ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 580 ตัดสินใจเลือก
ตอนที่ 580 ตัดสินใจเลือก
ในแผนของเย่เชียนนั้นฮัวซงเจี๋ยและเหล่ยเจียงต่างก็ถูกกำจัดในเวลาเดียวกัน ซึ่งตอนนี้เหล่ยเจียงถูกควบคุมตัวโดยสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเดินออกมา สำหรับฮัวซงเจี๋ยนั้นเย่เชียนก็ไม่ได้คิดที่จะปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่อีกต่อไปในคืนนี้และนอกจากนี้ก็ยังมีแก๊งยามากุจิอีกที่เย่เชียนไม่คิดที่จะปล่อยให้พวกเขากลับไปประเทศญี่ปุ่นอย่างมีชีวิตอีกต่อไป
ถึงแม้ว่าฮัวซงเจี๋ยจะมีธุรกิจที่มากมายหลายประเภทแต่เขาก็ไม่มีศัตรูคู่แข่งในมณฑลเหอหนานเลยและเนื่องจากสถานะของเขาที่ค่อนข้างสูงคนธรรมดาจึงไม่กล้าที่จะคุกคามหรือบาดหมางกับเขา ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลอะไรใดๆ หลังจากเกิดเรื่องดังกล่าว
นอกจากนี้ฮัวซงเจี๋ยก็รู้ว่าเหล่ยเจียงเดินทางออกทะเลตอนที่ตนกำลังถูกคุมตัวอยู่ที่สถานีตำรวจ ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลเลยว่าเหล่ยเจียงจะมาคุกคามเขา แต่ทว่าในตอนนี้เขากลับไม่รู้เลยว่าความตายได้เริ่มคืบคลานเข้ามาหาเขาทีละนิดแล้ว
คูลอฟส์อังเดรก็รายงานสถานการณ์เมื่อไม่กี่วันก่อนว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นและคนของฮัวซงเจี๋ยในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็กำลังถูกกำจัดและแทรกแซงตามขั้นตอนและเชื่อว่าจะใช้เวลาอีกไม่นานก่อนที่อิทธิพลและอำนาจทั้งหมดของฮัวซงเจี๋ยจะถูกกำจัดออกไปอย่างสมบูรณ์แบบ
เมื่อเทียบกับมาเฟียคูลอฟส์ของประเทศรัสเซียแล้วฮัวซงเจี๋ยก็เปรียบเสมือนเด็กอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะถึงแม้ว่าอิทธิพลของฮัวซงเจี๋ยจะยิ่งใหญ่มากในมณฑลเหอหนานของประเทศจีนแต่ในสายตาของตระกูลมาเฟียคูลอฟส์แล้วมันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเด็กในสนามเด็กเล่น เนื่องจากสถานะของคูลอฟส์อังเดรในตระกูลสูงขึ้นเรื่อยๆ และคราวนี้ที่คูลอฟส์อังเดรต้องการเข้าไปแทรกแซงธุรกิจต่างๆ ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นผู้นำของตระกูลคูลอฟส์ต่างก็สนับสนุนคูลอฟส์อังเดร ดังนั้นฮัวซงเจี๋ยจะไปเป็นคู่ต่อสู้ของคูลอฟส์อังเดรได้ที่ไหน
จากเรื่องทั้งหมดนี้ฮัวซงเจี๋ยจึงรู้ได้ว่ามีใครบางคนกำลังเข้ามาแทรกแซงธุรกิจของเขาแต่เขาไม่รู้ว่าคนคนนั้นคือคูลอฟส์อังเดรเและเขาก็ไม่รู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือเย่เชียน ซึ่งเขาคิดแค่ว่านี่เป็นเพียงแผนการของเหล่ยเจียงเพราะเขารู้ว่าเหล่ยเจียงได้ติดต่อกับมาเฟียในประเทศสหรัฐอเมริกา ดังนั้นเขาจึงคิดว่าคนของคูลอฟส์อังเดรที่เข้ามาแทรกแซงในครั้งนี้เป็นพวกมาเฟียอเมริกัน อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้กังวลอะไรเพราะตอนนี้เหล่ยเจียงได้ออกทะเลไปแล้วดังนั้นฮัวซงเจี๋ยจึงสามารถผ่อนคลายได้และยิ่งไปกว่านั้นเขาก็เชื่อว่าเขาสามารถล้มล้างอำนาจของเหล่ยเจียงในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างรวดเร็วและถึงแม้ว่าจะไม่สามารถกำจัดตัวเหล่ยเจียงได้ก็ตามแต่ถึงยังไงเหล่ยเจียงก็ไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงได้
หลังจากที่เย่เชียนและชิงเฟิงมองหน้ากันแล้วยิ้มเขาก็เปิดประตูรถและเดินลงไปและตรงไปที่หน้าบ้านของฮัวซงเจี๋ย หลังจากเห็นเย่เชียนและชิงเฟิงเดินเข้ามาบอดี้การ์ดสองคนที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างนอกก็เข้ามาขวางทางเอาไว้ “บอกประธานฮัวว่าเย่เชียนมาหา” เย่เชียนพูดเบาๆ
จากนั้นพวกเขาก็เดินนำเย่เชียนไปที่หน้าประตูบ้านเพราะพวกเขารู้จักเย่เชียนและเคยได้พบกับเย่เชียนมาก่อน ดังนั้นในตอนนี้พวกเขาจึงโค้งคำนับให้เย่เชียนโดยไม่ลังเลและบอกให้เย่เชียนรอจากนั้นก็เปิดประตูเข้าไปข้างในบ้าน หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เดินออกมาอีกครั้งและพูดว่า “เชิญครับ..ประธานฮัวกำลังรออยู่ข้างใน”
เย่เชียนก็พยักหน้าแล้วเดินเข้าไปข้างในตามด้วยชิงเฟิง
ทันทีที่เขาเดินเข้าไปข้างในห้องนั่งเล่นของภายในบ้านฮัวซงเจี๋ยก็รีบทักทายเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า ตอนนี้เมื่อเขาได้ยินผู้ใต้บังคับบัญชาพูดว่าเย่เชียนมาพบฮัวซงเจี๋ยก็มีความสุขมากเพราะในความคิดของเขานั้นเย่เชียนต้องตระหนักได้ว่าเมื่อเร็วๆ นี้เหล่ยเจียงได้ประสบปัญหาต่างๆ ดังนั้นเย่เชียนจึงอยากที่จะร่วมมือกับตนและต้องการมาหาเขาเพื่อตกลงเรื่องการร่วมมือ นั่นเป็นเพราะฮัวซงเจี๋ยไม่ใช่คนโง่เพราะแน่นอนว่าเขารู้ดีว่าเย่เชียนไม่ใช่นักธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายเหมือนที่เห็นและเขาก็คิดว่าเหตุผลที่เย่เชียนยังไม่เลือกที่จะร่วมมือกับตนก่อนหน้านี้มันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการรอดูสถานการณ์ต่างๆ ให้ชัดเจนเพื่อตัดสินใจว่าจะเลือกตนหรือเหล่ยเจียง ดังนั้นเมื่อเห็นว่าเย่เชียนมาพบตนนั่นก็หมายความว่าเย่เชียนต้องการร่วมมือด้วย ดังนั้นเขาจึงวางมาดอย่างโออ่าโดยการให้บอดี้การ์ดไปเชิญเย่เชียนเข้ามาแทนที่จะไปต้อนรับเย่เชียนเป็นการส่วนตัวด้วยตัวเอง
เมื่อเขาเห็นเย่เชียนเข้ามาฮัวซงเจี๋ยก็รู้ว่าเขานั้นมีอำนาจต่อรองอย่างมากดังนั้นเขาจึงอยากทำอะไรบางอย่างจึงลุกขึ้นมาทักทายเย่เชียน
“คุณเย่ลมอะไรพัดคุณมาที่นี่” ฮัวซงเจี๋ยทักทายด้วยรอยยิ้มและพูดขณะที่เอื้อมมือไปจับมือกับเย่เชียน
เย่เชียนก็ยิ้มจางๆ และจับมือกับฮัวซงเจี๋ยแล้วพูดว่า “ผมมาที่นี่เพื่อแจ้งข่าวดีให้ประธานฮัวทราบ”
“มีข่าวดีอะไรหรอ..มันจะต้องเป็นข่าวใหญ่แน่ๆ” ฮัวซงเจี๋ยพูดด้วยรอยยิ้ม “เชิญนั่งลงก่อน! ”
หลังจากพูดจบเขาก็เชิญให้เย่เชียนนั่งลงบนโซฟาราวกับว่าเย่เชียนเป็นเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี ซึ่งซากาโมโต้เคนตะที่นั่งอยู่ข้างๆ เมื่อเขาเห็นเย่เชียนสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นความสงสัยแต่เขาก็ไม่ได้แปลกใจอะไรมากนักเพราะแน่นอนว่าเขาจำตัวตนที่แท้จริงของเย่เชียนไม่ได้
ฮัวซงเจี๋ยก็ดูเหมือนจะไม่อยากแนะนำซากาโมโต้เคนตะกับเย่เชียนนัก เขาจึงทำเพียงแค่สั่งชาสองถ้วยจากนั้นก็ถามว่า “ไม่ทราบว่าข่าวดีที่คุณเย่พูดถึงคืออะไร? ..ผมอยากรู้มาก”
“ผมรับรองได้เลยว่าประธานฮัวจะต้องมีความสุขมากที่ได้ยินเรื่องนี้” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมเพิ่งได้ข่าวว่าเหล่ยเจียงถูกจับขณะอยู่ในน่านน้ำประเทศจีนเพราะลักลอบขนยาเสพติดจำนวนสิบตันเอาไว้บนเรือบรรทุกสินค้าของเขาและยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้เขาถูกสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของจีนจับกุมโดยตรงผ่านทางกองทัพเรือ..เพราะงั้นผมคิดว่าเขาจบสิ้นแล้วและไม่สามารถหันกลับมาได้อีก..มันเป็นข่าวดีหรือเปล่า? ”
ฮัวซงเจี๋ยก็ถึงกับผงะไปเพราะนี่เป็นข่าวดีอย่างแน่นอน แต่เขาได้ยินอีกความหมายหนึ่งจากคำพูดของเย่เชียนนั่นก็คือความสามารถของเย่เชียนนั้นยอดเยี่ยมมากเพราะแม้แต่เขาก็ยังไม่สามารถรับร็ข่าวได้แต่เย่เชียนกลับรู้ข่าวสารได้อย่างรวดเร็วและยังรู้อีกว่าเรื่องดังกล่าวถูกดำเนินการโดยสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของจีน หลังจากตกตะลึงไปชั่วขณะฮัวซงเจี๋ยก็หัวเราะและพูดว่า “มันเป็นข่าวดีจริงๆ ..นี่เรียกความพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์แบบใช่มั้ย..มันเป็นเพราะเขาต้องการที่จะต่อสู้กับผมเอง..หึ..คนอย่างเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของผมได้ยังไง..ว่าแต่คุณเย่ไม่ได้มาแค่อยากจะบอกข่าวดีกับผมหรอกใช่มั้ย?”
เย่เชียนก็หัวเราะเบาๆ และไม่ได้ตอบคำถามของฮัวซงเจี๋ยโดยตรงแต่เปลี่ยนเรื่องโดยการมองไปที่ซากาโมโต้แล้วพูดว่า “คุณฮัวทำไมคุณไม่แนะนำหน่อยล่ะ..สุภาพบุรุษคนนี้คือ…”
“ผมลืมไปสนิทเลยเพราะผมได้ยินคุณเย่บอกว่ามีข่าวดีน่ะ” ฮัวซงเจี๋ยพูดอย่างรีบร้อน ด้วยคำพูดของเย่เชียนในตอนนี้ฮัวซงเจี๋ยก็สามารถสัมผัสได้ถึงความสามารถของเย่เชียนและต้องการร่วมมือกับเย่เชียนมาก ดังนั้นเขาควรแสดงอำนาจของเขาเพื่อที่เย่เชียนจะไม่สามารถมีข้อต่อรองกับเขาได้ ซึ่งในฐานะผู้นำระดับสูงของแก๊งยามากุจิในประเทศญี่ปุ่นอย่างซากาโมโต้เคนตะแล้วเขาจะสามารถเพิ่มอิทธพิลและความแข็งแกร่งของเครือข่ายของตนได้อย่างดีเยี่ยม ดังนั้นเขาจึงไม่รังเกียจที่จะแนะนำซากาโมโต้เคนตะให้กับเย่เชียน
“คุณเย่นี่คือคุณซากาโมโต้เคนตะผู้นำแก๊งยามากุจิแห่งญี่ปุ่นที่รับผิดชอบคุมธุรกิจหลายแห่งในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ฮัวซงเจี๋ยพูด “คุณซากาโมโต้นี่คือคุณเย่เชียน! ” หลังจากนั้นเขาก็หยุดไปชั่วขณะและพูดต่อ “คุณเย่ครับ..ผมกับคุณซากาโมโต้เป็นหุ้นส่วนกัน..ซึ่งผมทำงานร่วมกับแก๊งยามากุจิมาโดยตลอด..ผมเชื่อว่าคุณเย่น่าจะรู้ว่าอิทธิพลและความยิ่งใหญ่ของแก๊งยามากุจิไม่มากก็น้อย..เพราะงั้นแนวโน้มการพัฒนาในอนาคตคงจะเป็นไปได้ด้วยดี”
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างแผ่วเบาและพูดว่า “โอ้โห..มาจากประเทศญี่ปุ่นเลยเหรอ! ” เรื่องที่ซากาโมโต้เคนตะเดินทางมาที่เมืองเจิ้งโจวแห่งนี้เพื่อมาร่วมมือกับฮัวซงเจี๋ยในนามของแก๊งยามากุจินั้นเย่เชียนรู้เรื่องนี้มานานแล้วและแน่นอนว่ามันจะไม่มีอะไรที่คุกคามเขาเกิดขึ้น ซึ่งน้ำเสียงของเย่เชียนนั้นมีกลิ่นอายของการดูถูกอยู่ภายใน
“เย่เชียนหรอ..ชื่อนี้คุ้นมากดูเหมือนว่าผมจะเคยได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่ง” ซากาโมโต้เคนตะขมวดคิ้วแน่นและพูดว่า “ไม่ทราบว่าคุณเย่ทำธุรกิจอะไร? ”
“คือคุณเย่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ…” ก่อนที่ฮัวซงเจี๋ยจะพูดจบเย่เชียนก็ขัดจังหวะเขาก่อนโดยพูดว่า “ผมคิดว่าคุณซากาโมโต้เคนตะน่าจะเคยได้ยินชื่อของผมมาก่อนจริงๆ ..เพราะผมเคยกวาดล้างแก๊งยามากุจิมาตั้งหลายครั้งและแทบจะพูดได้เลยว่าพวกเราเป็นศัตรูกัน..ผมเป็นผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า..ทุกคนต่างก็เรียกผมว่าราชาหมาป่าเย่เชียน”
ซากาโมโต้ก็ถึงกับผงะเพราะเขารู้ดีว่าชื่อนี้นั้นคืออะไร ซึ่งราชาหมาป่าเย่เชียนนั้นคือคนที่ลอบสังหารหัวหน้าแก๊งยามากุจิถึงสองครั้งและเมื่อปีที่แล้วก็ได้ทำการสังหารสามผู้นำของแก๊งยามากุจิทั้งหมดในคราวเดียว ดังนั้นความเกลียดชังนี้จึงเป็นความเกลียดชังที่กระหายเลือดและเคียดแค้นอย่างมาก เมื่อได้ยินเช่นนั้นซากาโมโต้เคนตะจึงลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหันด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดและคนของเขาก็เข้ามาล้อมเย่เชียนในทันที
เย่เชียนก็ยังคงสงบนิ่งและยิ้มแย้มแจ่มใส ส่วนชิงเฟิงก็ทำเหมือนไม่เห็นอะไรเลยและยังคงดื่มชาราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่เกี่ยวข้องกับเขา
ฉากนี้ทำให้ฮัวซงเจี๋ยตกตะลึงอย่างมากและไม่ชัดเจนว่าสถานการณ์มันเป็นมาอย่างไรกันแน่ ดังนั้นฮัวซงเจี๋ยจึงรีบลุกขึ้นยืนและถามด้วยความประหลาดใจว่า “คุณซากาโมโต้มีอะไรเหรอ? ..คุณรู้จักคุณด้วยเย่เหรอ? ”
ซากาโมโต้เคนตะก็ตะคอกอย่างเย็นชาว่า “ไม่ใช่แค่รู้จักแต่เขาเป็นถึงศัตรูหมายเลขหนึ่งของแก๊งยามากุจิของเรา..เพราะเขาได้ลอบสังหารหัวหน้าแก๊งยามากุจิของเราถึงสองครั้งติดต่อกันและตั้งแต่นั้นมาแก๊งยามากุจิก็ได้ออกคำสั่งไล่ล่าค่าหัวของเขาโดยมีรางวัลตอบแทนอย่างมหาศาล” จากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่ฮัวซงเจี๋ยและพูดว่า “ฮัวซงเจี๋ย! ..คุณกับเขาดูเหมือนจะสนิทกันมากเลยนะ..คุณต้องการทรยศหักหลังแก๊งยามากุจิของเราแล้วเลือกที่จะร่วมมือกับเขางั้นเหรอ? ..คุณต้องคิดให้ดีนะเพราะแก๊งยามากุจิของเราไม่ได้ใจดีขนาดนั้น”
“เราเป็นชาวจีนแล้วทำไมต้องไปร่วมมือกับพวกญี่ปุ่นด้วย! ..ถ้าคุณเลือกที่จะร่วมมือกับเขาก็อย่าหาว่าผมไม่เตือนก็แล้วกัน! ..ลืมมันไปซะ!” เย่เชียนพูดอย่างดุดัน “ตอบมาว่าจะเอายังไง?”
ฮัวซงเจี๋ยก็ถึงกับตกตะลึงเพราะเขาถูกเย่เชียนตะคอกอย่างชัดเจน ซึ่งสถานการณ์ในตอนนี้นั้นค่อนข้างลำบากใจเพราะเย่เชียนเย่เชียนเป็นถึงคนที่ฆ่าหัวหน้าแก๊งยามากุจิดังนั้นซากาโมโต้เคนตะก็จะไม่ปล่อยเย่เชียนไปอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามฮัวซงเจี๋ยก็เพิ่งจะได้ยินว่าเย่เชียนนั้นแท้ที่จริงแล้วเป็นหัวหน้าขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าจนเขารู้สึกสับสนอย่างมาก เขาไม่รู้ว่าทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่านั้นทรงพลังเพียงใดแต่การที่พวกเขาเหล่านั้นสามารถลอบสังหารผู้นำและหัวหน้าแก๊งยามากุจิได้ถึงสองครั้งติดต่อกันนั้นเห็นได้ชัดว่าเขี้ยวหมาป่าไม่ใช่องค์กรที่เรียบง่ายเลย
“คุณซากาโมโต้..คือว่าคุณเย่กับผมเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นานและผมก็ไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกคุณ..คุณอย่าเพิ่งเข้าใจผิดสิ” ฮัวซงเจี๋ยพูดอย่างกระวนกระวาย
.
.
.
.
.
.
.