ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 586 เกลี้ยกล่อม
ตอนที่ 586 เกลี้ยกล่อม
ไม่ใช่ว่าซ่งหลันไม่สามารถช่วยเย่เชียนได้เมื่อเขาเจอปัญหาเพราะในใจของเธอเย่เชียนคือคนที่สำคัญที่สุดและไม่ว่าคนอื่นๆ จะมีชีวิตอยู่หรือตายไปมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ แต่ซ่งหลันนั้นไม่ได้มีความสัมพันและความรักกับเย่เชียนเลยแม้แต่น้อยเพียงแต่คำพูดที่กระตุ้นอารมณ์ของเย่เชียนในคืนนั้นทำให้เธอก็รู้สึกอึดอัดและรู้สึกผิด ดังนั้นเมื่อเธอพบกับเย่เชียนเธอก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อหลีกเลี่ยงการพูดถึงเรื่องในคืนนั้นเพราะอันที่จริงทั้งสองฝ่ายต่างก็เข้าใจความคิดของกันและกันโดยเฉพาะซ่งหลันในคืนนั้นเธอไม่ได้โกรธแต่เธอกลับมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิมเพราะการแสดงออกของเย่เชียนแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจตัวเธอมากแค่ไหน
ซ่งหลันนั้นรู้ดีว่าเย่เชียนต้องหดหู่มากเพราะเรื่องพ่อของเขาดังนั้นซ่งหลันจึงปล่อยให้เย่เชียนใช้โอกาสนี้ระบายสิ่งต่างๆ ออกมาและเธอก็รู้ว่าเย่เชียนนั้นตึงเครียดอยู่ตลอดเวลาและเรื่องพ่อของเขาทำให้จิตใจของเย่เชียนยุ่งเหยิงมากขึ้นและถ้าหากเย่เชียนไม่ระบายออกมาล่ะก็เย่เชียนคงจะพังทลายในสักวันหนึ่ง
หลี่ฮ่าวเองก็กระวนกระวายเมื่อได้ยินเรื่องต่างๆ เช่นกันและเมื่อเขาไปถึงที่เกิดเหตุเขาก็เห็นว่าด้านหน้าประตูเต็มไปด้วยผู้คน และเขาก็แหวกฝูงชนเดินเข้าไป ซึ่งเมื่อเห็นเย่เชียนทำร้ายหมอโจวเขาก็ตกใจและรีบวิ่งเข้าไปเพื่อห้ามเย่เชียนและดึงเย่เชียนออกไปแล้วพูดว่า “พี่สองหยุดก่อน..มันเกิดอะไรขึ้น?”
“อย่ามาห้ามฉัน..วันนี้ฉันต้องฆ่าเขาให้ได้” เย่เชียนตะโกนด้วยความโกรธ
“มันเกิดอะไรขึ้นบอกผมสิ..มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอกถ้าพี่ฆ่าเขา” หลี่ฮ่าวเกลี้ยกล่อมเย่เชียนให้ยอมปล่อย
เย่เชียนจ้องเขม็งไปที่หมอโจวซึ่งกำลังนอนโอดครวญอยู่กับพื้นแล้วพูดว่า “ก็ฉันถามเขาถึงอาการป่วยของพ่อเพราะงั้นเขาก็แค่บอกเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่เขากลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น! ..ฉันจะฆ่ามันเดี๋ยวนี้!”
ถึงแม้ว่าเย่เชียนบอกว่าต้องการจะฆ่าแต่หมอโจวคนนั้นก็จะยังมีชีวิตอยู่ อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากหลังจากได้สั่งสอนบทเรียนเพราะเย่เชียนไม่ชอบหมอพวกนี้สักเท่าไหร่เพราะคนเหล่านี้มักจะแสร้งทำเป็นเหมือนเทวดาแต่ตอนนี้หมอโจวกลับล้อเล่นและเพิกเฉยเรื่องชีวิตของพ่อเขาดังนั้นจะไม่ให้เย่เชียนโกรธได้อย่างไร?
ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะรุนแรงแต่เขาไม่ได้เล็งจุดสำคัญและมันก็เป็นเพียงอาการบาดเจ็บเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเนื่องจากเย่เชียนเลือกส่วนอ่อนไหวและเปราะบางของร่างกายมนุษย์เพื่อโจมตีหมอโจวจึงร้องอย่างน่าสังเวช หลังจากที่หลี่ฮ่าวห้ามเย่เชียนเอาไว้แล้วเขาก็เดินไปช่วยพยุงหมอโจวขึ้นมาและถามว่า “คุณหมอเป็นยังไงบ้าง? ”
“มันป่าเถื่อนมาก..ผมจะฟ้องร้องให้ตำรวจจับเขาเข้าคุก” หมอโจวพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
“หืม..อยากโดนอีกครั้งงั้นเหรอ? ” ดวงตาของเย่เชียนเบิกกว้างจนหมอโจวกลัวแล้วไปอยู่ที่ด้านหลังของหลี่ฮ่าว
หลังจากนั้นก็มีชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามาและเห็นรอยแผลสดๆ บนใบหน้าของหมอโจวและเขาก็หันมองที่เย่เชียนกับหลี่ฮ่าวจากนั้นเขาก็ถอนหายใจเพราะเขารู้จักทั้งสองซึ่งคนหนึ่งเป็นประธานของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปและอีกคนเป็นถึงผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางเทศบาลเมืองเซี่ยงไฮ้และไม่ใช่คนที่สามารถทำให้ขุ่นเคืองได้เลย หลังจากนั้นเขาก็หันไปมองฝูงชนรอบๆ แล้วพูดว่า “มันไม่มีอะไรน่าสนใจหรอกแยกย้ายไปกันเถอะ”
ทุกคนก็เห็นว่าตอนนี้ไม่มีอะไรดีๆ ให้ดูอีกต่อไปแล้วดังนั้นพวกเขาจึงแยกย้ายกันไป จากนั้นชายชราก็เดินไปหาเย่เชียนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่ขุ่นเคืองว่า “ผมเป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลนี้..ผมต้องขอโทษคุณเย่ด้วย..ว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้นหรอ? ”
“เกิดอะไรขึ้นก็ลองถามเขาดูสิ” เย่เชียนมองชายชราแล้วหันไปมองหมอโจวแล้วพูด
“หมอโจวมันเกิดอะไรขึ้น? ..ทำไมพวกคุณถึงทะเลาะวิวาทกันโดยไม่มีเหตุผล” ผู้อำนวยการถาม
หมอโจวก็ตอบว่า “ทะเลาะวิวาทอะไรกัน? ..หลายๆ คนก็เห็นแล้วหนิว่าเขาเป็นฝ่ายทำร้ายผม..เรื่องมันเกิดจากตอนที่ผมทำงานอยู่ในออฟฟิศและจู่ๆ เขาก็เข้ามาถามผมเกี่ยวกับอาการของหยางเจียนกั๋วจากนั้นผมก็บอกให้พวกเขาเตรียมงานศพรอแต่ผมกลับถูกเขาทำร้าย!”
“แม่งเอ๊ยพูดจาไร้สาระอะไรวะ! ..ฉันจะฆ่าแกเดี๋ยวนี้! ” เมื่อสิ้นเสียงพูดเย่เชียนก็เดือดดาลและเขาก็รีบวิ่งเข้าไปอีกครั้งแต่หลี่ฮ่าวดึงเย่เชียนเอาไว้อย่างรวดเร็วและเกลี้ยกล่อมว่า “พี่สองหยุดสร้างปัญหาได้แล้ว..เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?”
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็ยิ้มเจื่อนๆ และพูดว่า “ใช่คุณเย่เราค่อยๆ มาคุยกันเถอะ”
“หึ..ผมก็ไปถามเขาถึงอาการของพ่อ..แต่ผมเข้าไปเห็นหมอคนนี้กำลังพลอดรักกับนางพยาบาลอยู่ข้างในออฟฟิศแล้วพอผมถามเขาเกี่ยวกับอาการของพ่อดีๆ แต่เขากลับตอบแบบไร้สาระเหมือนตัวเองเป็นเทวดา..นี่แกเป็นหมอหรือคนขายเนื้อกันแน่วะ! ” เย่เชียนตะคอก
หมอโจวรีบก้มหน้าลงและเมื่อผู้อำนวยการเห็นสิ่งนี้เขารู้แล้วว่าสิ่งที่เย่เชียนพูดนั้นเป็นความจริง ดังนั้นผู้อำนวยการจึงหันไปมองหมอโจวแล้วพูดว่า “คุณนี่ไร้สาระจริงๆ ที่กล้าทำเรื่องแบบนี้ในโรงพยาบาล..ในฐานะหมอเราต้องช่วยชีวิตผู้คนและรักษาผู้คนเพราะนั่นเป็นความรับผิดชอบของพวกเรา..มันเป็นเรื่องปกติที่ญาติของผู้ป่วยจะถามเกี่ยวกับอาการต่างๆ ..เพราะงั้นเรื่องนี้เราค่อยเอาไว้คุยกันทีหลัง!” จากนั้นเขาก็เหลือบมองเย่เชียนแล้วพูดว่า “คุณเย่ผมขอโทษ..เรื่องนี้เป็นความผิดของบุคลากรในโรงพยาบาลของเรา..แต่มันก็แค่…” เมื่อคำพูดต่อไปกำลังจะออกมาจากปากของผู้อำนวยการแต่เขาก็ต้องกลืนมันลงไป
“มันแค่อะไรหรอ..ผมทำร้ายเขาและผมต้องขอโทษเขาใช่มั้ย?” เย่เชียนสูดลมหายใจและพูดว่า “พวกคุณนี่เป็นเหมือนเทวดากันจริงๆ สินะ”
“โหวกเหวกโวยวายอะไรกัน! ” เสียงเจ้าหน้าที่ตำรวจสี่ถึงห้าคนที่เดินเข้ามา ซึ่งคนนำอยู่ในวัยสามสิบต้นๆ และดูเหมือนว่าเขาจะเป็นหัวหน้าของเจ้าหน้าที่เหล่านี้ เมื่อเขามาถึงออฟฟิศเขาก็เห็นหลี่ฮ่าวแล้วพวกเขาก็ประหลาดใจพวกเขาจึงพูดด้วยความงุนงงว่า “อธิการหลี่..ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่?”
“ทำไม? ..ถ้าผมไม่อยู่ที่นี่คุณก็จะมีอำนาจที่สุดใช่มั้ย? ..หึ..เสียงนำมาก่อนตัวอีกนะช่างทรงอิทธิพลจริงๆ ” หลี่ฮ่าวมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์และพูด
“มะ..ไม่ใช่ครับ! ” เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นยิ้มอย่างขมขื่นและไม่รู้จะพูดอะไรดี
ผู้คนรอบข้างสามารถมองเห็นสถานการณ์ในที่นี้ได้แต่หมอโจวไม่มองเลยสักนิดแต่เมื่อเขาเห็นตำรวจมาเขาก็รีบพุ่งเข้าไปชี้หน้าเย่เชียนแล้วพูดว่า “เขาคนนั้น..คนที่ทำร้ายผม..ผมต้องการแจ้งความเขา! ”
ไม่ว่าตำรวจจะโง่แค่ไหนถึงยังไงเขาก็เห็นได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างหลี่ฮ่าวและเย่เชียนนั้นไม่ธรรมดายิ่งไปกว่านั้นหลี่ฮ่าวก็อยู่ที่นี่ด้วยแต่เขากลับถูกหมอโจวกดดันแบบนี้ดังนั้นเหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตกตะลึงและบางคนก็ไม่รู้จะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไร “แจ้งความผม? ..แกทำได้งั้นเหรอ?” เย่เชียนจ้องเขม็งไปที่หมอโจวและพูด จากนั้นเขาก็มองไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและตะโกนว่า “พวกคุณมาทำอะไรที่นี่? ..พวกคุณไม่ได้รับผิดชอบเรื่องนี้เพราะงั้นกลับไปให้หมด! ”
เหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตกตะลึงอยู่พักหนึ่งและไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร จากนั้นเย่เชียนก็บัตรและตราประทับออกมาแล้วโยนไปให้ตำรวจแล้วพูดว่า “ดูให้ชัดๆ ซะ! ..เรื่องนี้เป็นเรื่องของกองทัพแห่งชาติเพราะงั้นมันอยู่เหนือการควบคุมของตำรวจ! ..พวกคุณกลับไปเถอะ!”
นั่นคือบัตรและตราสัญลักษณ์รับรองยศจอมพลของเย่เชียน ซึ่งเหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างก็ตัวสั่นเมื่อเห็นใบรับรองจนหยาดเหงื่อเริ่มท่วมหน้าผากของพวกเขาและความกลัวก็ผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจและพวกเขาก็แอบรู้สึกขอบคุณเพราะโชคดีที่พวกเขาเห็นหลี่ฮ่าวเสียก่อนไม่อย่างนั้นเกรงว่าพวกเขาคงจะไปคุกคามจอมพลคนนี้ซึ่งบุคลประเภทนี้หาได้ยากมากตั้งแต่สมัยอดีตกาล “ครับท่าน!” หัวหน้าตำรวจตอบกลับแล้วรีบเดินไปข้างๆ เย่เชียนและส่งบัตรกับตราสัญลักษณ์รับรองคืนด้วยความเคารพ ซึ่งลักษณะที่ปรากฏเช่นนี้นั้นทำให้หลี่ฮ่าวเองก็ถึงกับตกตะลึงเช่นกันและเขาก็สงสัยว่าเย่เชียนแสดงอะไรให้เหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นกันแน่ ซึ่งในความเป็นจริงหลี่ฮ่าวนั้นไม่รู้เลยว่าเย่เชียนมีตราสัญลักษณ์ยศจอมพลแต่ทว่าหลี่ฮ่าวนั้นรู้ดีว่าตราประทับและสัญลักษณ์นั้นมันคืออะไร
“อธิการหลี่พวกเราขอตัวกลับก่อนนะครับ” หลังจากทักทายหลี่ฮ่าวแล้วเหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เดินออกไป ซึ่งเมื่อหมอโจวเห็นสถานการณ์เช่นนี้เขาก็ตกตะลึงและรีบก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขนตำรวจเอาไว้พร้อมกับพูดว่า “คุณตำรวจทำแบบนี้ได้ยังไง.. เขาทำร้ายผมจนเป็นแบบนี้แล้วพวกคุณจับเขาไม่ได้เหรอ..บ้านเมืองยังมีกฎหมายอยู่รึเปล่า? ..ไม่งั้นผมจะไปหาหัวหน้าของพวกคุณเพื่อฟ้องร้องพวกคุณ! ..พวกคุณรู้ไหมว่าพ่อตาของผมน่ะมีตำแหน่งทางการในเมืองเซี่ยงไฮ้นี้!”
เหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจก็แทบจะอดใจรอไม่ไหวที่จะตบหมอโจวคนนี้ให้ตายเพราะเดิมทีพวกเขาเกือบจะมีปัญหาอยู่แล้วและตอนนี้หมอโจวคนนี้ก็จะทำให้พวกเขาซวยอีกด้วย “ผมเป็นหัวหน้าของพวกเขาเอง..ผมเป็นผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางเทศบาลเมืองเซี่ยงไฮ้..คุณสามารถร้องเรียนและฟ้องร้องกับผมได้โดยตรง” หลี่ฮ่าวพูด
หมอโจวก็ถึงกับผงะเพราะเห็นได้ชัดว่าหลี่ฮ่าวกับเย่เชียนนั้นเป็นพวกเดียวกันและหนึ่งในนั้นก็เป็นถึงผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางเทศบาลเมือง
เมื่อผู้อำนวยการเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวโดยที่เย่เชียนนั้นไม่ได้เพิ่งพาหลี่ฮ่าวเลยและยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนก็เขาแค่โยนบัตรบางอย่างให้ตำรวจและหลังจากนั้นเหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เหมือนจะกลัวอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงรู้ได้ว่าเย่เชียนนั้นไม่ใช่แค่ประธานของเครือน่านฟ้ากรุ๊ป ซึ่งเขาเองยังไม่กล้าที่จะทำให้หลี่ฮ่าวขุ่นเคืองเลยแล้วนับประสาอะไรกับคนอย่างเย่เชียน “เอ่อคุณเย่ครับ..เรื่องนี้เป็นความผิดของหมอโจวเพราะงั้นผมต้องขอโทษแทนเขาด้วย..ส่วนอาการของหยางเจียนกั๋วนั้นผมเองก็ติดตามผลอยู่เหมือนกัน..ถ้างั้นเราไปคุยกันที่ออฟฟิศของผมดีกว่าไหม?” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพูดอย่างระมัดระวัง
ในตอนนี้หมอโจวจะกล้าพูดอะไรที่ไหนเพราะต่อให้เขาโง่สักแค่ไหนเขาก็สามารถเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้เป็นอย่างดีเขาจึงทำให้เพียงก้มหน้าลงและค่อยๆ ถอยออกไปข้างๆ ราวกับว่าเขากลัวว่าเย่เชียนจะเห็นเขาแต่ใครเล่าจะสามารถซ่อนจากพฤติกรรมที่ดูเหมือนไก่โง่ได้ อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่ได้สนใจเขาอีกต่อไปแล้วเพราะผู้อำนวยการโรงพยาบาลได้ออกหน้ารับและพูดกับเขาอย่างสุภาพแล้วจึงไม่จำเป็นต้องวุ่นวายในเรื่องนี้อีกต่อไป เพราะสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดคืออาการของพ่อดังนั้นเขาจึงไม่อยากไร้สาระอีกต่อไป เมื่อคิดเช่นนั้นเย่เชียนก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “แบบนั้นก็ดีเหมือนกันครับผู้อำนวยการ”
สีหน้าของเย่เชียนก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วซึ่งก่อนหน้านี้เขายังโกรธมากราวกับว่าเขากำลังจะไปฆ่าใครสักคนแต่ตอนนี้เขากลับมาสุภาพอีกครั้งจนผู้อำนวยการโรงพยาบาลรู้สึกโล่งอก
.
.
.
.
.
.
.