ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 612 ปัญหาของเซี่ยตงไป่
ตอนที่ 612 ปัญหาของเซี่ยตงไป่
วิธีการพูดของเย่เชียนนั้นทำให้โย่วซวนประหลาดใจแต่ก็สมเหตุสมผล เมื่อได้ชินเช่นนั้นโย่วซวนหัวเราะแล้วพูดว่า “ฮ่าๆ..ทฤษฎีของคุณเย่เนี่ยช่างยอดเยี่ยมจริงๆ..ไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณเย่จะรับมือกับผู้หญิงได้ดีขนาดนี้..ผมได้ยินมาว่าคุณเย่มีแฟนหลายคนเลย!”
“ไม่หรอกครับผมไม่เคยคิดที่จะใช้คารมกับผู้หญิงเลย” เย่เชียนพูด
“ฮ่าๆ!” โย่วซวนหัวเราะและยิ้มอย่างเห็นด้วย แน่นอนว่าเขาไม่สะดวกที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมากเกินไป และเขาก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเลย
เมื่อเย่เชียนคิดจะมาเยือนประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้เขาก็ไม่ได้คิดที่จะซ่อนที่อยู่ของเขาเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วแต่กลับเลือกมาที่นี่อย่างเปิดเผย ดังนั้นเขาจึงแจ้งเซี่ยงตงไป่ก่อนและเย่เชียนก็เชื่อว่าแก๊งยามากุจิ,แก๊งอินาดะและแก๊งโยชิคาว่าที่มีหูมีตาอยู่ทั่วประเทศญี่ปุ่นต่างก็กำลังเฝ้าจับตามองอยู่อย่างใกล้ชิด ดังนั้นพวกเขาต้องรู้ว่าเย่เชียนมาที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว
แก๊งยามากุจินั้นก็ไม่ได้โง่เพราะการที่เย่เชียนมาเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเปิดเผยเช่นนี้นั้นก็เป็นการยั่วยุอย่างชัดเจน ส่วนเย่เชียนเองก็รู้ดีว่าถ้าหากเขาทำลับๆล่อๆและแอบแทรกซึมเข้ามาในประเทศญี่ปุ่นล่ะก็แก๊งยามากุจิต้องไล่ล่าและฆ่าเขาแต่ในเมื่อเขาปรากฏตัวออกมาอย่างเปิดเผยเช่นนี้มันก็พิสูจน์ให้แก๊งยามากุจิเห็นว่าเย่เชียนนั้นมาพร้อมกับองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าและไม่กลัวแก๊งยามากุจิและพร้อมที่จะปะทะทุกเมื่อเช่นนั้น
เมื่อรถของเย่เชียนออกจากสนามบินไปสายข่าวของแก๊งยามากุจิ,แก๊งอินาดะและแก๊งโยชิคาว่าต่างก็รีบรายงานไปยังผู้นำของแก๊งแต่สำหรับแก๊งอินาดะกับแก๊งโยชิคาว่าก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรมากเพราะทั้งสองแก๊งนี้มุ่งเน้นไปที่การกำจัดแก๊งยามากุจิเสียมากกว่า ถึงแม้ว่าทั้งสององค์กรนี้จะถูกจัดให้อยู่ในเครือเดียวกันก็ตามแต่พวกเขาก็เป็นองค์กรที่แยกจากกัน ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาพลังและอิทธิพลของแก๊งยามากุจิก็อยู่เหนือพวกเขาเสมอจนทำให้พวกเขาก็ไม่พอใจ ดังนั้นถ้าหากไม่มีการแทรกแซงของสมาคมมังกรดำล่ะก็พวกเขาก็พร้อมที่จะทำลายแก๊งยามากุจิอย่างเต็มที่ ดังนั้นเมื่อพวกเขารู้ว่าเย่เชียนมาที่ประเทศญี่ปุ่นเช่นนี้หัวหน้าแก๊งอินาดะ ไทชิ มารุยาม่า และผู้นำของแก๊งโยชิคาว่า โอโนะ นานามิ ไม่เพียงแค่ไม่รู้สึกกลัวแต่ยังมีความสุขอีกด้วยเพราะพวกเขาแทบจะรอให้เย่เชียนกวาดล้างแก๊งยามากุจิไม่ไหวแล้ว ดังนั้นการต่อสู้ครั้งใหญ่นี้แผนการที่ดีที่สุดคือปล่อยให้แก๊งยามากุจิล่มสลายไป จากนั้นพวกเขาก็จะสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อครอบครองเขตแดนและธุรกิจทั้งหมดแก๊งยามากุจิและเปลี่ยนสถานการณ์ของขั้วอำนาจหลักทั้งสามของประเทศญี่ปุ่น
เมื่อหัวหน้าแก๊งยามากุจิ ยามาโตะ นากามูระ ได้ยินข่าวดังกล่าวคิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นโดยไม่ตั้งใจเพราะหัวหน้าแก๊งยามากุจิสองคนก่อนถูกลอบสังหารในเวลาที่ไล่เลี่ยกันด้วยน้ำมือของเย่เชียน ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเขาจะเป็นคนที่สามหรือไม่?อย่างไรก็ตามหลังจากที่คิดอย่างรอบคอบแล้วเขาก็ไม่รู้สึกกลัวอีกต่อไปเพราะท้ายที่สุดหัวหน้าแก๊งสองคนแรกนั้นโง่เขลาและพวกเขาก็อยู่เปิดเผยตัวตนมากเกินไปเพราะฉะนั้นคราวนี้มันแตกต่างกันออกไป เพราะเย่เชียนย่างก้าวเข้ามาสู่ดินแดนญี่ปุ่นอย่างโง่เขลาซึ่งเท่ากับว่าเย่เชียนทำให้ตัวเองตกอยู่ในความสว่างและประเทศญี่ปุ่นที่เป็นดินแดนของเขาเองดังนั้นยามาโตะนากามูระจึงรู้สึกว่าเขาไม่จำเป็นต้องกลัวเย่เชียน อย่างไรก็ตามเขาก็อดที่จะระมัดระวังไม่ได้อยู่ดี
เพียงแต่เขาไม่รู้เจตนาของเย่เชียนไม่ว่าจะเป็นการเดินทางหรือการเที่ยวหรือจุดประสงค์อื่น อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นแบบไหนเย่เชียนก็ต้องทำอะไรบางอย่างอยู่ดีเพราะทุกคนต่างก็รู้ดีถึงความขัดแย้งระหว่างองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าและแก๊งยากูซ่ายามากุจิ ดังนั้นหากเขี้ยวหมาป่าเข้ามาเหยียบประเทศญี่ปุ่นแบบนี้แต่แก๊งยามากุจิกลับไม่ตอบโต้อะไรเลยล่ะก็มันจะทำให้ศักดิ์ศรีของแก๊งยามากุจิเสื่อมเสียอย่างมากและทำให้คนนอกคิดว่าแก๊งยามากุจิกลัวองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าและยิ่งไปกว่านั้นเหล่าผู้นำและหัวหน้าแก๊งยามากุจิก็จำเป็นต้องใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์เพื่อพิสูจน์ให้สมาชิกแก๊งเห็นว่าสองเหตุการณ์ที่ผ่านมานั้นเป็นเพียงความโชคดีของเขี้ยวหมาป่าเท่านั้นและปลูกฝังความมั่นใจให้กับสมาชิกแก๊ง ไม่เช่นนั้นสมาชิกแก๊งทั้งหลายจะต้องตื่นตระหนกและกระวนกระวายจนเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อการพัฒนาขององค์กร
หลังจากทราบเรื่องนี้แล้วยามาโตะนากามูระก็ติดต่อไปยังสมาคมมังกรดำและรายงานเกี่ยวกับสิ่งต่างๆและถามว่าควรทำอย่างไร แต่ใครจะรู้ได้ว่าคำตอบที่สมาคมมังกรดำจะให้มานั้นง่ายมากคือการปล่อยให้ยามาโตะนากามูระ ซึ่งความหมายนี้ค่อนข้างน่าสนใจเพราะเป็นการปล่อยให้ยามาโตะนากามูระคิดและหากทางออกด้วยตัวเขาเองว่าจะทำอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้?นั่นทำให้ยามาโตะนากามูระต้องคิดอย่างรอบคอบอย่างมาก
หลังจากวางสายยามาโตะนากามูระก็สาปแช่งอีกฝ่ายอย่างดุเดือดเพราะเขาจะต้องทำอย่างไร?ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นหัวหน้าแก๊งยามากุจิก็ตามแต่เขาก็ต้องดูแลคนนับหมื่นคนภายใต้การดูแลของเขาซึ่งดูเหมือนจะมีเกียรติมากแต่ต่อหน้าผู้นำของสมาคมมังกรดำแล้วเขากลับเป็นกลายเป็นเหมือนตัวตลกที่ต้องคอยโค้งคำนับและก้มหัวคุกเข่าให้ ซึ่งคนนอกไม่รู้จักอำนาจของสมาคมมังกรดำแต่ยามาโตะนากามูระรู้ดีว่าในประเทศญี่ปุ่นนั้นสมาคมมังกรดำมีอำนาจเด็ดขาดตราบใดที่สมาคมมังกรดำออกคำสั่ง แก๊งยามากุจิก็หายไปจากโลกนี้ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงหัวหน้าแก๊งยามากุจิเลยเพราะถ้าสมาคมมังกรดำต้องการกำจัดเขาล่ะก็มันไม่ยากเลย
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งยามาโตะนากามูระก็กดเบอร์โทรศัพท์แล้วโทรออกทันทีและเดินออกไปเพราะไม่ว่าในกรณีใดเย่เชียนก็มาเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเปิดเผยดังนั้นเขาจึงต้องทำอะไรบางอย่างและถึงแม้ว่ามันจะเป็นการจุดชนวนสงครามก็ตามถึงยังไงยามาโตะนากามูระก็ต้องทำ เมื่อคิดเช่นนั้นเขาจึงติดต่อไปยังผู้นำในเขตต่างๆของแก๊งยามากุจิทันทีให้มาที่สำนักงานใหญ่เพื่อประชุมครั้งใหญ่อย่างเร่งด่วน
ในเวลานี้รถของโย่วซวนก็ขับตรงเข้าไปในบ้านของเซี่ยตงไป่และทันทีที่รถหยุดก็มีคนมาเปิดประตูให้เย่เชียนซึ่งเย่เชียนก็เดินออกจากรถและเงยหน้าขึ้นไปเห็นเซี่ยตงไป่ที่กำลังเดินออกมาจากบ้านด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา ซึ่งรอยยิ้มบนใบหน้าของเขานั้นดูจริงใจมากและไม่มีการเสแสร้งแต่อย่างใด ในช่วงเวลานี้แก๊งเจ้าพ่อฝูชิงเพิ่งจะถูกแก๊งอินาดะและแก๊งโยชิคาว่าโจมตีจนได้รับความเดือดร้อนมากมายแต่ถ้าหากไม่ใช่เพราะโย่วซวนล่ะก็เกรงว่าแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงคงจะถูกกำจัดโดยแก๊งยากุซ่าทั้งสองนี้แล้ว ดังนั้นเมื่อเห็นเย่เชียนมาถึงเซี่ยตงไป่จึงมีความสุขมากเพราะในเวลานี้เย่เชียนเป็นเหมือนเทวดาผู้กอบกู้สำหรับเขา
เย่เชียนก็เดินเข้าไปกอดเซี่ยตงไป่จากนั้นเซี่ยตงไป่ก็ตบหลังของเย่เชียนเบาๆและพูดว่า “น้องเย่!..ฉันดีใจแทบตายตอนที่ม่อหลงเข้ามาบอกฉันเมื่อสองสามวันก่อนว่าน้องเย่จะมาที่ญี่ปุ่น..ฉันตื่นเต้นจนนอนไม่หลับตั้งหลายวันแต่พอได้เจอน้องเย่ฉันก็สบายใจแล้ว”
เย่เชียนก็หัวเราะและพูดว่า “ฮ่าๆ..พี่ใหญ่ก็พูดไปมันไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า..พี่ใหญ่พูดแบบนี้ผมก็รู้สึกแย่ไปด้วยสิ”
“โถ่น้องเย่ไม่รู้เลยหรอว่าฉันเสียใจแค่ไหนตอนที่น้องเย่รีบกลับไปเมื่อครั้งที่แล้ว” เซี่ยตงไป่ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆและพูดว่า “เห้อ..ข้างนอกมันอากาศหนาวเราเข้าไปคุยข้างในกันเถอะ” จากนั้นเขาก็พาเย่เชียนเดินเข้าไปข้างในบ้าน จากนั้นเขาก็หันกลับมาและพูดว่า “จือยี่รีบพาน้องม่อหลงเข้าไปข้างในสิข้างนอกมันหนาว!”
“ขอบคุณครับพี่ใหญ่..ว่าแต่พี่ใหญ่เรียกม่อหลงว่าน้องม่อหลงแบบนี้มันจะดีหรอ?” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยตงไป่ก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็หัวเราะและพูดว่า “ฮ่าๆ..ไม่เป็นไรๆ..ฉันชอบเรียกพวกเอ็งว่าน้องๆน่ะ..ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจือยี่จะเป็นแบบไหนก็ตามและถึงแม้ว่าเขาจะเป็นลูกเขยของฉันก็ตามแต่ถึงยังไงในอนาคตฉันก็จะเรียกเขาว่าน้องอยู่ดี”
“พ่อคะ..พ่อจะเรียกเขาแบบนี้จริงๆหรอและพ่อจะให้เขาเรียกพ่อว่าพี่ใหญ่อย่างงั้นหรอ?” เซี่ยจือยี้สบตากับพ่อของเธอและพูด
“จะเรียกยังไงก็ได้ถ้าน้องม่อหลงอยากจะเรียก” เซี่ยตงไป่พูดด้วยรอยยิ้ม
ม่อหลงนั้นไม่ได้พูดอะไรมากนักและหันไปราวกับว่าเขาไม่ได้ยินอะไรเลยเพราะสำหรับเรื่องแบบนี้เขาควรพยายามมีส่วนร่วมให้น้อยที่สุด แต่ในใจของเขานั้นเขากำลังคิดว่าเขาจะเรียกเซี่ยตงไป่อย่างไรดี เมื่อคิดเช่นนี้เขาก็เหลือบไปมองเย่เชียนอย่างหมดหนทางพร้อมกับมีการขอร้องในดวงตาของเขาราวกับว่าเขากำลังพูดกับเย่เชียนว่า ‘บอสฉันขอร้อง..หยุดหยอกล้อฉันได้แล้ว’
เย่เชียนเองก็เห็นดวงตาของม่อหลงแต่เขาแสร้งทำเป็นไม่เห็นอะไรเลยแต่เขาก็ยังคงยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณมากครับพี่ใหญ่..คุณเป็นพ่อตาที่หายากมาก..นี่พี่ม่อหลงพี่รู้ไหมว่าพี่มีพ่อตาที่ยอดเยี่ยมมาก..เพราะครั้งแรกที่ผมพบพ่อตาของผมน่ะมันเหมือนกับสงครามจนหัวของผมแทบจะระเบิดเลย”
เย่เชียนนั้นก็ฉีกยิ้มและยังคงตลกตัวเองเมื่อเขาจำครั้งแรกที่เขาพบฉินเทียนพ่อของได้เพราะในตอนแรกความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับฉินหยูยังไม่ชัดเจนนักและฉินเทียนก็พยายามตัดสินตัวเองราวกับว่าเขาพ่อตาในอนาคตของตนและลองใจลูกเขยของเขาแต่โชคดีที่เย่เชียนนั้นมีประสบการณ์มากพอที่จะไม่ถูกกดขี่ข่มเหง ด้วยอ่อร่าของเย่เชียนนั้นไม่เพียงแต่เอาชนะฉินเทียนเท่านั้นแต่ยังทำให้เขาถึงกับยอมมอบสมบัติทั้งหมดที่เขาทุ่มเทอย่างหนักเพื่อเอาชนะมันมาให้กับเย่เชียน
เซี่ยตงไป่ก็ยิ้มและพูดว่า “ฉันสามารถจินตนาการถึงฉากนั้นได้เลยและมันต้องน่าตื่นเต้นมากแน่ๆ..น้องเย่เองก็ไม่ธรรมดาเลยที่สามารถเอาชนะใจพ่อตาได้..ว่าแต่ตอนที่น้องเย่เจอกับพ่อตามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นงั้นหรอ?”
“ผมว่าเราอย่าพูดถึงเรื่องนั้นกันเลย..ถ้าพูดอะไรมากไปกว่านี้ชื่อเสียงของราชาหมาป่าเย่เชียนคงจะต้องพังทลาย..เอาเถอะเราเข้าไปคุยเรื่องธุระกันดีกว่า..ตอนที่ผมมาผมเห็นสีหน้าของพี่ใหญ่ดูไม่ค่อยดีเลย..พี่ใหญ่กำลังมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” เย่เชียนเปลี่ยนเรื่องและพูด
“เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ” เซี่ยตงไป่ดึงเย่เชียนเข้าไปในบ้าน ส่วนโย่วซวนก็กระซิบกับบอดี้การ์ดที่ดูแลความปลอดภัยโดยรอบสองสามคำและเขาคนนั้นก็พยักหน้าและเริ่มเตรียมการทันที เพราะครั้งสุดท้ายที่เย่เชียนมาที่ประเทศญี่ปุ่นถึงแม้ว่าเขาจะได้พบกับเซี่ยตงไป่ในเวลานั้นก็ตามแต่ตอนนั้นแก๊งยามากุจิและแก๊งอื่นๆก็ไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของพวกเขา เนื่องจากเย่เชียนได้ลอบสังหารผู้นำทั้งสามของแก๊งยามากุจิไปดังนั้นแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงจึงใช้โอกาสนี้ในการบุกโจมตีเขตแดนของแก๊งยามากุจิ ซึ่งหลังจากนั้นมาแก๊งยากูซ่าสามขั้วอำนาจจึงมุ่งเป้าไปที่แก๊งเจ้าพ่อฝูชิงทันที ซึ่งอาจเป็นเพราะพวกเขาน่าจะคาดเดาความสัมพันธ์ระหว่างเย่เชียนกับแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงได้แล้ว
คราวนี้ที่เย่เชียนมาที่ประเทศญี่ปุ่นอย่างเปิดเผยเช่นนี้โย่วซวนจึงเชื่อว่าแก๊งยามากุจิเองก็รู้ข่าวเช่นกันและในช่วงเวลาวิกฤตนี้ โย่วซวนจะปล่อยให้เย่เชียนเป็นอะไรไปไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องทำหน้าที่คุ้มกันความปลอยภัยของเย่เชียนให้ดีเพื่อป้องกันไม่ให้แก๊งยามากุจิมาสร้างปัญหา ทั้งหมดนี้เป็นเพราะโย่วซวนมีความรอบคอบและครอบคลุมในทุกสิ่งไม่เช่นนั้นเซี่ยตงไป่คงไม่ไว้ใจเขาถึงขนาดนี้เป็นแน่ อาจกล่าวได้ว่าโย่วซวนเป็นมือหนึ่งของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงเลยก็ว่าได้
.
.
.
.
.
.
.