ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 585 ระบายอารมณ์
ตอนที่ 585 ระบายอารมณ์
เมื่อเห็นว่าอาการของพ่อนั้นดีขึ้นอย่างมากเย่เชียนก็มีความสุขและความห่วงใยและความกังวลในใจของเขาก็ผ่อนคลายลงและเขาก็ไม่สนใจแล้วว่าหลินโรวโร่วโกหกเขาหรืออย่างอื่นเพราะตราบใดที่พ่อยังสบายดีอยู่ตอนนี้ก็ถือว่าดีกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง
เมื่อเห็นเย่เชียนมาใบหน้าของชายชราก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มและดวงตาของเขามีประกายแวววาว จากนั้นเขาก็พูดว่า “เสี่ยวเอ๋อ กลับมาแล้วเหรอ..เหนื่อยไหม? ..ถ้างั้นก็กลับไปพักผ่อนก่อนสิ..พ่อสบายดี” เย่เชียนนั้นเห็นพ่อยิ้มและหัวเราะอย่างชัดเจนแต่เย่เชียนนั้นรู้สึดได้ว่ารอยยิ้มและเสียงหัวเราะนั้นมีความขมขื่นเล็กน้อยจนเย่เชียนงุนงงและเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมพ่อของเขาถึงเป็นแบบนี้เพราะเขาควรจะมีความสุขเมื่ออาการของเขาดีขึ้นไม่ใช่หรือ?
หลังจากครุ่นคิดอยู่นานเย่เชียนก็คิดไม่ออกและส่ายหัวอย่างแรงแล้วขับไล่ความคิดที่ยุ่งเหยิงนี้ออกไปจากใจของเขาเพราะนี่ไม่ใช่เวลามากังวลเรื่องปัญหาเหล่านี้เพราะตราบใดที่พ่อยังสบายดีก็มันเหนือสิ่งอื่นใดแล้ว หลังจากนั้นเย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เหนื่อยครับผมไม่เป็นอะไร..เราไม่ได้คุยกันมาตั้งนานเลย..ตอนนี้เรามาคุยกันเถอะ”
“ใช่ๆ ..พ่อเองก็มีเรื่องมากมายจะบอกเอ็ง” ชายชราพยักหน้าแล้วพูด
เย่เชียนก็หันหน้าไปและเหลือบมองหลี่ฮ่าวจากนั้นมองไปที่หญิงสาวและเด็กที่อยู่ข้างๆ เขาและทั้งสองคนนี้ต้องเป็นภรรยาและลูกสาวของหลี่ฮ่าวอย่างแน่นอน “พี่สองครับ!” หลี่ห่าวเรียกจากนั้นเขาก็มองไปที่ภรรยาและลูกของเขาและพูดว่า “ผมยังไม่ได้แนะนำเลย”
“สวัสดีค่ะคุณลุง!” เด็กคนนี้พูดอย่างขี้อายเล็กน้อยและหลังจากพูดเธอก็รีบไปซ่อนตัวอยู่ข้างหลังแม่ของเธอและดูเหมือนเธอจะกลัวเย่เชียนซึ่งทำให้ทุกคนหัวเราะ “เด็กคนนี้ขี้กลัวน่ะ..สวัสดีค่ะพี่สอง” ภรรยาของหลี่ฮ่าวพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไร..เด็กคนนี้ค่อนข้างเหมือนพ่อของเธอเลยนะ..พ่อของเธอก็ขี้กลัวมากเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก” เย่เชียนยิ้มและพูดต่อ “ฉันจำได้ว่าตอนที่พวกเรายังเป็นเด็กมีคนมารังแกเขาแต่เขาก็ไม่กล้าโต้กลับได้แต่ร้องไห้เฉยๆ ”
หลี่ฮ่าวยิ้มเจื่อนๆ และพูดว่า “แต่ในเวลานั้นพี่สองก็มักจะปกป้องผมเสมอและต่อสู้กับเด็กพวกนั้นที่มารังแกผม..ผมจำได้ว่าครั้งหนึ่งมีคนมารุมรังแกผมแต่พี่สองก็ยังสู้และตั้งแต่นั้นมาเด็กพวกนั้นไม่เคยมารังแกผมอีกเลย..ขอบคุณมากนะพี่สอง”
เย่เชียนก็หัวเราะและพูดว่า “นายพูดอะไรของนายเนี่ยเราเป็นพี่น้องกันเพราะงั้นถ้าใครทำมารังแกนายฉันก็ต้องปกป้องสิ..ฉันจะปล่อยให้คนอื่นมารังแกนายได้ยังไง”
“ตอนเด็กๆ พวกเอ็งนี่ซนจริงๆ เพราะครั้งนั้นเสี่ยวเอ๋อกลับมาบ้านทั้งตัวก็เต็มไปด้วยเลือดจนพ่อตกใจมากและต้องรีบพาไปโรงพยาบาลจากนั้นเขาก็โดนหมอเย็บแผล” ชายชราพูดด้วยรอยยิ้ม
เย่เชียนและหลี่ฮ่าวก็ยิ้มให้กันและครอบครัวดูมีความสุข หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็เหลือบมองหลี่ฮ่าวและถามว่า “พี่ใหญ่อยู่ที่ไหน..ทำไมเขาถึงไม่มา?
“ผมโทรไปบอกเขาแล้วแต่พี่ใหญ่บอกว่าเขาลางานไม่ได้น่ะ” หลี่ฮ่าวพูด
“พี่ใหญ่น่ะมีงานสำคัญที่ต้องทำ..ไม่เป็นอะไรหรอกเพราะพ่อยังสบายดี” ชายชราพูด
“ถึงจะยุ่งแค่ไหนแต่ไม่มีเวลามาเยี่ยมพ่อเลยงั้นเหรอ..ผมไม่เชื่อหรอกว่าเขตทหารจะยุ่งขนาดนี้..มันก็แค่วันสองวันเอง..อย่าให้เจอก็แล้วกันไม่งั้นผมจะเตือนสติเขาสักครั้ง” เย่เชียนพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
หลี่ฮ่าวยิ้มอย่างเชื่องช้าไม่กล้าพูดเพราะในบ้านนั้นเย่เชียนอยู่ในตำแหน่งที่ตัดสินใจทุกอย่างราวกับว่าเขาเป็นหัวหน้าครอบครัว และถึงแม้ว่าพี่ใหญ่จะอยู่ต่อหน้าเย่เชียนก็ตามแต่เขาก็ยอมเย่เชียนมาเสมอ ในคำพูดของพ่อ ยิ่งไปกว่านั้นคำพูดของชายชราไม่ได้ตำหนิพี่ใหญ่เลยเพราะในสายตาของชายชราพี่น้องทั้งสามมีความสำคัญเท่าเทียมกัน แต่เย่เชียนนั้นที่เขาห่วงมากที่สุด และเย่เชียนก็เป็นคนที่เขารักมากที่สุดเช่นกัน ส่วนฮันเซว่ที่เขาเพิ่งจะรับเลี้ยงเธอได้ไม่กี่มีแน่นอนว่าเวลาที่ใช้ด้วยกันนั้นก็ไม่นานเท่ากับคนอื่นๆ ดังนั้นความผูกพันและความรักมักจะน้อยกว่าตามธรรมชาติ
พี่ใหญ่นั้นเข้ากรมทหารตั้งแต่อายุ 16 ปี นับแต่นั้นมาเขาก็ส่งจดหมายและส่งเงินมาให้ชายชราและไม่ค่อยมีเวลากลับมาเยี่ยมอีกเลย ซึ่งเย่เชียนก็ได้รู้จากหลี่ฮ่าวเมื่อเขากลับบ้านว่าพี่ใหญ่ถูกย้ายไปที่เขตทหารในเมืองปักกิ่งแล้ว แต่เย่เชียนนั้นก็ไม่สนใจว่ามันจะเป็นเขตทหารหรืออะไรและตำแหน่งทางการจะเป็นแบบไหน อย่างไรก็ตามพี่ใหญ่ก็ผิดที่เขาไม่กลับมาหาพ่อของเขาบ้างเลยและเย่เชียนก็เชื่อว่าหลี่ฮ่าวได้บอกพี่ใหญ่ไปอย่างชัดเจนแล้วว่าอาการของพ่อนั้นร้ายแรง ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามสำหรับเขาถึงยังไงมันก็เป็นความผิดที่พี่ใหญ่ไม่สามารถกลับมาได้อยู่ดี
เมื่อเย่เชียนโกรธนั้นแม้แต่ชายชราเองก็ไม่สามารถพูดอะไรได้เขาทำได้เพียงยิ้มแหยงๆ เพราะเขารู้นิสัยของเย่เชียนดี ซึ่งถ้าเย่เชียนได้พบกับพี่ใหญ่ล่ะก็เย่เชียนจะต้องตำหนิและติเตียนหรืออาจจะต่อยพี่ใหญ่ก็เป็นได้ ในตอนนี้ดูเหมือนว่าเย่เชียนจะตระหนักได้ว่าคำพูดของเขาทำให้บรรยากาศรอบข้างตึงเครียดขึ้น เขาจึงยิ้มและเปลี่ยนเรื่องและลูบหัวของเย่หลินแล้วพูดว่า “หลินหลินคุยกับคุณปู่ไปก่อนนะพ่อจะออกไปข้างนอกสักพัก
จากนั้นเย่เชียนก็มองไปที่ชายชราและพูดว่า “พ่อ..เดี๋ยวผมกลับมานะ”
“อืม! ” ชายชราพยักหน้าและพูดว่า “เอ็งไปเถอะ”
เย่เชียนก็ลุกขึ้นและเหลือบมองซ่งหลันและซ่งหลันเองก็เข้าใจแล้วพูดกับชายชราสองสามคำแล้วเดินตามเย่เชียนออกไป เมื่อออกมาถึงบริเวณล็อบบี้โรงพยาบาลเย่เชียนก็ถามว่า “ใครเป็นหมอที่ดูแลพ่อ..ผมต้องการคุยกับเขา”
“หมอโจว” ซ่งหลันพยักหน้าและพูด ซึ่งขณะพูดเธอก็เดินนำเย่เชียนไปที่ห้องทำงานของหมอโจวและเมื่อใกล้ถึงประตูออฟฟิศเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะของผู้ชายและผู้หญิงในสำนักงานจนเย่เชียนขมวดคิ้วและจากนั้นความรู้สึกรังเกียจก็ผุดขึ้นมาในหัวใจของเขาทันที
ที่หน้าประตูออฟฟิศเมื่อซ่งหลันกำลังจะเคาะประตูจู่ๆ เย่เชียนก็ผลักประตูตรงและเดินเข้าไป อาจเป็นเพราะความประมาทของหมอโจวที่เขาลืมล็อคประตูเอาไว้เพราะเขากับนางพยาบาลกำลังพลอดรักกันอยู่โดยที่นางพยาบาลนั่งอยู่บนตักของเขาและเสื้อผ้าของเธอก็เปลือยออกครึ่งนึงและพวกเขาสองคนก็ไม่รู้ว่ามีคนเข้ามาเพราะพวกเขายังคงหัวเราะกันอยู่
“อะแห่ม…” เย่เชียนไอแล้วพูดว่า “ใครคือหมอโจว”
ทันทีที่คำเหล่านี้ดังออกมาหมอโจวและนางพยาบาลก็ตกใจและนางพยาบาลก็รีบใส่เสื้อผ้าของเธอและลงจากตักของหมอโจว ทันทีและหัวของเธอก็ก้มต่ำราวกับว่าเธอกลัวว่าคนอื่นจะจำเธอได้ ซึ่งเมื่อพิจารณาจากอายุของนางพยาบาลแล้วเธอน่าจะอายุราวๆ สามสิบต้นๆ และเธอต้องเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วและหมอโจวคนนั้นก็ไม่ใช่สามีของเธออย่างแน่นอน
นางพยาบาลก็บอกหมอโจวแล้วรีบก้มหัวลงจากนั้นหมอโจวก็รีบจัดระเบียบเสื้อผ้าของเขาและเหลือบมองเย่เชียนพลางหรี่ตาแล้วพูดว่า “คุณเป็นใคร? ..ทำไมคุณไม่รู้จักมารยาทงั้นเหรอ? ..แทนที่จะเคาะประตูก่อนจะเข้ามา”
ซ่งหลันนั้นรู้ว่าเย่เชียนกำลังโกรธเมื่อเห็นใบหน้าของเย่เชียนดังนั้นเธอจึงรีบดึงแขนเสื้อของเย่เชียนหลังจากนั้นเย่เชียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความโกรธของเขาแล้วพูดว่า “คุณคือหมอโจวใช่ไหมผมเป็นครอบครัวของหยางเจียนกั๋ว..ผมต้องการถามเกี่ยวกับอาการของหยางเจียนกั๋ว” หยางเจียนกั๋วเป็นชื่อของชายชรา
“หยางเจียนกั๋ว?” หมอโจวมองดูเอกสารและพูดว่า “เขาไม่ได้เป็นอะไรเขาแค่แก่มากแล้ว..เพราะงั้นการทำงานของระบบในร่างกายจึงเสื่อมสภาพ..ถ้าคุณมีเวลาคุณก็อยู่กับเขาเถอะเพราะเขาจะอยู่ได้อีกไม่นาน”
น้ำเสียงของหมอดูนั้นดูไม่จริงจังมากนักซึ่งทำให้เย่เชียนรู้สึกไม่สบอารมณ์จนเย่เชียนขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ผมถามเขาว่ามีอะไรผิดปกติไม่ได้ขอให้คุณสาปแช่งเขา! ..สิ่งที่คุณต้องทำก็แค่บอกความจริงเกี่ยวกับอาการป่วยของเขา! ..ทำไมคุณถึงต้องพูดอะไรที่มันไร้ประโยชน์ด้วย”
น้ำเสียงของเย่เชียนก็เดือดดาลอย่างมากจนหมอโจวไม่สบอารมณ์เมื่อได้ยิน ซึ่งครอบครัวของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษากับเขานั้นต่างก็ทำเหมือนเขาเป็นพระเจ้าและอ้อนวอนขอให้เขาช่วยและไม่มีใครที่เย่อหยิ่งเหมือนหมาป่าผีไป๋มาก่อน ดังนั้นหมอโจวจึงไม่สนใจเย่เชียนและหมอโจวก็พูดด้วยรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามว่า “คุณไม่ได้ยินที่ผมพูดเหรอ..ตอนนี้ผมยุ่งมากกรุณาออกไปด้วย”
ซ่งหลันที่ฟังอยู่ที่ด้านข้างเธอก็ถอนหายใจอย่างลับๆ เพราะเธอรู้ว่าแม้ว่าเธอจะพยายามเกลี้ยกล่อมเย่เชียนมากแค่ไหนแต่เธอก็ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเย่เชียนได้ แน่นอนว่าเย่เชียนก็โกรธเกรี้ยวจนเจตนาฆ่าก็เอ่อล้นออกมาและเดินเข้าไปหาหมอโจวแล้วกระชากหัวหมอโจวแทกกับโต๊ะแล้วพูดว่า “แม่งเอ๊ย! ..คุณคิดว่าผมเป็นเด็กรึไง!”
“นี่คุณ..คุณกล้าทำร้ายร่างกายหมองั้นเหรอ..อย่าหนีไปไหนซะล่ะผมจะโทรแจ้งตำรวจแล้วตำรวจจะมาจับคุณ” หมอโจวรู้สึกวิงเวียนเมื่อหัวถูกกระแทก
“แล้วไง? ..ผมแค่จะฆ่าหมอที่ไร้ความสามารถก็เท่านั้น” เมื่อเสียงของเย่เชียนจบลงเขาก็เดินไปหาหมอโจวที่โต๊ะและต่อยสันจมูกของหมอโจวจนเลือดกำเดาของหมอโจวไหลออกมา ซึ่งมนตอนนี้หมอโจวรู้สึกว่าจมูกของเขาเจ็บและน้ำตาของเขาก็ไหลออกมา อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้ทำให้ความโกรธของเย่เชียนลดลงเลยและเย่เชียนก็เตะเขาอย่างแรงที่ท้องและเหยียบเขาลงไปกับพื้นและกระทืบเท้าของหมอโจวทีละข้าง
เนื่องจากอาการป่วยของชายชรานั้นจึงทำให้เย่เชียนกังวลใจมาตลอดทั้งคืนและอารมณ์ของเย่เชียนก็หดหู่มาก แต่หมอโจวคนนี้กับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซึ่งมันได้กระตุ้นความโกรธของเย่เชียนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และหมอโจวก็โชคร้ายอย่างมาก
ภายในออฟฟิศเสียงกรีดร้องของหมอโจวก็ดังขึ้นและดึงดูดความสนใจจากผู้คนจำนวนมากอย่างรวดเร็วและผู้คนจำนวนมากก็มารวมตัวกันที่ประตู ซึ่งมีแพทย์และนางพยาบาลในโรงพยาบาลรวมไปถึงผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยจำนวนมากโดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ใช่ครอบครัวที่ร่ำรวยมากเพราะส่วนใหญ่ไม่พอใจกับหมอโจวและหมอในปัจจุบันของโรงพยาบาลนี้อย่างมาก ซึ่งในตอนนี้เมื่อพวกเขาเห็นเย่เชียนสั่งสอนบทเรียนให้หมอโจวแล้วทุกคนจึงรู้สึกมีความสุขมากและปรบมือให้เย่เชียน
ถึงเย่เชียนจะโกรธเกรี้ยวแต่เขาก็ยังไม่สูญเสียเหตุผลและสติเพราะถึงแม้ว่าหมอโจวจะเจ็บปวดมากแต่หมอโจวก็ไม่ได้บาดเจ็บภายในแต่อย่างใด ซึ่งไม่นานหลังจากเห็นเหตุการณ์เช่นนี้นางพยาบาลคนหนึ่งก็วิ่งไปที่ห้องทำงานของคณบดีและบอกคณบดีว่าให้รีบโทรหาตำรวจทันที
ซ่งหลันนั้นก็ไม่คิดที่จะก้าวไปข้างหน้าเพื่อดึงเย่เชียนออกไปแต่เพียงแค่ยืนอยู่อย่างเงียบๆ แล้วปล่อยให้เย่เชียนระบายความโกรธออกไป
.
.
.
.
.
.
.