ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 609 เตรียมความพร้อม ตอนที่ 2
ตอนที่ 609 เตรียมความพร้อม ตอนที่ 2
แน่นอนว่าแจ็คเข้าใจดีว่าสิ่งที่พูดนั้นคืออะไรเพราะการกำจัดองค์กรทหารรับจ้างเรดซันนั้นไม่ง่ายเพราะเบื้องหลังทหารรับจ้างเรดซันนั้นคือสมาคมมังกรดำ ยิ่งไปกว่านั้นเบื้องหลังองค์กรใต้ดินและรัฐบาลของประเทศญี่ปุ่นก็คือสมาคมมังกรดำ เนื่องจากเย่เชียนตัดสินใจที่จะไปยังประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นเขาจึงต้องส่งกำลังพลแทรกซึมเข้าไปในประเทศญี่ปุ่น
แจ็คก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “บอส..ผมคิดว่าบอสจะหันหลังให้กับโลกภายนอกไปแล้วซะอีก..ผมน่ะกังวลจริงๆว่าถ้าบอสออกจากวงการนี้ไปผมจะทำยังไงกับเขี้ยวหมาป่าดี..เพราะถึงยังไงผมก็ไม่สามารถดูแลได้..ผมใช้สมองไปอย่างหนักหน่วงในปีที่ผ่านมา..เพราะงั้นถ้าบอสกลับมาช้ากว่านี้ผมคงจะบ้าไปแล้ว”
“ขอบคุณที่เหนื่อยนะแจ็ค!” เย่เชียนพูดว่า “ช่วงนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่มั้ย?”
“มีครับแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร..แต่ผมถูกพวกสาวๆของบอสทรมานเพราะพวกเธอเอาแต่มาถามข่าวของบอสทุกๆวัน..แต่ผมก็บอกพวกเธอไปแล้วว่าผมไม่รู้ข่าวของบอสเลยแต่พวกเธอจะเชื่อที่ไหน..บอสรู้ไหมว่าพวกเธอถึงกับจ้างนักสืบเอกชนมาสืบข่าวผมจนชีวิตส่วนตัวของผมถูกเปิดเผยจนหมดเปลือก..มันทำให้ผมกลัวจนไม่กล้าทำอะไร” แจ็คพูดด้วยความหดหู่ใจเมื่อนึกถึงหนึ่งปีที่ผ่านมา “บอส..ผมว่าบอสควรจะโทรไปหาสาวๆของบอสนะ..ไม่งั้นผมคงทนต่อไปไม่ไหวแล้ว”
เย่เชียนก็เหงื่อตกอย่างรุนแรงเพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าผู้หญิงเหล่านั้นจะมีความคิดแบบนี้ อย่างไรก็ตามเหล่าหญิงสาวก็ยังไม่เข้าใจสมาชิกเขี้ยวหมาป่าอยู่ดี เพราะถึงแม้ว่านักสืบเหล่านั้นจะเก่งมากเพียงใดแต่เมื่อเผชิญกับสมาชิกเขี้ยวหมาป่าที่ได้รับการฝึกอบรมมาอย่างเข้มงวดนั้นนักสืบเอกชนเหล่านั้นจะสามารถสืบข่าวจากแจ็คได้อย่างไร?ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงเหล่านั้นเป็นผู้ว่าจ้างล่ะก็นักสืบเอกชนคงจะไปพบเจ้าแห่งยมโลกเสียแล้ว
“ได้ๆ..เดี๋ยวฉันจะโทรไปหาพวกเธอทีหลัง” เย่เชียนหัวเราะอย่างว่างเปล่าและพูดว่า “เรามาคุยเรื่องงานกันก่อน..ฉันได้ติดต่อองค์กรเซเว่นคิลแล้วและพวกเขาก็พร้อมเหมือนกันและจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่..เพราะงั้นครั้งนี้มันจะเป็นการดำเนินการร่วมกันขนาดใหญ่ครั้งที่สองระหว่างเขี้ยวหมาป่าของเรากับองค์กรเซเว่นคิล..เพราะงั้นเราจะผิดพลาดไม่ได้..ตอนนี้นายไปติดต่อชิงเฟิงและบอกให้เขาส่งบุคลากรของบริษัทไอร่อนบลัดไปที่ประเทศญี่ปุ่นทันที..ส่วนม่อหลงปล่อยให้เขาจัดการอะไรไปก่อน”
“เป็นเวลาหนึ่งปีแล้วที่ธุรกิจของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปได้พัฒนาเข้าไปสู่ประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ..เพราะงั้นบุคลากรของบริษัทไอร่อนบลัดสามารถใช้ประโยชน์จากเครือน่านฟ้ากรุ๊ปเพื่อแทรกแซงกำลังพลเข้าไปในประเทศญี่ปุ่น..ซึ่งคราวนี้เรากำลังจะไปกวาดล้างประเทศญี่ปุ่นเราจึงไม่สามารถประมาทได้..ผมจะระดมกำลังพลให้มากขึ้นกว่าเดิม” แจ็คพูด
“ใช่!..แต่เราต้องทำทุกอย่างให้ดีและอย่าให้รัฐบาลญี่ปุ่นหรือแก๊งยามากุจิรู้..เพราะถ้าพวกมันรู้ก่อนจนเตรียมตัวได้พวกเราจะเริ่มสิ่งต่างๆได้ยากกว่าเดิม” เย่เชียนพูด
“ไม่ต้องกังวลไปครับบอส..บุคลากรทั้งหมดจะอยู่ในนามของเครือน่านฟ้ากรุ๊ป” แจ็คพูด “แล้วบอสล่ะ..บอสจะกลับมาที่จีนก่อนหรือจะรออยู่ที่นั่น?”
เมื่อนึกถึงซ่งหลันและผู้หญิงคนอื่นๆแล้วเย่เชียนก็สั่นเทาอย่างช่วยไม่ได้เขาจึงพูดว่า “ฉันจะรออยู่ที่ญี่ปุ่น..เพราะถ้าฉันกลับไปในตอนนี้ฉันก็ไม่รู้เลยว่าฉันจะต้องเผชิญหน้ากับอะไรบ้าง”
แจ็คพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ครับ..แต่บอสต้องโทรไปหาพวกเธอนะไม่อย่างนั้นผมคงสมองระเบิดตาย”
“อืม..ถ้างั้นก็จัดการสิ่งต่างๆได้เลย..แล้วฉันจะโทรไปหานายทีหลังแล้วค่อยคุยกัน” เย่เชียนพูด หลังจากพูดจบเย่เชียนก็วางสายไปและเมื่อมองไปที่โทรศัพท์เย่เชียนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรู้สึกประหม่าอย่างมาก เพราะเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเมื่อเผชิญหน้ากับสาวๆ
อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้จะต้องเผชิญในสักวันหนึ่งและไม่สามารถซ่อนได้ตลอดไป เมื่อคิดเช่นนั้นเย่เชียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเลือกที่จะโทรไปหาหลินโรวโร่ว ซึ่งเหตุผลที่เขาไม่เลือกโทรหาซ่งหลัน,จ้าวหยาและหูวเค่อหรือฉินหยูแต่โทรหาหลินโรวโร่วนั่นก็เพราะว่าเย่เชียนรู้ดีว่าหลินโหร่วโหรวเป็นคนที่คุยด้วยง่ายที่สุดในหมู่พวกเธอและมันก็อาจเป็นได้ที่เธอบอกว่าเธอรักเขามากที่สุดและมีตำแหน่งที่สำคัญที่สุดในใจของเย่เชียน ซึ่งนี่คือเหตุผลที่เขาทำอย่างนี้
หลังจากที่เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นสองสามครั้งเสียงของหลินโรวโร่วที่ฟังดูกังวลและแหบแห้งก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่ง “เย่เชียน!..ในที่สุดคุณก็โทรมา..ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาคุณไปอยู่ที่ไหน?..คุณรู้ไหมว่าพวกเราเป็นห่วงคุณมากแค่ไหน..ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนแล้วทำไมคุณถึงยังไม่กลับมา..มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
คำถามที่รัวเป็นชุดนี้ทำให้เย่เชียนรู้สึกหงุดหงิดแต่ก็รู้สึกอบอุ่นลึกๆเนื่องจากคำถามเหล่านี้สะท้อนให้เห็นอย่างลึกซึ้งว่าเย่เชียนยังมีความสำคัญเพียงใดในหัวใจของหลินโรวโร่วและหลินโรวโร่วห่วงใยเขาอย่างไร เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เชียนก็รู้สึกสบายและอบอุ่น “โรวโร่ว..ผม” เย่เชียนพูด
แต่ก่อนที่เย่เชียนจะได้พูดจู่ๆก็มีเสียงแทรกเข้ามาว่า “เย่เชียน!..นี่นายอยู่ที่ไหน..นายยังมีหน้ากล้าโทรมาอีกเหรอ..ถ้านายจะหายไปแบบนี้ก็หายตัวไปตลอดเลยซะสิและไม่ต้องโทรกลับมาอีก..นายเคยคิดถึงพวกเราบ้างมั้ย?..ฉันจะบอกให้นะว่าตอนนี้เรากำลังคุยกันอย่างเป็นเอกฉันท์และจะไม่สนใจนายอีกนับจากนี้ไป!”
เมื่อได้ยินเสียงนี้เย่เชียนก็รู้ว่าเป็นใครเพราะยกเว้นจ้าวหยาแล้วคาดว่าคงไม่มีใครอีกแล้วที่จะพูดเช่นนี้ได้ ซึ่งในเสียงนั้นก็มีความโกรธของหลินโรวโร่วและเสียงกระซิบห้ามปรามของฉินหยูปะปนอยู่เช่นกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเธอตำหนิจ้าวหยาสำหรับวีรกรรมที่เกรี้ยวกราดของเธอที่มีต่อเย่เชียนแต่เย่เชียนก็ไม่ได้โกรธเพราะเขารู้นิสัยของจ้าวหยาเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามเมื่อเย่เชียนกำลังจะพูดแต่จู่ๆก็มีเสียงตัดสาย “ปี๊ป” และสายโทรศัพท์ก็ถูกตัดไปจนเย่เชียนตกอยู่ในอาการมึนงงและอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น
จริงๆแล้วเย่เชียนรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติที่สาวๆทุกคนจะโกรธเพราะถ้าเป็นเขาเองเขาก็โกรธหากสาวๆคนใดหนึ่งในนั้นหายไปแบบนี้นานกว่าหนึ่งปีและความรู้สึกของเย่เชียนก็อาจจะหนักหน่วงกว่าพวกเธอ ดังนั้นเมื่อจ้าวหยาจุดไฟเย่เชียนจึงไม่รู้สึกอะไรเลย
ทางโทรศัพท์นั้นเย่เชียนไม่ได้ยินเสียงของซ่งหลันและหูวเค่อเลยดังนั้นเย่เชียนจึงคิดว่าซ่งหลันไปที่บริษัทส่วนหูวเค่อก็ไปที่ไต้หวันเพราะท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นซ่งหลันก็ต้องแบกรับบริษัทขนาดใหญ่อย่างเครือน่านฟ้ากรุ๊ปและถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่อยู่ที่นั่นแต่เธอก็จะยังคงให้การสนับสนุนต่อไป ส่วนหูวเค่อปู่ของเธอก็เป็นถึงรองนายกรัฐมนตรีของจีนดังนั้นหูวเค่อจึงมีส่วนร่วมในภารกิจที่ไต้หวัน ดังนั้นการหายตัวไปอย่างลึกลับของเย่เชียนในครั้งนี้และถ้าหูวเค่อไม่ไปจัดการสิ่งต่างๆที่นั่นจนสิ่งต่างๆยุ่งเหยิงไปหมดมันก็จะทำให้ความพยายามครั้งก่อนสูญเปล่าไป
เย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และเมื่อเขากำลังจะโทรออกอีกครั้งจู่ๆโทรศัพท์ก็ดังขึ้นและหลังจากกดรับสาญแล้วเสียงของฉินหยูก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่ง “เย่เชียนอย่าคิดมากนะ..หยาเอ๋อก็แค่โกรธเฉยๆเดี๋ยวเธอก็หาย..เธอหายไปอย่างเงียบๆตั้งปีกว่าเพราะงั้นถึงยังไงเธอก็ผิด..เธอรู้ไหมว่าโรวโร่วเสียน้ำตาเพื่อเธอไปมากแค่ไหน..ฉันน่ะไม่สนหรอกว่าเธออยากจะหนีหรืออะไรแต่ฉันบอกได้แค่ว่าเธอนั้นทำผิดอย่างมาก” น้ำเสียงของฉินหยูนั้นไม่ได้นุ่มนวลหรือหนักหน่วงแต่อย่างใด
แน่นอนว่าการกระทำของเย่เชียนนั้นค่อนข้างใจร้ายมากเกินไปเพราะต่อหน้าสาวๆเขาบอกว่าเขาชอบและรักพวกเธอทั้งหมดซึ่งแค่นี้มันก็หนักหน่วงสำหรับพวกเธอแล้วเพราะไม่มีผู้หญิงคนใดสามารถเผชิญหน้ากับแฟนหนุ่มอย่างตรงไปตรงมาและกล้าพอที่จะให้เขาไปชอบคนอื่นต่อหน้าเธอ แต่นี่เป็นเพราะว่าพวกเธอรักกันอย่างสุดซึ้งพวกเธอจึงเต็มใจที่จะยอมรับความเป็นจริงนี้เพราะความรักคือการเห็นแก่ตัวและเพราะความรักนั้นพวกเธอจึงกลัวที่จะแบ่งปันคนรักให้กับคนอื่นๆ ซึ่งมันเป็นเพราะพวกเธอต้องการให้เย่เชียนมีตัวตนอยู่ในหัวใจของพวกเธอนั่นเอง
ผู้คนต่างก็มีความขัดแย้งแต่ผู้หญิงนั้นมีความขัดแย้งที่รวมเอาความขัดแย้งทั้งหมดและทุกอย่างเข้าด้วยกัน ซึ่งถ้าหากพบว่าผู้หญิงมีบางอย่างที่ขัดแย้งกันก็อย่าแปลกใจเพราะนี่คือผู้หญิงและนี่ก็เป็นสิทธิพิเศษของผู้หญิงอีกด้วย
“ผมขอโทษ..มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้ผมสับสนในตอนนั้น..ผมเหนื่อยมาก..ผมก็เลยอยากอยู่คนเดียวสักพัก..เพราะงั้นที่ผมทำให้พวกคุณต้องกังวล..ผมขอโทษ!” เย่เชียนพูดอย่างจริงใจ “แล้วห่าวหรานล่ะ?”
“เขาน่ารักมาก..ตอนนี้เขาเดินได้แล้ว..เขาสามารถพูดคำว่าพ่อกับแม่ได้..เพียงแต่ว่าเขายังไม่รู้ว่าพ่อของเขาหน้าตาเป็นยังไง” ฉินหยูพูด
“ผมมีบางอย่างที่ต้องทำที่ญี่ปุ่นและผมจะกลับไปเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดี..ฝากดูแลห่าวหรานด้วยนะและก็ดูแลตัวเองดีๆด้วย” เย่เชียนพูด
“อืม” ฉินหยูพูด “เธอคุยกับโรวโร่วอีกสักหน่อยสิ” หลังจากนั้นฉินหยูก็ส่งโทรศัพท์มือถือให้หลินโรวโร่วที่กำลังรออยู่อย่างกังวล หลังจากรับสายแล้วหลินโรวโร่วก็รีบพูดว่า “เย่เชียนคุณจะกลับมาเมื่อไหร่..ฉันคิดถึงคุณมาก..ฉันขอโทษ..วันนั้นฉันไม่ควรเมินคุณที่งานศพของพ่อเลย..ฉันขอโทษเพราะงั้นอย่าคิดมากนะ”
“พี่โรวโร่ว!..พี่มันโง่..เขานั่นแหละที่ผิด..ทำไมพี่ถึงไปขอโทษเขาล่ะ” จ้าวหยาพูด
บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมเย่เชียนถึงรักหลินโรวโร่วมากเพราะหลินโรวโร่วอ่อนแออยู่เสมอเขาจึงต้องการการปกป้องเธอจากทุกสิ่งแต่เธอก็สามารถแข็งแกร่งได้เมื่อเธออยู่คนเดียว ซึ่งเป็นไปได้ที่ชายคนหนึ่งจะใช้ความปรารถนาอันแรงกล้าในการปกป้องใครอย่างเต็มที่และแบ่งปันความเจ็บปวดของเขาเมื่อเขาหมดแรง นี่คือเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของหลินโรวโร่วและนี่ยังเป็นเหตุผลว่าทำไมเย่เชียนถึงสนใจหลินโรวโร่วตั้งแต่แรก
.
.
.
.
.
.
.