ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 595 มิตรภาพระหว่างเพื่อน
ตอนที่ 595 มิตรภาพระหว่างเพื่อน
เย่เชียนเป็นแบบนี้แต่บางครั้งเขาก็มีเหตุผลและบางครั้งเขาก็เอาแต่ใจเล็กน้อย แต่ในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพราะเจียงหมิงคุกคามเย่เชียนเท่านั้นแต่ยังเป็นเพราะเจียงหมิงเอะอะโวยวายที่งานศพโดยไม่ไหวหน้าเย่เชียน และไม่ว่าชายชราจะยังมีชีวิตอยู่หรือหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้วก็ตามแต่คนที่มีชื่อว่าเจียงหมิงกลับสร้างปัญหาให้กับครอบครัวเสมอและนั่นคือสิ่งที่เย่เชียนไม่อนุญาตและเจียงหมิงจะต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง แต่ถือว่าโชคดีที่เย่เชียนไม่ฆ่าเจียงหมิงเพราะจ้าวกังนั้นขอเอาไว้แต่เย่เชียนจะไม่มีวันปล่อยเจียงหมิงไปง่ายๆ เช่นนั้นอย่างแน่นอน
หลังจากนั้นไม่นานรถก็มาหยุดที่หน้าประตูทางเข้าบริษัทรักษาความปลอดภัยไปร่อนบลัด ซึ่งมีพนักงานมาเปิดประตูรถให้เย่เชียนและคนอื่นๆ “คนพวกนั้นถูกคุมตัวอยู่ที่ไหน” แจ็คถามพนักงานคนที่มาเปิดประตูหลังจากลงจากรถ
“อยู่ข้างในครับ..ผมจะพาคุณไปที่นั่น” ชายคนนั้นตอบและเดินเข้าไปข้างใน ซึ่งแจ็คก็เหลือบมองเย่เชียนจากนั้นเย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ แล้วเดินเข้าไปพร้อมกัน
ในโซนห้องใต้ดินนั้นเจียงหมิงและเหล่าทหารถูกขังเอาไว้และมีการ์ดของบริษัทไอร่อนบลัดนับสิบคนเฝ้าดูพวกเขาพร้อมกับปืนและกระสุนจริง ซึ่งใบหน้าของเจียงหมิงนั้นเป็นแดงและสีม่วงและมีรอยเปื้อนเลือดอยู่ที่มุมปากของเขา ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาถูกทุบตี เมื่อเห็นเย่เชียนแล้วเจียงหมิงก็พยายามลุกขึ้นและทันทีที่เขากำลังจะก้าวไปข้างหน้าการ์ดของบริษัทไอร่อนบลัดก็ถือปืนจ่อที่หน้าผากของเขาเอาไว้จนเจียงหมิงต้องหยุดและเหลือบมองจ้าวกังอย่างโกรธเกรี้ยวและพูดว่า “จ้าวกังฉันจะรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อฉันกลับไป..ฉันแค่ทำตามคำสั่งของเบื้องบนแต่นายกลับขัดขวางและยังทำแบบนี้อีก..อย่าโทษฉันที่ไม่เห็นแกความเป็นเพื่อนก็แล้วกัน”
“ปากเก่งจริงๆ เลยนะ” เย่เชียนขมวดคิ้วและเตะเขาอย่างแรง ซึ่งเจียงหมิงก็ไม่สามารถทนต่อการเตะของเย่เชียนได้จนเขากระเด็นและล้มลงกับพื้นอย่างแรง จากนั้นเย่เชียนก็ก้าวไปข้างหน้าสองก้าวแล้วหยิบปืนพกจากการ์ดของบริษัทไอร่อนบลัดและเอาปืนจ่อที่หน้าผากของเจียงหมิงโดยตรงแล้วตะโกนว่า “คุณเชื่อไหมว่าผมสามารถฆ่าคุณได้ตอนนี้เลย”
“ถ้าคุณกล้าก็ยิงซะสิ..แต่คุณต้องคิดให้ดีนะว่าคุณจะหลบหนีไปได้ไหน” เจียงหมิงพูดต่อ “ผมเป็นบุคลากรของเขตทหารเมืองหลวงเพราะงั้นคุณต้องคิดให้รอบคอบนะว่าถ้าคุณฆ่าผมคุณก็จะถูกเขตทหารปักกิ่งทั้งเขตไล่ล่า..แบบนั้นคุณไหวเหรอ?”
เย่เชียนพูดอย่างเย้ยหยันว่า “คุณคิดเยอะเกินไป..คุณเป็นแค่รองผู้บัญชาการกองร้อยเพราะงั้นพวกตาแก่ของเขตทหารคงจะไม่โง่พอที่จะมาเผชิญหน้ากับผมเพื่อชีวิตของเบี้ยล่างอย่างคุณหรอก..ถ้าไม่เชื่องั้นก็ลองโทรไปรายงานแล้วบอกว่าคนชื่อเย่เชียนกำลังจะฆ่าคุณสิ..แล้วมาดูกันว่าพวกเขาจะพูดอะไร”
เจียงหมิงก็ขมวดคิ้วเพราะเขาอยู่ที่นี่มาวักระยะหนึ่งแล้วและเขาก็ชัดเจนมากเพราะคนที่ได้ยศจอมพลในวัยหนุ่มเช่นนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าเขามีความแข็งแกร่งและความสามารถที่เพียงพอ ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าเบื้องบนจะพูดอะไรเมื่อเย่เชียนฆ่าเขา ซึ่งสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่นี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าการตบหน้าตัวเองเพราะความโกรธชั่วขณะของเขา แต่ในเมื่อเย่เชียนพูดแบบนี้แล้วเจียงหมิงก็ถึงกับตกตะลึงและไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
“เย่เชียน!..นายสัญญากับฉันเอาไว้แล้วหนิ” จ้าวกังรีบก้าวไปข้างหน้าและเดินไปขวางเย่เชียนแล้วพูด
เย่เชียนก็ส่งปืนให้การ์ดของบริษัทไอร่อนบลัดที่อยู่ข้างๆ หลังจากถอนหายใจเบาๆ แล้วเย่เชียนก็พูดว่า “ผมจะปล่อยให้พี่จัดการทุกอย่างก็แล้วกัน” จากนั้นเขาก็มองไปที่เจียงหมิงอีกครั้งแล้วพูดว่า “จำเอาไว้ว่าเย่เชียนคนนี้รู้จักคุณและจะจับตามองคุณอยู่เสมอ..ตราบใดที่คุณคุกคามพี่ใหญ่ของผมล่ะก็ผมจะฝังคุณทั้งเป็นทันที..แล้วก็อย่าพูดอะไรที่มันโออ่าเกินจริงอย่างการที่คุณอยู่ในเขตทหารของเมืองหลวงและอยู่ในระดับรองผู้บัญชาการกองร้อยอีกล่ะ..เพราะถึงแม้ว่าคุณจะเป็นถึงผู้บัญชาการกองพันหรือผู้บัญชาการเหล่าทัพก็ตามแต่ถ้าหากผมไม่ต้อนรับคุณถึงยังไงคุณก็จะถูกกำจัดอยู่ดี”
ในเมื่อจ้าวกังได้ขอเอาไว้ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่คิดที่จะทำอะไรตั้งแต่แรกแล้ว ซึ่งเจียงหมิงคงจะไม่โง่พอที่เขาจะตกหลุมพรางไปเพราะคำพูดของเย่เชียนจนทำให้เย่เชียนโมโห ดังนั้นสิ่งที่เจียงหมิงต้องทำก็คือการหุบปากไปอย่างเชื่อฟังและไม่พูดอะไรอีกนั่นเอง
“เจียงหมิงฉันขอโทษที่ทำให้นายต้องเดือดร้อน..ตอนนี้งานศพของพ่อก็จบลงแล้วเพราะงั้นฉันจะกลับไปพร้อมกับนาย” จ้าวกังพูดขณะที่เขายื่นมือออกมา
แน่นอนว่าทหารเหล่านั้นไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าและจับกุมจ้าวกังจริงๆ แต่ใครจะรู้ล่ะว่าสิ่งที่จ้าวกังพูดนั้นเป็นความจริง? หากในกรณีที่จ้าวกังพูดแต่มันเป็นแค่ฉากบังหน้าเท่านั้นแล้วถ้าหากพวกเขาไปจับกุมจ้าวกังแล้วพวกเขาจะไม่ถูกทำร้ายอีกหรือ? นอกจากนี้จ้าวกังมักจะทำดีกับพวกเขาเสมอและพวกเขาก็ยังเคารพจ้าวกังอย่างมากด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงรู้พฤติกรรมของจ้าวกังเป็นอย่างดีและนั่นทำให้พวกเขาไม่อยากที่จะจับกุมจ้าวกัง แต่ผู้รับผิดชอบคำสั่งของปฏิบัติการนี้คือเจียงหมิงและสิทธิ์ในการออกคำสั่งนั้นก็เป็นของเจียงหมิง
เจียงหมิงนั้นก็ถือว่ามีไหวพริบเช่นกันเพราะเนื่องจากจ้าวกังมีทัศนคติเช่นนี้เขาจึงไม่กล้าทำอะไรมากนักเพราะท้ายที่สุดเขาก็ยังอยู่ภายใต้เขี้ยวเล็บของเย่เชียนและมันคงไม่ดีที่จะทำให้เย่เชียนโกรธอีกครั้ง หลังจากหยุดไปชั่วขณะเจียงหมิงก็พูดว่า “ไม่เป็นไรเพราะฉันเชื่อว่านายจะไม่หลบหนี..แต่อย่ามาโทษฉันล่ะเพราะนี่เป็นคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาและฉันก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น”
จ้าวกังก็ยิ้มเบาๆ แล้วพูดว่า “ฉันรู้เพราะงั้นนายทำตามหน้าที่เถอะ..ฉันรู้ด้วยว่าครั้งนี้ฉันทำผิดพลาดอย่างร้ายแรง..ฉันเกรงว่าในอนาคตฉันจะไม่สามารถเป็นผู้นำได้อีกเพราะงั้นฉันต้องฝากนายด้วย..ว่าแต่นายจำตอนที่เราเกณฑ์ทหารกันได้มั้ย? ..ตอนนั้นน่ะใครๆ ก็ไล่ตามหลังเราแต่เราไต่เต้าขึ้นทีละก้าวอย่างคาดไม่ถึงแต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่ามีแค่เราสองคนที่แย่งตำแหน่งกัน..ฉันเสียใจเพราะฉันควรยอมแพ้ไปเพราะไม่ว่าในแง่ของทฤษฎีทางทหารหรือความรู้ทางการทหารนั้นฉันเองก็ด้อยกว่านายทุกเรื่อง..ฉันน่ะไม่ได้หวังให้ผู้บังคับบัญชาเลือกฉันเลย..ฉันขอโทษจริงๆ เจียงหมิง”
เจียงหมิงก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งและร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว หลังจากหยุดไปชั่วขณะเจียงหมิงจึงพูดว่า “ทำไมล่ะ? ..นายสงสารฉันงั้นเหรอ..ในเมื่อพวกเราต้องแข่งขันกันและนายเองก็มีคุณสมบัติเป็นผู้นำที่โดดเด่นเพราะงั้นผู้บัญชาการจึงเลือกนาย..ฉันเองก็รู้ดีว่าฉันแพ้นายแต่สักวันหนึ่งฉันจะปีนขึ้นไปเพราะฉันไม่มีทางที่จะแพ้นายไปตลอดหรอก”
“ทั้งร่างกาย..จิตใจ..สติปัญญา..ฉันแพ้นายตรงไหน..นายก็แค่โชคดี..แต่โชคคงไม่เข้าข้างนายเสมอไปหรอก..เพราะงั้นไม่ช้าก็เร็วฉันจะเอาชนะนายให้ดู” เจียงหมิงพูด
“ฉันเองก็เชื่อว่ามันต้องมีวันนั้นเหมือนกัน..ตอนนี้ก็โอกาสแล้วไม่ใช่หรือไงเพราะฉันทำผิดพลาดครั้งใหญ่แบบนี้เบื้องบนคงจะไม่ยกโทษให้ฉันอย่างแน่นอน..ตอนนี้ฉันแค่หวังว่าความเป็นพี่น้องและมิตรภาพระหว่างเราจะจางหายไป..ฉันขอแค่อย่างเดียวอย่าทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนของเราต้องพังลงเพราะเรื่องนี้เลย” จ้าวกังพูด “ฉันรู้ว่านายน่ะเป็นคนไปบอกหัวหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่ฉันไม่โทษนายหรอก..นายทำถูกแล้ว”
เจียงหมิงก็ตกตะลึงและจ้องมองที่จ้าวกังด้วยความประหลาดใจเพราะเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้คาดหวังว่าจ้าวกังจะพูดเรื่องแบบนี้ในเวลานี้ ซึ่งเมื่อดูจากการแสดงออกของจ้าวกังแล้วจะเห็นได้ชัดว่าเขาพูดออกมาจากใจและไม่ได้เสแสร้งหรือประจบประแจงตัวเองอย่างหน้าซื่อใจคด ซึ่งในตอนนี้เจียงหมิงเห็นแล้วว่าจ้าวกังนั้นใส่ใจเกี่ยวกับมิตรภาพระหว่างพวกเขาและมองเขาเป็นสหายจริงๆ ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาเขาก็รู้มาตลอดแต่กลับมองไม่เห็นมันจนตำแหน่งและลาภยศทำให้เขาต้องสู้กับจ้าวกังอย่างไม่หยุดยั้งโดยมีจุดประสงค์เพื่อพิสูจน์ว่าเขาแข็งแกร่งกว่าจ้าวกังและเขาจะไม่แพ้คนอย่างจ้าวกังที่เป็นชายหนุ่มผู้ที่ไม่มีอำนาจและอิทธิพลอะไรเหมือนกับคนธรรมดา
ตอนนี้เจียงหมิงได้ยินคำพูดที่จริงใจของจ้าวกังเช่นนี้แล้วเจียงหมิงจึงรู้สึกผิดอย่างมากเพราะเพื่อประโยชน์แห่งอำนาจเช่นนั้นเขากลับละทิ้งมิตรภาพที่มากกว่าสิบปีจริงๆ หรือ? และกลับไปรายงานสิ่งต่างๆ ของจ้าวกังลับหลังแล้วแบบนี้เขายังเป็นมนุษย์อยู่อีกหรือเปล่า? ในขณะที่เขาสนับสนุนให้จ้าวกังทำตามที่ใจอย่างเพื่อหลบหนีออกมาจากค่ายทหารนั้นเขากลับไปหาหัวหน้าเพื่อรายงานสิ่งต่างๆ และไม่มีอะไรมากไปกว่าการปล่อยให้จ้าวกังทำผิดพลาดอย่างร้ายแรงและตัดอนาคตของจ้าวกังทิ้งไป เมื่อเปรียบเทียบกับจ้าวกังในตอนนี้แล้วเจียงหมิงก็รู้สึกว่าเขาสกปรกและน่ารังเกียจเกินไปในฐานะเพื่อน ในตอนนี้เขาคิดแค่ว่าคนอย่างเขาไม่คู่ควรที่จะเป็นสหายและเพื่อนของจ้าวกังและไม่คู่ควรที่จะต่อสู้กับคนอย่างจ้าวกังเลย
“จ้าวกัง!..ฉันขอโทษ” เจียงหมิงพูดแล้วก็จับไหล่ของจ้าวกังจากนั้นก็พูดว่า “ทุกอย่างเป็นความผิดของฉันเอง..ฉันมันเป็นเพื่อนที่เลวมาก!..ฉันไม่เคยมองเห็นมิตรภาพหลายปีที่ผ่านมาเลยมันเจ็บปวดจริงๆ ..ฉันรู้สึกละอายใจจริงๆ ฉันขอโทษ..ฉันมันเลว”
เมื่อคำพูดนั้นจบลงเจียงหมิงก็ตบตัวเองสองครั้งเสียงดังและรุนแรงมากจนรอยฝ่ามือสองรอยก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาทันทีและแก้มที่บวมแต่เดิมของเขาก็บวมขึ้นกว่าเดิม เมื่อเห็นเช่นนั้นจ้าวกังจึงรีบคว้ามือของเจียงหมิงเพื่อหยุดเขาเอาไว้จากนั้นก็ตบไหล่ของเจียงหมิงเบาๆ แล้วพูดว่า “เราเป็นเพื่อนกัน..เพราะงั้นมันไม่มีอะไรที่เราแก้ไขไม่ได้หรอก..สำหรับนายแล้วเรายังเพื่อนกันอยู่ไหม..ถ้าใช่ก็หยุดทำแบบนี้แล้วพาตัวฉันกลับไป..แต่สัญญากับฉันหน่อยว่านายจะดูแลพี่น้องเหล่านี้ให้ดีในอนาคต!”
“นายไม่ต้องกังวลไปเพราะไม่ว่าฉันจะต้องสละทุกอย่างที่มีฉันก็จะไม่ยอมให้เบื้องบนลงโทษนาย..ฉันจะไม่ยอมให้หัวหน้าทำอะไรนาย..อีกอย่างนายเองก็ทำได้ดีมาโดยตลอดเพราะงั้นฉันก็คิดว่าหัวหน้าคงจะยอมปล่อยเรื่องนี้ไปสักครั้ง..นายจะไม่เป็นอะไร!” เจียงหมิงพูดอย่างแน่วแน่
จ้าวกังก็ยิ้มอย่างแผ่วเบาและพูดว่า “นายก็น่าจะรู้ดีกว่าฉันว่าความผิดนี้มันเป็นสิ่งที่ร้ายแรงอย่างมากในกองทัพ..เพราะงั้นความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวมันก็ทำให้เราไม่มีวันหันหลังกลับไปได้..ถึงยังไงฉันก็ไม่เสียใจเลยเพราะฉันเลือกแล้ว”
“พี่ใหญ่ไม่ต้องกังวลไปหรอก..เพราะจะไม่มีใครทำอะไรพี่ได้” เย่เชียนเดินไปตบบ่าของจ้าวกังเบาๆ แล้วพูด จากนั้นเขาก็หันไปหาเจียงหมิงแล้วพูดว่า “ผมเตรียมเฮลิคอปเตอร์เอาไว้ให้คนของคุณแล้วเพราะงั้นไปเถอะ..แต่ผมจะจำเอาไว้ว่าถ้าหากคุณหักหลังพี่ใหญ่ของผมอีกในอนาคตก็อย่ามาโทษผมที่ไร้ความปรานีล่ะ..ไม่ใช่ว่าผมพูดเกินจริงแต่ผมสามารถฆ่าคุณได้ทุกเมื่อ”
“ไม่หรอก..หลายปีที่ผ่านมานี้ผมโง่เกินไป..แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว..ยศถาบรรดาศักดิ์ไร้สาระอะไรมันก็สำคัญเท่ามิตรภาพและคำว่าเพื่อนอีกต่อไปแล้ว” เจียงหมิงพูด
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มและตบบ่าของเจียงหมิงเบาๆ
.
.
.
.
.
.
.