ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 605 แกไม่รู้จักฉันงั้นเหรอ
ตอนที่ 605 แกไม่รู้จักฉันงั้นเหรอ?
ถ้าเป็นเย่เชียนเมื่อก่อนเขาจะไม่มีวันนอนบนเตียงเดียวกันกับผู้หญิงที่ไม่รู้จักหรือคุ้นเคยเพราะเขาต้องนอนหลับอย่างเต็มที่และต้องแน่ใจว่าเขาจะอยู่ในสภาพที่พร้อมต่อสู้เสมอ ดังนั้นหากไม่ระวังเขาอาจจะถูกลอบสังหารเมื่อใดก็ได้ แต่ตอนนี้ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะได้พบกับเสี่ยวเซียวได้ไม่นานแต่ถึงยังไงเขาก็ไม่มีความคิดในการป้องกันตัวเองเลยและไม่เพียงเพราะเย่เชียนนั้นผ่อนคลายอารมณ์มานานกว่าหนึ่งปีแล้วเพราะที่สำคัญกว่านั้นเย่เชียนไม่รู้สึกถึงอันตรายใดๆจากเสี่ยวเซียวเลย ดังนั้นเขาจึงผ่อนคลายมาก
โดยไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนเสี่ยวเซียวก็ตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงงและรู้สึกว่ามีบางอย่างอยู่ในปากของเธอและเธออดก็ไม่ได้ที่จะแน่นิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นเธอก็ลืมตาขึ้นมองไปรอบๆแต่เธอนั้นมองไม่เห็นอะไรเลยและหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้
เสี่ยวเซียวนั้นรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่แข็งๆอยู่ในปากของเธอและเธออดไม่ได้ที่จะลองเลียมันด้วยลิ้นของเธอแต่มันมีกลิ่นแปลกๆและเมื่อเธอเปิดผ้าห่มออกเสี่ยวเซียวก็ถึงกับตกตะลึงอย่างสมบูรณ์และเธอก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอนอนดิ้นจนไปอยู่ที่ตำแหน่งน้องชายของเย่เชียนและเอามันเข้าปากมาเมื่อไหร่ เมื่อเห็นภาพที่น่าสยดสยองของสิ่งนั้นเสี่ยวเซียวก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา
เย่เชียนก็ถูกปลุกด้วยเสียงเล็กๆที่แสบหูและเมื่อเย่เชียนมองลงไปเขาก็รีบดึงผ้าห่มมาห่อตัวเองแล้วพูดว่า “นี่เธอ..เธอทำอะไรของเธอกันเนี่ย..ขนาดฉันหลับอยู่เธอยังกล้าฉวยโอกาส..โอ้พระเจ้านี่มันโลกแบบไหนกันเนี่ย”
เสี่ยวเซียวรู้สึกเขินอายอย่างมากเธอก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอทำแบบนี้จริงๆเพราะเธออมของลับของผู้ชายเอาไว้นานมากและเธอก็ใช้ลิ้นของเธอเลียมันอีกต่างหาก อย่างไรก็ตาม ณ จุดนี้เพื่อขจัดความอับอายนี้เสี่ยวเซียวจึงพูดอย่างดื้อรั้นว่า “อะไร..ใครบอกให้คุณนอนโดยไม่ใส่เสื้อผ้าล่ะ?”
เย่เชียนก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะและเห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่าเสี่ยวเซียวจะกล้าพูดแบบนั้นจนเขาไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี “ทำไม?..เห้อฉันไม่อยากที่จะเถียงกับเธอต่อแล้ว..ฉันจะไปนอน” หลังจากนั้นเย่เชียนก็เอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มของเขาและเดินลงจากเตียงไปแล้วพูดว่า “เอาเถอะ..ถ้าอยากได้เตียงนั้นก็นอนไปซะ!”
“เฮ้อ..ยัยนี่บ้าไปแล้ว” เย่เชียนพึมพำและส่ายหัวแล้วพูด ขณะพูดเขาก็ห่มผ้าห่มเดินไปที่โซฟาแล้วนอนลง ส่วนเสี่ยวเซียวก็ภาคภูมิใจมากราวกับว่าเธอชนะการต่อสู้แต่หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้วเธอก็คิดว่าเธอเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ในเวลานี้จู่ๆประตูห้องก็ถูกกระแทกเปิดเข้ามา “ปัง” และมีชายฉกรรจ์ห้าหรือหกคนที่เดินเข้ามาจากข้างนอก ซึ่งเย่เชียนก็ตกตะลึงและรีบห่อผ้าห่มให้แน่นและสาปแช่งว่า “แม่งเอ๊ยไม่รู้จักเคาะประตูกันรึไงวะ?”
หัวหน้าของคนกลุ่มนั้นก็ดูเหมือนเขาอายุราวๆสามสิบต้นๆเขานั้นเหลือบมองเย่เชียนจากนั้นก็หันไปมองลูกน้องแล้วถามว่า “บ่ายนี้พวกเขาไปที่ไนต์คลับกับน้องชายของฉันหรือเปล่า?”
“ใช่..พวกผมจำได้ชัดเจนมาก..พวกเขาสองคนนั้นแหละ” ลูกน้องพูดอย่างเร่งรีบ
เมื่อได้ยินเช่นนี้เย่เชียนก็เข้าใจแล้วว่าคนเหล่านี้เป็นพี่ชายของเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นเมื่อตอนบ่ายและสิ่งนี้ทำให้เย่เชียนประหลาดใจเล็กน้อยเพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าคนเหล่านี้จะมาเร็วถึงขนาดนี้และค้นพบที่อยู่ของตัวเองเร็วมาก ซึ่งดูเหมือนว่าเด็กวัยรุ่นเหล่านั้นทั้งผู้หญิงและผู้ชายอาจจะตายไปแล้วใช่ไหม? เพราะการฆ่าน้องชายของสมาชิกแก๊งยามากุจินั้นพวกเขาคงจะไม่ปล่อยไปง่ายๆอย่างแน่นอน
จากนั้นชายคนนั้นก็เหลือบมองเย่เชียนและเสี่ยวเซียวแล้วหันกลับมาพูดกับเย่เชียนว่า “หืม..ทั้งๆที่พวกแกเพิ่งจะฆ่าน้องชายของฉันไปแท้ๆแต่พวกแกยังพลอดรักกันอย่างมีความสุขได้อยู่อีก”
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “โทษทีนะ..ผมยังไม่รู้เลยว่าพวกคุณเป็นใคร?..ช่วยแนะนำตัวเองก่อนจะได้ไหม?”
ขณะที่พูดเย่เชียนก็สวมเสื้อผ้าของตัวเองเพราะการต่อสู้ครั้งนี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้และเย่เชียนก็ปล่อยให้ตัวเองต่อสู้อย่างเปลือยกายไม่ได้ใช่ไหม? “อย่าขยับ!” ชายคนนั้นตะโกนและหนึ่งในคนของเขาก็ก้าวไปข้างหน้าและใช้ปืนจ่อไปที่หัวของเย่เชียน ซึ่งเย่เชียนก็ยิ้มเบาๆและหยุดสวมเสื้อผ้าและนั่งมองดูพวกเขาอย่างเงียบๆ
“ฉันตรวจสอบมาแล้ว..แกฆ่าน้องชายของฉันเมื่อตอนบ่ายใช่มั้ย?” ชายคนนั้นพูด “แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร..แกกล้ามากเลยสินะที่ฆ่าน้องชายของฉัน..แกคิดว่าแกเป็นใคร..แกคงเบื่อหน่ายกับชีวิตแล้วสินะ”
เย่เชียนก็เหลือบมองไปรอบๆเพื่อสังเกตสภาพแวดล้อมของสถานที่จากนั้นเขาก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “โอ้..คุณเป็นพี่ใหญ่จากแก๊งยามากุจิใช่มั้ย?”
“ใช่!..ฉันเป็นตัวแทนของแก๊งยามากุจิในเขตนี้..ในเมื่อแกรู้อยู่แล้วว่าฉันอยู่ในแก๊งยามากุจิแต่แกก็ยังกล้าที่จะฆ่าเขาอีกเหรอ..นั่นหมายความว่าแกต้องการท้าทายแก๊งยามากุจิสินะ..และแกก็รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้..แกต้องการอะไรกันแน่?” ยามาอุระพูดอย่างเย้ยหยัน
“บอกตามตรงผมเองก็ไม่รู้จริงๆว่าผลที่ตามมามันคืออะไร” เย่เชียนพูดเบาๆ “ทำไมคุณไม่บอกผมล่ะว่าผลที่ตามมามันคืออะไร”
“ผลที่ตามมางั้นเหรอ..มันก็คือการที่กระสุนจะทะลุหัวของแกไง..จากนั้นสมองของแกก็จะกระจัดกระจายไปทั่ว..แกได้ตายสมใจแน่” ชายหนุ่มคนที่ถือปืนจ่อหน้าผากของเย่เชียนพูดอย่างเกรี้ยวกราด
“จริงเหรอ?..ผมล่ะเกลียดคนที่เอาปืนจ่อหัวผมจริงๆ..เอาล่ะผมมีอะไรจะให้คุณดู” เย่เชียนพูดอย่างใจเย็นและมองดูชายหนุ่มคนที่ถือปืนอย่างเย็นยะเยือกและทำให้ชายหนุ่มกลัวจนตัวสั่นไปทั้งตัวและรู้สึกหนาวไปถึงขั้วหัวใจอย่างอธิบายไม่ได้
“ไม่ต้องรีบอยากตายหรอก..ดูท่าแล้วแกคงจะชอบเล่นมากเพราะงั้นฉันจะเล่นกับแกอย่างช้าๆ” ยามาอุระพูดจากนั้นเขาก็หันไปและเหลือบมองเด็กสาวที่อยู่บนเตียงแล้วพูดว่า “หืม..ได้ข่าวว่านายโดดเด่นมากเลยสินะเมื่อตอนบ่าย?..ถึงกับพานักศึกษาสาวมาน้อยด้วยเลยเหรอ?” ยามาอุระพูด ส่วนลูกน้องของเขาก็ทำท่าทางสงสัยและเดินไปหาเสี่ยวเซียวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนใบหน้าของพวกเขา
เสี่ยวเซียวก็เข้าใจสิ่งที่เธอจะต้องเผชิญในอีกไม่นานได้อย่างดีและถึงแม้ว่าเธอจะกลัวแต่เธอก็ยังคงพูดอย่างดื้อรั้นว่า “อย่าได้คิดเลย..ฉันขอยอมตายเสียยังดีกว่า..พวกคุณมันเลว”
“ฆ่าเธองั้นเหรอ..มันน่าเสียดายจะตายที่ต้องฆ่าเธอแบบนี้..ฉันจะปล่อยให้ลูกน้องของฉันสนุกกับเธอก่อน” ยามาอุระพูดต่อ “จากนี้ไปพวกนายก็อย่าพูดว่าฉันใจร้ายล่ะ..พวกนายผลัดกันทำและไม่ต้องแย่งกัน..อยากทำอะไรอยากเล่นอะไรก็ตามสบายเลย”
“ไอ้พวกยุ่นเลวทราม!” เสี่ยวเซียวพูด
เย่เชียนก็ส่งยิ้มเสี่ยวเซียวและยกนิ้วให้แล้วพูดว่า “สาวน้อยเยี่ยมมาก!..เธอสมควรที่จะเป็นลูกศิษย์ของฉันอย่างยิ่ง..จำเอาไว้นะว่าต่อจากนี้ไปฉันจะรับเธอเป็นลูกศิษย์และฉันขอสัญญาว่าจะไม่มีใครแตะต้องเธอได้อีก..หากใครกล้าที่จะแตะต้องเธอฉันจะเอาคืนเป็นสองเท่า!”
“ไอ้โง่เอ๊ย!..จะตายแล้วยังปากดีอยู่ดี” ชายหนุ่มคนที่ถือปืนจ่อที่หัวของเย่เชียนก็ใช้ด้ามปืนทุบหัวของเย่เชียนและในทันใดนั้นก็มีเลือดไหลลงมาจากหน้าผากของเย่เชียน
เย่เชียนก็หันไปเหลือบมองชายหนุ่มคนนั้นอย่างดุเดือดและเอื้อมมือไปเช็ดคราบเลือดที่หน้าผาก ซึ่งมุมปากของเย่เชียนก็ฉีกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย ซึ่งรอยยิ้มนั้นช่างน่ากลัวจนทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเย็นยะเยือกจากก้นบึ้งของหัวใจของ ซึ่งคนที่จ้องมองดวงตาของเย่เชียนนั้นก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่ชั่วร้ายในรอยยิ้มของเย่เชียนและเขาก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นราวกับว่าร่างกายของเขาไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ซึ่งเขานั้นเคยฆ่าคนมาหลายคนแล้วและเขาก็ยังได้พบกับคนที่ไม่กลัวในสถานการณ์เฉียดต่ายต่างๆแต่ในตอนนี้ไม่มีใครที่เป็นเหมือนเย่เชียนที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายแต่ดูเหมือนว่าเย่เชียนจะไม่กลัวและยังมั่นใจอย่างมากอีก
เย่เชียนก็แลบลิ้นออกมาและค่อยๆเลียเลือดบนนิ้วของเขาจากนั้นเย่เชียนก็ใช้มือขวาคว้าข้อมือของชายหนุ่มคนนั้นและบิดอย่างแรงและในทันใดนั้นก็ได้ยินเสียง “กรึก” กระดูกข้อมือของชายหนุ่มถูกบิดจนแหลกละเอียดจนเขากรีดร้อง ซึ่งความเจ็บปวดทำให้ไม่สามารถจับปืนได้และเขาก็ล้มลงไปกับพื้น
จากนั้นเย่เชียนก็ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ด้วยมือซ้ายของเขาคว้าปืนเอาไว้ ซึ่งการกระทำทั้งหมดรวดเร็วชั่วพริบตา จนยามาอุระตกใจและรีบตะโกนว่า “ฆ่าเขาซะ..รีบฆ่าเขา!” อย่างไรก็ตามมันก็สายเกินไปเสียแล้วเพราะเย่เชียนใช้ปืนในมือซ้ายของเขาเหนี่ยวไกออกไปหลายนัดติดต่อกันและกระสุนก็ทะลุเข้าไปที่ข้อมือของยามาอุระจนทำให้ปืนพกในมือตกลงไปกับพื้น
สำหรับสมาชิกขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่านั้นมันไม่ยากเลยที่จะยิงปืนด้วยมือซ้ายในเวลาที่รวดเร็วเช่นนี้ ซึ่งนี่เป็นหลักสูตรที่จำเป็นสำหรับการฝึกเพราะเมื่อปฏิบัติภารกิจก็ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ถ้าหากมือขวาเสียความสามารถในการยิงก็ยังมีมือซ้ายที่ใช้งานได้และถึงแม้ว่าจะไม่ถนัดเท่าข้างขวาก็ตาม แต่สำหรับระยะเท่านี้มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้มือขวาเลยและภายใต้สถานการณ์ปกติก็ไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่อะไร
เนื่องจากปืนพกมีท่อเก็บเสียงดังนั้นมันจึงเก็บเสียงได้ดีมากจนคนข้างนอกไม่ได้ยินเสียงปืนในห้องเลย
หลังจากปลดปืนของคนเหล่านั้นแล้วเย่เชียนก็รีบพุ่งไปข้างหน้าและคว้ามีดปอกผลไม้บนโต๊ะกาแฟแล้วแทงไปที่ข้อมือของยามาอุระและตอกข้อมือของยามาอุระเข้ากับผนังห้องอย่างดุเดือด ซึ่งมีดปอกผลไม้ได้เจาะข้อมือของยามาอุระแล้วจมลงไปในกำแพงอย่างสมบูรณ์และความแข็งแรงนี้ก็น่าประหลาดใจอย่างมาก
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “นี่พวกแกไม่รู้รายละเอียดของฉันเลยงั้นเหรอ..แกไม่รู้ว่าฉันเป็นใครแต่แกยังกล้าที่จะมาหาฉันแบบนี้..มันช่างกล้าจริงๆ”
ใบหน้าของยามาอุระที่บิดเบี้ยวและมุมปากของเขาก็กระตุกและดูเหมือนว่าเขาจะพยายามระงับความเจ็บปวดของเขาเอาไว้และพูดอย่างตะกุกตะกักว่า “แก..แกเป็นใคร?”
“มาถามเอาตอนนี้น่ะเหรอ..มันสายเกินไปหน่อยหรือเปล่า?” เย่เชียนยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่ฉันจะบอกพวกแกก็ได้..ฉันชื่อเย่เชียน..และทุกคนบนโลกใบนี้เรียกฉันว่าราชาหมาป่าเย่เชียน..แกน่าจะรู้จักดีเลยใช่มั้ยล่ะ?”
ยามาอุระอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านและมองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจ ส่วนลูกน้องคนอื่นๆที่เหลือก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัวและความสยดสยองอย่างหมดหนทางและพวกเขาก็สูญเสียอาการไปกันอย่างสมบูรณ์ ซึ่งด้วยบาดแผลจากการโดนยิงที่ข้อมือพวกเขาจึงใช้ปืนไม่ได้อีกต่อไปดังนั้นพวกเขาจึงต้องการที่จะหนี แต่เย่เชียนขวางประตูไว้แบบนี้พวกเขาคงหนีไม่พ้นและยิ่งไปกว่านั้นต่อให้หนีไปได้มันก็มีแต่ทางตัน และถึงแม้ว่าเขาจะหนีไปได้ตามลำพังถึงยังไงแก๊งยามากุจิก็จะไม่มีวันปล่อยเขาไปที่ทิ้งพวกพ้องอย่างแน่นอน
.
.
.
.
.
.
.
.