกว่าที่บ้าน..เพราะไม่ว่าฮัวซงเจี๋ยจะกล้าสักแค่ไหนแต่เขาก็ไม่สามารถสร้างปัญหาในสถานีตำรวจได้หรอก”
“ทำไมคุณกลัวเหรอ? ” เหรินชุนไป่หันหน้าไปมองเขาแล้วมองไปที่คนอื่นๆ แล้วพูดว่า “พวกคุณกลัวด้วยเหรอ..พวกคุณยังเป็นตำรวจอยู่หรือเปล่า..ทำไมพวกคุณถึงได้กลัวพวกนักเลง? ..ความกล้าและเกียรติของพวกคุณหายไปไหน..ผมไม่เคยกลัวฮัวซงเจี๋ยยิ่งไปกว่านั้นผมอยากให้เขามาฆ่าผมเลยด้วยซ้ำผมจะได้นำหลักฐานไปฟ้องร้องและยื่นคดี..ซึ่งมันยังเป็นการกำจัดขยะสังคมอีกด้วย”
เมื่อได้ยินคำพูดเด็ดเดี่ยวของเหรินชุนไป่แล้วคนอื่นๆ จะพูดอะไรได้อีก? เขาทำได้เพียงถอนหายใจและหยุดพูดเพราะสิ่งที่พวกเขาควรทำพวกเขาก็เตือนไปหมดแล้ว ส่วนเหรินชุนไป่จะรับฟังหรือไม่มันก็ไม่ใช่เรื่องของพวกเขาและยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาต้องการความปลอดภัยและเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะกวาดล้างเหล่านักเลงและอันธพาลแต่พวกเขาก็ไม่กล้าถึงขนาดไปเผชิญหน้ากับมาเฟียอย่างฮัวซงเจี๋ยซึ่งนั่นจะเป็นความโชคร้ายของพวกเขาเอง
เมื่อเขากลับไปบ้านฮัวซงเจี๋ยก็รู้สึกผ่อนคลายและเขาก็ขาดอากาศหายใจในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาในห้องคุมขัง ซึ่งสถานะของฮัวซงเจี๋ยก็อยู่ในระดับสูงและไม่มีใครในคุกที่กล้าคุกคามเขา ซึ่งนักโทษทุกคนคอยรับใช้เขาราวกับว่าฮัวซงเจี๋ยเป็นเจ้านายของพวกเขาและใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในคุก อย่างไรก็ตามไม่ว่าในห้องขังจะสะดวกสบายแค่ไหนแต่มันก็เทียบกับภายนอกไม่ได้ที่มีอิสระอย่างไม่รู้จบ
ขณะที่ฮัวซงเจี๋ยนั่งลงบนโซฟาแล้วจู่ๆ ก็มีคนสองสามคนเดินเข้ามาซึ่งพวกเขาทั้งหมดอยู่ในชุดสูทและรองเท้าหนัง แต่ตัวเตี้ยไปหน่อยและมีหน้าตาที่น่าเกลียดเล็กน้อย “คุณฮัวกลับมาแล้วหรือ..ผมคิดว่าคุณจะค้างคืนที่สถานีตำรวจไปอีกหลายวัน” ชายวัยกลางคนที่เดินอยู่ข้างหน้าพูดเบาๆ
“คุณซากาโมโต้” เมื่อฮัวซงเจี๋ยได้ยินคำพูดนั้นเขาก็หันหน้าไปทางเสียงและอดไม่ได้ที่จะผงะไปจากนั้นเขาก็พูดด้วยความประหลาดใจว่า “คุณซากาโมโต้มาที่เมืองเจิ้งโจวทำไม..มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า? ”
“แน่นอนว่าผมมีเรื่องด่วนแต่เพราะคุณฮัวอยู่ในสถานีตำรวจคุณจึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกภายนอกใช่ไหม..ตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญเพราะงั้นอย่าทำผิดพลาดล่ะ” ซากาโมโต้เดินช้าๆ ไปที่ฝั่งตรงข้ามของฮัวซงเจี๋ยจากนั้นเขาก็นั่งลงและพูด
“ฮ่าๆ คุณซากาโมโต้สบายใจได้เลยเพราะทุกอย่างยังอยู่ภายใต้การควบคุมของผม..ถึงแม้ว่าผมจะอยู่ในสถานีตำรวจแต่มันก็ไม่มีปัญหาอะไรใดๆ อยู่ดี” ฮัวซงเจี๋ยพูดอย่างมั่นใจ
“จริงเหรอ? ..แต่ผมได้ข่าวมาว่าผู้บริหารระดับสูงของคุณทั้งหมดในภูมิภาคต่างๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถูกฆ่าตาย..ดังนั้นผมจึงอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น..คุณรู้มั้ยว่าการแข่งขันฟุตบอลโลกกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วและคนของคุณกลับถูกฆ่าเอาตอนนี้..แล้วใครจะเป็นผู้รับผิดชอบในการคุมการพนัน? “ซากาโมโต้เคนตะพูด
.
.
.
.
.
.
.