ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 616 กล้าข่มขู่ฉันงั้นเหรอ
ตอนที่ 616 กล้าข่มขู่ฉันงั้นเหรอ?
ก่อนออกเดินทางเย่เชียนนั้นได้เตรียมการทั้งหมดเอาไว้แล้วดังนั้นเขาจะกลัวแก๊งยามากุจิเช่นนี้ได้อย่างไร? ส่วนกรมตำรวจโตเกี่ยวนั้นคืออะไรเพราะในสายตาของเย่เชียนนี่เป็นเพียงการแสดงเท่านั้นเพราะแก๊งยามากุจิไม่กลัวตำรวจ ดังนั้นเรื่องแบบนี้เย่เชียนจะเชื่อได้อย่างไร?
ยกเว้นเย่เชียนและม่อหลงนั้นก็ไม่มีใครรู้เลยว่าภายในความมืดมีสมาชิกเขี้ยวหมาป่าคอยปกป้องเย่เชียนอยู่ ซึ่งเป็นหน่วยกรงเล็บหมาป่าที่ในอดีตเคยเป็นสมาชิกขององค์กรดาร์คลิลลี่ที่เป็นถึงองค์กรนักฆ่าชั้นหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคนเหล่านี้เป็นชาวญี่ปุ่นโดยกำเนิดดังนั้นพวกเธอจึงรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นและยิ่งกว่านั้นพวกเธอทั้งหมดล้วนเป็นสุดยอดนักฆ่าดังนั้นภายใต้การคุ้มครองของพวกเธอเย่เชียนจึงไม่ต้องกังวลไปกับอันตรายที่เขากำลังจะเผชิญเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรเย่เชียนก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อการคุกคามและการข่มขู่ของผู้อื่นได้และไม่ต้องพูดถึงผู้นำเขตของแก๊งยามากุจิตำแหน่งเล็กๆเลยเพราะต่อให้หัวหน้าแก๊งยามากุจิจะมาที่นี่ด้วยตัวเองก็ตามถึงยังไงเย่เชียนก็จะไม่ปล่อยให้เขาข่มขู่ตนแบบนี้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากเย่เชียนเพิกเฉยไปแก๊งยามากุจิจะไม่คิดว่าเย่เชียนกลัวพวกเขาเหรอ?ที่สำคัญกว่านั้นเย่เชียนรู้ว่าเขี้ยวหมาป่าเป็นยังไงในสายตาของแก๊งยามากุจิและนั่นคือฝันร้ายและเป็นฝันร้ายที่สมาชิกทุกคนของแก๊งยามากุจิไม่อยากพูดถึง ดังนั้นหากเย่เชียนปล่อยให้ฮาราดะกลับไปแบบนี้มันก็จะเพิ่มความมั่นใจให้กับสมาชิกของแก๊งยามากุจิอย่างไม่ต้องสงสัยและทำให้พวกเขาไม่กลัวเขี้ยวหมาป่าอีกต่อไป ซึ่งนี่ไม่ใช่ปัญหาเล็กๆเพราะถ้าหากสมาชิกแก๊งยามากุจิยังคงกลัวเขี้ยวหมาป่าเช่นนี้ต่อไปมันก็จะทำให้สมาชิกแก๊งยามากุจิขวัญเสียเมื่อเย่เชียนเปิดสงครามอย่างเป็นทางการและมันจะทำให้ประสิทธิภาพการต่อสู้ของแก๊งยามากุจิลดลงอย่างมาก
ฮิโรโนะเองก็ตระหนักได้ว่ามันจะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอนดังนั้นเขาจึงพูดอย่างเร่งรีบว่า “เอ่อคุณครับ..ผมคิดว่าเราควรจบและคุณควรจะหยุดสร้างปัญหาจะดีกว่า..ไม่งั้นก็อย่าหาว่าผมไม่ไว้หน้าเพราะผมต้องทำตามหน้าที่” จากนั้นเขาก็หันไปมองเซี่ยตงไป่แล้วพูดว่า “คุณเซี่ยเขาคือเพื่อนของคุณใช่ไหมครับ..โปรดบอกเขาทีว่าอย่าเข้ามายุ่งวุ่นวายไม่งั้นผมก็จำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและหน้าที่”
ระดับภาษาญี่ปุ่นของเย่เชียนนั้นก็ยังคงแย่มากยกเว้นคำบางคำ แต่ทว่าม่อหลงที่อยู่ข้างๆก็คอยแปลและตีความหมายให้เย่เชียนฟัง แต่บางทีอาจเป็นเพราะเย่เชียนที่เกลียดชังประเทศญี่ปุ่นมานานเขาจึงไม่มีความรู้สึกที่ดีเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นเลยและเขาไม่สนใจดังนั้นเขาจึงไม่ใส่ใจที่จะศึกษาภาษาญี่ปุ่น อย่างไรก็ตามถ้าเรารู้จักตัวเองและศัตรูมันก็ดีกว่าดังนั้นเย่เชียนก็ยังจำเป็นที่จะต้องรู้ภาษาญี่ปุ่นไม่เช่นนั้นมันคงจะยากที่จะจัดการกับคนญี่ปุ่น
เมื่อคำพูดของฮิโรโนะจบลงเย่เชียนก็ขมวดคิ้วและจ้องมองฮิโรโนะจากหัวจรดเท้าแล้วพูดว่า “นี่คุณก็ขู่ผมด้วยงั้นเหรอ..คุณมันก็เป็นคนญี่ปุ่นเพราะงั้นมันก็แน่นอนอยู่แล้วว่าคุณจะต้องช่วยเขา!..ผมบอกได้เลยว่ามันจะไม่มีใครสามารถออกไปจากที่นี่ได้โดยที่ผมไม่อนุญาต!..รวมถึงคุณด้วยเชื่อมั้ย?”
คำพูดของเย่เชียนค่อนข้างดุดันและเด็ดขาด ส่วนฮิโรโนะนั้นก็ไม่รู้ว่าเย่เชียนเป็นใครแต่มันไม่ง่ายเลยที่จะจัดการปัญหานี้เพราะเรื่องทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นในบ้านของผู้นำแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงและเขาก็เห็นได้ว่าเย่เชียนนั้นเป็นแขกคนสำคัญของเซี่ยตงไป่ดังนั้นตราบใดที่เย่เชียนพูดอะไรเซี่ยตงไป่ก็คงจะไม่ไว้หน้าของเขาอย่างแน่นอนและเมื่อถึงตอนนั้นเขาคงจะทำอะไรไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ส่วนฮาราดะนั้นก็เป็นหมูตายที่ไม่กลัวน้ำเดือดๆเพราะก่อนที่เขาจะกลับเขาดันทำให้เย่เชียนไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง แต่สำหรับเขานั้นเขาคิดเพียงแค่ว่าหากทำเช่นนี้หัวหน้าของเขาอาจจะชื่นชมเขา ซึ่งเขาคิดเพียงแค่การแสวงหาความมั่งคั่งและคำเยินยอดังนั้นฮาราดะจึงรู้สึกว่าเขาควรจะกล้าหาญ เมื่อคิดเช่นนั้นฮาราดะจึงมองเย่เชียนอย่างเย้ยหยันและพูดอย่างมั่นใจว่า “หืม..ผมก็ยืนอยู่ที่นี่ตอนนี้..ผมไม่คิดว่าคุณจะกล้าทำอะไรผมต่อหน้าตำรวจหรอก..คุณน่าจะรู้ตัวนะว่าตอนนี้ทุกๆการเคลื่อนไหวของคุณอยู่ภายใต้การจับตามองของแก๊งยามากุจิของเรา..เพราะงั้นถ้าคุณกล้าทำอะไรผมล่ะก็คุณคงจะออกไปจากเกาะนี้ไม่ได้..หืม..คุณคิดว่าคุณเก่งนักเหรอที่แอบมาที่นี่อย่างเงียบๆและคิดว่าไม่มีใครสนใจคุณ..ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้วนะช่วยรู้ตัวสักที”
มุมปากของเย่เชียนฉีกขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้ายและเขาก็พูดว่า “บอกตามตรงผมไม่รู้จริงๆ..แต่ผมอยากจะลองพิสูจน์ดูสักหน่อย” ทันทีที่เสียงของเย่เชียนจบลงเย่เชียนก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วและกระโดดหมุนตัวเตะท้องของฮาราดะอย่างรุนแรงจนฮาราดะกระเด็นออกไปราวกับว่าวที่หักและทรุดตัวลงไปกับพื้นอย่างโอดครว ซึ่งสมาชิกแก๊งยามากุจิต่างก็ตกตะลึงและรีบวิ่งไปเข้าไปหาเย่เชียน อย่างไรก็ตามเนื่องจากเย่เชียนไม่ได้ใช้ปืนดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้คิดที่จะชักปืนออกมา
ถึงแม้ว่าจะไม่มีคำสั่งใดๆจากเซี่ยตงไป่ก็ตามแต่สมาชิกแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงก็ตระหนักได้ว่าสถานการณ์ดังกล่าวมันไม่สามารถยุติได้ง่ายๆอีกต่อไปพวกเขาจึงรีบเข้าไปเผชิญหน้ากับสมาชิกแก๊งยามากุจิทีละคนและทั้งสองฝ่ายก็ผลักกันและตะโกนสาปแช่งใส่กัน แต่เหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับรีบชักปืนพกออกมาและจ่อไปที่เย่เชียน ซึ่งฮิโรโนะเองก็ตระหนักได้ว่ามันผิดแต่มันก็สายเกินไปที่จะหยุดคนของเขาแล้ว
ในขณะนี้สิ่งที่ต้องห้ามมากที่สุดคือการเปิดฉากยิงก่อนเพราะเมื่อไหร่ที่ปืนถูกยิงออกมามันก็มีแนวโน้มที่จะไปกระตุ้นความเดือดดาลของทั้งสองฝ่ายซึ่งจะทำให้เกิดชนวนสงครามจนถึงจุดที่ไม่สามารถควบคุมได้
ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะยาวนานมากแต่ที่จริงแล้วมันใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้นเพราะในเวลาเดียวกันกับที่เย่เชียนกระโดดหมุมตัวเตะออกไปทางม่อหลงเองก็เคลื่อนไหวเช่นกันซึ่งร่างของม่อหลงก็พุ่งเข้าไปข้างหลังฮิโรโนะอย่างรวดเร็วและใช้มือของเขาคว้าคอของฮิโรโนะเอาไว้เพราะม่อหลงนั้นรู้ดีว่าเมื่อเทียบกับแก๊งยามากุจิแล้วคนที่ข่มขู่เย่เชียนไม่น้อยไปกว่าแก๊งยามากุจิก็คือตำรวจเหล่านี้ ดังนั้นหากม่อหลงไม่หยุดฮิโรโนะเอาไว้เขาก็จะถูกตำรวจเหล่านี้ล้อมและมันจะควบคุมได้ยากสักหน่อย
ตามที่คาดเอาไว้เหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจชักปืนพกออกมาและเล็งไปที่เย่เชียนแต่น่าเสียดายที่ฮิโรโนะตกอยู่ในกำมือของม่อหลงเสียแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาไม่เห็นด้วยซ้ำว่าม่อหลงขยับแต่เมื่อเห็นอีกทีเขาก็พบว่าฮิโรโนะถูกม่อหลงประชิดตัวเสียแล้ว ซึ่งสิ่งนี้ทำให้พวกเขาประหลาดใจอย่างมากเพราะเดิมทีฮิโรโนะก็เป็นปรมาจารย์คาราเต้ที่มีชื่อเสียงของกรมตำรวจและเขาก็ทักษะคาราเต้ถึงห้าดั้งแล้วแต่เขากลับไม่สามารถตอบโต้ม่อหลงได้เลย ดังนั้นหากพวกเขาไม่ได้เห็นด้วยตาของพวกเขาเอง พวกเขาก็คงจะไม่เชื่อ
“สั่งให้พวกเขาหยุดซะ!” ม่อหลงบีบลำคอของฮิโรโนะอย่างแรงแล้วพูดอย่างเย็นชา
เมื่อเป็นเช่นนี้ฮิโรโนะจะกล้าละเลยที่ไหนเขาจึงรีบโบกมืออย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “อย่าๆ..เก็บปืนไปซะ!” เมื่อได้ยินเช่นนี้เหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างก็มองหน้ากันและเก็บปืนพกกลับไปที่ซองปืนทีละคน
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างไม่แยแสและเดินเข้าไปตบไหล่ของฮิโรโนะเบาๆและพูดว่า “ดูเหมือนว่าคุณจะไม่พอใจสินะ..คุณกับผมก็ไม่ได้มีความคับข้องใจอะไรกันแต่วันนี้คุณกลับปฏิบัติต่อผมเสมือนเป็นภัยคุกคาม..ยังดีที่ผมฟังไม่รู้เรื่องเท่าไหร่แต่ถ้าครั้งหน้าเป็นอย่างนี้อีกก็อย่าหาว่าผมไม่เตือนล่ะ..อย่าว่าแต่ตำรวจชั้นผู้น้อยอย่างคุณเลยเพราะต่อให้เป็นอธิการหรือจะยศไหนๆเมื่อพวกเขาเห็นผมพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะขู่ผมแบบนี้..อ้อผมเกือบลืมไปเลยคุณยังไม่รู้จักชื่อของผมสินะ..ถ้าอย่างนั้นผมจะบอกคุณแต่คุณต้องจำมันเอาไว้ให้ดี!..ผมชื่อเย่เชียน!..ที่แปลว่าอ่อนน้อมถ่อมตน!”
“เย่เชียน?” ฮิโรโนะพึมพำสองสามคำและพยายามค้นหาข้อมูลของเย่เชียนในใจแต่ก็พบว่าเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว
เมื่อเห็นสมาชิกแก๊งยามากุจิโวยวายอยู่ข้างๆเย่เชียนก็ตะโกนว่า “หุบปาก!” ทันทีที่เสียงของเย่เชียนจบลงทั้งสองฝ่ายที่ส่งเสียงดังก็หยุดสาปแช่งกันทันที แน่นอนว่าสมาชิกแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงนั้นเข้าใจคำพูดของเย่เชียนและถึงแม้ว่าสมาชิกแก๊งยามากุจิจะไม่เข้าใจแต่เมื่อพวกเขาเห็นการกระทำของสมาชิกแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงหยุดพวกเขาจึงหยุดส่งเสียงดังเช่นกัน
เย่เชียนก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจและเดินไปหาฮาราดะอย่างช้าๆ ซึ่งฮาราดะก็ถูกลูกน้องช่วนพยุงขึ้นมาแต่เขาก็ยังคงเจ็บปวดช่วงท้องของเขาอย่างมากแต่เขาไม่ได้มีบาดแผลใดๆเพราะคราวนี้เย่เชียนไม่แสดงความเมตตาไม่ได้ยั้งพลังของเขาเพราะเขาใช้พลังของศิลปะการต่อสู้โบราณเพื่อทำลายอวัยวะภายในของฮาราดะโดยตรง ซึ่งอาการบาดเจ็บภายในนั้นไม่ง่ายเลยที่จะรักษาได้และถึงแม้ว่ามันจะรักษาให้หายได้แต่ฮาราดะก็จะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมากจนกว่ามันจะหาย
เมื่อเย่เชียนมองไปที่สมาชิกแก๊งยามากุจิสองคนที่ช่วยพยุงฮาราดะขึ้นมาพวกเขาก็ตัวสั่นด้วยความตกใจและรีบปล่อยมือออกจากฮาราดะทันทีจนฮาราดะล้มลงไปอีกครั้งและพยายามที่จะลุกขึ้นมาด้วยตัวเองและเกือบจะล้มลงไปอีกครั้ง การที่เย่เชียนกล้าทำแบบนี้ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจและยังกล้าข่มขู่กรมตำรวจเช่นนี้มันจึงทำให้สมาชิกแก๊งยามากุจิหวาดกลัวและตกใจ แต่เมื่อนึกถึงประวัติศาสตร์และข่าวลือต่างๆของเย่เชียนแล้วพวกเขาก็สั่นสะท้านไปทั้งตัวและสาปแช่งฮาราดะนับครั้งไม่ถ้วนในใจและคิดว่าสิ่งที่ผู้คนร่ำลือกันเกี่ยวกับเย่เชียนนั้นมันไม่ได้เกินจริงอย่างที่คิดและมันยิ่งกว่าข่าวลืออีกด้วย ดังนั้นพวกเขาควรจะปิดปากเงียบและหาทางออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
เย่เชียนก็ตบหน้าฮาราดะและฉีกยิ้มอย่างชั่วร้ายแล้วพูดว่า “ก่อนหน้านี้แกพูดว่าอะไรนะ..ถ้าฉันฆ่าแกทิ้งหัวหน้าของแกก็จะมาแก้แค้นให้แกใช่มั้ย?..ฉันต้องการแบบนั้นอยู่แล้ว”
ฮาราดะก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งเพราะถ้าหากเย่เชียนฆ่าเขาตอนนี้ถึงยังไงแก๊งยามากุจิก็จะไม่ทำสงครามกับเย่เชียนอยู่ดี ซึ่งทั้งหมดนี่เป็นเพียงแค่หัวหน้าของเขามีความกังวลใจเมื่อพวกเขารู้ว่าเย่เชียนมาที่ประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงแค่ส่งตนมาเพื่อตรวจสอบเท่านั้นไม่เช่นนั้นพวกเขาก็คงจะส่งคนไปเพื่อไล่ล่าเย่เชียนตั้งนานแล้วใช่ไหม?ซึ่งประโยคเหล่านี้แสดงให้เห็นแล้วว่าแก๊งยามากุจิยังมีความหวาดกลัวต่อองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าอยู่ ดังนั้นถึงแม้ว่าเย่เชียนจะฆ่าฮาราดะไปตอนนี้ถึงยังไงแก๊งยามากุจิก็จะไม่ล้างแค้นให้เขาอยู่ดี อย่างไรก็ตามทั้งๆที่เขารู้ความจริงข้อนี้แต่เขาก็อดพูดออกไปอย่างโออ่าไม่ได้ไม่เช่นนั้นมันคงจะเป็นการเสียหน้าของแก๊งยามากุจิใช่ไหมถ้าหากเขากลับคำและอ้อนวอนร้องขอชีวิต? หากเป็นเช่นนั้นเมื่อเขากลับไปแล้วเขาก็จะถูกลงโทษอย่างแน่นอน “เย่เชียน..ฆ่าฉันเลย..ถ้าแกกล้าพอก็ฆ่าฉันซะสิไม่ต้องพูดอะไรให้มันมากความ!” ฮาราดะพูดอย่างภาคภูมิใจ
.
.
.
.
.
.
.