ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 611 สนับสนุนในสิ่งที่ดี
ตอนที่ 611 สนับสนุนในสิ่งที่ดี
เมื่อเห็นเย่เชียนและเซี่ยจือยี่พูดคุยกันอย่างเป็นกันเองม่อหลงก็ถอนหายใจอย่างลับๆและมองเย่เชียนอย่างขมขื่น ซึ่งหลังจากผ่านไปกว่าหนึ่งปีม่อหลงเองก็มีความก้าวหน้าอย่างมากในทักษะศิลปะการต่อสู้โบราณผ่านการแนะนำของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนอย่างรอบคอบและเคร่งครัด ถึงแม้ว่าพี่น้องคนอื่นๆของเขี้ยวหมาป่าจะฝึกศิลปะการต่อสู้โบราณด้วยก็ตามแต่ส่วนใหญ่พวกเขาก็ศึกษาด้วยตัวเองซึ่งแตกต่างไปจากม่อหลงผู้ซึ่งได้รับคำแนะนำจากหวงฟู่ชิงเตี๋ยนอย่างถูกต้องตามหลักการ ดังนั้นแน่นอนว่าทักษะของม่อหลงจะมีความก้าวหน้าอย่างมากและถึงแม้ว่าทักษะของม่อหลงจะยังไม่ถึงสภาวะรู้แจ้งก็ตามแต่มันก็ต่างจากคนธรรมดาอย่างมากใช่ไหม?
ม่อหลงยังสามารถสัมผัสได้ถึงพลังความชั่วร้ายที่ทรงพลังที่แผ่ออกมาจากร่างกายของได้ซึ่งมันชัดเจนกว่าเมื่อก่อนมาก สำหรับม่อหลงแล้วเย่เชียนนั้นน่าทึ่งอย่างมากเพราะปรากฏว่าเย่เชียนสามารถฝึกศิลปะการต่อสู้โบราณได้ถึงระดับนี้โดยไม่มีใครแนะนำเลยซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถทำได้และสาเหตุหลักเป็นเพราะร่างกายของเย่เชียนนั้นแตกต่างไปจากคนอื่นๆและไม่เพียงแค่เขามีพลังที่ชั่วร้ายเท่านั้นแต่เย่เชียนยังมีพลังกายและใจอย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย
เย่เชียนก็หัวเราะคิกคักและพูดว่า “ฮ่าๆ..น้องเขยหรอผมชอบชื่อนี้จริงๆ” เย่เชียนมองดูม่หลงที่อยู่ข้างๆด้วยรอยยิ้ม ส่วนม่อหลงก็หันหนีไปเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรกับการหยอกล้อของเย่เชียน
เซี่ยจือยี่เป็นคนที่ดูเหมือนจะเห็นความเขินอายของม่อหลงดังนั้นเธอจึงไม่ได้พูดต่อและรีบเปลี่ยนเรื่องว่า “พวกคุณเดินทางกันมาเหนื่อยๆถ้างั้นก็ไปพักผ่อนกันก่อนดีมั้ย?”
เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆแล้วพูดว่า “ก็ได้ไปกันเถอะ..ข้างนอกนี้มันหนาวจริงๆ..รีบๆไปหาที่อุ่นๆกันดีกว่า..วันนี้สภาพอากาศมันช่างเลวร้ายจริงๆ”
เมื่อเดินไปถึงรถปรากฏว่าคนขับเป็นหัวหน้าโย่วซวนของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงนั่นเองซึ่งทำให้เย่เชียนประหลาดใจเล็กน้อยเพราะครั้งแรกที่เย่เชียนมาที่นี่โย่วซวนก็มารับเขาและครั้งนี้เย่เชียนก็ไม่ได้คาดหวังว่าโย่วซวนจะยังคงมารับเขาเหมือนครั้งก่อน ดูเหมือนว่าเซี่ยตงไป่จะต้อนรับเขาจริงๆหรือน่าจะเป็นเพราะแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงประสบกับความสูญเสียอย่างหนักหน่วงจากการโจมตีร่วมกันของแก๊งอินาดะและแก๊งโยชิคาว่าครั้งล่าสุด ดังนั้นเซี่ยตงไป่จึงกระตือรือร้นอย่างมากกับการมาเยือนของเย่เชียนในครั้งนี้ เนื่องจากเซี่ยตงไป่ตระหนักดีถึงความขัดแย้งระหว่างเย่เชียนกับแก๊งยามากุจิและรู้ถึงความแข็งแกร่งและความสามารถของเขี้ยวหมาป่าดังนั้นเขาจึงต้องให้ความสนใจและเคารพเย่เชียนถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่รู้จุดประสงค์ในการมาเยือนของเย่เชียนครั้งนี้ก็ตามแต่เขาก็รู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเขากับเย่เชียนนั้นไม่เหมือนคนธรรมดาและเขาก็เชื่อว่าเย่เชียนจะต้องช่วยเขาอย่างแน่นอนถ้าเขาพูดถึงเรื่องนี้ ดังนั้นเย่เชียนสามารถอธิบายได้ว่าเป็นแขกผู้มีเกียรติของเซี่ยตงไป่อย่างมากแล้วเซี่ยตงไป่จะกล้าละเลยได้ที่ไหนเพราะเขาไม่เพียงแค่ปล่อยให้เซี่ยจือยี่ลูกสาวของเขาทำตามหัวใจโดยการไปรับม่อหลงแต่ยังยังส่งโย่วซวนไปต้อนรับเย่เชียนเป็นการส่วนตัวเพื่อให้เกียรติเย่เชียนอีกด้วย
ในมุมมองของคนนอกเซี่ยตงไป่นั้นค่อนข้างเห็นแก่ตัวเพราะเขาหวังว่าลูกสาวของเขากับม่อหลงจะสามารถใช้ประโยชน์จากความใกล้ชิดเพื่อเชื่อมความสัมพันธไมตรีที่ดีกับเย่เชียน ซึ่งการแต่งงานทางการเมืองและธุรกิจนั้นในประเทศจีนได้รับความนิยมมาโดยตลอดตั้งแต่สมัยโบราณ ดังนั้นเซี่ยตงไป่ก็หวังว่าจะใช้การแต่งงานของลูกสาวของเขากับม่อหลงเพื่อให้แก๊งฝูชิงมีเครือข่ายที่ทรงพลังอย่างเขี้ยวหมาป่า ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยตงไป่ไม่ใช่คนโง่เพราะเขาเห็นการเติบโตอันยิ่งใหญ่ของเขี้ยวมาป่าทีละน้อยอย่างไม่หยุดยั้ง แต่เซี่ยตงไป่ก็ไม่เคยคิดว่าแก๊งฝูชิงของเขาจะมีพลังมากกว่าเขี้ยวหมาป่าเพราะถึงแม้ว่าเขี้ยวหมาป่าจะเป็นองค์กรทหารรับจ้างและมีสมาชิกอยู่เพียง 300 กว่าคนก็ตามแต่ทว่าบุคลากรแต่ละคนล้วนมีความสามารถที่ประมาทไม่ได้ ดังนั้นพลังและความแข็งแกร่งของเขี้ยวหมาป่านั้นน่ากลัวแค่ไหนเซี่ยตงไป่ก็รู้ในข้อนี้เช่นกัน
เซี่ยตงไป่และกัปตันเทียนเฟิงผู้ก่อตั้งองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่านั้นเป็นเพื่อนเก่ากันและถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ดั้งเดิมจะไม่ลึกซึ้งมากก็ตามแต่ก็ไม่ธรรมดาซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่เย่เชียนเชื่อในตัวเซี่ยตงไป่ดังนั้นเย่เชียนจึงมักจะไปเยี่ยมเซี่ยตงไป่ทุกๆครั้งที่เขามาที่ประเทศญี่ปุ่น แน่นอนว่ามีทั้งมิตรภาพที่แท้จริงและมิตรภาพระหว่างความร่วมมือและที่สำคัญเซี่ยตงไป่คือเพื่อนของกัปตันเทียนเฟิง ดังนั้นเย่เชียนจึงเคารพเขามากและถ้าไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์นี้เย่เชียนคงไม่เชื่อในตัวเซี่ยตงไป่ง่ายขนาดนี้และเซี่ยตงไป่เองก็ไม่โง่พอที่เขาจะทุ่มความไว้ใจให้อีกฝ่ายเพราะโลกใบนี้มีคนไร้หัวใจที่พร้อมจะหักหลังมากมาย
เมื่อเห็นเย่เชียน,ม่อหลงและเซี่ยจือยี่เดินเข้ามาโย่วซวนก็รีบเปิดประตูรถและทักว่า “คุณเย่สวัสดีครับ..ยินดีต้อนรับสู่ประเทศญี่ปุ่นอีกครั้ง..คราวที่แล้วคุณเย่มีธุระที่ต้องทำมากมายเราก็เลยไม่มีเวลามากพอที่จะพูดคุยกัน..มันช่างน่าเสียดายจริงๆ”
เย่เชียนก็หัวเราะและพูดว่า “หัวหน้าครับเราไม่จำเป็นต้องสุภาพกันขนาดนี้หรอก..นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราพบกันสักหน่อย..คุณก็รู้นิสัยผมนี่..ผมไม่ชอบการพูดอย่างเป็นทางการแบบนั้นน่ะ”
โย่วซวนก็ผงะไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดว่า “ใช่ๆ..คุณเย่พูดถูก..เชิญขึ้นรถครับ!” หลังจากนั้นคุณโย่วซวนก็ทำท่าทางเชิญ จากนั้นก็เปิดประตูให้เย่เชียนด้วยความเคารพ
เย่เชียนก็สุภาพเช่นกันและเขาก็ขึ้นรถและนั่งลงและเมื่อม่อหลงกำลังจะเข้ามาเย่เชียนก็ปิดประตูทันทีและพูดว่า “พี่มาทำอะไรที่นี่..พวกพี่ไม่มีรถมาเองหรอ..พี่ไปกับพี่สะใภ้เถอะ..ผมมีบางอย่างที่อยากจะคุยกับหัวหน้าโย่ว” หลังจากพูดจบเย่เชียนก็เลื่อนกระจกรถขึ้นโดยไม่ให้โอกาสม่อหลงได้พูด
ม่อหลงก็ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์และไม่สามารถฟื้นตัวได้เป็นเวลานาน เพราะเมื่อเขาอยู่ในรถคันเดียวกันกับเซี่ยจือยี่เธอก็มักจะถามคำถามที่ยากสำหรับม่อหลงอย่างมากเช่นการถามว่าม่อหลงจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหนในครั้งนี้และเขาชอบเธอหรือเปล่าจนม่อหลงรู้สึกเขินอายไปตลอดทางเหมือนนั่งอยู่บนหมุดและเข็ม ซึ่งนี่เป็นการส่งเสริมให้เซี่ยจือยี่สามารถอยู่กับหมอหลงได้ในอนาคต แต่สำหรับม่อหลงแล้วไม่เพียงแค่เย่เชียนไม่ช่วยเขาแต่กลับคอยสนับสนุนเซี่ยจือยี่อีกด้วย
เซี่ยจือยี่มีความยินดีและแอบส่งสายตาขอบคุณเย่เชียนอย่างลับๆ ซึ่งทัศนคติของเย่เชียนนั้นแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาเห็นด้วยกับเรื่องระหว่างเธอกับม่อหลงและยังสนับสนุนอีกด้วยดังนั้นเซี่ยจือยี่จะไม่มีความสุขได้อย่างไร? ซึ่งเธอเองก็ถามพ่อของเธออย่างชัดเจนว่าเย่เชียนนั้นมีอำนาจเด็ดขาดเพียงใดในองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าและเธอก็ได้คำตอบว่าสมาชิกเขี้ยวหมาป่าทุกคนต่างก็เคารพคำพูดของเย่เชียน ดังนั้นตอนนี้การที่เย่เชียนสนับสนุนเธอดั่งป้อมปราการเช่นนี้เพราะฉะนั้นไม่ช้าก็เร็วเธอจะสามารถเอาชนะหัวใจของม่อหลงได้อย่างแน่นอน
โจ่วซวนนั้นสามารถมองเห็นสถานการณ์ดังกล่าวได้จากข้างๆและแน่นอนว่าเขาแอบหัวเราะชอบใจเพราะแน่นอนว่าเขาเองก็หวังด้วยว่าคุณหนูอย่างเซี่ยจือยี่จะสามารถครองคู่กับม่อหลงอย่างมีความสุขได้ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงกับองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าได้บรรลุพันธมิตรกันแล้ว ดังนั้นถ้าหากมีอะไรเกี่ยวข้องกับแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงในอนาคตล่ะก็องค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยพวกเขาอย่างแน่นอน โย่วซวนนั้นติดตามเซี่ยตงไป่มานานเขาจึงรู้บางอย่างเกี่ยวกับเขี้ยวหมาป่าได้โดยธรรมชาติและเขาก็รู้ดีว่าถ้าแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงของเขาสามารถพึ่งพาเขี้ยวหมาป่าได้มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง ซึ่งอาจพูดได้ว่าสิ่งต่างๆอยู่ใกล้แค่เอื้อมและไม่ต้องพูดถึงการลอบสังหารผู้นำทั้งสามของแก๊งยามากุจิโดยสมาชิกเพียงไม่กี่คนของเขี้ยวหมาป่าเลยเพราะนี่ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้เพราะแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงเองก็เคยพยายามอย่างเต็มที่แต่พวกเขาก็ไม่สามารถสังหารหัวหน้าหรือผู้นำของแก๊งยามากุจิภายใต้การป้องกันที่เข้มงวดเช่นนี้ได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นแก๊งยามากุจิยังไม่สามารถตอบโต้เขี้ยวหมาป่าได้เลยแม้แต่น้อยแถมยังกลัวองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่ามากขึ้นกว่าเดิมอีก ดังนั้นเท่านี้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ความแข็งแกร่งขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าแล้ว
ซึ่งโย่วซวนเองก็เต็มใจที่จะมีส่วนร่วมในสงครามครั้งนี้มากและเมื่อได้ยินคำพูดของเย่เชียนว่าเขามีบางอย่างที่ต้องการคุยกับตนเป็นการส่วนตัวแล้วและไม่ให้ม่อหลงเข้ามาในรถด้วยเช่นนี้โย่วซวนจึงสตาร์ทรถและขับออกไปจากสนามบินไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเย่เชียนทิ้งม่อหลงให้อยู่กับเซี่ยจือยี่เช่นนี้แล้วโย่วซวนกลับไม่ถามอะไรสักคำเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า “ดูเหมือนว่าหัวหน้าเองก็คิดเหมือนผมสินะครับ”
“ผมเฝ้าดูคุณหนูเติบโตมาตั้งแต่เด็กๆและผมก็ปฏิบัติต่อเธอเหมือนเธอเป็นลูกสาวของผมเสมอมา..เธอเป็นคนที่เข้มแข็งและมีผู้ชายมากมายไล่ตามจีบเธอทั้งคนที่มีชื่อเสียงและทรงอิทธิพลทุกวัย..แต่เธอกลับไม่สนใจอะไรเลย..แต่ตอนนี้เธอตกหลุมรักคุณม่อหลงตั้งแต่แรกเห็นนั่นจึงทำให้ผมมีความสุขมาก..นอกจากนี้คุณม่อหลงเองก็ยังเป็นนักรบที่ทรงเกียรติและเขาก็เป็นผู้ชายที่แข็งแกร่ง..เพราะงั้นเมื่อรู้ว่าคุณหนูจะได้แต่งงานกับคนอย่างเขาผมจึงมีความสุขจริงๆและหมดกังวลกับเธอ” โย่วซวนพูด
เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆแล้วพูดว่า “ใช่ครับ..พี่ม่อหลงกับผมอยู่ด้วยกันมานานกว่าเจ็ดปีแล้ว..พวกเราเกิดมาร่วมทุกข์ร่วมสุขกันและสามารถตายแทนกันได้..เพราะงั้นผมเองก็มีความสุขมากที่ได้เห็นเขามีครอบครัวที่มีความสุข..คุณเซี่ยน่ะเป็นผู้สืบทอดแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง..ส่วนพี่ม่อหลงก็เป็นพี่น้องเขี้ยวหมาป่าของพวกเรา..ดังนั้นถ้าพวกเขาเข้ากันได้ดีล่ะก็สิ่งต่างๆคงจะดีไม่น้อยเลย”
“ถ้างั้นเรามาอวยพรให้พวกเขากันเถอะ..เพื่อให้ความรักระหว่างพวกเขาเป็นไปด้วยดี..ผมแทบจะรอไม่ไหวแล้วที่จะได้อุ้มหลานชายของผมฮ่าๆ” โย่วซวนพูด
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณครับหัวหน้าโย่วเพราะผมเองก็ต้องการอุ้มหลานเหมือนกันฮ่าๆ..แต่ผมรู้นิสัยของม่อหลงดีและมันคงไม่ง่ายอย่างงั้นแน่ๆ”
โย่วซวนก็พูดว่า “ใช่..ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะไม่ค่อยเต็มใจนัก..แต่ถ้าเราเข้าไปแทรกแซงเกินไปมันจะกลับกลายเป็นการต่อต้าน”
“มันไม่น่าจะเป็นแบบนั้นหรอกครับ” เย่เชียนพูด “ผมรู้จักเขาดี..ถึงเขาจะดูไม่เต็มใจแต่ที่จริงเขาน่ะเต็มใจมากแต่นิสัยของเขาเป็นแบบนี้น่ะสิ..เขาตอบสนองช้ากับเรื่องพวกนี้และยิ่งไปกว่านั้นยิ่งเร่งยิ่งช้าสำหรับเขา..สมัยก่อนผมใช้เวลาไปกว่าครึ่งปีในการชวนเขาคุยครั้งแรก..เห้อ..ผมน่ะรู้สึกกังวลจนแทบจะเป็นบ้าเพราะตอนนั้นผมคิดในใจว่าถ้าเขายังไม่ตอบผมอีกผมจะต่อยเขาให้ตายตรงนั้นเลย..หัวหน้าโย่วรู้ใช่ไหมว่าผมหมายถึงอะไร..ฮ่าๆ..มันต้องใช้เวลาสักหน่อยเพราะการจัดการกับผู้ชายแบบนั้นมันไม่ง่ายแต่ก็ไม่ได้ยาก..เราแค่ไม่สามารถบีบคั้นหรือเร่งเขาได้เท่านั้นเอง”
.
.
.
.
.
.
.