ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 597 การแข่งขันที่ไร้สาระ
ตอนที่ 597 การแข่งขันที่ไร้สาระ
ความเงียบงันไม่ได้หมายความว่าความทะเยอทะยานกำลังจะจางหายไปแต่มันหมายความว่าพายุลูกใหญ่กำลังจะมา ซึ่งหลังจากที่เย่เชียนเดินทางตามลำพังมานานกว่าหนึ่งปีเย่เชียนก็ได้ฝึกฝนจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาให้ถึงขีดสุดและตราบใดที่ถึงเวลาอันควรมันก็จะมีการต่อสู้ที่ดุเดือดเกิดขึ้นเมื่อนั้น
เป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้วที่เย่เชียนคิดอย่างชัดเจนว่าเขาเป็นผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าผู้มีฉายานามว่าราชาหมาป่าเย่เชียน ดังนั้นเขาต้องรับผิดชอบต่อชะตากรรมของพี่น้องเขี้ยวหมาป่าและครอบครัวของพวกเขาด้วยเพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเย่เชียนก็ไม่สามารถผ่อนคลายได้เพราะเขาต้องทำตามแผนเดิมและทำตามที่เขาพูดก่อนหน้านี้เพื่อนนำองค์กรทหารรับจ้างไปสู่จุดสูงสุดของอำนาจ นั่นก็เพราะว่านี่คือโลกที่กินเลือดกินเนื้อและถ้าหากใครไม่อยากถูกกลืนกินเขาก็ต้องกินคนอื่นแทน
ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้เย่เชียนก็เป็นพ่อคนแล้วและไม่เพียงแต่เขาแบกรับอนาคตของผู้หญิงจำนวนมากเท่านั้นแต่เขายังมีลูกถึงสองคนซึ่งคนแรกคือเย่หลินและอีกคนคือเย่ห่าวหราน
ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาเย่เชียนใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวแลกลาขาดจากโลกภายนอกโดยไม่มีการติดต่อกับคนอื่นๆเลย แต่ครั้งนี้ที่เย่เชียนมากับเด็กสาวก็เพื่อคลายความเบื่อหน่ายของเย่เชียนแต่สิ่งนี้ยังยืนยันจุดหนึ่งทางอ้อมนั่นก็คือเย่เชียนได้ปรับทัศนคติของเขาและพร้อมที่จะออกมาสู่โลกความเป็นจริง
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เชียนเสี่ยวเซียวก็ก้มหน้าลงจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองเย่เชียนแล้วพูดว่า “โถ่ลุง!..ลุงไม่เห็นเหรอว่าลุงอายุมากแล้วแต่ยังจะพูดเรื่องแบบนี้อยู่อีก..ฮ่าๆ..สัตว์ร้ายงั้นหรอ?..สมมติว่าลุงเป็นสัตว์ร้ายแล้วถ้าลุงกล้าฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกเพราะลุงหล่อกว่าหลายๆคนที่ฉันเจอมา..แต่ฉันเกรงว่าลุงคงจะแก่เกินไปที่จะทำเรื่องแบบนั้นน่ะสิ”
เย่เชียนกลอกตาไปมาและพูดว่า “หึ..พูดไปเถอะ..ฉันไม่อยากที่จะต่อร้องต่อเถียงกับเธอ..ถ้าเธอไม่เชื่อฉันล่ะก็รอก่อนเถอะเดี๋ยวเธอจะต้องขอความเมตตาในภายหลังอย่างแน่นอน” ทันทีที่เขาพูดจบเย่เชียนก็ขมวดคิ้วและเขาก็หยุดเดินอย่างกะทันหัน
“เกิดอะไรขึ้นหรอลุง..ทำไมถึงหยุดกะทันหันแบบนี้ล่ะ..อย่าบอกนะว่าลุงไม่กล้าเข้าไป” เสี่ยวเซียวพูด
“ไม่มีอะไรฉันแค่นึกถึงอะไรบางอย่าง..ไปกันเถอะ!” หลังจากพูดจบเย่เชียนก็เดินตรงเข้าไปในไนต์คลับ ซึ่งเมื่อครู่นี้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีใครบางคนกำลังสะกดรอยตามเขามาและตั้งแต่ที่เขาเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นก็มีคนแอบดูสืบเขาอยู่อย่างลับๆแต่เย่เชียนแสร้งทำเป็นไม่รู้อยู่เสมอ เพราะในฐานะผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าที่เป็นนักรบที่มีประสบการณ์การต่อสู้ผ่านความตามมาหลายครั้งจึงทำให้เขามองเห็นและรับรู้ถึงอันตรายได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้ด้วยความก้าวหน้าของศิลปะการต่อสู้โบราณในปีที่ผ่านมาจึงทำให้ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเย่เชียนแข็งแกร่งอย่างมาก ดังนั้นด้วยเหตุนี้จะมีคนที่คลาดสายตาของเขาไปได้อย่างไร?แต่เย่เชียนก็ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูกับเขาหรือเปล่า
หลังจากมาถึงห้องส่วนตัวVIPเย่เชียนก็ตกตะลึงทันทีที่เขาเปิดประตูเข้าไปเพราะเขาเห็นเด็กหนุ่มและเด็กสาวที่มีสีผิวต่างกันมารวมตัวกันที่ห้องส่วนตัวเพื่อดื่มเหล้าและฉากนั้นก็ดูบ้าคลั่งอย่างมากจนเย่เชียนเวียนหัวและแอบร้องไห้ในใจ ‘เห้อ..เทียบกับฉันแล้วฉันคงเป็นเด็กดีมากเลยสินะ..ดูสิเด็กๆสมัยนี้เขาเล่นอะไรบ้าๆบอๆกันแบบนี้จริงๆเหรอ?”
เมื่อเย่เชียนเหลือบมองไปที่เสี่ยวเซียวที่อยู่ข้างๆดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้สึกประหลาดใจอะไรใดๆและในขณะที่ขยับร่างกายของเธอตามเสียงเพลงเธอก็ดึงเย่เชียนเข้าไปในห้อง
เมื่อเห็นเสี่ยวเซียวเข้ามาแล้วเด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่งก็รวมตัวกันทันที ซึ่งพวกเขาน่าจะเป็นคนญี่ปุ่น ซึ่งพวกเขาดูค่อนข้างแข็งกร้าวและเมื่อเห็นพวกเขาเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะคิดอย่างลับๆว่าตอนนี้สาวๆไม่เกรงกลัวอะไรกันเลยหรือไง?
จากนั้นพวกเขาก็มองที่เสี่ยวเซียวแล้วพูดว่า “เสี่ยวเซียวทำไมเธอถึงได้พาลุงมาที่นี่ล่ะ?”
“ทำไม?..เขามาไม่ได้งั้นเหรอ” เสี่ยวเซียวพูด “ฉันเพิ่งรู้จักเขาและเขาก็เป็นปรมาจารย์กังฟูของจีน..ฉันเห็นว่าพวกนายชอบโอ้อวดว่าคาราเต้ของพวกนายน่ะแข็งแกร่ง..เพราะงั้นอยากจะลองสู้กับเขาดูมั้ย?”
เย่เชียนก็ถึงกับผงะจากนั้นก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้เพราะปรากฏว่าเด็กสาวคนนี้จงใจพาเขามาเพื่อใช้เขาเป็นโล่ป้องกันนั่นเอง ซึ่งเมื่อสาวๆได้ยินเช่นนี้พวกเขาก็รีบลุกขึ้นและล้อมเย่เชียนเอาไว้อย่างรวดเร็ว ในความคิดของเย่เชียนนั้นเขาคิดว่าเด็กสมัยนี้ค่อนข้างบ้าสุดโต่งจริงๆ
“เห้อ!” เย่เชียนถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วอยากจะร้องไห้
สาวๆเหล่านี้พวกเธอช่างกล้าและเย่เชียนก็ไม่สงสัยเลยว่าทำไมพวกเธอถึงมาอยู่ในที่แบบนี้
โดยไม่ได้รอให้พูดอะไรใดๆพวกเธอก็ดึงเย่เชียนเข้าไป
เสี่ยวเซียวนั้นถูกสาวๆเหล่านั้นเมินอย่างชัดเจน ซึ่งเย่เชียนก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
เด็กหนุ่มคนอื่นๆก็ดูเหมือนจะไม่คิดว่าจะมีอะไรและพวกเขาก็ไม่คิดว่าเย่เชียนจะแย่งสาวๆไปจากพวกเขา แต่เด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นสองคนกลับมองว่าเย่เชียนนั้นเป็นศัตรูของพวกเขาไปอย่างสิ้นเชิง
เด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่พูดกับเสี่ยวเซียวในตอนแรกก็ชี้ไปที่เย่เชียนแล้วพูดว่า “นี่ลุง..ลุงอายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย..ลุงไหวงั้นเหรอถ้ากลัวก็ออกไปซะ”
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “หืม..พวกเอ็งไม่มั่นใจงั้นเหรอ..เอาแบบนี้ไหมล่ะถ้าใครแพ้จะต้องวิ่งแก้ผ้าออกไปและตะโกนว่า..ฉันมันขี้แพ้..ตลอดทาง” ขณะพูดเย่เชียนก็เหลือบมองเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่น “จะเอายังไงฉันให้พวกเอ็งเลือก..แต่ฉันขอแนะนำให้นายปฏิเสธดีกว่าเพราะถ้าเอ็งแพ้เอ็งจะต้องอับอายไปตลอดชีวิต”
เย่เชียนนั้นจำได้ว่าเขาเคยอ่านรายงานข่าวว่านักศึกษาวิทยาลัยมักจะเบื่อกับการใช้ชีวิตในหอพัก ดังนั้นพวกเขาจึงมักจะออกมาใช้ชีวิตที่สุดโต่งเช่นนี้
เมื่อเย่เชียนพูดออกไปเช่นนี้แล้วเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นจึงไม่มีที่ว่างให้หนีไปไหนเพราะถ้าเขาไม่กล้าแข่งล่ะก็เขาจะถูกเพื่อนๆเย้ยหยันเป็นแน่แล้วเขาจะมีหน้าอยู่ในสังคมในอนาคตได้อย่างไร?
เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้เด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นก็พูดว่า “เอาสิมาสู้กันเลย..ทุกคนที่นี่จะต้องเป็นพยานว่าใครก็ตามที่เป็นคนแพ้จะต้องวิ่งแก้ผ้าออกไปแล้วตะโกนว่า..ฉันมันขี้แพ้!”
“เอาเลย!..เริ่มได้เลย!” เสี่ยวเซียวตะโกนจากด้านข้าง
“เตรียมตัว…!” ด้วยสัญญาณเตือน “เริ่มได้” จากนั้นเสียงเชียร์ก็เริ่มอย่างบ้าคลั่ง
.
.
.
.
.
.
.