ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 596 ลุง
ตอนที่ 596 ลุง
ลมหนาวพัดโหมกระหน่ำและหิมะที่ตกลงมาทุกหนทุกแห่งจนเมืองทั้งเมืองดูเหมือนจะจมดิ่งสู่โลกที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน
ท่ามกลางฤดูหนาวอันหนาวเหน็บนั้นมีชายหนุ่มอยู่คนหนึ่งที่กำลังสูบบุหรี่ขณะที่ขับรถคลาสสิกอยู่บนถนนในเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นอย่างสบายๆพร้อมกับฮัมเพลงเบาๆเป็นครั้งคราว
ชายหนุ่มคนนี้มีรอยแผลเป็นที่ใบหน้าซึ่งเห็นได้ชัดเป็นพิเศษและมันไม่ได้ทำให้เขาดูน่าเกลียดแต่กลับทำให้ชายหนุ่มคนนี้ดูมีเสน่ห์อย่างมาก ซึ่งชายคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าที่มาฉายานามว่าราชาหมาป่าเย่เชียน
**************************************************
หลังจากมองเจียงหมิงพาจ้าวกังขึ้นเฮลิคอปเตอร์และออกจากบริษัทรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดไปในวันนั้นเสร็จเย่เชียนก็จากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำและเขาก็ไม่ได้บอกลาใครเลยรวมทั้งสมาชิกเขี้ยวหมาป่าด้วย ทั้งซ่งหลันและผู้หญิงคนอื่นๆก็เช่นกัน เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้พวกเขาตามหาตัวเองได้เย่เชียนจึงจงใจปิดโทรศัพท์มือถือของเขาและเลือกไปยังประเทศญี่ปุ่นที่องค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าและเครือน่านฟ้ากรุ๊ปไม่มีอำนาจในที่แห่งนี้
เขาแค่อยากจะคิดอะไรอย่างใจเย็นและคิดเกี่ยวกับชีวิตและอนาคตโดยการพักผ่อนและปรับตัวไปกับสิ่งต่างๆ ซึ่งเย่เชียนนั้นเริ่มทนไม่ไหวกับร่างกายและสมองที่ตึงเครียดมานานหลายปีแล้ว ดังนั้นหากเขาไม่ได้ผ่อนคลายล่ะก็สักวันหนึ่งเขาอาจจะต้องล้มลง
ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะอยู่ห่างไกลแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกและสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศจีน เขานั้นใส่ใจกับทุกสิ่งอย่างเงียบๆและเขายังสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ในการฝึกศิลปะการต่อสู้โบราณ ซึ่งเมื่อไหร่ที่เขาก้าวออกจากการจำศีลในครั้งนี้ล่ะก็เมื่อนั้นมันจะต้องเกิดพายุลูกใหญ่อีกครั้งเป็นแน่
รถกำลังขับอย่างช้าๆและในทันใดนั้นรถสปอร์ต BMW ก็ขับตีคู่เข้ามาซึ่งในรถเป็นเด็กสาวคนหนึ่งซึ่งดูเหมือนเธอเป็นเพียงแค่วัยรุ่น เธอนั้นมีผมสีบลอนด์ดวงตาสีฟ้าและจมูกโด่ง ซึ่งเธอดูเหมือนจะกำลังประหลาดใจอยู่ราวกับว่าเด็กสาวไม่ค่อยเห็นรถคลาสสิกแบบนี้เพราะเมื่อเธอขับผ่านรถของเย่เชียนเธอก็หันมาแล้วพูดว่า “หือ..นี่มันรถอะไรกันเนี่ย” แต่เนื่องจากหน้าต่างปิดอยู่เย่เชียนจึงไม่ได้ยิน เย่เชียนก็เลยเหลือบมองเธออย่างไม่ใส่ใจ
หลังจากที่รถสปอร์ต BMW ขับผ่านรถคลาสสิกของเย่เชียนไปมันก็หยุดอีกครั้งและหลังจากที่รถของเย่เชียนขับไปถึงด้านข้างจู่ๆเด็กสาวก็ลดกระจกลงและตะโกนเรียกว่า “ลุง..นี่ลุงได้รถคันนี้มาจากไหนเนี่ย..มันเข้ากับลุงจริงๆ”
ความหมายในคำนั้นชัดเจนเพราะมีการล้อเล้นและเย้ยหยันเล็กน้อย ซึ่งเย่เชียนก็เหลือบมองเด็กสาวแล้วยิ้มจางๆเพราะผู้คนในยุค 70 ถึง 90 นั้นจะรู้จักมันเป็นอย่างดีแต่ถ้าหากเป็นคนรุ่นใหม่จะไม่สามารถเข้าใจมันได้เลย อย่างไรก็ตามคนเหล่านี้มักจะมองข้ามความเป็นจริงเสียมากกว่า ซึ่งเด็กสาวไม่รู้เลยว่าราคารถคลาสสิกของเย่เชียนนั้นแพงกว่ารถสปอร์ต BMW ของเธออย่างมาก
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างแผ่วเบาและพูดว่า “ว่าไงหลานสาวอยากลองขับดูหน่อยไหมล่ะ?”
เด็กสาวก็ถึงกับตกตะลึงและอึ้งไปครู่หนึ่งเพราะเธอไม่คาดคิดว่าเย่เชียนจะไม่ได้โกรธเท่านั้นแต่เขายังเรียกเธอว่าเป็นหลานสาวอีกด้วย “เอาสิ!” เด็กสาวนั้นไม่กลัวเลยเธอจึงเปิดประตูรถตัวเองแล้วเดินลงไปจากนั้นเข้าไปในรถของเย่เชียนและนั่งลงข้างๆเย่เชียนจากนั้นก็มองไปรอบๆแล้วพูดว่า “หือ..ข้างในมันดูดีมาก!..ลุงได้รถคันนี้มาจากไหน?”
“มันเป็นรถคลาสสิคจากสมัยก่อนสำหรับนักสะสมน่ะ..ฉันซื้อมันมาจากนักสะสมที่รู้จัก” เย่เชียนพูด
“เดี๋ยวก่อน!..ฉันขอโทรไปให้คนมาขับรถของฉันกลับก่อน” เด็กสาวพูดแล้วยิ้มให้เย่เชียนจากนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาแล้วพึมพำๆแล้ววางสายไปจากนั้นเธอก็พูดกับเย่เชียนว่า “เอ่อฉันชื่อเสี่ยวเซียว..แล้วลุงล่ะ?”
“เสี่ยวเซียวที่แปลว่าเจ้าตัวเล็กน่ะเหรอ?” เย่เชียนพึมพำจากนั้นก็มองเธอจากหัวจรดเท้าแล้วพูดว่า “ชื่อนี้ไม่เหมาะกับเธอเลย”
“พวกโรคจิต!..ชาวญี่ปุ่นเป็นแบบนี้ทุกคนเลยงั้นเหรอ?” เสี่ยวเซียวพูด
“ชาวญี่ปุ่น?..ฉันคิดว่าเธอคงจะเข้าใจอะไรผิดไปนะเพราะฉันไม่ใช่คนญี่ปุ่น..ฉันเป็นคนจีน!..เธอคิดได้ยังไงว่าฉันเป็นคนญี่ปุ่นเพราะฉันทั้งหล่อและมีเสน่ห์มากขนาดนี้เธอจะเอาฉันไปเปรียบเทียบกับคนญี่ปุ่นเหล่านั้นได้ยังไง?” เย่เชียนก็ไม่ลังเลที่จะชมตัวเอง
เสี่ยวเซียวกลอกตาไปมาและพูดว่า “ลุงก็กล้าชมตัวเองเนอะ..แต่ฉันชอบประเทศจีนมากเพราะแม่ของฉันเป็นคนจีน..เธอมักจะบอกฉันเกี่ยวกับประเทศจีนและแม่ของฉันก็ตั้งชื่อของฉัน..ฉันน่ะได้ยินมาว่าคนจีนทุกคนรู้จักบรูซลีและกังฟูใช่มั้ย?”
เย่เชียนก็ถึงกับผงะจากนั้นเขาก็หัวเราะเพราะถึงแม้ว่าบุคลิกของเด็กสาวคนนี้จะดูเกรี้ยวกราดแต่เธอก็เป็นกันเองอย่างมากและไม่มีเล่ห์เหลี่ยมหรือเสแสร้งใดๆซึ่งเย่เชียนชอบคนประเภทนี้ “มีคนจำนวนมากในประเทศจีนที่เรียนศิลปะการต่อสู้แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นเหมือนบรูซลีหรอกนะ..อย่างศิลปะการต่อสู้ของฉันคนนี้ก็เก่งกว่าบรูซลีอีก” เย่เชียนพูด
“เหรอ!” เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวเซียวไม่เชื่อเพราะว่าในสายตาของชาวต่างชาติอย่างพวกเธอนั้นบรูซลีเป็นดั่งตัวแทนของศิลปะการต่อสู้ของจีนและดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสามารถเหนือกว่าบรูซลีไปได้ ถึงแม้ว่าบรูซลีจะจากไปหลายปีแล้วแต่อิทธิพลของเขาในต่างประเทศก็ยังคงอยู่เพราะเขาได้ส่งเสริมกังฟูจีนไปสู่ทั่วโลกอย่างสมบูรณ์แบบ
“ว่าแต่ฉันยังไม่รู้จักชื่อของุลเลย..ลุงชื่ออะไร” เสี่ยวเซียวถามอย่างสงสัย
“เย่เชียนที่แปลว่าอ่อนน้อมถ่อมตน” เย่เชียนพูด
“ไม่ว่าฉันจะมองยังไงลุงก็ไม่เห็นจะถ่อมตัวเลย” เสี่ยวเซียวพูดต่อ “ตอนแรกฉันคิดว่าลุงเป็นคนญี่ปุ่นซะอีกฉันไม่คิดเลยว่าลุงจะเป็นคนจีน”
“ทำไมเธอถึงคิดว่าฉันเป็นคนญี่ปุ่นล่ะ?” เย่เชียนถามอย่างสงสัย
“ก็ลองเดาดูสิว่าทำไม..ที่นี่มันประเทศอะไร” เสี่ยวเซียวยิ้มอย่างมีความสุขและพูดด้วยรอยยิ้ม
ความอยากรู้อยากเห็นของเย่เชียนก็หายไปในทันทีและเขาก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า “เธอเกลียดคนญี่ปุ่นขนาดนั้นเลยหรอ..ทำไมล่ะ?”
“ก็ฉันมาเรียนที่นี่แต่พวกนักเรียนและอาจารย์ที่นี่ช่างน่าสมเพชเพราะพวกเขามักจะคิดว่าพวกเขาหล่อเหลาและต้องการหลับนอนกับฉัน..โถ่เอ๊ยไอ้พวกโง่คิดว่าฉันจะหลอกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสี่ยวเซียวพูดอย่างภาคภูมิใจ “แต่เอาจริงๆนะลุง..ฉันคิดว่าลุงน่ะหล่อกว่าคนญี่ปุ่นเยอะเลยโดยเฉพาะแผลเป็นบนหน้าของลุงน่ะโคตรเท่เลย..ว่าแต่ลุงช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าลุงมาทำอะไรที่นี่?”
“ฉันน่ะเหรอ..ฉันก็แค่ทำธุรกิจเล็กๆและฉันก็มักจะมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเมื่อมีเวลา” เย่เชียนพูดอย่างง่ายๆสบายๆ ถึงแม้ว่าเด็กสาวคนนี้จะพูดมากแต่เย่เชียนก็ยังคงชอบนิสัยที่ตรงไปตรงมาของเธอและที่สำคัญกว่านั้นเธอก็ยังพูดออกมาตรงๆว่าเธอเกลียดชาวญี่ปุ่นดังนั้นเย่เชียนจึงพอใจไปกับสิ่งนี้มาก เขาจึงคิดว่าเขากับเธอนั้นเหมือนกันอย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ยังคงรู้สึกขมขื่นเล็กน้อยเพราะเด็กคนนี้เรียกเขาว่าลุงซึ่งเขาก็คิดในใจว่าเขาดูแก่ขนาดนั้นจริงๆหรือ?
เมื่อเห็นเด็กสาวคนนี้แล้วเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเย่หลินเพราะนิสัยของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนั้นค่อนข้างที่จะเปิดเผยและกล้าแกร่งแบบนี้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเย่หลินนั้นมีความคิดที่สูงกว่าเด็กทั่วไป ซึ่งผ่านมาปีกว่าแล้วพวกเขาเหล่านั้นคงจะเป็นห่วงตนมากใช่ไหม? เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ
“ลุงจะถอนหายใจทำไม..มันคงไม่ใช่วัยหมดไฟหรือวัยทองอะไรแบบนั้นใช่มั้ย?” เสี่ยวเซียวเหลือบมองเย่เชียนแล้วพูด
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “ไม่ๆ..ฉันแต่นึกถึงเรื่องต่างๆมากมายน่ะ..บางครั้งฉันเองก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงมัน”
“ห๊ะ..ลุงมีลูกแล้วหรอ..อย่าบอกนะว่าพอลุงเห็นฉันแล้วลุงก็เลยนึกถึงลูกสาวน่ะ..โอ้พระเจ้า!..ลุงแต่งงานมานานแค่ไหนแล้วล่ะ..ลุงไม่มีความสุขกับมันเลยหรอ..ลุงควรจะมีความสุขกับเด็กๆสิเพราะมันเป็นช่วงเวลาที่ดีนะ..ลุงจะเบื่อชีวิตเร็วขนาดนี้ได้ยังไง” เสี่ยวเซียวพูดอย่างเป็นตุเป็นตะจากนั้นเธอก็ตบไหล่ของเย่เชียนเบาๆ “เอาเถอะคิดซะวันนี้ลุงโชคดีแล้วเพราะฉันจะพาลุงไปที่ที่สนุก..ฉันจะทำให้ลุงสนุกจนลืมเรื่องเครียดๆไปเลยไม่ต้องกังวล”
“จริงเหรอ?..มันมีที่แบบนั้นจริงๆเหรอ..เอาสิลองพาฉันไปหน่อยเพราะฉันเองก็อยากรู้จริงๆว่าชีวิตหลังยุค 90 ของพวกเธอมันเป็นยังไงกันแน่..ฉันจะได้ตามทันยุคสมัยของพวกเธอ” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม
“ได้สิ!..ถึงลุงจะดูแก่ไปหน่อยแต่ลุงก็แต่งตัวดูเป็นวัยรุ่นดี..เดี๋ยวฉันจะช่วยลุงเอง” เสี่ยวเซียวพูด “ไปกันเถอะ..เลี้ยวซ้ายที่ทางแยกข้างหน้าจากนั้นก็ตรงไปเรื่อยๆ”
เย่เชียนทำตามคำแนะนำของเด็กสาวแล้วขับไปตามทางอย่างช้าๆ ซึ่งเด็กคนนี้ดูเหมือนจะไม่ระมัดระวังตัวเลยเพราะเธอเพิ่งจะเคยพบกับเย่เชียนครั้งแรกแต่เธอกลับเล่าเรื่องของเธอมากมายให้เย่เชียนฟัง รวมไปถึงวีกรรมที่เธอแอบถ่ายภาพชุดชั้นในของอาจารย์สาวเมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็กแล้วนำมันไปประมูลในเว็บบอร์ดและวิธีที่เธอใช้จัดการกับอาจารย์และนักเรียนที่ไล่ตามจีบเธอจนเย่เชียนตกตะลึงและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เสี่ยวเซียวนั้นยังคงถามถึงเรื่องของเย่เชียนโดยขุดลึกลงอย่างมาก อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็บอกไปแค่ว่าเขาเป็นทหารผ่านศึกเพราะเขาจะบอกเรื่องของตัวเองกับเธอง่ายๆเช่นนี้ได้อย่างไร เขาก็แค่ตอบอย่างไร้สาระและบางครั้งก็พูดเรื่องที่ไม่สำคัญบ้าง
เย่เชียนนั้นมักจะเบื่อหน่ายในยามว่างจริงๆแต่เมื่ออยู่กับสาวน้อยคนนี้ที่ค่อนข้างน่ารักย่าเอ็นดูแล้วเย่เชียนก็ดูเหมือนจะลืมความกังวลก่อนหน้านี้ของเขาไปแล้ว ซึ่งการฟังเสียงที่จู้จี้จุกจิกของเธอนั้นทำให้เย่เชียนหัวเราะจนทนไม่ไหว ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่ปฏิเสธที่จะใช้เวลาว่างเหล่านี้อยู่เล่นกับเด็กสาวคนนี้
“ที่นี่ไง..หยุดๆ!” เสี่ยวเซียวพูดซ้ำๆ
เย่เชียนก็รีบเหยียบเบรกหยุดรถและมองขึ้นไปเห็นว่ามันเป็นไนต์คลับซึ่งเย่เชียนก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นเขาก็เปิดประตูรถแล้วเดินออกไป ซึ่งเสี่ยวเซียวนั้นไม่สงวนตัวเลยเพราะเธอควงแขนของเย่เชียนและเอนหัวลงบนไหล่ของเย่เชียนจากนั้นเธอก็พูดว่า “ไปกันเถอะ!”
“นี่เธอกำลังพยายามจะยั่วยวนฉันงั้นเหรอ..เธอไม่กลัวว่าฉันอยากทำอะไรบางอย่างกับเธอเหมือนสัตว์ร้ายน่ะ?” เย่เชียนถามพลางเหลือบมองไปที่หน้าอกของเด็กสาวที่ควงแขนของเขาอยู่แล้วพูด
.
.
.
.
.
.
.