ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 614 ปลูกฝังจิตวิญญาณแห่งบูชิโด
ตอนที่ 614 ปลูกฝังจิตวิญญาณแห่งบูชิโด
แม้ว่าการกระทำของเซี่ยตงไป่จะเกรี้ยวกราดไปเสียหน่อยแต่เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้หากเขาไม่ทำแบบนี้มันก็จะดูไร้เหตุผลไปเล็กน้อย สำหรับผู้ที่อยู่บนเส้นทางนี้ความตายนั้นไม่สำคัญเท่าศักดิ์ศรี เพราะแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงเป็นองค์กรขนาดใหญ่ หากถูกรังแกและไม่กล้าแม้แต่จะตอบโต้ล่ะก็แก๊งอื่นๆจะไม่หัวเราะเยาะหรือ?ยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนก็อยู่ที่นี่ดังนั้นถ้าหากเซี่ยตงไป่จะขอให้เย่เชียนช่วยโดยที่ตนไม่แสดงความสามารถอะไรออกมาแล้วมันสมควรที่จะให้ผู้อื่นช่วยหรือไม่?ถึงแม้ว่าแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงกับองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าจะมีความสัมพันธ์ที่ดีแต่ก็ไม่มีเหตุผลใดที่เย่เชียนจะช่วยโดยที่เซี่ยตงไป่ไม่ดิ้นรนเลย ดังนั้นเซี่ยตงไป่จะต้องปฏิบัติเพื่อพิสูจน์บางสิ่งบางอย่างให้เย่เชียนเห็นเสียก่อน
เมื่อคำพูดของเซี่ยตงไป่จบลงสมาชิกแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงก็ได้ปิดล้อมสมาชิกแก๊งยามากุจิอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าจะไม่มีการปะทะกันก็ตามแต่บรรยากาศก็ตึงเครียดและใกล้จะปะทุออกมาและต่อให้ฮาราดะจะเย่อหยิ่งแค่ไหนแต่ในขณะนั้นเขาก็รู้สึกกลัวเล็กน้อยเพราะถ้าเขาต้องต่อสู้จริงๆเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแน่นอนแม้ว่าอำนาจและพลังของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงจะไม่ยิ่งใหญ่เท่าแก๊งยามากุจิก็ตามแต่ทว่าที่แห่งนี้เป็นหน้าประตูบ้านของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง ดังนั้นถ้าหากปะทะกันจริงๆล่ะก็เขาจะไม่พ่ายแพ้ไปอย่างราบคาบหรอกหรือ? ตอนที่เขาได้รับคำสั่งมาจากเบื้องบนนั้นฮาราดะเองก็รู้ดีว่าเรื่องนี้จะต้องจัดการได้ยากและถ้าหากสมาชิกคนใดรับไม่ได้ล่ะก็ชีวิตของเขาก็คงจะน่าเศร้าและน่าสมเพชเพราะพวกเขาต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเบื้องบนเท่านั้น
ในเวลานี้ฮาราดะก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับความกังวลและความโกรธเกรี้ยวและมองไปรอบๆแล้วพูดว่า “ดูเหมือนคุณเซี่ยจะอยากต่อสู้กับแก๊งยามากุจิมากเลยนะ..แต่คุณต้องคิดให้ดีๆนะว่าแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงของคุณน่ะอยู่มาหลายร้อยปีแล้วและมันไม่ง่ายเลยที่จะมีทุกวันนี้ได้..ผมไม่ต้องการให้แก๊งเจ้าพ่อฝูชิงต้องถูกทำลายด้วยน้ำมือของคุณหรอก”
“ห๊ะ!..สถานะของแกคืออะไร..แกมันก็แค่หัวหน้าเขตของแก๊งยามากุจิ..แกมีคุณสมบัติพอที่จะคุยกับฉันงั้นเหรอ?..เพราะงั้นรีบโปรไปบอกยามาโตะนากามูระว่าถ้าเขาต้องการทำสงครามจริงๆล่ะก็แก๊งฝูชิงของฉันก็ไม่กลัว!..แต่ถ้าแก๊งยามากุจิไม่อยากทำสงครามเขาก็ต้องมาอธิบายให้ฉันฟังด้วยตัวเอง..ไม่เช่นนั้นวันนี้พวกแกจะไม่ได้กลับไป!” เซี่ยตงไป่พูดอย่างไม่สบอารมณ์
บางทีเซี่ยตงไป่ก็ไม่ได้คิดที่จะเริ่มทำสงครามกับแก๊งยามากุจิเพราะการสนับสนุนของเย่เชียนแต่อย่างใด แต่ถ้าฟังจากด้านของแก๊งยามากุจิล่ะก็พวกเขาก็จะคิดว่าเซี่ยตงไป่หยิ่งผยองได้เพราะการสนับสนุนของเย่เชียนเขาจึงไม่เกรงกลัวอะไร ถึงแม้ว่าฮาราดะจะเป็นเพียงผู้นำเขตของแก๊งยามากุจิก็ตามแต่เขาก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับเซี่ยตงไป่ได้เลยทั้งในแง่ของสถานะ เพราะลำดับชั้นภายในแก๊งยามากุจินั้นเข้มงวดมากและต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาเท่านั้นไม่ว่าจะถูกหรือผิด เนื่องจากฮาราดะรับคำสั่งของผู้บังคับบัญชาเพื่อมาทดสอบเย่เชียนดังนั้นเขาก็ไม่ควรถอยกลับเพราะคำพูดที่รุนแรงของเซี่ยตงไป่ไม่เช่นนั้นเขสจะไม่มีทางอธิบายถึงเรื่องนี้ได้หลังจากที่เขากลับไปหาหัวหน้า
“ครั้งนี้เราไม่ได้มาหาคุณและไม่ได้พยายามยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งระหว่างแก๊งยามากุจิและแก๊งฝูชิงเลย..เรารู้ว่าผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าราชาหมาป่าเย่เชียนเพิ่งจะมาถึงญี่ปุ่นและมาที่นี่เพื่อมาทักทายคุณเซี่ย..เพราะงั้นเราจึงมาหาเขาเป็นพิเศษ” ฮาราดะพูด “ผมคิดว่าถ้าผมมาหาคุณด้วยตัวเองคุณคงจะไม่ปกป้องคุณเย่จากเราหรอกใช่มั้ย?”
เนื่องจากหัวข้อนี้ได้กระทบตัวของเขาเองดังนั้นเย่เชียนจึงไม่มีเหตุผลที่ต้องเงียบอีกต่อไป จากนั้นเย่เชียนก็ก้าวออกไปข้างหน้าสองสามก้าวพร้อมกับรอยยิ้มและเดินไปฝั่งตรงข้ามของฮาราดะและเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “คุณมาหาผมงั้นเหรอ?”
“ใช่!..ผม..” ก่อนที่ฮาราดะจะพูดจบเขาก็ถูกเย่เชียนขัดจังหวะว่า “คุณไม่มีคุณสมบัติพอที่จะมาคุยกับผม!..เพราะงั้นกลับไปบอกหัวหน้าแก๊งของคุณซะว่าถ้าเขาต้องการพบผมหรือคุยกับผมล่ะก็เขาควรจะมาด้วยตัวเองและอย่าส่งลูกน้องกระจอกๆมาคุยกับผมอีก..พวกคุณดูถูกเย่เชียนคนนี้งั้นเหรอ?” ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะพูดด้วยรอยยิ้มแต่รอยยิ้มนั้นก็ดูชั่วร้ายอย่างมากและน้ำเสียงของเย่เชียนก็ดูเย็นยะเยือกอย่างมาก
ฮาราดะก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอยู่ที่นั่นและสูญเสียอาการไปเล็กน้อย หลังจากหยุดไปชั่วขณะฮาราดะก็พูดว่า “คุณเย่..ผมคิดว่า..”
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วและมองฮาราดะอย่างเย็นยะเยือกและพูดว่า “คุณไม่ได้ยินสิ่งที่ผมเพิ่งจะพูดออกไปงั้นเหรอ?..ผมจะพูดอีกครั้งว่าถ้าหัวหน้าแก๊งของคุณต้องการคุยกับผมก็ให้เขามาด้วยตัวเอง..ชัดเจนนะ?..เพราะงั้นไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ!”
ทัศนคติของเย่เชียนนั้นไม่ได้ดีไปกว่าของเซี่ยตงไป่มากนักแต่คำพูดของเย่เชียนนั้นดูน่าตกใจมากกว่าคำพูดของเซี่ยตงไป่อย่างมากและสาเหตุหลักเป็นเพราะแก๊งยามากุจินั้นส่วนใหญ่ไม่ได้เกรงกลัวแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงเลยแต่พวกเขากลัวองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่ามากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเย่เชียนที่เป็นผู้นำของเขี้ยวหมาป่าซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามราชาหมาป่าเย่เชียนและเมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาทำกับแก๊งยามากุจิแล้วแน่นอนว่าสมาชิกแก๊งยามากุจิต่างก็รู้สึกหนาวสั่นจากก้นบึ้งของหัวใจกันทั้งนั้น เพราะพวกเขาไม่สามารถเข้าใจความคิดของเย่เชียนได้และพวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาจะทำให้เย่เชียนขุ่นเคืองในประโยคถัดไปที่พวกเขาจะพูดหรือไม่ซึ่งมันอาจจะนำไปสู่หายนะของสงครามกลางเมืองก็เป็นได้ ถึงแม้ว่าฮาราดะจะเคยได้ยินชื่อของเย่เชียนมานานแล้วก็ตามแต่เขาไม่เคยเห็นหน้าเย่เชียนมาก่อนและบางทีอาจเป็นเพราะฮาราดะไม่เคยเห็นวิธีการรับมือต่างๆของเย่เชียนและถึงเขาจะเคยได้ยินเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเย่เชียนก็ตามแต่เขาค่อนข้างสงสัยโดยคิดว่านี่เป็นข่าวลือที่ผิดพลาดและจงใจพูดเกินจริง แต่ทว่าตอนนี้เมื่อเขาได้เผชิญหน้ากับเย่เชียนต่อหน้าต่อตาและเพียงแค่เย่เชียนจ้องมองเขาด้วยดวงตาที่เหมือนมีดคมฮาราดะก็ดูเหมือนจะรู้สึกว่าเขากำลังยืนเปลือยกายอยู่ต่อหน้าเย่เชียนและหมดทางสู้ไปอย่างสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตามเลือดของฮาราดะก็ไหลผ่านจิตวิญญาณแห่งบูชิโดของชาวญี่ปุ่นมันจึงบังคับให้เขาปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาและถึงแม้ว่าพวกเขาจะประสบปัญหาพวกเขาก็ต้องอดทน นี่ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่กลัวความตายแต่มันเป็นสิ่งปลูกฝังของชาติพันธุ์ที่กระตุ้นให้เขาทำเช่นนั้นเพราะหากทำภารกิจไม่สำเร็จเขาก็จะต้องเผชิญกับทางตันอยู่ดี
เย่เชียนได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับการปลูกฝังและความเชื่อของชาวญี่ปุ่นมาอย่างดี แต่สำหรับเขานั้นถ้าเขารู้จักตัวเองและศัตรู ก่อนจากนั้นหากเขาต้องการกำจัดคนเหล่านั้นเขาก็ต้องรู้จุดแข็งและจุดอ่อนของอีกฝ่ายเสียก่อน ดังนั้นถ้าหากเย่เชียนต้องการทำลายประเทศญี่ปุ่นเย่เชียนก็ต้องรู้รากเหง้าของชาติพันธุ์เสียก่อน ซึ่งเย่เชียนนั้นเคยคิดที่จะควบคุมกองกำลังและองค์กรใต้ดินทั้งหมดในประเทศญี่ปุ่นเพื่อกวาดล้างประเทศนี้ให้หมดสิ้น อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็รู้ดีว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืนและมันก็ไม่เพียงพอที่จะพึ่งพาความแข็งแกร่งของคนเพียงคนเดียวและความแข็งแกร่งของเขี้ยวหมาป่าเพียงองค์กรเดียว ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่ได้คิดว่าเขาจะสามารถครอบครองประเทศญี่ปุ่นได้เพราะมันไม่สมจริงเขาไม่ได้มีพลังวิเศษขนาดนั้นเขาแค่ต้องมีทักษะในการควบคุมเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นและกำจัดศัตรูให้หมดสิ้นไปเท่านั้น
ฮาราดดะก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “คุณเย่..หัวหน้าของเราต้องการทราบจุดประสงค์ของการมาเยือนประเทศญี่ปุ่นของคุณในครั้งนี้..ผมอยากจะถามคุณเย่ว่าคุณลืมอะไรไปแล้วหรือเปล่าและถ้าเราลืมเราจะเตือนความจำของคุณให้..เพราะงั้นหัวหน้าของเราหวังว่าคุณเย่จะออกไปจากประเทศญี่ปุ่นโดยเร็วที่สุด..ไม่งั้นหากมีอะไรเกิดขึ้นก็อย่ามาตำหนิพวกเราก็แล้วกัน”
เย่เชียนถึงกับผงะไปครู่หนึ่งและเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าฮาราดะคนนี้จะมีความกล้าหาญและที่จะกระตุ้นยั่วยุอย่างเปิดเผยเช่นนี้และไม่กลัวตายเลยงั้นเหรอ?นอกจากนี้ที่นี่คือสนามหน้าบ้านของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงอีกดังนั้นแน่นอนว่าแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงจะไม่ยอมให้แขกของพวกเขาถูกคุกคามแบบนี้โดยคนอื่นๆหรอกใช่ไหม?
ทันทีที่เสียงของฮาราดะจบลงเซี่ยตงไป่ก็ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “ฉันไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนมาข่มขู่แขกของฉันในถิ่นของฉัน!..มันหยามเกียรติแก๊งฝูชิงของฉันมากเกินไปแล้ว..ฉันล่ะอยากเห็นจริงๆว่าแก๊งยามากุจิที่ยิ่งใหญ่เนี่ยมันจะเก่งอย่างที่พูดหรือเปล่า”
ทันทีที่เสียงของเซี่ยตงไป่จบลงสมาชิกแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงก็ชักปืนพกทั้งหมดออกมา ส่วนแก๊งยามากุจิเองก็ชัดเจนเช่นกันเพราะพวกเขาทั้งหมดชักปืนพกออกมาทีละคนและทันใดนั้นบรรยากาศก็เริ่มตึงเครียดและกลิ่นอายของการนองเลือดก็รุนแรง ดังนั้นตราบใดที่ไม่ระวังการยิงปะทะด้วยปืนก็มีแนวโน้มที่จะปะทุขึ้นทุกเมื่อ
โย่วซวนก็สกิดแขนของเซี่ยตงไป่ที่อยู่ข้างๆเขาเบาๆแล้วพูดว่า “อาจารย์เซี่ย..เราไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับแก๊งยามากูจิแล้วเพราะผมโทรไปแจ้งตำรวจเอาไว้แล้วก่อนหน้านี้..ผมเชื่อว่าตำรวจคงจะมาเร็วๆนี้”
เย่เชียนก็ได้ยินอย่างชัดเจนและพยักหน้าอย่างลับๆเพราะถ้าเขาเป็นโย่วซวนเขาก็จะเลือกวิธีการนี้เช่นกันเพราะตอนนี้แก๊งเจ้าพ่อฝูชิงไม่มีความสามารถมากพอในการต่อสู้กับแก๊งยามากุจิทั้งหมดได้เพราะในกรณีนั้นมันจะทำให้สิ่งเลวร้ายลงจริงๆและมันจะเป็นอันตรายต่อแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง ยิ่งไปกว่านั้นจนถึงตอนนี้แก๊งเจ้าพ่อฝูชิงก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเย่เชียนจะช่วยพวกเขาหรือไม่เมื่อพวกเขาเริ่มสงครามกับแก๊งยามากุจิจริงๆดังนั้นการเลือกให้ตำรวจจัดการปัญหาจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาผู้คนและประชาชนในประเทศญี่ปุ่นริ่มมีการพูดคุยกันมากขึ้นเรื่อยๆเกี่ยวกับการปราบปรามพวกอันธพาลและแก๊งรวมไปถึงองค์กรใต้ดินทั้งหมดและรัฐบาลเกาะก็ถูกบังคับให้ต้องลงมือและปราบปรามองค์กรใหญ่ๆยกตัวอย่างเช่นแก๊งยามากุจิ นั้นรัฐบาลญี่ปุ่นเองก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมากและยังเป็นเป้าหมายในการกวาดล้างกลุ่มแรกอีกด้วย
อย่างไรก็ตามเนื่องจากแก๊งยามากุจิเป็นเครือข่ายของสมาคมมังกรดำมันจึงมีน้ำหนักมากในแวดวงการเมืองและการทหารและธุรกิจระดับประเทศมากมาย ดังนั้นสมาคมมังกรดำจึงไม่ยอมให้รัฐบาลญี่ปุ่นกำจัดแก๊งยามากุจิออกไปจนทำให้การนโยบายการปราบปรามจึงเป็นเพียงแผนการเท่านั้นซึ่งยังไม่ถูกรัฐบาลกลางอนุมัติอย่างเป็นทางการนั่นเอง
“คุณโทรแจ้งตำรวจทำไม” เซี่ยตงไป่ขมวดคิ้วและพูดเพราะลึกๆแล้วเซี่ยตงไป่ยังคงมีความคิดแบบเดิมๆและนั่นคือตำรวจไม่สามารถกำจัดแก๊งอันธพาลตามท้องถนนได้ ดังนั้นหลังจากที่ได้ยินว่าโย่วซวนโทรแจ้งตำรวจเซี่ยตงไป่จึงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
“ขอโทษครับอาจารย์เซี่ย..ที่ผมไม่ขออนุญาตคุณก่อน..แต่ผมคิดว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว” โย่วซวนไม่ได้โกรธเพราะทัศนคติของเซี่ยตงไป่แต่อย่างใดและเขาก็พูดอย่างใจเย็นว่า “ถ้าเราเปิดสงครามกันตอนนี้มันก็ไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อแก๊งฝูชิงของเราเลย.
หลังจากนั้นโย่วซวนก็เอนตัวเข้าไปใกล้ๆหูของเซี่ยตงไป่และกระซิบว่า “ยิ่งไปกว่านั้นมันคงไม่ดีถ้าพวกเรามีปัญหาต่อหน้าคุณเย่”
.
.
.
.
.
.
.