ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 623 ตระกูลอิงะ
ตอนที่ 623 ตระกูลอิงะ
เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ชายคนไหนจะแกล้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อรู้ว่ามีผู้ชายคนอื่นมาไล่ตามจีบแฟนของเขา นับประสาอะไรกับตระกูลอิงะที่ไล่ตามจีบซ่งหลันก่อนหน้านี้ เดิมทีก็มีความเกลียดชังทางชาติพันธุ์ที่รุนแรงมากอยู่แล้วและถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้บอกว่าเขาไม่ชอบชาวญี่ปุ่นทุกคนก็ตามแต่ทว่าลูกชายคนโตของตระกูลอิงะได้ใช้ประโยชน์จากความขัดแย้งระหว่างเย่เชียนกับซ่งหลันเพื่อมาตามจีบซ่งหลันเช่นนั้นนี่คือสิ่งที่เย่เชียนไม่สามารถเพิกเฉยได้
เย่เชียนเองก็ไม่เคยคิดว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษที่ดีเพราะมันเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาแต่มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลยเมื่อมีคนมาไล่ตามจับซ่งหลันเช่นนี้ เพราะในตอนนั้นเมื่อเขาได้ยินอู๋หวนเฟิงพูดถึงเรื่องนี้เย่เชียนก็โกรธมากและนี่เป็นก็ปัญหาระหว่างชายสองคนเสมอมา ดังนั้นเขาจึงไม่คิดที่จะให้อู๋หวนเฟิงไปกำจัดชายหนุ่มจากตระกูลอิงะแทนเขาเพราะเขาต้องการเห็นว่าชายหนุ่มคนนั้นเป็นคนแบบไหนและมีภูมิหลังอย่างไร ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่ต้องการให้อู๋หวนเฟิงเข้าไปพัวพันกับปัญหาต่างๆเพราะอู๋หวนเฟิงนั้นรับผิดชอบความปลอดภัยของซ่งหลันมาโดยตลอด ดังนั้นถ้าหากอู๋หวนเฟิงแบกรับปัญหามากมายเขาจะต้องเสียสมาธิอย่างแน่นอนซึ่งเย่เชียนไม่ต้องการแบบนั้น
ตระกูลอิงะเป็นตระกูลที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานเกือบพันปีในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตระกูลที่คอยรับใช้ตระกูลโทคุงาวะในช่วงยุคเซ็งโงกุของประเทศญี่ปุ่นและได้การสนับสนุนอย่างมากจากตระกูลโทคุงาวะที่มีอำนาจอยู่ในญี่ปุ่นอย่างมากแต่ต่อมา โอดะโนบุนางะผู้ปกครองโลกได้เปิดฉากการกวาดล้างครั้งใหญ่กับตระกูลอิงะและตระกูลโทคุงาวะและดำเนินการสังหารหมู่อย่างไร้มนุษยธรรม ซึ่งในเวลานั้นเหล่าซามูไรและนินจาของตระกูลอิงะต่างก็ถูกสังหารและได้รับบาดเจ็บถึง 30,000 คนจนทำให้ตระกูลอิงะได้รับบาดแผลอย่างสาหัสมาเป็นเวลานานจนกระทั่งมีการก่อตั้งรัฐบาลโชกุนโทคุงาวะจึงทำให้ตระกูลอิงะเป็นองค์กรเบื้องหลังตั้งจากนั้นมา
อันที่จริงสิ่งที่เรียกว่านินจานั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าองค์กรนักฆ่าหรือหน่วยสืบราชการลับและไม่ทรงพลังเท่ากับที่ตำนานกล่าวขานกัน เพราะพูดง่ายๆนินจาก็เป็นเพียงนักสู้ที่รับผิดชอบการรวบรวมข่าวกรองและการลอบสังหารและพวกเขาก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายและมีกระบวนการหรือวิธีการแต่อย่างใด ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับนักรบแล้วนินจานั้นร้ายกาจกว่าและรับมือยากกว่ามาก
ถึงแม้ว่าตระกูลอิงะในปัจจุบันจะไม่ยอดเยี่ยมเหมือนเมื่อสมัยก่อนแล้วก็ตามแต่พลังและอำนาจและเครือข่ายของตระกูลอิงะก็มีขนาดใหญ่เช่นกัน ดังนั้นเย่เชียนจึงเชื่อว่าตระกูลอิงะและสมาคมมังกรดำจะต้องมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นแก๊ยมากุจิคงจะส่งนินจาจากตระอิงะไปช่วยฮัวซงเจี๋ยที่มณฑลเหอหนานไม่ได้อย่างแน่นอน ที่ครั้งหนึ่งเย่เชียนเคยพบกับโยชิดะโยโตะผู้เป็นนินจาของตระกูลอิงะ
เนื่องจากตระกูลอิงะและสมาคมมังกรดำอาจจะมีความสัมพันธ์เช่นนี้เย่เชียนจึงมีเหตุผลที่จะจัดการกับตระกูลอิงะ แต่มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะจัดการกับสมาคมมังกรดำดังนั้นเย่เชียนจึงจำเป็นต้องค่อยๆทำลายสมาคมมังกรดำทีละน้อยโดยการทำให้สมาคมมังกรดำกับตระกูลอิงะแตกแยกกันนั่นเอง
หลังจากพักผ่อนในโรงแรมหนึ่งคืนเย่เชียนก็สวมชุดผู้บริหารของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปแห่งใหม่ในเช้าวันรุ่งขึ้น ซึ่งหลินเฟิงก็ปฏิบัติตามแผนได้อย่างเป็นธรรมชาติเพราะนับจากนี้ไปหลินเฟิงจะแสดงตัวตนเป็นบอดี้การ์ดทำของเย่เชียนส่วนม่อหลงนั้นเย่เชียนสั่งให้เขาคอยติดต่อประสานงานกับแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงชั่วคราว
เย่เชียนได้ยินเซี่ยตงไป่พูดเมื่อวานนี้ว่าหวังหูและแก๊งฉ่างหลีกำลังจะส่งคนมาสมทบ ดังนั้นเย่เชียนจึงขอให้ม่อหลงคอยอยู่ที่นั่นเพราะพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้รับอนุญาตให้ทำอะไรตามอำเภอใจและในอีกด้านหนึ่งม่อหลงกับเซี่ยจือยี่นั้นจะได้มีโอกาสเชื่อมความสัมพันธ์กันได้และถึงแม้ว่าม่อหลงจะไม่เต็มใจที่จะทำเช่นนั้นแต่เนื่องจากเป็นคำสั่งของเย่เชียนแล้วเขาก็ต้องตกลงโดยไม่ลังเลใดๆ เพราะตั้งแต่ได้ยินเรื่องราวของหลินเฟิงเมื่อคืนนี้แล้วหัวใจของม่อหลงก็ต่อต้านเซี่ยจือยี่อย่างเห็นได้ชัดและตอนนี้เขายิ่งกลัวที่จะพบหน้าเซี่ยจือยี่มากขึ้น เดิมทีม่อหลงแค่กลัวความรักแต่ตอนนี้เขากลับหลีกเลี่ยงมันเมื่อได้รู้เรื่องที่เกี่ยวกับเซี่ยจือยี่และหลินเฟิง
เป็นเวลาหลายปีที่ม่อหลงได้ละทางโลกเพราะความเกลียดชังเหล่านั้นเขาจึงไม่กล้ารักและไม่สามารถรักใครได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ที่เขารู้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆของลัทธิม่อจื๊อสมาคมและรู้ถึงการมีอยู่และพลังของสาวกม่อจื๊อด้านมืด ด้วยเหตุเขาจึงยิ่งกลัวที่จะรักใคร ซึ่งเขานั้นไม่แน่ใจว่าเขาจะต้องตายเพราะการแก้แค้นหรือไม่ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการให้คนที่รักเขาต้องเป็นทุกข์เขาจึงตัดความรู้สึกเหล่านี้ออกไป
หลังจากนั้นเย่เชียนกับหลินเฟิงก็โบกแท๊กซี่เพื่อตรงไปยังที่ตั้งของสำนักงานใหญ่เครือน่านฟ้ากรุ๊ปสาขาประเทศญี่ปุ่นซึ่งระหว่างทางเย่เชียนและหลินเฟิงนั้นก็พูดคุยกันเป็นระยะๆ ซึ่งคนแท๊กซี่ก็เข้าใจภาษาจีนและบางครั้งเขาก็ใส่ประโยคเพื่อสรรเสริญประเทศจีนและสิ่งนี้ทำให้เย่เชียนรู้สึกสบายใจมากเพราะถึงแม้ว่าประเทศจีนจะไม่ได้สมบูรณ์แบบแต่ก็ไม่มีใครอยากได้ยินคนอื่นพูดดูถูกบ้านเกิดของตัวเองเพราะงั้นเย่เชียนเองก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน
เมื่อเขาไปถึงประตูสำนักงานใหญ่เครือน่านฟ้ากรุ๊ปรถแท็กซี่ก็หยุดลงและหลินเฟิงก็ลงจากรถก่อนจากนั้นจึงเปิดประตูให้เย่เชียนด้วยความเคารพ เนื่องจากเป็นการปลอมตัวดังนั้นหลินเฟิงก็ต้องแสร้งทำเป็นเหมือนจะเคารพเย่เชียนมาก แต่ลึกๆแล้วเย่เชียนนั้นถือสิ่งนี้เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ผู้นำองค์กรเซเว่นคิลมาเปิดประตูให้ตัวเอง อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไมได้แสดงอาการอะไรใดๆแต่เขาก็คิดว่ามันน่าสนใจเลยทีเดียวและเมื่อมองไปที่การแสดงออกของหลินเฟิงแล้วเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
ขณะที่พวกเขาลงจากรถพวกเขาเห็นรถสปอร์ตโตโยต้าสุดหรูขับมาจอดอยู่ข้างๆ ซึ่งถ้าหากหลินเฟิงไม่หลบเขาก็คงจะถูกชนไปแล้ว จากนั้นประตูรถก็ถูกเปิดออกและชายหนุ่มในชุดสูทและรองเท้าหนังเดินออกมาจากรถพร้อมกับช่อดอกไม้
เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็มองไปที่ชายหนุ่มจากหัวจรดเท้าซึ่งรูปลักษณ์ของเขาก็ค่อนข้างหล่อแต่คิ้วของเขาเผยให้เห็นถึงความฉลาดแกมโกงและร้ายกาจและอย่างน้อยๆเขาก็มีออร่าของชนชั้นสูงอยู่ในตัวของเขา
ชายหนุ่มก็จัดเสื้อผ้าหน้าผมของตนหน้ากระจกหลังรถและฉีกยิ้มกว้างๆและหยิบขวดน้ำหอมออกจากเสื้อของเขาแล้วฉีดใส่ปากสองสามครั้งแล้วเดินเข้าไปในตึกอย่างมั่นใจ
“หืม..โลกมันแคบสำหรับศัตรูจริงๆ” หลินเฟิงก็พูดด้วยรอยยิ้ม
เย่เชียนก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งและถามด้วยความประหลาดใจ “พี่หลินหมายถึงอะไร..พี่รู้จักเขาหรอ”
“ใช่!” หลินเฟิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “แต่เขาไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเพราะเขาเกี่ยวข้องกับนาย..นายไม่ได้บอกเหรอว่าจะตามหาเขาเมื่อคืนนี้..ตอนนี้เขาอยู่ต่อหน้านายแล้วนี่ไง”
“พี่หลินจะบอกว่าเขาเป็นลูกชายคนโตของตระกูลอิงะงั้นหรอ?” เย่เชียนถามด้วยความประหลาดใจ
“ใช่..เขาคือลูกชายคนโตของตระกูลนินจาอิงะ..ฟูมะ..คาเอเดะ..ชายหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดาและเขาก็มีบทบาทสำคัญในตระกูลมาโดยตลอดและจัดการธุรกิจเกือบทั้งหมดของตระกูลนินจาอิงะ..เพราะงั้นในตระกูลอิงะนั้นคาเอดะถือเป็นคนที่ยอดเยี่ยม..เขานั้นมีอายุ 32 ปีและเป็นราชาแห่งเพชรพลอยและไม่รู้เลยว่าเขานั้นมีผู้หญิงที่หลงเขาตั้งกี่คน” หลินเฟิงแนะนำไปอย่างช้าๆ
ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะรวบรวมข้อมูลอย่างเหน็ดเหนื่อยมาเป็นเวลาหนึ่งปีเกี่ยวกับกองกำลังต่างๆของประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะตระกูลชนชั้นสูงอย่างตระกูลนินจาอิงะที่มักจะทำเรื่องไร้สาระมาก แต่เขาก็ไม่สามาถรวบรวมข้อมูลเชิงลึกได้มากนักดังนั้นเย่เชียนจึงไม่คิดว่าหลินเฟิงจะคุ้นเคยและรู้ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นมากถึงขนาดนี้ ดูเหมือนว่าการร่วมมือกับองค์กรเซเว่นคิลนั้นไม่เสียเปล่าเลยจริงๆ
เย่เชียนก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งและถามด้วยความประหลาดใจว่า “ลูกชายคนโตของตระกูลอิงะจะใช้นามสกุลเอจิคาเอดะได้ยังไง..เขาควรจะอยู่ในตระกูลอิงะไม่ใช่หรอ”
หลินเฟิงก็เหลือบมองเย่เชียนด้วยความประหลาดใจและยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “น้องเย่เนี่ยช่างไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตระกูลอิงะเลยจริงๆสินะ..ตระกูลนินจาอิงะนั้นไม่ได้หมายถึงสมาชิกในครอบครัวเพราะงั้นอิงะเป็นเพียงชื่อสถานที่หรือสำนักอิงะในอดีตที่นินจาที่ตำนานเรียกกันว่านินจาอิงะ..และในสำนักนินจาอิงะก็มีอยู่สามตระกูลใหญ่ๆเช่นตระกูลฟูมะ..ตระกูลดันโซและตระกูลฮันโตริในตำนาน..พูดง่ายๆว่าตระกูลนินจาอิงะเป็นชื่อของสำนักและประกอบไปด้วยหลายตระกูลใหญ่ๆ..ซึ่งตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือสามตระกูลนี้และสำนักนินจาอิงะก็ยังใช้การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยดังนั้นระบบผู้นำของแต่ละวาระได้รับเลือกจากทุกตระกูลและจะไม่มีการเลือกตั้งอีกเป็นเวลาห้าปีและผู้นำในตอนนี้ก็คือตาเฒ่าฟูมะไคโตะ”
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างเชื่องช้าและพูดว่า “เอ่อโชคดีที่พี่อยู่ที่นี่ด้วยไม่งั้นผมคงบุ่มบ่ามทำอะไรไปจนถูกโยนกลับบ้านแน่ๆ..อันที่จริงผมไม่รู้เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นมากนักแต่เมื่อฟังจากพี่แล้วผมได้รู้อะไรหลายๆอย่างเลย..ดูเหมือนพี่จะรู้เกี่ยวกับสำนักอิงะเยอะเลยเพราะงั้นช่วยเล่าให้ผมฟังอย่างละเอียดหน่อยได้ไหม?”
“อันที่จริงฉันก็ไม่รู้อะไรมากเพราะตระกูลนินจาอิงะมักจะทำตัวลึกลับและถึงแม้ว่านินจาเหล่านี้จะค่อยๆหายตัวออกจากเวทีการเมืองหลังจากการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย..จากนั้นพวกเขาก็ได้เปลี่ยนรูปแบบการดำรงอยู่ในรูปแบบอื่นๆและในความเป็นจริงท้ายที่สุดแล้วนินจาไม่ได้มีอะไรนอกจากนินจาเพราะพวกเขาก็เป็นเพียงนักสู้ธรรมดาๆถึงแม้ว่าบางคนจะได้รับการฝึกฝนวิชามาเป็นพิเศษและมีความอดทนสูงก็ตามแต่งานส่วนใหญ่ของพวกเขาคือการรวบรวมสติปัญญาและการลอบสังหารเท่านั้นพวกเขาไม่ได้มีพลังเหนือธรรมชาติใดๆ” หลินเฟิงพูดอย่างช้าๆ “ในประเทศญี่ปุ่นมีสามตระกูลนินจาในตำนานที่มีชื่อเสียงซึ่ง ได้แก่ตระกูลฟูมะ..ตระกูลฮัตโตริและตระกูลดัน..และตระกูลที่ลึกลับที่สุดในตำนานนินจาก็คือตระกูลฮัตโตริ..แต่ตระกูลที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในธุรกิจต่างๆในประเทศญี่ปุ่นก็คือตระกูลฟูมะเพราะในประเทศญี่ปุ่นพวกเขาได้ครอบครองอุตสาหกรรมภายใต้ตระกูลอิงะและไม่ได้เข้าร่วมในการต่อสู้ขององค์กรใต้ดินแต่พวกเขาก็ได้ก่อตั้งกองทัพนินจาลึกลับขึ้นซึ่งเปรียบเสมือนองค์กรนักฆ่าและมีทั้งหมดสองฝ่ายซึ่งฝ่ายหนึ่งคอยช่วยเหลือตระกูลและอีกฝ่ายหนึ่งคือองค์กรนักฆ่าและหน่วยข่าวกรองที่ข้อมูลแลกกับ..ยิ่งไปกว่านั้นองค์กรเซเว่นคิลของฉันก็ขัดแย้งกับนินจาของตระกูลอิงะอยู่หลายครั้งและบางครั้งก็ชนะบางครั้งก็แพ้เพราะงั้นอย่าประมาทเพราะคนที่พวกเขาฝึกเป็นเหมือนหุ่นยนต์พวกเขามีพลังมากและไม่กลัวความเจ็บปวดใดๆเลย”
.
.
.
.
.
.
.