ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 618 พูดคุยและเจรจา
ตอนที่ 618 พูดคุยและเจรจา
เซี่ยตงไป่ก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันทำให้น้องเย่ต้องเดือดร้อนไปด้วย..ในเมื่องน้องเย่ไม่ใช่คนนอกถ้างั้นฉันก็จะพูดตามตรง..น้องเย่น่าจะรู้นะว่าช่วงนี้แก๊งฝูชิงของเรากำลังถูกแก๊งและองค์กรต่างๆโจมตีเพราะตั้งแต่ที่น้องเย่ออกจากญี่ปุ่นครั้งล่าสุดฉันจึงต้องการขยายอาณาเขตของแก๊งฝูชิงเนื่องจากสามผู้นำของแก๊งยามากุจิตายไปจนแก๊งยามากุจิวุ่นวาย..แต่ใครจะไปรู้ว่าฉันจะไปยั่วยุให้เกิดการโจมตีร่วมกันของแก๊งอินาดะและแก๊งโยชิคาว่า..ซึ่งถ้าไม่ได้คุณซวนล่ะก็แก๊งฝูชิงคงจะไม่อยู่รอดจนถึงตอนนี้แน่ๆ..ซึ่งหลังจากการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่นั้นแก๊งฝูชิงของเราประสบความสูญเสียอย่างหนักแต่เราก็กำลังฟื้นตัวเรื่อยๆ”
ถึงแม้ว่าแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงจะอยู่ในประเทศญี่ปุ่นมาหลายปีแล้วก็ตามแต่พวกเขาก็ยังไม่ทราบเกี่ยวกับการมีอยู่ของสมาคมมังกรดำและสาเหตุหลักเป็นเพราะสมาคมมังกรดำนั้นลึกลับเกินไปและสมาคมมังกรดำก็ไม่ค่อยเข้าได้ใช้ชื่อในนามของสมาคมมังกรดำนักเพราะพวกเขามักจะเคลื่อนไหวในนามของแก๊งยามากุจิและแก๊งอินาดะและแก๊งโยชิคาว่า ซึ่งหากคราวที่แล้วผู้นำแก๊งยามากุจิทั้งสามไม่ได้ถูกลอบสังหารล่ะก็สมาคมมังกรดำก็คงไม่เข้ามาแทรกแซง ดังนั้นเซี่ยตงไป่จึงไม่รู้ว่าสมาคมมังกรดำมีอยู่จริงเขาจึงทำเช่นนั้นลงไป
“คนจีนทั้งโลกนั้นต่างก็เป็นมิตรสหายกันดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูต่างชาติแล้วพวกเราชาวจีนก็ควรจะช่วยเหลือกัน..ยิ่งไปกว่านั้นแก๊งฝูชิงและเขี้ยวหมาป่าเองก็เป็นดั่งพี่น้องเพราะงั้นถ้าหากแก๊งฝูชิงมีปัญหาอะไรพี่ใหญ่ก็แค่บอกผมและตราบใดที่เขี้ยวหมาป่าสามารถช่วยได้ผมก็จะช่วย..มันไม่มีคำว่าเกรงใจสำหรับพี่น้องหรอกครับ” เย่เชียนพูด
“ในเมื่อน้องเย่พูดแบบนี้ฉันก็รู้สึกโล่งใจ..ตราบใดที่เป็นน้องเย่ฉันก็เชื่อว่าแก๊งยามากุจิ..แก๊งอินาดะ..แก๊งโยชิคาว่าพวกนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขี้ยวหมาป่าเลย..อันที่จริงฉันเองก็ได้ติดต่อหวังหูจากประเทศจีนแล้วด้วยเพราะหลังจากที่เขาได้เข้ายึดครองแก๊งชิงและหงเหมินได้เขาก็ต้องการที่จะขยายอำนาจของเขามาโดยตลอด..เพราะงั้นถ้าได้เขามาช่วยอีกแรงมันคงจะทรงพลังมาก” เซี่ยตงไป่พูดด้วยความตื่นเต้น
เย่เชียนก็ถึงกับตกตะลึงและเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าเซี่ยตงไป่จะมีสัมพันธไมตรีที่ดีกับหวังหู แต่เมื่อลองคิดดูถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่คนละประเทศแต่ชาวจีนจำนวนมากก็ยังคงเชื่อมโยงกัน ซึ่งหลังจากเย่เชียนได้รวมแก๊งชิงกับหงเหมินเข้าด้วยกันเย่เชียนก็มอบให้หวังหูดูแลสิ่งต่างๆแต่ทว่าเหล่าผู้เฒ่าหลายคนในแก๊งชิงและหงเหมินกลับไม่ได้วางมือไปแต่กลับไปปลุกความทะเยอทะยานของพวกเขาแทน ซึ่งหวังหูนั้นเกิดมาพร้อมกับความสามารถในการเป็นผู้นำอย่างแท้จริงและดูเหมือนว่าเขาจะทำให้หงเหมินและแก๊งชิงกลายเป็นแก๊งอันดับ 1 ในประเทศจีนอย่างสง่าผ่าเผย
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเซี่ยตงไป่ก็พูดว่า “ฉันได้ติดต่อไปหาแก๊งฉ่างหลีจากประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วเช่นกัน..ฉันเชื่อว่าพวกเขาจะส่งคนมาในอีกไม่กี่วัน..ฉันเองก็เชื่อว่าคนจีนทั่วโลกจะรวมกันเป็นหนึ่งจนกลายเป็นกองกำลังที่ยิ่งใหญ่..เพราะงั้นความแข็งแกร่งของแก๊งยามากุจิ..แก๊งอินาดะและแก๊งโยชิคาว่าเหล่านั้นจะเทียบพวกเราไม่ได้เลย
เย่เชียนก็เหลือบมองไปที่โย่วซวนที่เงียบอยู่ข้างๆและเดาว่าทั้งหมดนี้เป็นความคิดของโย่วซวนใช่ไหม?ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าโย่วซวนเริ่มติดต่อพวกเขาเหล่านั้นเมื่อเขารู้ว่าตนกำลังจะมาที่ประเทศญี่ปุ่นเช่นนี้ ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมาแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงได้แสดงความอ่อนแอให้ศัตรูเห็นและนั่นก็มีจุดประสงค์เพื่อโจมตีโต้กลับสามขั้วอำนาจอย่างกะทันหันและถึงแม้ว่าหวังหูและแก๊งฉ่างหลีจะไม่สามารถส่งคนมาที่นี่ได้ทั้งหมดก็ตามแต่มันก็เพียงพอแล้ว ซึ่งถ้าหากพวกเขาส่งคนของพวกเขามาที่นี่ทั้งหมดพร้อมๆกันล่ะก็ประเทศญี่ปุ่นคงจะร้อนระอุและเป็นพื้นที่สงครามนองเลือดอย่างแน่นอน
เย่เชียนก็พยักหน้าให้กับโย่วซวนพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งโย่วซวนก็รู้ว่าเย่เชียนนั้นหมายถึงอะไรเขาจึงพยักหน้าตอบด้วยรอยยิ้มที่อ่อนน้อมถ่อมตน ซึ่งในฐานะผู้ช่วยที่วางกลยุทธ์ที่มีคุณสมบัติที่ดีนั้นไม่เพียงแค่ต้องรู้วิธีจัดการกับเรื่องยุ่งยากเท่านั้นแต่ที่สำคัญกว่านั้นเขาต้องสามารถพลิกแพลงสถานการณ์และคิดเผื่อเอาไว้อีกด้วย ดังนั้นโย่วซวนเป็นคนแบบนี้อย่างไม่ต้องสงสัยเพราะเมื่อแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงมีปัญหาเขาก็สามารถหาวิธีให้แก๊งเจ้าพ่อฝูชิงหลีกเลี่ยงปัญหาได้และในเวลาเดียวกันเขาก็สามารถทำให้เซี่ยตงไป่เปลี่ยนความคิดจนเหมือนกับตัวเขาจนถึงที่สุด
“ฟังจากคำพูดของพี่ใหญ่แล้วดูเหมือนว่าคุณกำลังจะกวาดล้างพวกเขาสินะ?..ผมอยากรู้ถึงแผนการทั้งหมดจริงๆ” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม
“ให้คุณซวนพูดถึงรายละเอียดของแผนก็แล้วกันเพราะเขาเป็นคนคิดแผนนี้ขึ้นมา” เซี่ยตงไป่พูด “คุณซวนช่วยเล่าถึงแผนการทั้งหมดให้น้องๆฟังที”
ถ้อยคำเหล่านี้เป็นเหมือนคำที่ผู้บังคับบัญชาที่ประสบความสำเร็จควรพูดและถึงแม้ว่าโย่วซวนยินดีที่จะให้ความดีความชอบทั้งหมดของเขากับเซี่ยตงไป่ก็ตามแต่เซี่ยตงไป่กลับมอบมันกลับมาให้โย่วซวนอย่างสง่าผ่าเผยเมื่อเป็นเช่นนี้ผู้บังคับบัญชาก็จะสามารถเอาชนะใจผู้ใต้บังคับบัญชาได้อย่างมาก ซึ่งสิ่งนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าเซี่ยตงไป่เป็นผู้นำที่ดีและไม่จำเป็นต้องมีความสามารถใดๆทั้งสิ้นเพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือเขามีจิตใจที่เปิดกว้างต่อแม่น้ำทุกสายและรู้จักแสดงน้ำใจ และ รู้วิธีใช้คน เช่นเดียวกับหลิวปังจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฮั่นที่เป็นเพียงคนพาลตัวเล็กๆที่ไม่มีพรสวรรค์และความกล้าหาญแต่เขายังสามารถเอาชนะได้อย่างทรงเกียรติของและขึ้นครองบัลลังก์ได้ในที่สุดและนี่คือวิธีที่เขารู้จักเข้าถึงจิตใจของผู้คนนั่นเอง
ในเรื่องนี้เย่เชียนเองก็เชี่ยวชาญเช่นกันเพราะการพัฒนาของเขี้ยวหมาป่าที่สามารถมีทุกวันนี้ได้มันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพการต่อสู้และกำลังรบของเขี้ยวหมาป่าเท่านั้นแต่ส่วนใหญ่เกิดจากความสามารถของเย่เชียนและแน่นอนว่าประสิทธิภาพการต่อสู้อันทรงพลังของเขี้ยวหมาป่าก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน ซึ่งหมาป่าผีไป๋ฮวยเคยพูดเอาไว้ว่าถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ที่เขี้ยวหมาป่าก็ตามแต่เขาก็ไม่สามารถเป็นผู้นำได้และไม่มีทางที่จะนำเขี้ยวหมาป่าไปสู่ความรุ่งโรจน์อย่างที่เย่เชียนทำได้ แต่นี่ไม่ใช่ว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยด้อยกว่าเย่เชียนในแง่ของความสามารถแต่เป็นเพราะเย่เชียนมีจิตใจที่ดีและรักพวกพ้องยิ่งชีพนั่นเองและยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนสามารถทำให้สมาชิกแต่ละคนแสดงความสามารถออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดและลดข้อบกพร่องให้เหลือน้อยที่สุดเช่นกัน
โย่วซวนก็พยักหน้าเบาๆและเหลือบมองไปที่เย่เชียนแต่ในทันใดนั้นเขาก็ต้องกลืนคำพูดลงไปเพราะดูเหมือนว่าเขาจะตระหนักได้ว่าเย่เชียนอาจมีวิธีที่ดีกว่าตัวเองเพราะเขาเห็นว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของเย่เชียนดูเหมือนจะผสมกับร่องรอยของชัยชนะ หลังจากหยุดไปชั่วขณะโย่วซวนก็พูดว่า “ผมคิดว่าคุณเย่น่าจะมีวิธีที่ดีกว่านี้..คุณเย่มีความคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง..ผมเชื่อว่าคุณเย่จะต้องมีแผนการที่ดีอย่างแน่นอน”
เซี่ยตงไป่ก็ตกตะลึงครู่หนึ่งและมองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจ ซึ่งเย่เชียนเองก็ประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกันเพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าโย่วซวนจะฉลาดและมีไหวพริบกว่าที่เขาคิด ซึ่งถ้าหากแก๊งเจ่าพ่อฝูชิงถูกส่งต่อให้โย่วซวนดูแลล่ะก็เย่เชียนก็เชื่อว่าอนาคตของแก๊งเจ่าพ่อฝูชิงจะต้องรุ่งโรจน์อย่างมาก อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับเย่เชียนและเขาก็ไม่เคยคิดที่จะยึดแก๊งเจ่าพ่อฝูชิงเลยเพราะจุดประสงค์ปัจจุบันของเขามีเพียงหนึ่งเดียวและนั่นคือการทำลายสมาคมมังกรดำให้สิ้นซาก ซึ่งในสายตาของเย่เชียนนั้นตอนนี้เมื่อนำแก๊งยามากุจิ,แก๊งอินาดะและแก๊งโยชิคาว่ไปเทียบกับสมาคมมังกรดำแล้วเห็นได้ชัดว่าการกำจัดสมาคมมังกรดำนั้นยุ่งยากกว่ามาก
“บอกตามตรงเลยว่าผมเองก็ไม่ได้มีแผนการที่ดีอะไรในตอนนี้เลยเพราะจุดประสงค์ของการมาเยือนประเทศญี่ปุ่นของผมในครั้งนี้ไม่ได้มาเพื่อจัดการกับแก๊งยามากุจิเพราะแก๊งยามากุจิไม่ได้คุกคามเรา..แต่คราวนี้ที่ผมมาที่ประเทศญี่ปุ่นก็เพื่อจุดประสงค์อื่น..ผมไม่รู้ว่าคุณเซี่ยกับหัวหน้าโย่วเคยได้ยินชื่อสมาคมมังกรดำหรือเปล่า?” เย่เชียนพูดอย่างโผงผางหน้าตาเฉยเพราะต่อหน้าเซี่ยคงไป่นั้นเย่เชียนไม่จำเป็นต้องปกปิดอะไรเลยและคราวนี้แผนการของเย่เชียนก็ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงเช่นกัน
“สมาคมมังกรดำ?” เซี่ยตงไป่ก็ถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งและรีบพูดว่า “นี่เป็นเรื่องปกติที่จะเคยได้ยินแต่นั่นมันก็เป็นเรื่องก่อนสงครามต่อต้านญี่ปุ่นอีก..เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นได้พ่ายแพ้เพราะงั้นสมาคมมังกรดำก็เลยหายไปและหลังจากนั้นมาสมาคมมังกรดำก็ไม่เคยปรากฏตัวในประเทศญี่ปุ่นอีกเลย..ว่าแต่ทำไมจู่ๆน้องเย่ถึงได้ถามเรื่องนี้ล่ะ..เป็นได้ไหมว่าสมาคมมังกรดำยังมีตัวตนอยู่?”
เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม “การที่สมาคมมังกรดำหายไปหลายทศวรรษนั้นมันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่มีตัวตนอยู่อีกต่อไปแบบนั้น..แต่พวกเขานั้นเลือกที่จะอยู่อย่างไม่เปิดเผยเพราะแท้ที่จริงแล้วสมาคมมังกรดำได้ควบคุมองค์กรใต้ดินทั้งหมดของประเทศญี่ปุ่นเอาไว้และอยู่เบื้องหลังแก๊งยามากุจิ..แก๊งอินาดะและแก๊งโยชิคาว่า..เพราะงั้นสามขั้วอำนาจแห่งญี่ปุ่นล้วนถูกควบคุมโดยสมาคมมังกรดำ”
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลังจากผู้นำทั้งสามของแก๊งยามากุจิถูกน้องเย่เด็ดหัวไปตอนนั้นแก๊งฝูชิงของฉันก็เลยใช้โอกาสนี้เพื่อทำสงครามกับแก๊งยามากุจิแต่เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเพราะแก๊งอินาดะและแก๊งโยชิคาว่ากลับมาช่วยสนับสนุนแก๊งยามากุจิและร่วมกันโจมตีพวกเรา..ซึ่งถ้าหากพวกนั้นไม่ใช่พันธมิตรกันมันก็ควรจะใช้ประโยชน์จากโอกาสนั้นเพื่อกำจัดแก๊งยามากุจิ..ในเมื่อน้องเย่พูดออกมาแบบนี้ฉันก็กระจ่างแจ้งในหลายๆอย่างแล้ว” เซี่ยตงไป่พูด
“หากสมาคมมังกรดำอยู่เบื้องหลังพวกนั้นแล้วทำไมทั้งสามองค์กรถึงได้ขัดแย้งกันบ่อยนักล่ะ..หรือมันเป็นเพียงการเบี่ยงเบนความสนใจของผู้อื่นและกลัวว่าโลกภายนอกจะสงสัยว่าพวกเขาเป็นพันธมิตรกันหรือ?” โย่วซวนถามด้วยความประหลาดใจ
เย่เชียนก็พยักหน้าอย่างลับๆเพราะโย่วซวนนั้นมักจะตระหนักถึงความเป็นไปได้ของสิ่งต่างๆมากกว่าเซี่ยตงไป่ที่ค่อนข้างตรงๆและเรียบง่าย จากนั้นเย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “นี่ก็เหมือนกับกองทัพต่างๆของประเทศยกตัวอย่างเช่นในประเทศจีนจะมีกองทัพทหารและตำรวจที่มักจะมีความขัดแย้งกันบ้างเป็นบางครั้ง…แต่เมื่อต้องเผชิญกับองค์ที่เป็นอันตรายกับพวกเขาแล้วพวกเขาก็จะรวมตัวกันอีกครั้ง..เพราะงั้นสามขั้วอำนาจแห่งญี่ปุ่นก็เหมือนกันถึงแม้ว่าพวกเขาจะถูกควบคุมโดยสมาคมมังกรดำก็ตามแต่แก๊งยามากุจิก็แข็งแกร่งกว่าอีกสองแก๊งเสมอมา..ดังนั้นแน่นอนว่าอีกสองแก๊งจะไม่ค่อยเต็มใจช่วยและบางครั้งก็ขัดแย้งกันบ้างและมีการต่อสู้กันบางพื้นที่ตราบใดที่ไม่กระทบต่อสถานการณ์โดยรวมแล้วสมาคมมังกรดำก็มักจะเปิดตาข้างหนึ่งและปิดตาข้างหนึ่งและเพิกเฉยมันไป..อย่างไรก็ตามเมื่อมีต่างชาติเข้ามารุกรานและคุกคามพวกเขาแล้วสมาคมมังกรดำก็จะบังคับให้ทั้งสามขั้วอำราจรวมกันเพื่อต่อต้านศัตรูแบบนี้”
เซี่ยตงไป่ก็ขมวดคิ้วแน่นเพราะแค่ความแข็งแกร่งของแก๊งยามากุจิเพียงแก๊งเดียวก็นั้นแข็งแกร่งมากแล้วแต่ทว่านอกเหนือจากแก๊งอินาดะและแก๊งโยชิคาว่าก็ยังมีสมาคมมังกรดำที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังอย่างน่าเกรงขามอีกและไม่รู้เลยว่ายังมีอีกกี่กองกำลังที่คอยสนับสนุนอยู่ ดังนั้นแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้อย่างไร?ถึงแม้ว่าจะมีแก๊งฉ่างหลีและกองกำลังจากหวังหูที่ถูกเพิ่มเข้ามาอยู่ฝ่ายตนก็ตามแต่มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะต่อสู้และเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายใช่ไหม?ท้ายที่สุดแล้วที่แห่งนี้ก็คือดินแดนของอีกฝ่ายดังนั้นแก๊งฉ่างหลีและกองกำลังของหวังหูจึงไม่สามารถมาสนับสนุนอย่างเต็มกำลังได้
.
.
.
.
.
.
.
.