ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 582 ใครจะเร็วกว่ากัน
ตอนที่ 582 ใครจะเร็วกว่ากัน
เมื่อพูดถึงการต่อสู้แล้วคนเหล่านั้นจะเป็นคู่ต่อสู้ของเย่เชียนและชิงเฟิงได้อย่างไร ซึ่งชิงเฟิงก็วิ่งเข้าไปโดยไม่ลังเลใดๆ และคว้ามีดในมือของชายคนหนึ่งอย่างง่ายดายและใช้มีดแทงเข้าไปที่ไหล่ของชายคนนั้นจนมีเสียง ‘กรึก’ และกระดูกไหปลาร้าและไหล่ของชายคนนั้นก็หักและเขาก็ตะโกนด้วยความเจ็บปวดและไม่สามารถสู้ต่อไปได้อีก
จากนั้นชิงเฟิงก็ดึงมันออกมาแต่เนื่องจากมีดติดที่กระดูกไหปลาร้าเขาจึงดึงมันออกไม่ได้ ด้วยการกระทำเหล่านี้ชายคนที่ถูกมีดแทงก็รู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นและเขาก็เข่าทรุดลงไปกับพื้น เมื่อคนอื่นๆ เห็นโอกาสอันยอดเยี่ยมเช่นนี้เขาจะปล่อยไปได้อย่างไร ดังนั้นผู้ชายคนที่อยู่ใกล้ๆ ก็ใช้มีดแทงไปทางชิงเฟิงทันที
เมื่อเห็นเช่นนั้นชิงเฟิงก็ดึงมีดออกมาแล้วหันกลับมาและเฉือนไปที่คอของชายอีกคนอย่างดุเดือด ซึ่งการเคลื่อนไหวทั้งหมดของชิงเฟิงเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบพร้อมกับดวงตาที่ดูสยดสยอง ด้วยการกระทำดังกล่าวก็ทำให้คนอื่นๆ หวาดกลัวจนตัวสั่นและพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปอีกแต่กลับถอยห่างออกไปทีละก้าว
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเคยฆ่าคนมาก่อนแต่พวกเขาไม่เคยเห็นการต่อสู้และการใช้มีดที่โหดเหี้ยมเช่นนี้และพวกเขาต่างก็กลัวชิงเฟิงและมองชิงเฟิงเป็นปีศาจในสายตาของพวกเขา
แต่ทว่าการใช้มีดและการต่อสู้ของเย่เชียนนั้นค่อนข้างยุ่งยากและแปลกประหลาด เพราะมีดคลื่นโลหิตในมือของเย่เชียนนั้นเหมือนมันมีชีวิตเป็นของตัวเอง ซึ่งมันได้ปลิดชีพศัตรูหลายคนในจุดเดียวกันและการกระทำนั้นก็โหดเหี้ยมและรวดเร็วและแม่นยำจนคนเหล่านั้นไม่มีเวลาที่จะตอบโต้ได้เลย
ในฉากนี้คนที่เหลือต่างก็หวาดกลัวดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีความมั่นใจที่จะต่อสู้อีกต่อไปและบางคนก็ถึงกับปัสสาวะรดกางเกงตัวเองด้วยความตกใจและพวกเขาก็ตกตะลึงจนไม่กล้าขยับออกไปไหนหรือทำอะไร ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็เป็นแค่นักเลงพวกเขาจึงทนต่อความกลัวไม่ไหว จากนั้นพวกเขาก็ตัดสินใจตะโกนและวิ่งหนีออกไปอย่างร้อนรนและเมื่อเห็นว่ามีคนหนีออกไปคนอื่นๆ ก็ไม่ลังเลราวกับว่าพวกเขาได้ตื่นขึ้นมาดังนั้นพวกเขาจึงรีบวิ่งออกไปทีละคน
เมื่อเห็นฉากดังกล่าวเย่เชียนและชิงเฟิงก็ยิ้มให้กันเพราะคนพวกนั้นเป็นแค่คนตัวเล็กๆ ไม่มีตำแหน่งสูงอะไรมากนัก ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องฆ่าพวกเขาทั้งหมดเพราะเย่เชียนไม่ใช่คนเลือดเย็นที่ฆ่าคนอย่างบ้าคลั่ง หลังจากนั้นเย่เชียนก็เงยหน้าขึ้นและมองขึ้นไปชั้นบนแต่เมื่อเย่เชียนกำลังจะขึ้นไปฮัวซงเจี๋ยก็เดินลงบันไดมาพอดี
เมื่อเห็นว่าเหลือเพียงเย่เชียนและชิงเฟิงที่อยู่ในห้องนั่งเล่นและศพลูกน้องของเขาจำนวนมากก็กองกันอยู่บนพื้นและมีบางส่วนที่หายไปจนหัวใจของเขาสั่นกลัว ถึงแม้ว่าเขาจะได้เห็นความเก่งกาจของเย่เชียนและชิงเฟิงแล้วแต่เขาก็รู้สึกประหลาดใจอยู่ดีที่คนจำนวนมากมายยังไม่สามารถจัดการกับเย่เชียนและชิงเฟิงได้
“ก็ได้..ก็ได้..มันสมควรแล้วที่คุณเป็นถึงคนที่ฆ่าหัวหน้าแก๊งยามากุจิได้..ช่างเก่งกาจจริงๆ” ฮัวซงเจี๋ยพูดอย่างเกรี้ยวกราด “แต่ก็ไม่รู้นะว่ามีดของคุณหรือกระสุนของผมอันไหนจะเร็วกว่ากัน..หึหึ..ต่อให้จะมีฝีมือดีแค่ไหนแต่มันก็ไม่สามารถเผชิญหน้ากับกระสุนได้หรอกใช่มั้ย?”
ในขณะที่พูดฮัวซงเจี๋ยก็หยิบปืนพกออกมาแล้วเล็งไปที่เย่เชียน ซึ่งการที่เขาขึ้นไปชั้นบนนั้นเพียงเพื่อไปหยิบปืนมาเผื่อเอาไว้ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ที่สุด ฮัวซงเจี๋ยนั้นไม่ต้องการตายที่นี่ดังนั้นตอนนี้เป็นเวลาที่เขาจะแสดงศักดิ์ศรีของเขาแล้วจากนั้นเขาก็จะมีเกียรติและความมั่งคั่งมากมายในอนาคตหากเขาฆ่าเย่เชียนได้
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “จริงเหรอ? ..ถ้ากล้าก็ยิงเลย! ” เมื่อคำพูดนั้นจบลงมีดในมือของเย่เชียนก็พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็วและเย่เชียนก็พุ่งตามมีดของเขาไป ซึ่งเย่เชียนนั้นยังไม่มั่นใจว่าเขาจะฆ่าฮัวซงเจี๋ยด้วยการขว้างมีดใส่ได้หรือเปล่าเพราะเขารู้ดีว่ากระสุนปืนนั้นเร็วแค่ไหน ซึ่งถ้าหากฮัวซงเจี๋ยเคลื่อนไหวก่อนเขาก็ไม่มั่นใจว่าจะหลบมันได้ดังนั้นเย่เชียนจึงเคลื่อนไหวก่อนอย่างรวดเร็วและเห็นได้ชัดว่าฮัวซงเจี๋ยตกตะลึงและยิงออกไป
อย่างไรก็ตามฮัวซงเจี๋ยก็ตัดสินใจช้าไปและไม่มีโอกาสยิงอีกแล้วเพราะมีดคลื่นโลหิตพุ่งเข้าใส่ข้อมือของเขาอย่างรวดเร็วภายใต้ความเจ็บปวดปืนในมือของฮัวซงเจี๋ยก็ตกลงบนที่พื้น ในเวลานี้เย่เชียนก็พุ่งเข้ามาข้างๆ ฮัวซงเจี๋ยแล้วและเย่เชียนก็คว้าด้ามมีดคลื่นโลหิตด้วยมือขวาอย่างรวดเร็วและหมุนตัวไปที่ด้านหลังของฮัวซงเจี๋ย
เย่เชียนก็แสยะยิ้มแล้วพูดว่า “เป็นยังไง? ..ดูเหมือนว่าผมจะเร็วกว่าคุณนะ”
ฮัวซงเจี๋ยก็ประหลาดใจอย่างมากเพราะการเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้เกินจินตนาการของเขาจริงๆ และเขาก็ไม่เคยคิดว่าเย่เชียนจะเร็วกว่ากระสุน แต่ในความเป็นจริงไม่ว่าเย่เชียนจะรวดเร็วสักแค่ไหนแต่เขาก็ไม่สามารถเร็วไปกว่ากระสุนได้และนั่นเป็นเพียงแค่การที่เขาเคลื่อนไหวก่อนที่ฮัวซงเจี๋ยจะตั้งตัวทัน
ฮัวซงเจี๋ยที่เจ็บปวดข้อมืออย่างมากก็รีบพูดอย่างกระวนกระวายว่า “คุณเย่อย่า..อย่าทำเลย..การฆ่าผมมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย”
“อะไรนะ..คุณกำลังอ้อนวอนขอความเมตตางั้นเหรอ? ” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ๆ ..คุณเย่เราไม่ได้มีความคับข้องใจและความแค้นต่อกันเพราะงั้นคุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ใช่มั้ย? ..ปล่อยผมไปเถอะ..ผมจะสัญญากับคุณทุกอย่างและจะทำทุกอย่างที่คุณต้องการ..ทั้งธุรกิจและการพนัน..ตอนนี้การแข่งขันฟุตบอลโลกกำลังจะเปิดตัวแล้ว.เรามีเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพราะงั้นกำไรครึ่งหนึ่งจะเป็นของคุณ..แบบนี้เป็นยังไงบ้าง?” ฮัวซงเจี๋ยพูด ถึงแม้ว่าความเจ็บปวดที่ข้อมือจะลามไปถึงหัวใจของเขาก็ตามแต่เพื่อที่จะรักษาชีวิตของเขาเอาไว้ฮัวซงเจี๋ยก็ต้องอดทน
เย่เชียนก็ส่ายหัวและพูดว่า “ไม่! ..ผมต้องการทั้งหมด..ผมต้องการรายได้ทั้งหมดจากการพนัน!”
ฮัวซงเจี๋ยก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งและสาปแช่งในใจอย่างโกรธเคืองว่า ‘ไอ้หมอนี่โหดเหี้ยมมาก’ แต่เขาจะกล้าพูดได้อย่างไรเพราะตอนนี้ชีวิตของเขาถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย ตราบเท่าที่เขาสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ในตอนนี้มันก็ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตของเขาอีกแล้วและยิ่งไปกว่านั้นกำไรจากการพนันนั้นก็ยังมีแก๊งยามากุจิที่อยู่เบื้องหลังอยู่และเขาก็สามารถทำกำไรได้อีกในอนาคต ดังนั้นตอนนี้ชีวิตสำคัญกว่าเงินอย่างมาก
“ก็ได้ๆ..คุณอยากได้อะไรก็เอาไป..รายได้จากการพนันฟุตบอลโลกปีนี้มันจะเป็นของคุณทั้งหมด” ฮัวซงเจี๋ยพูด
เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมคิดว่าคุณฮัวคงเข้าใจอะไรผิดไปนะ..ผมไม่ได้ต้องการแค่รายได้ทั้งหมดของปีนี้..แล้วคุณรู้ไหมว่าผมหมายถึงอะไร..ผมต้องการธุรกิจทั้งหมดในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งภูมิภาค..ผมต้องการทั้งหมด!”
ฮัวซงเจี๋ยก็สั่นสะท้านไปทั้งตัวและในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเย่เชียนหมายถึงอะไร ซึ่งปรากฏว่าเย่เชียนนั้นได้เตรียมรับมือกับตนเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วและความทะเยอทะยานของเย่เชียนคือการยึดครองอำนาจทั้งหมดของตน ดังนั้นถ้าหากเป็นเช่นนี้เย่เชียนจะปล่อยตนไปได้อย่างไร? เพราะฉะนั้นในตอนนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฮัวซงเจี๋ยก็ต้องต่อต้านเพื่อไม่ให้เย่เชียนฆ่าเขาได้
“คุณต้องชัดเจนนะว่าผมอยู่ในวงการธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มานานหลายปีแล้ว..เพราะงั้นคุณไม่สามารถทำทั้งหมดเองได้..อีกอย่างถ้าคุณไม่มีผมล่ะก็คุณจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย” ฮัวซงเจี๋ยพูด
“จริงเหรอ? ..ดูเหมือนว่าคุณยังประเมินตัวเองสูงเกินไปอยู่นะ..ขนาดพรรคพวกจำนวนมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถูกฆ่าตายไปคุณยังโทษเหล่ยเจียงเลย..ผมจะบอกคุณให้นะว่าตอนนี้คุณอยู่ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของผม..เพราะผมได้ยึดครองกองกำลังทั้งหมดแล้ว..เพราะงั้นไม่ต้องกังวลไปหรอก” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม
ในเวลานี้ฮัวซงเจี๋ยก็ตกตะลึงอีกครั้งและในที่สุดก็เข้าใจตั้งแต่ต้นจนจบแล้วว่าทั้งเขาและเหล่ยเจียงต่างก็ตกอยู่ในแผนการของเย่เชียนอย่างสมบูรณ์แบบตั้งแต่วันที่เย่เชียนก้าวเข้าสู่มณฑลเหอหนานแล้ว ซึ่งตั้งแต่นั้นมาเย่เชียนได้วางแผนที่จะจัดการกับตนและเหล่ยเจียงอย่างใจเย็น เมื่อรู้เช่นนั้นฮัวซงเจี๋ยก็ยิ้มและหัวเราะอย่างน่าสังเวชในฐานะเจ้าพ่อแห่งการพนันผู้อยู่เบื้องหลังธุรกิจการพนันผู้ยิ่งใหญ่ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แต่เขากลับถูกกำจัดแบบนี้และเขาจึงสังเวชอย่างมาก
อันที่จริงฮัวซงเจี๋ยนั้นไม่สามารถตำหนิคนอื่นในเรื่องนี้ได้เนื่องจากอาชีพการงานที่เจริญรุ่งเรืองและรุ่งโรจน์ในปีนี้จึงทำให้เขาย่อมมีความมั่นใจและหยิ่งผยองเกินไปราวกับว่าไม่มีใครในโลกนี้เป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ ดังนั้นความมั่นใจในตัวเองที่มากเกินไปก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาล้มเหลวเหมือนในวันนี้ ดังนั้นเขาควรจะมองหาปัญหาในตัวเองก่อนและถึงแม้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะเป็นเพราะเย่เชียนเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเกินไปก็ตามแต่มันก็เป็นความผิดของฮัวซงเจี๋ยเอง
“เอาเถอะ..จะทำอะไรก็ทำซะ! ” ฮัวซงเจี๋ยเงยคอขึ้นแล้วพูด เพราะเขารู้ว่าวันนี้เขาไม่สามารถหลบหนีออกไปได้และเขาก็ไม่ต้องการที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปและแทนที่จะขอความเมตตาด้วยความถ่อมตนเขาก็ยอมตายเพราะอย่างน้อยๆ เขาก็จะสามารถรักษาเกียรติของตัวเองได้ด้วยความหยิ่งผยอง
“ลูกผู้ชายมันต้องแบบนี้! ” หลังจากพูดจบเย่เชียนก็ดึงมีดที่ติดอยู่ที่ข้อมือของฮัวเจี๋ยออก จากนั้นก็ใช้มีดปาดเข้าไปที่คอของฮัวซงเจี๋ยและเขาก็ล้มลงจมกองเลือดกับพื้นทันที
เย่เชียนนั้นก็ไม่ได้เกลียดฮัวซงเจี๋ยมากนักแต่ทั้งสองคนถูกกำหนดให้เป็นศัตรูกันและเนื่องจากฮัวซงเจี๋ยท้าทายและยั่วยุเย่เชียนและยังข่มขู่เย่เชียนอีกดังนั้นเย่เชียนจึงต้องกำจัดฮัวซงเจี๋ยทิ้ง บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่เรียกว่าความซวยและโชคร้ายเพราะฮัวซงเจี๋ยทำผิดพลาดโดยการส่งคนไปคุกคามเย่เชียนที่สนามบินเมืองเซี่ยงไฮ้และดันไปร่วมมือกับแก๊งยามากุจิ ดังนั้นเหตุผลเหล่านี้คือชนวนจุดสงครามแต่ถ้าหากฮัวซงเจี๋ยไม่ทำเช่นนี้เย่เชียนก็ไม่คิดที่จะกำจัดเขา
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้ทำให้เย่เชียนเกลียดชังแก๊งยามากุจิมากขึ้นเพราะดูเหมือนว่าการลอบสังหารหัวหน้าแก๊งยามากุจิจะไม่ทำให้พวกเขาเหล่านั้นสั่นคลอนและหวาดกลัวเลยเพราะการลอบสังหารหัวหน้าแก๊งยามากุจิทั้งสองนั้นทำให้เย่เชียนเข้าใจสิ่งหนึ่งและนั่นก็คือถึงแม้ว่าเขาจะฆ่าหัวหน้าแก๊งยามากุจิก็ตามแต่มันก็ไม่มีประโยชน์เพราะยังมีสมาคมมังกรดำอยู่เบื้องหลังพวกเขาและถ้าหากเย่เชียนต้องการกำจัดแก๊งยามากุจิอย่างสมบูรณ์เย่เชียนก็ต้องกวาดล้างสมาคมมังกรดำเสียก่อนถึงจะสามารถถอนรากถอนโคนได้ ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเสียเวลา
ถ้าไม่ใช่เพราะมีดคลื่นโลหิตที่ถูกขโมยไปเมื่อครั้งที่แล้วบางทีเย่เชียนอาจจะกำลังอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นและเริ่มจัดการกับแก๊งยามากุจิและสมาคมมังกรดำ แต่มันก็ไม่สายเกินไปเพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้สามารถเพิ่มความเกลียดชังของแก๊งยามากุจิที่มีต่อเย่เชียนอย่างมาก แต่ทว่าเมื่อความเกลียดชังถึงระดับหนึ่งจิตวิญญาณการต่อสู้ของเย่เชียนก็จะลุกโชนมากขึ้นและยิ่งจิตวิญญาณการต่อสู้ลุกโชนมากเท่าใดเย่เชียนก็ยิ่งสามารถเอาชนะแก๊งยามากุจิได้มากขึ้นเท่านั้น
หลังจากนั้นเย่เชียนก็เช็ดคราบเลือดแล้วนำมีดคลื่นโลหิตเก็บไปและเหลือบมองไปที่ชิงเฟิงแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ” หลังจากพูดเสร็จเขาก็เดินออกไป ส่วนชิงเฟิงก็ฉีกยิ้มแล้วเดินตามเย่เชียนไป
หลังจากส่งชิงเฟิงที่โรงแรมแล้วเย่เชียนก็ขับรถกลับไปที่บ้านและผลักประตูเข้าไปเห็นเย่เหวินและอันซือนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น ซึ่งสีหน้าของอันซือดูดีมากและมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของเธอดูเหมือนว่าการรักษาจะประสบความสำเร็จอย่างมาก และเมื่ออันซือเห็นเย่เชียนเธอก็ยิ้มและพูดว่า “เสี่ยวเชียนลูกกลับมาแล้วหรอ? ”
.
.
.
.
.
.
.