ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 631 สงครามกลางร้านอาหาร ตอนที่ 2
ตอนที่ 631 สงครามกลางร้านอาหาร ตอนที่ 2
คาเอดะนั้นก็โกรธเกรี้ยวอย่างมากเพราะถ้าไม่ใช่เพราะทักษะของเขาที่ฝึกฝนมาหลายปีล่ะก็ชีวิตของเขาก็คงจะต้องจบลงในวันนี้ ดังนั้นเมื่อเห็นลูกน้องที่ไร้ประโยชน์เหล่านี้โผล่หัวออกมาตอนนี้แทนที่จะมาเร็วกว่านี้เขาจึงไม่สบอารมณ์อย่างมากและมองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้าที่เป็นหัวโจกของกลุ่มแล้วคาเอดะก็ตบหน้าของชายหนุ่มคนนั้นอย่างแรงจนชายหนุ่มคนนั้นรู้สึกเวียนหัว
“มัวทำอะไรกันอยู่วะ!” คาเอดะตะโกนอย่างเดือดดาล
ชายหนุ่มก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะและสับสนอย่างมากเกี่ยวกับสถานการณ์ตรงหน้าส่วนลูกน้องทั้งสี่ที่อยู่ข้างหลังเขาก็เช่นกันเพราะทุกคนต่างก็ตกตะลึงไปกับการกระทำของคาเอดะ ซึ่งหัวโจกของกลุ่มก็พิจารณาอย่างรอบคอบแล้วเดาว่านี่คือการแสดงของคาเอดะหรือไม่? เขาจึงคิดในใจอย่างลับๆว่า ‘เป็นไปตามคาด..ทักษะการเสแสร้งแสดงละครของนายท่านคาเอดะยอดเยี่ยมมาก’ เมื่อคิดเช่นนี้หัวโจกของกลุ่มก็โจมตีคาเอดะทันทีและในขณะเดียวกันคนอื่นต่างก็ขยิบตาให้กันเพื่อส่งสัญญาณให้โจมตีเย่เชียน
เย่เชียนก็มองดูฉากอย่างตลกขบขันและหลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้วเย่เชียนก็สันนิษฐานว่าคนกลุ่มนี้น่าจะเป็นคนของคาเอดะจริงๆใช่ไหม? ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่คาเอดะเรียกมาแต่ก่อนหน้านี้เป็นกลุ่มคนที่มาลอบสังหารคาเอดะจริงๆ ไม่เช่นนั้นคาเอดะก็คงจะไม่เมตตาตั้งแต่เห็นคนกลุ่มนี้ตั้งแต่แรกอย่างแน่นอนและฆ่าคนเหล่านี้ทันที ซึ่งเมื่อรวมกับการแสดงและการกระทำที่แสดงโดยคาเอดะแล้วเย่เชียนก็รู้แล้วว่านินจาที่มาก่อนหน้านี้นั้นเป็นศัตรูกับคาเอดะจริงๆซึ่งการคาดเดาของเย่เชียนค่อนข้างยอดเยี่ยมอย่างมาก
เมื่อเห็นเช่นนั้นคาเอดะก็โกรธมากกว่าเดิมเพราะคนเหล่านี้ไม่มีสมองเลยที่ไม่เห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่? ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวมีศพสี่ศพนอนกองอยู่บนพื้นแต่พวกเขากลับยังสร้างปัญหาเพิ่มทั้งๆที่สิ่งสำคัญกว่าอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคาเอดะก็ไม่ต้องการให้ซ่งหลันสังเกตเห็นอะไรแปลกๆจากเขาดังนั้นเขาจึงต้องเตะสวนไปอย่างรุนแรงในทันที
“พวกแกต้องการอะไรกันวะ!..ไม่เห็นเหรอไงว่าพวกแกโดนฉันฆ่าไปสี่คนแล้ว..เพราะงั้นอย่าได้คิดที่จะหนีออกไปจากที่นี่!” คาเอดะตะโกนบอกเป็นนัยๆถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทางอ้อมเพื่ออธิบายให้คนเหล่านั้นเข้าใจถึงสถานการณ์ในตอนนี้
ในขณะนี้ร่างของชายหนุ่มหัวโจกก็กระเด็นออกไปราวกับว่าวที่หักและล้มลงกับพื้นอย่างแรง อย่างไรก็ตามเป็นเพราะคาเอดะยั้งมือเอาไว้ชายหนุ่มคนนั้นจึงไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากและเขาก็พยายามลุกขึ้นยืนอย่างงุนงงและเมื่อเขาเห็นศพทั้งสี่ที่กองอยู่บนพื้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึงอย่างมาก จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้งและเห็นว่าคาเอดะกำลังจ้องมองตนด้วยความโกรธเกรี้ยวแต่เขาก็ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นและเขาก็ไม่กล้าคิดที่จะแสดงละครอีกต่อไปและรีบวิ่งออกหนีไปในทันที
ส่วนอีกสี่คนที่เหลือก็โค้งคำนับและขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “ขอโทษครับนายท่านที่พวกเรามาช้า” หลังจากพูดจบพวกเขาก็รีบถอยออกไปและวิ่งออกจากร้านอาหารไปในทันที
ซ่งหลันเข้าใจสิ่งนี้ได้โดนธรรมชาติแต่เธอก็แค่ยิ้มและไม่พูดอะไร เพราะในเมื่อเย่เชียนอยู่ที่นี่เธอจึงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเพราะนี่คือสิ่งที่ผู้หญิงฉลาดควรประพฤติและเธอเพียงแค่ต้องร่วมมือกับเย่เชียนในเวลาที่เหมาะสมและคอยสนับสนุนเย่เชียนเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
“ห๊ะ?..คนเหล่านี้เป็นลูกน้องของคุณคาเอดะหรอ?..ผมนึกว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อลอบสังหารคุณคาเอดะอีกครั้งเสียอีก” เย่เชียนยิ้มและพูดด้วยถ้อยคำที่ประชดประชัน
“ผมต้องขอโทษจริงๆ..พวกนั้นคงเข้าใจผิดคิดว่าคุณเย่เป็นศัตรูของผม..ผมต้องขอโทษอีกครั้ง” คาเอดะพูด ซึ่งเขาฉลาดมากในการแก้ปัญหาด้านการแสดงอารมณ์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป้าหมายอยู่ที่เขาแต่เขากลับโยนเป้าหมายไปยังเย่เชียนอย่างชาญฉลาด
“จริงหรอครับ?” เย่เชียนแสร้งพูดด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น
คาเอดะก็ยิ้มเบาๆและไม่ได้พูดอะไรอีกเพราะถ้าเขายังคงถกเถียงประเด็นนี้ต่อไปเขาก็จะยิ่งทำให้ตัวเองลำบากมากเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงยังคงเลือกที่จะหุบปากไปอย่างฉลาด
เมื่อคนของคาเอดะออกไปทันใดนั้นก็มีกลุ่มคนจีนเข้ามาที่ประตูซึ่งข้างหน้าคนกลุ่มนั้นคือม่อหลงและเซี่ยจือยี่เพราะนี่คือร้านอาหารในเครือของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง ดังนั้นแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงจะไม่ทราบถึงสิ่งนี้เกิดขึ้นในร้านอาหารของแก๊งได้อย่างไรและนี่ก็คือไชน่าทาวน์ที่ชาวจีนอาศัยอยู่ดังนั้นมันจึงเป็นเขตของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงและแน่นอนว่าพวกเขาก็ต้องมาดูเมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นบนเขตของตัวเอง
เมื่อม่อหลงเห็นเย่เชียนเขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยแต่การแสดงออกของเขาก็ไม่ได้ผิดปกติไป ส่วนเซี่ยจือยี่ที่เห็นม่อหลงเธอก็มีปฏิกิริยาที่เย็นชาอย่างมากและมีร่องรอยของความโกรธฉายอยู่ภายในดวงตาของเธอ อย่างไรก็ตามหลังจากที่เห็นคาเอดะแล้วเธอก็ขมวดคิ้วอย่างเห็นได้ชัดและเธอก็กระซิบคำสองสามคำข้างๆหูของม่อหลงเพราะท้ายที่สุดคาเอดะก็เป็นถึงผู้นำของฟูมะกรุ๊ปและเป็นผู้สืบทอดของตระกูลอิงะ ดังนั้นสิ่งต่างๆก็จะถูกส่งมอบให้กับคาเอดะดูแลโดยปริยาย ซึ่งคาเอดะเป็นราชาแห่งเพชรปลอยของประเทศญี่ปุ่นและมีผู้หญิงเพียงไม่กี่คนที่ไม่รู้จักผู้ชายอย่างคาเอดะ
เย่เชียนก็ขยิบตาให้ม่อหลงซึ่งม่อหลงก็เข้าใจและค่อยๆละสายตาออกไปจากร่างของเย่เชียนและแสร้งทำเป็นเดินไม่ดูทางจนเดินไปชนกับคาเอดะ
ซึ่งเซี่ยจือยี่ก็สามารถเข้าใจได้เธอจึงก้าวไปข้างหน้าและมองไปที่คาเอดะจากหัวจรดเท้าแล้วพูดว่า “อ้าวฉันก็คิดว่าใครที่แท้เป็นคุณคาเอดะแห่งฟูมะกรุ๊ปนี่เอง” จากนั้นเซี่ยจือยี่ก็เหลือบไปมองศพที่นอนกองอยู่ที่พื้นแล้วพูดว่า “ห๊ะ!..คุณคาเอดะมันเกิดอะไรขึ้น..คุณฆ่าคนหรอคะ”
“หืม..คุณผู้หญิงแห่งแก๊งฝูชิง..ช่างบังเอิญจริงๆ” คาเอดะพูดโดยส่อเสียดเพราะถึงแม้ว่าตระกูลนินจาอิงะจะไม่ได้เข้าร่วมในการต่อสู้ขององค์กรใต้ดินก็ตามแต่ตระกูลนินจาอิงะก็ไม่ใช่ตระกูลเชิงธุรกิจที่จริงจังนัก ซึ่งพวกเขาเข้าใจสิ่งต่างๆขององค์กรใต้ดินเหล่านี้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงนั้นที่เป็นชาวต่างชาติพวกเขาจึงต้องจับตามองแต่ทว่าตระกูลอิงะกับแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงก็ไม่ได้มีความคับข้องใจและไม่มีความขุ่นเคืองต่อกันดังนั้นคาเอดะจึงไม่จำเป็นที่จะต้องส่อเสียดหรืออะไรใดๆ นอกจากนี้คาเอดะเองก็ไม่ได้กลัวแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงแต่อย่างใด
“ใช่!..นี่เป็นฝีมือของผมเอง..แต่คุณเซี่ยไม่ต้องกังวลไปครับเพราะผมจะจัดการเรื่องนี้อย่างถูกต้องและจะไม่สร้างปัญหาให้กับแก๊งฝูชิงของคุณอย่างแน่นอน” หลังจากหยุดไปชั่วขณะคาเอดะก็พูดอย่างสุถาพโดยไม่มีท่าทีที่หยิ่งผยองใดๆ
“ในกรณีนี้มันคงจะดีที่สุดแล้วแต่การเสียหายของร้านอาหารนี้…” เซี่ยจือยี่ก็พูดและหยุดพูดไปเพราะมีบางสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องพูดให้ชัดเจนเกินไปเพราะมันสามารถเข้าใจได้อย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนม่อหลงก็ยังคงยืนอยู่อย่างเงียบๆข้างๆเธอแต่หลังจากที่เย่เชียนส่งสัญญาณให้เขาดังนั้นเขาจึงสกิดแขนของเซี่ยจือยี่อย่างลับๆเพื่อบอกเป็นนัยๆถึงความหมายที่เย่เชียนจะสื่อ ซึ่งเซี่ยจือยี่นั้นก็รับผิดชอบงานต่างๆมากมายภายในแก๊งมาโดยตลอดดังนั้นแน่นอนว่าเซี่ยจือยี่ต้องไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาๆเธอจึงสามารถเดาได้ว่าม่อหลงนั้นหมายถึงอะไรและถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทำไมเย่เชียนถึงอยู่กับคาเอดะก็ตามแต่เธอก็เดาได้ว่ามันเป็นแผนของเย่เชียนและเธอต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยจือยี่เองก็ต้องการที่จะออกไปจากที่นี่ตั้งแต่เมื่อเธอเห็นหลินเฟิงแล้ว
“คุณเซี่ยไม่ต้องกังวลครับ..สำหรับค่าเสียหายของร้านอาหารเดี๋ยวผมจะจัดการให้โดยเร็ว” คาเอดะพูด
“ค่ะ..แต่ฉันหวังว่าคุณจะไม่ออกไปจากที่นี่ก่อนที่ตำรวจจะมาถึง” ดวงตาของเซี่ยจือยี่กวาดสายตามองพวกเขาทีละคนและพูดต่อ “พวกคุณก็เหมือนกัน..ห้ามใครออกไปจากที่นี่ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมา..ถ้าตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนเสร็จแล้วพวกคุณก็แยกย้ายกันไปได้”
เพราะที่นี่คือเขตการรับผิดชอบของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงดังนั้นถ้าคาเอดะและคนอื่นๆออกไปแบบนั้นแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงก็จะค่อนข้างลำบากหลังจากที่ตำรวจมาถึงดังนั้นเซี่ยจือยี่จึงไม่ต้องการเห็นสิ่งนี้ นอกจากนี้เย่เชียนก็บอกเป็นนัยๆว่าเธอจะต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้จักเย่เชียนใช่หรือไม่?
ซึ่งสายตาของเซี่ยจือยี่ก็ไปหยุดอยู่ที่หลินเฟิงและประโยคดังกล่าวก็สื่อถึงหลินเฟิงอย่างชัดเจน เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลินเฟิงก็ยิ้มอย่างขมขื่นโดยไม่ได้พูดอะไรใดๆ
“ครับคุณเซี่ย..ผมจะอยู่จัดการสิ่งต่างๆให้เรียบร้อย” คาเอดะพูด
เซี่ยจือยี่ก็พยักหน้าแล้วพูดกับม่อหลงเบาๆแล้วเดินออกไปจากร้านอาหาร ซึ่งคาเอดะนั้นเป็นคนที่มีอิทธิพลพอสมควรในประเทศญี่ปุ่นดังนั้นเซี่ยจือยี่จึงเชื่อว่าเขาสามารถทำในสิ่งที่เขาพูดได้และยิ่งไปกว่านั้นด้วยอำนาจของตระกูลอิงะแล้วเขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัวตำรวจเลยเพราะงั้นคาเอดะจึงไม่ต้องหลบหนีไปไหน
หลังจากออกจากร้านอาหารแล้วม่อหลงก็ถามว่า “ชายหนุ่มคนนั้นเป็นใครหรอ”
“ลูกชายคนโตของตระกูลฟูมะและเขายังเป็นผู้สืบทอดของตระกูลนินจาอิงะที่มีชื่อเสียงในประเทศญี่ปุ่นและถือเป็นอันดับหนึ่งของตระกูล” เซี่ยจือยี่พูด
“ตระกูลนินจาอิงะ?” ม่อหลงก็ตกตะลึงเล็กน้อยและพูดด้วยความประหลาดใจว่า “สมัยนี้มันยังมีนินจาอยู่จริงๆงั้นหรอ”
“แน่นอนสิ..แต่อันที่จริงนินจาก็เป็นเพียงนักรบที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษเพื่อรวบรวมสติปัญญาและการลอบสังหารโดยเฉพาะ..ว่ากันว่าคนในตระกูลนินจาอิงะนั้นทรงพลังมากในการต่อสู้และพวกเขาก็มีทักษะที่ยอดเยี่ยม..ซึ่งคนธรรมดานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลย” เซี่ยจือยี่พูดต่อ “อย่างไรก็ตามในปีนี้พวกเขาได้พันตัวมาทำธุรกิจในเส้นทางที่ถูกต้องตามกฎหมายและไม่เคยเข้าร่วมในการต่อสู้หรือเข้าไปพัวพันกับองค์กรใต้ดิน..ดังนั้นผู้ที่รู้รายละเอียดที่ทแท้จริงของพวกเขาจึงมีไม่มากนัก..และสิ่งที่ฉันรู้มันก็เป็นแค่บางส่วนของทั้งหมดเท่านั้น”
“โอ้!” ม่อหลงก็พยักหน้าเบาๆและไม่ได้พูดอะไรต่อ ซึ่งเซี่ยจือยี่นั้นไม่รู้จักศิลปะการต่อสู้โบราณแต่ม่อหลงรู้ดังนั้นในสายตาของเขาดูเหมือนว่าตระกูลนินจาอิงะจะฝึกศิลปะการต่อสู้โบราณด้วยใช่ไหม? ท้ายที่สุดแล้วอารยธรรมดั้งเดิมของประเทศญี่ปุ่นเดิมทีก็ถูกสืบทอดมาจากประเทศจีนอีกทีดังนั้นมันจะต้องมีศิลปะการต่อสู้โบราณในจีนผสมอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเป็นแน่ ม่อหลงคิดอย่างลับๆ
หลังจากที่เห็นแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงออกไปแล้วคาเอดะก็เดินไปหาผู้จัดการร้านอาหารแล้วพูดว่า “คุณคำนวณค่าเสียหายของร้านอาหารแล้วแจ้งบิลเก็บเงินไปที่บริษัทฟูมะกรุ๊ปเพื่อรับเงินค่าเสียหายในวันพรุ่งนี้”
ผู้จัดการก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งและพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งพวกเขาเปิดร้านที่นี่โดยส่วนใหญ่อาศัยการคุ้มครองของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงดังนั้นเมื่อคาเอดะพูดถึงบริษัทฟูมะกรุ๊ปแล้วเขาจึงรู้สึกแปลกใจและถ้าไม่ใช่เพราะแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงออกมารับหน้าล่ะก็เขาคงจะไม่ได้รับค่าชดเชยค่าเสียหายก็เป็นได้ เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงรู้สึกขอบคุณแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงมากขึ้นไปอีก
.
.
.
.
.
.
.