ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 625 สุภาพบุรุษผู้เสแสร้ง ตอนที่ 2
ตอนที่ 625 สุภาพบุรุษผู้เสแสร้ง ตอนที่ 2
ในบรรดาผู้หญิงคนที่รู้จักเย่เชียนดีที่สุดคือซ่งหลันและเธอก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ตกหลุมรักเย่เชียนและเป็นเวลาหลายปีที่เธอคอยปกป้องเย่เชียนอย่างเงียบๆและช่วยเย่เชียนดูแลธุรกิจของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปซึ่งไม่มีใครรู้เลยว่ามันยากแค่ไหนที่จะสร้างเครือน่านฟ้ากรุ๊ปที่เริ่มจากศูนย์ให้กลายเป็นหนึ่งใน 20 บริษัทชั้นนำเหมือนในทุกวันนี้
อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ได้เสียใจหรืออะไรใดๆเพราะเป็นเย่เชียนเองที่พาเธอออกมาจากความมืดมิดเพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัวและหวาดผวาอีกต่อไป ซึ่งเย่เชียนนั้นได้ช่วยชีวิตเธอและพาเธอออกมาสู่แสงสว่างดังนั้นในหัวใจของซ่งหลันจึงไม่ได้มีความรู้สึกต่อเย่เชียนแค่ความรักเท่านั้นแต่ยังรู้สึกขอบคุณอีกด้วย
ดังนั้นในบรรดาผู้หญิงแล้วคนที่รู้จักเย่เชียนดีที่สุดก็น่าจะเป็นซ่งหลันและตราบใดที่เย่เชียนพูดอะไรหรือมีการแสดงออกอย่างไรนั้นซ่งหลันก็สามารถรู้ได้ว่าเย่เชียนต้องการทำอะไรเช่นเดียวกับครั้งนี้ซ่งหลันก็รู้สึกว่าเย่เชียนมีความสนใจอย่างมากในอำนาจของประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะขยายธุรกิจของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปไปยังประเทศญี่ปุ่น
ศึกในวันนี้ไม่เหมือนเดิมเพราะแม้แต่การต่อสู้ระหว่างองค์กรใต้ดินก็ไม่สามารถพึ่งพาเพียงการต่อสู้แย่งชิงดินแดนเพื่อให้ได้ชัยชนะเหมือนเดิมได้แต่มันต้องอาศัยการแข่งขันในด้านต่างๆและการแข่งขันทางการค้าเองก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าเราจะบุกรุกอาณาเขตของอีกฝ่ายได้ทั้งหมดแต่หากเราไม่มีอำนาจทางการเงินของอีกฝ่ายล่ะก็เราจะไม่สามารถทำลายมันได้เลย อย่างมากที่สุดเราก็ทำให้แค่รอยขีดข่วนเล็กๆเท่านั้น ดังนั้นทุกครั้งที่เย่เชียนขยายอาณาเขตของเขามันก็ต้องมาพร้อมกับการบุกรุกทางเศรษฐกิจของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปด้วย ซึ่งในการทำเช่นนั้นไม่เพียงแต่พวกเขาจะสามารถช่วยให้เหล่าสมาชิกปกปิดตัวตนของพวกเขาได้เท่านั้นแต่ยังสามารถทำให้เครือน่านฟ้ากรุ๊ปแข็งแกร่งขึ้นด้วยความช่วยเหลือจากพลังขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าซึ่งเป็นส่วนเสริมและเป็นประโยชน์ต่อกันอย่างมาก
อย่างไรก็ตามในหัวใจของซ่งหลันนั้นเธอก็ไม่สนใจว่าเครือน่านฟ้ากรุ๊ปจะแข็งแกร่งเพียงใดเพราะสิ่งที่เธอสนใจคือการช่วยเหลือเย่เชียนเมื่อเขามีปัญหา ดังนั้นเธอจึงต้องทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาเครือน่านฟ้ากรุ๊ปให้ดีขึ้นเรื่อยๆและจนตอนนี้เครือน่านฟ้ากรุ๊ปเป็นหนึ่งใน 20 บริษัทชั้นนำของโลกด้วยทรัพย์สินกว่าหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐและเธอก็ไม่กล้าที่จะวางมือไปเพราะเธอกลัวว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอจะไม่สามารถบรรลุผลตามที่เธอต้องการได้
การที่เย่เชียนมาที่ประญี่ปุ่นนั้นซ่งหลันก็รู้เช่นกันแต่เธอไม่ได้ติดต่อเย่เชียนเพราะการที่เย่เชียนหายไปปีกว่าๆเธอก็ตกใจจนกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกและนอนกระสับกระส่ายไปทั้งวัน ซึ่งเมื่อคืนเย่เชียนได้โทรหาเธอแล้วและบอกเธอว่าเขาจะมาที่สำนักงานใหญ่เครือน่านฟ้ากรุ๊ปของประเทศญี่ปุ่นในตอนเช้า อย่างไรก็ตามซ่งหลันก็ไม่ได้ปฏิเสธเมื่อเธอรู้ว่าฟูมะคาเอดะจะมาหาเธอเช่นกัน ซึ่งจิตใจของผู้หญิงไม่มีอะไรมากไปกว่าการหวังว่าผู้ชายที่เธอชอบจะอิจฉาและหึงหวงเธอ ซึ่งผู้ชายเองก็มักจะหึงหวงเธอเมื่อมีชายคนอื่นเข้ามาวนเวียนรอบๆเธอเช่นกัน
มีคนเคยเปรียบเทียบระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายซึ่งผู้ชายนั้นทำได้แต่ผู้หญิงทำไม่ได้เพราะพวกเธอสามารถหัวเราะโดยไม่มีเหตุผล และร้องไห้โดยไม่มีเหตุผลและทำทุกอย่างที่พวกเธอต้องการโดยไม่มีเหตุผล
ซึ่งเย่เชียนก็เคยจำเรื่องตลกที่เขาเคยเห็นมาได้ซึ่งเนื้อหาเป็นแบบนี้
ผู้หญิงคหนนึ่งพูดว่า ‘ออกไปเที่ยวกันเถอะ’
ส่วนชายคนหนึ่งก็พูดว่า ‘ได้สิไปเที่ยวที่ไหนกันดี’
ผู้หญิงคนนั้นก็ถามว่า ‘คุณอยากจะไปที่ไหนล่ะ’
ชายคนนั้นก็ตอบว่า ‘ที่ไหนก็ได้ที่คุณอยากจะไป’
ผู้หญิงคนนั้นก็พูดว่า ‘แล้วคุณอยากไปที่ไหนล่ะ’
ดังนั้นผู้ชายไม่ควรจะเดาว่าผู้หญิงคิดยังไงและอย่าถามพวกเธอกลับ ซึ่งแบบนี้มันเหมือนกับการศึกษาว่าไก่หรือไข่สิ่งไหนเกิดก่อนกันซึ่งมันยากพอๆกัน
เย่เชียนก็พยักหน้าให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองเบาๆแล้วบอกให้พวกเขาทำธุระของตัวเองไปจากนั้นเย่เชียนก็เดินไปที่ลิฟต์ อย่างไรก็ตามเขาเพิ่งเดินไม่กี่ก้าวจู่ๆพนักงานต้อนรับก็หยุดเขาเอาไว้แล้วพูดว่า “สวัสดีคุณมาหาใครหรือ?” แต่ทว่าเย่เชียนไม่เข้าใจสิ่งที่พนักงานต้อนรับพูดเพราะมันเป็นภาษาญี่ปุ่น เย่เชียนจึงหันหน้ากลับไปด้วยความประหลาดใจ
เพราะนี่คือประเทศญี่ปุ่นซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่บุคลากรทุกคนสำนักงานใหญ่จะพูดภาษาจีนได้ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดภาษาญี่ปุ่น
“เขาคือเพื่อนของผู้บริหารซ่งหลัน..เพราะงั้นให้เขาเข้าไปได้” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งพูด ซึ่งเย่เชียนก็เหลือบไปมอง รปภ. คนนั้นอย่างพึงพอใจเพราะรปภ.คนนี้ค่อนข้างฉลาดและไม่ได้เผยความจริงว่าเย่เชียนไม่ได้เป็นประธานของเครือน่านฟ้ากรุ๊ป ซึ่งถึงแม้ว่าเย่เชียนต้องการที่จะปรากฏตัวในประเทศญี่ปุ่นเช่นนี้ก็ตามแต่เขาก็ไม่ได้ต้องการให้ทุกคนรู้ตัวตนของเขา
เมื่อได้ยินเช่นนั้นพนักงานต้อนรับก็ไม่สนใจเย่เชียนและทำงานของตัวเองต่อไป ซึ่งหลังจากประตูลิฟต์ถูกเปิดออกเย่เชียนก็ก้าวเข้าไปทันทีและหลินเฟิงก็เดินตามไป ซึ่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองไม่เคยเห็นหลินเฟิงมาก่อนแต่พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารและเจตนาฆ่าที่รุนแรงจากหลินเฟิงได้ ซึ่งถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่สมาชิกของเขี้ยวหมาป่าก็ตามแต่พวกเขายังได้รับการฝึกอบรมอย่างเข้มงวดที่บริษัทรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัด ดังนั้นเขาจึงรู้สึกได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของหลินเฟิงเพราะพวกเขาสามารถรู้สึกได้ถึงลมหายใจแบบนี้ระหว่างการฝึกและผู้ฝึกสอนทุกคนที่รับผิดชอบในการฝึกพวกเขาก็มีกลิ่นอายจิ้ตสังหารแบบนี้แต่ก็ไม่รุนแรงเท่ากับหลินเฟิง อย่างไรก็ตามในความคิดของพวกเขามันก็สมเหตุสมผลแล้วที่คนอย่างเย่เชียนจะมีคนเก่งๆเช่นนี้อยู่รอบตัวเขา
จากนั้นไม่นานลิฟต์ก็มาหยุดที่ชั้น 28 และทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกเย่เชียนก็เห็นผู้คนมากมายเดินมาที่ทางเดินซึ่งเป็นสัญญาณของความวุ่นวายและเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้เย่เชียนก็ยิ้มเพราะความวุ่นวายเช่นนี้หมายความว่าเครือน่านฟ้ากรุ๊ปได้หยั่งรากลึกลงไปในประเทศญี่ปุ่นแล้วซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาของเขี้ยวหมาป่า
อาจเป็นเพราะว่าบริษัทมีคนแปลกหน้าเข้ามาบ่อยครั้งดังนั้นเมื่อเหล่าพนักงานของบริษัทเห็นเย่เชียนและหลินเฟิงเข้ามา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากรู้อยากเห็นและมัวแต่ยุ่งกับเรื่องของตัวเองโดยธรรมชาติ
ตามที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูดว่าให้เดินตรงไปที่สุดทางเดินเย่เชียนก็เห็นออฟฟิศของซงหลันและมีเสียงของผู้ชายอย่างแผ่วเบาดังอยู่ข้างใน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเดาก็บอกได้ว่าผู้ชายคนนั้นต้องเป็นลูกชายคนโตของตระกูลอิงะ ฟูมะ คาเอดะ นั่นเอง เมื่อเย่เชียนอยู่ที่ประตูเขาก็หยุดครู่หนึ่งและฟังอย่างเงียบๆและสักพักเขาก็ได้ยินว่าคาเอดะชวนซ่งหลันไปรับประทานอาหารกลางวันกับเขา แต่คำพูดของเขานั้นดูเย่อหยิ่งและโออ่าอย่างมาก
“น้องเย่มีงานอดิเรกชอบแอบฟังชาวบ้านเขาคุยกันเหรอเนี่ย?” หลินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
เย่เชียนก็เหลือบมองหลินเฟิงแล้วส่ายหัวจากนั้นเย่เชียนก็เดินเข้าไปโดยไม่เคาะประตูแล้วผลักประตูเดินตรงเข้าไป เมื่อเข้าไปข้างในออฟฟิศเขาก็เห็นซ่งหลันนั่งอยู่หลังโต๊ะและหมกมุ่นอยู่กับการทำงานในขณะที่ฟูมะคาเอดะนั่งตรงข้ามซ่งหลัน ซึ่งเมื่อคาเอดะเห็นใครบางคนเข้ามาเขาก็หันกลับไปมอง ซึ่งซ่งหลันก็รู้ว่าเย่เชียนมาตั้งนานแล้วดังนั้นเธอจึงดูไม่แปลกใจเลยและเธอก็ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นและยังคงยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเอง
“คุณเป็นใคร?..ใครให้คุณเข้ามา?” คาเอดะตะคอกอย่างโกรธเคือง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าที่นี่เป็นสนามหลังบ้านของคนอื่นแต่คาเอดะกลับคิดว่านี่เป็นสนามหลังบ้านของตัวเอง
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์เพราะเห็นได้ชัดว่าฟูมะคาเอดะมองว่าสถานที่แห่งนี้เป็นอาณาเขตของเขาและถือว่าตนเองเป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้เย่เชียนจึงหันหน้าไปมองซงหลันและยิ้มอย่างช่วยไม่ได้เพราะเมื่อเห็นใบหน้าที่สงบของซ่งหลันแล้วราวกับว่าเธอรู้ตัวว่าเรื่องแบบนี้จะต้องเกิดขึ้นและทุกอย่างก็ถูกผู้หญิงคนนี้วางแผนเอาไว้ตั้งแต่ต้น
ในเวลานี้เย่เชียนก็เดินไปที่ด้านข้างของซ่งหลันและใช้มือขวาโอบไหล่เธอและจูบแก้มเธอแล้วพูดว่า “ที่รักทำงานเสร็จรึยัง..กลางวันนี้เราไปกินข้าวด้วยกัน”
ฟูมะคาเอดะก็ถึงกับตัวสั่นและมองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจ ซึ่งจากการแสดงออกของซ่งหลันนั้นเขาสามารถเห็นได้ชัดเจนว่าเย่เชียนกำลังพูดความจริง ไม่เช่นนั้นทำไมซ่งหลันถึงไม่ปฏิเสธการกระทำของเย่เชียนล่ะ? เมื่อเห็นเช่นนั้นฟูมะคาเอดะก็มองไปที่ซ่งหลันอย่างว่างเปล่าและพูดว่า “คุณซ่ง..นี่มันอะไร..”
มุมปากของเย่เชียนก็ฉีกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายและเย่เชียนก็พูดว่า “ที่รักนี่ใครหรอ..ผมนึกว่าเขาเป็นเด็กฝึกงานที่นี่ซะอีก” การเยาะเย้ยในคำพูดนั้นเกินคำบรรยายอย่างมาก
ซ่งหลันก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่และเธอก็มีความสุขไปกับปฏิกิริยาของเย่เชียน “อ้อ..ฉันจะแนะนำคุณให้” ซ่งหลันพูดด้วยรอยยิ้ม “นี่คือคุณฟูมะคาเอดะทายาทของตระกูลอิงะ” จากนั้นเธอก็พูดกับคาเอดะว่า “คุณคาเอดะนี่คือแฟนของฉัน..และเขาก็เป็นประธานของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปด้วย”
“สวัสดีครับคุณเย่!” หลังจากที่รู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่พักหนึ่งคาเอดะก็เอื้อมมือออกไปและพูดอย่างสุภาพ ต่อหน้าผู้หญิงที่ชอบเขาจำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองเอาไว้ซึ่งดูเหมือนจะเป็นประเพณีของผู้ชายชาวญี่ปุ่น ซึ่งผู้ชายชาวญี่ปุ่นนั้นหน้าซื่อใจคดและพวกเขาก็เก่งในการเสแสร้งสวมหน้ากากและพวกเขาก็ดูซื่อตรงและจริงใจต่อหน้าคนนอกแต่จริงๆแล้วพวกเขาชั่วร้ายและแย่มากจนลึกลงไปในกระดูกดำของพวกเขา
เย่เชียนก็เหลือบมองคาเอดะอย่างเย็นชาเพราะเย่เชียนเห็นร่องรอยความร้ายกาจในดวงตาของเขาจนเย่เชียนอดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้ม “สวัสดีคุณคาเอดะ” เย่เชียนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เอื้อมมือไปจับมือกับคาเอดะแล้วพูดของไป่ตี้เฟิงแล้วพูด
หลังจากนั้นเย่เชียนก็เขาหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์โดยเจตนาเพราะเขาไม่จำเป็นต้องเสแสร้งต่อหน้าซ่งหลันเหมือนกับคาเอดะ นอกจากนี้เย่เชียนก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นสุภาพบุรุษที่ดี ซึ่งเขามองเห็นความหมายภายในดวงตาของคาเอดะได้เพราะเขาเคยเห็นการแสดงออกเช่นนี้มานับครั้งไม่ถ้วนและได้เห็นมันในสายตาของจงเจิ้งหยวนพี่ชายของหูวเค่อ ซึ่งในมุมมองของเย่เชียนี่เป็นเพียงการปฏิบัติอย่างชั้นต่ำและไม่มีความหมายสำหรับเขา
ไม่มีเหตุผลสำหรับความรักของผู้หญิงและพวกเธอจะไม่ตกหลุมรักเพียงเพราะว่าผู้ชายนั้นดีแค่ไหนเพราะความคิดของผู้หญิงมักจะซับซ้อนอยู่เสมอ
.
.
.
.
.
.
.