ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 603 คุณรวยขนาดนั้นเลยเหรอ
ตอนที่ 603 คุณรวยขนาดนั้นเลยเหรอ
“ฉันโอนเงินเข้าบัญชีของเอ็งแล้ว..ลองตรวจดูซะ!” ทันทีที่มีการเชื่อมต่อสายเสียงของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งด้วยความหดหู่ เพราะเขาถูดเย่เชียนขู่กรรโชกเงินจำนวนมากโดยไม่มีเหตุผลดังนั้นเขาจึงรู้สึกขมขื่นและถึงแม้ว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาตินั้นจะสามารถจัดสรรได้โดยตรงผ่านรัฐบาลกลางก็ตามแต่เงินจำนวนแปดล้านหยวนนั้นก็ไม่ใช่จำนวนเล็กๆน้อยๆเลย ดังนั้นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจึงหดหู่ที่ต้องเขียนรายงานเรื่องนี้
อันที่จริงแล้วเย่เชียนไม่ได้สนใจเรื่องเงินจำนวน 8 ล้านหยวนสักเท่าไหร่เพราะเงินเป็นเพียงตัวเลขสำหรับเย่เชียน ซึ่งเงินของเขาที่มีอยู่นั้นมันก็เพียงพอสำหรับเขาที่จะใช้มันไปตลอดชีวิต ดังนั้นจุดประสงค์ของเย่เชียนในการทำเช่นนี้คือเพื่อเตือนหวงฟู่ชิงเตี๋ยนว่าไม่ควรจะทำเช่นนี้อีกในอนาคตและไม่ส่งคนไปคอยติดตามเขาโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากสิ่งใดมันเป็นสิ่งที่เย่เชียนต้องการจะทำมันก็ไม่มีใครสามารถยับยั้งหรือหยุดเขาได้
“ผมเพิ่งจะบอกลูกน้องของปู่ว่าปู่น่ะเป็นหัวหน้าที่ดีและให้เขาทำงานให้ปู่อย่างซื่อสัตย์เพราะการทำงานกับปู่นั้นเป็นสิ่งที่มีความสุขที่สุด..เพราะงั้นผมเองก็จะให้ความร่วมมือในครั้งต่อไปถ้ามีโอกาส” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมจะไปตรวจเช็คบัญชีและหลังจากนั้นผมจะปล่อยคนของปู่ทันทีที่เห็นว่าเงินถูกโอนเข้าบัญชีของผมแล้ว…อ๋อใช่ผมเกือบลืมไป..ผมจะบอกปู่ว่าไอ้พวกที่เรียกว่ามังกรซ่อนเขี้ยวของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติน่ะไม่มีอะไรมากไปกว่านี้เลย..เพราะงั้นภายในสองปีเขี้ยวหมาป่าของผมจะเหนือกว่ามังกรซ่อนเขี้ยวของพวกปู่!”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปทั้งตัวเพราะเหมือนว่าเขาจะรับรู้อะไรได้บางอย่าง ซึ่งความหมายในคำพูดของเย่เชียนนั้นก็ชัดเจนอยู่แล้วเนื่องจากเขารู้ว่าคนที่ติดตามเขาเป็นถึงสมาชิกของหน่อยมังกรซ่อนเขี้ยวของสำนักความมั่นคงแห่งชาติของจีนและนั่นหมายความว่าเย่เชียนเองก็เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้โบราณเช่นกัน ดังนั้นสิ่งนี้ทำให้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนรู้สึกประหลาดใจอย่างมากเพราะเมื่อหวงฟู่ชิงเตี๋ยนได้พบกับเย่เชียนเมื่อหนึ่งปีก่อนเย่เชียนนั้นไม่มีวี่แววและกลิ่นอายของศิลปะการต่อสู้โบราณเลยและถึงแม้ว่าจะมีพลังงานที่ชั่วร้ายแปลกๆในร่างกายของเขาก็ตามแต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะจัดการกับหน่วยมังกรที่ซ่อนเขี้ยวของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของจีนอย่างแน่นอน แต่ทว่าตอนนี้เย่เชียนกลับสามารถเอาชนะหนึ่งในสมาชิกมังกรซ่อนเขี้ยวได้อย่างง่ายดายนั่นก็แสดงให้เห็นว่าเย่เชียนกำลังฝึกศิลปะการต่อสู้โบราณอยู่และที่สำคัญกว่านั้นเย่เชียนยังพูดอีกว่าองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าสามารถเหนือกว่าเหล่ามังกรซ่อนเขี้ยวได้ภายในสองปี ซึ่งเทียบเท่ากับการบอกเป็นนัยว่าบุคลากรขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่านั้นจะฝึกศิลปะการต่อสู้โบราณด้วย ซึ่งหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเองก็ไม่ได้สงสัยเลยว่าเย่เชียนจะกล้าทำเช่นนี้เพราะกฎเหล็กสำหรับผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้โบราณเป็นเพียงคำพูดที่ไร้สาระสำหรับเย่เชียนเท่านั้น
“เอาเถอะไม่ต้องพูดอะไรไร้สาระแล้ว..เพราะถึงยังไงเอ็งก็ไม่สามารถอยู่ห่างจากสายตาของฉันได้อยู่ดี” หลังจากที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดจบเขาก็วางสายและไม่สนใจที่จะคุยกับเย่เชียนอีกต่อไป หวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นเป็นถึงผู้อำนวยการที่สง่าผ่าเผยของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของจีนและผู้คนจำนวนมากก็อยู่ภายใต้อำนาจของเขาแต่เขากลับถูกเย่เชียนข่มขู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตามหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ชัดเจนเช่นกันว่าเย่เชียนไม่ใช่คนชั่วร้ายและถึงแม้ว่าพลังของเย่เชียนจะเพิ่มขึ้นแต่ก็ไม่ถือว่าอันตรายสำหรับตัวเขาที่สำคัญกว่านั้นเย่เชียนเป็นน้องชายของม่อหลงและมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะกวาดล้างสาวกม่อจื๊อได้ ดังนั้นหากเย่เชียนทำให้เขี้ยวหมาป่าแข่งแกร็งขึ้นล่ะก็โอกาสที่เขี้ยวหมาป่าจะไร้เทียมทานนั้นก็สูงมากเช่นกัน ไม่ว่าในกรณีใดหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็เป็นสาวกของม่อจื๊อและยิ่งม่อหลงเป็นถึงผู้สืบทอดของลัทธิม่อจื๊อแล้วล่ะก็หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ต้องช่วยให้ม่อหลงฟื้นพลังและอำนาจของสำนักม่อจื๊อและไม่สามารถปล่อยเหล่าสาวกคนอื่นๆทำเรื่องไร้สาระอีกต่อไปเพราะไม่ช้าก็เร็วพวกเขาจะทำลายอนาคตของสำนักม่อจื๊อจนพังทลาย
เมื่อได้ยินเสียงตัดสายจากอีกฝั่งเย่เชียนก็ฉีกยิ้มและเก็บโทรศัพท์มือถือไป เนื่องจากหวงฟู่ชิงเตี๋ยนได้พูดเองว่าเงินได้ถูกโอนไปยังบัญชีของเย่เชียนแล้วดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบมันอีกครั้งเพราะเขายังคงเชื่อใจหวงฟู่ชิงเตี๋ยนและเย่เชียนก็ไม่ควรสงสัยว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะหลอกตัวเองด้วยเหตุผลเหล่านี้ เมื่อคิดเช่นนั้นเย่เชียนก็จ้องมองไปที่ชายหนุ่มแล้วพูดว่า “เอาล่ะคุณไปได้แล้ว..จากนี้ไปก็อย่าตามผมมาอีก..ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจนะ”
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มและเดินขึ้นรถคลาสสิกของเขาไป ซึ่งเมื่อชายหนุ่มเห็นเย่เชียนขับรถออกไปก็ยิ้มอย่างขมขื่นและคิดอย่างลับๆ ว่า ‘ถ้าฉันยังตามนายต่อไปสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติคงจะต้องล้มละลายเพราะนายอย่างแน่นอน’ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและเดินเข้าไปในรถของเขาและเมื่อเขากำลังจะหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรออกจู่ๆโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อของเขาก็ดังขึ้น
เมื่อเห็นว่าสายดังกล่าวเป็นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนที่โทรเข้ามาชายหนุ่มก็ไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อยและรีบรับสายจากนั้นก็พูดว่า “ผู้อำนวยการ..ผม..ผมขอโทษ..ภารกิจของผมล้มเหลวและยังทำให้คุณต้องเดือดร้อนอีก”
หวงฟ่ชิงเตี๋ยนก็ถอนหายใจเบาๆแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรฉันประมาทเอง..ฉันไม่ได้คาดหวังว่าเด็กคนนี้จะฝึกศิลปะการต่อสู้โบราณด้วย..เด็กคนนี้ค่อนข้างมีประสาทสัมผัสที่แข็งแกร่งในการรับรู้ถึงอันตรายรอบตัวและตอนนี้เขาก็ได้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้โบราณแล้ว..เพราะงั้นมันไม่แปลกหรอกที่เขาจะรู้ตัว..ว่าแต่คนอื่นๆล่ะ?”
“เขาขับรถออกไปแล้ว..แต่มีเด็กสาวอยู่กับเขาด้วย..ผมเองก็ไม่รู้รายละเอียดมากนัก..ว่าแต่ผู้อำนวยการต้องการให้ผมตรวจสอบเธอไหมครับ” ชายหนุ่มพูด
“ได้ฝากตรวจสอบเธอด้วยและรีบกลับมาเลย..ไม่ต้องติดตามเขาแล้ว” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ถึงกับผงะและพูดว่า “เดี๋ยวก่อนนะ..คุณพูดว่าอะไรนะ..คุณพูดว่าเขาขับรถออกไปแล้วงั้นเหรอ..รถของใคร?”
ชายหนุ่มก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งและพูดด้วยความประหลาดใจว่า “ก็ขับรถของเขาไงครับ..รถคลาสสิกคันนั้น”
“โถ่เอ๊ย!..คุณรวยขนาดนั้นเลยเหรอ..ผมต้องเสียให้เขาไปตั้งแปดล้านหยวนซึ่งเท่ากับการซื้อรถของเขาเอาไว้แล้ว..แต่ทำไมคุณถึงไม่เก็บรถเอาไว้ล่ะ..คุณคิดอะไรของคุณกันอยู่เนี่ย” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดอย่างหดหู่และแทบรอไม่ไหวที่จะหั่นกระดูกของเย่เชียนออกเป็นชิ้นๆเพราะผลสุดท้ายแล้วเขาต้องเสียเงินแปดล้านหยวนไปอย่างไร้ประโยชน์
ชายหนุ่มก็รู้สึกขมขื่นอย่างมาก ซึ่งเขาจะรู้ได้อย่างไรและนอกจากนี้ถึงแม้ว่าเขาจะต้องการรถของเย่เชียนแต่ถ้าหากเย่เชียนไม่ยินยอมแล้วเขาจะทำอะไรได้ หลังจากนั้นชายหนุ่มก็เงียบไปเพราะเขาไม่รู้จะพูดอะไรเพื่อปลอบใจหวงฟู่ชิงเตี๋ยนดี
“เอาล่ะๆรีบกลับมาเถอะ..ถ้าคุณยังอยู่ที่นั่นต่อผมก็ไม่รู้เลยว่าเย่เชียนจะเรียกร้องอะไรจากคุณอีก” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดอย่างหดหู่ เพราะเขารู้อารมณ์และนิสัยของเย่เชียนเป็นอย่างดีและถ้าหากเขาปล่อยให้ชายหนุ่มคนนี้อยู่ที่นั่นต่อไปเขาก็ไม่รู้เลยว่าเย่เชียนจะใช้แผนอะไรมาเรียกร้องสิ่งต่างๆอีก ซึ่งหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเองก็ไม่อยากที่จะเสี่ยงกับเย่เชียนอีกต่อไป
“ครับหัวหน้า!” หลังจากตอบชายหนุ่มก็วางสายไป
รถคลาสสิคคันนี้ก็ยังคงขับไปอย่างช้าๆบนทางหลวงพร้อมกับท้ายรถที่ถูกชนแต่ก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างไปจากเดิมมากนัก ซึ่งถ้าเทียบกับเงินแปดล้านหยวนที่ได้มาจากหวงฟู่ชิงเตี๋ยนแล้วเย่เชียนก็มีความสุขมากจนฮัมเพลงเบาๆไปตามทางเป็นครั้งคราว
“อาจารย์เราจะไปไหนกันหรอ” เสี่ยวเซียวถาม
“จะไปไหนก็กลับบ้านน่ะสิ” เย่เชียนพูด
“โถ่มันยังไม่มืดเลย..ไปเที่ยวเล่นกันดถอะ” เสี่ยวเซียวพูด
“อย่าสร้างปัญหาจำเอาไว้สิว่าคำพูดของอาจารย์นั้นถูกต้องเสมอ..พวกเราผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ต้องปลูกฝังคุณธรรมและฉันต้องออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน..หรือเธอไม่ต้องการเรียนศิลปะการต่อสู้จากฉันแล้วงั้นเหรอ” เย่เชียนพูด
ถึงแม้ว่าเสี่ยวเซียวจะรู้สึกเบื่อเล็กน้อยแต่เธอก็ยังตอบเพราะเธอสนใจศิลปะการต่อสู้แต่เธอก็ไม่ได้โหยหามันมากนัก
เมื่อกลับมาถึงโรงแรมเย่เชียนก็โยนกุญแจรถให้พนักงานต้อนรับของโรงแรมและเอาเงินสองร้อยหยวนออกจากกระเป๋าของเขาแล้วยื่นให้พร้อมพูดว่า “ไปจอดรถให้หน่อย”
“อ้าวคุณเย่รถของคุณถูกชนท้ายงั้นหรอ..ให้ผมขับรถออกไปซ่อมให้มั้ย?” พนักงานต้อนรับของโรงแรมพูดอย่างสุภาพเมื่อเห็นรถคลาสสิกของเย่เชียนเสียหาย ซึ่งเย่เชียนนั้นอาศัยอยู่ในโรงแรมแห่งนี้มานานกว่าหนึ่งปีและเมื่อเวลาผ่านไปเขาก็คุ้นเคยกับพนักงานต้อนรับของโรงแรมและนอกจากนี้เย่เชียนยังใจดีมากขึ้นดังนั้นพนักงานต้อนรับของโรงแรมจึงชอบที่จะบริการให้กับเย่เชียน ซึ่งเมื่อเย่เชียนให้เขาทำอะไรเขาก็สามารถจัดการกับมันได้อย่างรวดเร็ว
“หา..คุณรู้จักอู่รถที่ซ่อมรถประเภทนี้ด้วยหรอ..นี่มันเป็นรถเก่านะดูเหมือนว่ามันจะหาอุปกรณ์เสริมได้ยากมาก” เย่เชียนพูดด้วยความประหลาดใจ
“ผมมีเพื่อนที่เปิดร้านซ่อมรถและบรรพบุรุษของเขาก็เป็นช่างซ่อมรถมาหลายสิบปีแล้ว..บางทีที่นั่นอาจจะมีอุปกรณ์เสริมของรถรุ่นนี้..ถ้าคุณเย่ไว้ใจผมเดี๋ยวผมจะขับรถไปถามให้”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าแบบนั้นผมต้องขอรบกวนคุณด้วย” จากนั้นเย่เชียนก็ยื่นบัตรเครดิตจากกระเป๋าเสื้อของเขาให้พนักงานต้อนรับแล้วพูดว่า “ในนี้มีเงินอยู่แต่ถ้ามันไม่พอก็โทรมาบอกผมนะ”
“ไม่เป็นไรครับคุณเย่..เขาเป็นเพื่อนของผมเพราะงั้นเขาจะไม่เรียกเก็บเงินจากผมถ้าผมขอให้เขาช่วยซ่อม” พนักงานต้อนรับของโรงแรมพูด
“เอาหน่าๆของซื้อของขายอย่าเกรงใจผมเลย..รับไปเถอะเพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องทำให้รถของผมกลับมาเป็นเหมือนเดิมเพราะงั้นเรื่องเงินมันไม่ใช่ปัญหาอะไร” เย่เชียนยัดบัตรเครดิตใส่มือพนักงานต้อนรับของโรงแรมจากนั้นก็ตบไหล่เขาเบาๆแล้วพูด
“อย่ากังวลไปเลยคุณเย่..ผมจะทำให้รถของคุณดูเหมือนรถใหม่เลย” พนักงานต้อนรับของโรงแรมพูดอย่างมีความสุขและถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเย่เชียนนั้นให้เงินเขามาเท่าไหร่แต่เขาก็รู้ดีว่าคนใจดีอย่างเย่เชียนนั้นต้องให้มาไม่น้อยกว่าหนึ่งหรือสองหมื่นหยวนใช่ไหม?
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เอาล่ะผมขอขึ้นไปพักก่อนนะ..ฝากด้วย!” หลังจากพูดเย่เชียนก็เดินตรงเข้าไปในโรงแรม ส่วนเสี่ยวเซียวก็เฝ้าดูเรื่องทั้งหมดนี้ด้วยความงุนงงและเมื่อเธอเห็นเย่เชียนเดินเข้าไปในโรงแรมเสี่ยวเซียวก็รีบตามไปและพูดว่า “เดี๋ยวสิอาจารย์..รอฉันก่อน..รอฉันด้วย!”
“นี่อาจารย์ไม่ใจกว้างไปหน่อยหรอ..ถ้าอาจารย์ให้เงินเขาไปตั้งขนาดนั้นอาจารย์ไม่กลัวว่าเขาจะหนีไปทั้งๆแบบนั้นหรอ” หลังจากวิ่งตามเย่เชียนมาเสี่ยวเซียวก็พูดขึ้น
“สิ่งที่ต้องจำเอาไว้เมื่อสร้างมิตรภาพระหว่างเพื่อนคือความไว้วางใจ..ถ้าเธอไม่มีความไว้วางใจนี้แล้วเธอจะมีเพื่อนแบบไหนล่ะ..นอกจากนี้ฉันเชื่อว่าเขาน่ะเป็นคนดีและเขาจะไม่ทำร้ายตัวเองเพื่อเงินจำนวนเล็กๆน้อยๆแบบนี้” เย่เชียนพูด จากนั้นเย่เชียนก็หันไปมองเสี่ยวเซียวและพูดว่า “เธอเองก็ไปเปิดห้องใหม่ซะสิ”
“เปิดห้องใหม่ทำไมหรอ?” เสี่ยวเซียวถามอย่างสงสัยและกะพริบตาสีฟ้าๆคู่โตๆของเธอ
.
.
.
.
.
.
.