ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 632 วิถีนินจา
ตอนที่ 632 วิถีนินจา
ตระกูลนินจาอิงะนั้นมีประวัติศาสตร์ยาวนานเกือบพันปีในประเทศญี่ปุ่นและถึงแม้ว่าจะไม่ได้ปรากฏตัวอย่างเป็นทางการบนโลกจนกระทั่งถึงยุคโชกุนก็ตามแต่ตระกูลนินจาอิงะก็ไม่เคยเข้าร่วมการต่อสู้ใดๆกับองค์กรใต้ดินแต่ก็มีความลับที่ไม่สามารถบรรยายได้มากมายอยู่เบื้องหลัง ซึ่งบริษัทฟูมะกรุ๊ปก็เป็นเพียงการปกปิดเบื้องหน้าในเชิงธุรกิจและนี่ก็เป็นเหมือนเครือน่านฟ้ากรุ๊ปที่เป็นฉากหน้าขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า
ความสัมพันธ์ของตระกูลนินจากับรัฐบาลญี่ปุ่นนั้นแน่นแฟ้นกันอย่างมากและบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐจำนวนมากในประเทศญี่ปุ่นหลายคนก็มาจากตระกูลนินจาอิงะทั้งนั้น ดังนั้นหากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นแล้วคาเอดะก็ไม่ต้องกังวลเลยและสามารถจัดการสิ่งต่างๆได้ตามต้องการ
สำหรับการชดเชยค่าเสียหายให้กับร้านอาหารนั้นคาเอดะก็ถึงกับส่ายหัวเพราะถ้าหากแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงไม่ปรากฏตัวในตอนนั้นล่ะก็คาเอดะก็กลัวว่าสิ่งต่างๆจะไม่ราบรื่นเช่นนี้อย่างแน่นอนเพราะถึงแม้ว่าคาเอดะจะไม่กลัวแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงก็ตามแต่มันก็ไม่ความจำเป็นอะไรที่ต้องสร้างปัญหาดังกล่าว ซึ่งคนนอกอาจไม่รู้แต่คาเอดะนั้นรู้ชัดเจนมากว่าตระกูลนินจาอิงะในปัจจุบันนั้นกำลังเผชิญกับปัญหาที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์และถึงแม้ว่าฟูมะไคโตะปู่ของเขาจะเป็นผู้นำตระกูลนินจาอิงะและคอยจัดการสิ่งต่างๆอย่างสมบูรณ์แบบก็ตามแต่มันก็ไม่ใช่เขาเพียงคนเดียวที่มีพลังและอำนาจในตระกูลนินจาอิงะ ดังนั้นเขาจะต้องยืนหยัดอย่างมั่นคงในฐานะผู้นำและคาเอดะก็ต้องรักษาตำแหน่งผู้สืบทอดให้ได้
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าคาเอดะจะมีสิทธิ์เป็นผู้สืบทอดตระกูลนินจาอิงะรุ่นต่อไปก็ตามแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะได้เป็นจริงๆเสมอไป เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ ดังนั้นใครจะรู้ได้ว่ามันจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะตระกูลนินจาฮัตโตริและตระกูลดันโซต่างก็ได้จับตามองดูผู้นำและผู้สืบทอดของตระกูลอิงะอย่างใกล้ชิด ซึ่งตราบใดที่ไม่ระวังตระกูลนินจาอิงะเองก็มีแนวโน้มจะล่มสลายไปและได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงแบบที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย
ในประวัติศาสตร์ของตระกูลนินจาอิงะนั้นตระกูลฟูมะก็ดำรงตำแหน่งผู้นำเสมอมา แต่ทว่าผู้ก่อตั้งตระกูลนินจาอิงะก็คือบรรพบุรุษของตระกูลฮัตโตริ ‘ฮันโซ ฮัตโตริ’ ซึ่งก่อนที่ ‘โอดะ โนบุนางะ’ ผู้ปกครองดินแดนอาทิตย์อุทัยจะกำจัดตระกูลนินจาฮัตโตริและตระกูลอื่นๆครั้งใหญ่นั้นทำให้ตระกูลนินจาฮัตโตริประสบความสูญเสียอย่างหนักหน่วง แต่ทว่าหลังจากการเสียชีวิตของโอดะ โนบุนางะนั้น ฮัตโตริ ฮันโซ แห่งตระกูลฮัตโตริก็ได้นำสำนักนินจาอิงะไปสู่ความรุ่งโรจน์อีกครั้งมีเรื่องราวประวัติศาสตร์มากมายจนถึงทุกวันนี้
อย่างไรก็ตามด้วยการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาและยุคสมัยนั้นจึงทำให้พลังและอำนาจของตระกูลฮัตโตริผู้ยิ่งใหญ่ลดลงและในที่สุดตระกูลฟูมะก็ขึ้นมาครองตำแหน่งผู้นำสำนักนินจาอิงะแห่งประวัติศาสตร์และเป็นผู้นำของตระกูลอิงะอย่างรุ่งโรจน์ ซึ่งคนรุ่นหลังนั้นพวกเขาไม่ต้องการเห็นสถานการณ์เช่นนี้อีกดังนั้นพวกเขาจึงพยายามอย่างหนักหน่วงเพื่อปลูกฝังลูกหลานของพวกเขา เพราะถ้าหากโชคไม่ดีจนที่สิ่งต่างๆไม่เป็นไปตามที่พวกเขาต้องการและถ้าหากมีคนอย่าง ‘ฮัตโตริ เฮย์ซาโอะ’ หรือ ‘ฮัตโตริ ฮันโซ’ ในยุคสมัยนี้อีกล่ะก็มันก็เป็นเหมือนฝันร้ายของตระกูลฟูมะอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามตระกูลฮัตโตริเองก็ไม่เคยออกมาสู่โลกภายนอกแต่พวกเขาก็คอยเฝ้าจับตาดูความเป็นผู้นำของตระกูลฟูมะอยู่อย่างไม่ลดละและตราบใดที่พวกเขามีโอกาสล่ะก็พวกเขาก็จะไม่รีรอและไม่ลังเลใดๆที่จะปรากฏตัวออกมาจากเงามืดอย่างรุ่งโรจน์อีกครั้งและทวงคืนสิ่งที่เป็นของตระกูลฮัตโตริกลับคืนมาอย่างแน่นอน
สิ่งเหล่านี้ชัดเจนสำหรับคาเอดะอย่างมากแต่เนื่องจากพลังและอำนาจอันมหาศาลของตระกูลฟูมะในปัจจุบันนั้นถึงแม้ว่าตระกูลฮัตโตริในตำนานจะทวงคืนตำแหน่งนี้ก็ตามแต่พวกเขาก็ไม่ได้มีอำนาจเหมือนก่อนอีกต่อไป อย่างไรก็ตามในเวลานี้คาเอดะก็ไม่ต้องการยั่วยุแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงเพราะถึงแม้ว่าพลังและอำนาจของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงจะไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับตระกูลฟูมะและตระกูลอิงะก็ตามแต่เขาก็รู้ดีว่ามันคงไม่ง่ายนักเพราะมดตัวเล็กๆก็สามารถแทะช้างทั้งตัวได้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงต้องพยายามไม่สร้างศัตรูเพิ่มและหลีกเลี่ยงการสร้างปัญหาให้กับตระกูลฟูมะ ดังนั้นภายใต้สถานการณ์ที่เซี่ยจือยี่ออกมารับหน้าเช่นนี้คาเอดะจึงยินยอมแบกรับสิ่งต่างๆและจ่ายค่าชดเชยค่าเสียหายอย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้นการชดเชยเช่นนี้ก็เป็นเพียงเศษเงินสำหรับตระกูลฟูมะ
เมื่อคาเอดะจัดการสิ่งต่างๆเช่นนี้แน่นอนว่าเย่เชียนก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อเพราะเย่เชียนไม่ต้องการสร้างปัญเพิ่มโดยไม่มีเหตุผล ซึ่งถึงแม้ว่าเขาจะไม่กลัวกรมตำรวจโตเกียวก็ตามแต่มันก็ไม่จำเป็นต้องหาเรื่องใส่ตัวเองในตอนนี้ เดิมทีเขาไม่มีมิตรภาพที่ลึกซึ้งอะไรกับคาเอดะยิ่งไปกว่านั้นคาเอดะยังเรียกได้ว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจของเย่เชียนเลยก็ว่าได้ ดังนั้นทำไมเขาถึงต้องตายไปพร้อมกับคาเอดะด้วย?
เย่เชียนก็เหลือบมองไปที่คาเอดะและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณคาเอดะถ้างั้นผมจะไม่รบกวนแล้ว..เชิญคุณจัดการสิ่งต่างๆให้เรียบร้อยแล้ว..ถ้ามีเวลาเรามาดื่มด้วยกันอีกครั้ง..วันนี้เกิดเรื่องโดยไม่คาดคิดผมก็เลยได้ดื่มไปนิดเดียวเท่านั้น”
คาเอดะก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และพูดว่า “ผมเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้..ผมจะจัดงานเลี้ยงขอโทษในครั้งต่อไป..ผมหวังว่าคุณเย่และคุณซ่งจะไม่รังเกียจเมื่อถึงเวลา”
“แน่นอนตราบใดที่มีไวน์ให้ผมดื่มล่ะก็..ผมพร้อมเสมอ” เย่เชียนยิ้มและพูดว่า “ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับคุณคาเอดะ..เอาไว้เจอกันคราวหน้า!” หลังจากพูดจบเย่เชียนก็พาซ่งหลันเดินออกไปจากร้านอาหาร
หลังจากออกจากร้านอาหารแล้วทั้งสี่ก็ขับรถตรงไปยังสำนักงานใหญ่เครือน่านฟ้ากรุ๊ป ซึ่งสิ่งที่เย่เชียนสามารถทำได้ในตอนนี้ก็คือนั่งดูการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆและเมื่อรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรต่างๆในประเทศญี่ปุ่นอย่างครบถ้วนแล้วเมื่อนั้นก็เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะเคลื่อนไหว อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็เป็นคนที่อดไม่ได้ที่จะอยู่เฉยๆเช่นกันเพราะหลังจากขึ้นรถแล้วเขาก็เริ่มสงสัยว่าเขาจะต้องทำอะไรต่อไป
“พี่หลินคิดว่าไง..พี่รู้ที่มาที่ไปของคนเหล่านั้นหรือเปล่า” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเย่เชียนก็เอ่ยปากถาม ซึ่งก่อนหน้านี้หลินเฟิงได้แอบค้นตัวเพื่อตรวจสอบนินจาคนที่อู๋หวนเฟิงฆ่าเพราะท้ายที่สุดแล้วหลินเฟิงก็เคยศึกษาในประเทศญี่ปุ่นมาตั้งแต่เด็กและถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้นำขององค์กรเซเว่นคิลในขณะนั้นก็ตามแต่เขาก็รู้จักกองกำลังต่างๆและองค์กรใต้ดินของประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้นจากการวิเคราะห์ของหลินเฟิงเกี่ยวกับตระกูลอิงะแล้วเย่เชียนก็ยิ่งแน่ใจว่าหลินเฟิงเองก็ให้ความสนใจกับประเทศที่ญี่ปุ่นเช่นกัน ซึ่งเหตุผลเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องอธิบายเลยว่าเป็นเพราะเซี่ยจือยี่
“ตามสัญลักษณ์นั้นคนเหล่านี้น่าจะมาจากตระกูลฮัตโตริ..แต่ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นใครเพราะสัญลักษณ์พวกนี้ปลอมแปลงกันได้..เพราะถ้ามีคนอยากจะลอบสังหารคาเอดะมันก็ใช่ว่าจะเป็นตระกูลฮันโตริเสมอไป..แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เพราะทุกคนต่างก็รู้กันดีกว่าตระกูลฟูมะกับตระกูลฮัตโตรินั้นขัดแย้งกันมาตั้งแต่สมัยก่อนและการต่อสู้ระหว่างสองตระกูลก็ไม่เคยหยุดนิ่งตามกาลเวลาและยุคสมัยเลย” หลินเฟิงพูดช้าๆ
“ตระกูลนินจาฮัตโตริ?” เย่เชียนพูดด้วยน้ำเสียงดูตื่นเต้น “สิ่งต่างๆเริ่มน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆแล้วสินะ..พี่หลิน..พี่รู้เกี่ยวกับตระกูลนินจาฮัตโตริในตำนานมากแค่ไหน?
“น่าเสียดายที่ฉันแทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตระกูลนินจาฮัตโตริเลย..มันไม่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์เลย..พวกเขาลึกลับเหมือนที่ตำนานพูดจริงๆ” หลินยักไหล่และพูดอย่างหมดหนทาง
“อยากรู้เกี่ยวกับตระกูลฮัตโตริงั้นเหรอ..ทำไมไม่มาถามฉันล่ะ” ซ่งหลันพูดเบาๆ
เย่เชียนก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งและพูดด้วยความประหลาดใจว่า “พี่หลันรู้งั้นเหรอ” จากนั้นเขาก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าซ่งหลันเกิดและเติบโตมาในประเทศญี่ปุ่นและเธอก็เคยเป็นสุดยอดนักฆ่าขององค์กรดาร์คลิลลี่ดังนั้นจึงเป็นไปได้อย่างมากที่เธอจะรู้เรื่องเหล่านี้ “พี่หลันถ้าพี่รู้ก็เล่ามาเลยสิ..อย่าทำให้ผมอยากรู้สิ” เย่เชียนเร่งเร้าอย่างกระตือรือร้น
หลังจากนั้นซ่งหลันก็พูดอย่างช้าๆว่า “ตามประวัติศาสตร์และตำนานนั้นตระกูลฮัตโตริกับโอดะโนบุนางะคอยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา..ซึ่งครั้งหนึ่งตระกูลฮัตโตริเป็นสุดยอดนักฆ่าผู้ยิ่งใหญ่ในตำนานแต่เมื่อโอดะโนบุนางะได้ทำสงครามกับตระกูลโทกุงาวะจนโอดะโนบุนางะถูกสังหารและทำให้ตระกูลโอดะก็ล่มสลายนั้นยุคของตระกูลฮัตโตริจึงหยุดนิ่ง..อย่างไรก็ตามหลังจากการตายของราชันโนบุนางะนั้นตระกูลฮัตโตริก็ยังคงสามารถต่อต้านจักรพรรดิโทกุงาวะได้..ซึ่งนินจาในตำนานผู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์นินจาก็คือ..ฮันโซ ฮัตโตริ”
“ส่วนนินจานั้นคืออะไรฉันคงไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรใช่มั้ย” หลังจากหยุดไปชั่วขณะซ่งหลันก็พูดว่า “อันที่จริงแล้วนินจาเป็นเพียงศิลปะการป้องกันตัวแบบโบราณของจีนแต่มันได้เพิ่มสิ่งที่เป็นตัวตนของประเทศญี่ปุ่นเข้าไป..ดังนั้นมันจึงเปลี่ยนไป..เพราะงั้นมันไม่มีอะไรมากไปกว่าศิลปะการป้องกันตัว..เข้าเรื่องกันต่อดีกว่า..ซึ่งความแตกต่างที่มากที่สุดของตระกูลฟูมะกับตระกูลฮัตโตริก็คือตระกูลฮัตโตรินั้นให้ความสำคัญกับความสามารถในการต่อสู้แบบรวมหมู่มากกว่า…ดังนั้นตระกูลฟูมะจึงต่อสู้กันโดยใช้รูปแบบของกลุ่มเล็กๆเท่านั้น..ยิ่งไปกว่านั้นนินจาของตระกูลฟูมะมักจะทำงานให้กับผู้ที่เสนอราคาสูงสุดเท่านั้นแต่สำหรับตระกูลฮัตโตรินั้นพวกเขาจะภักดีต่อตระกูลเท่านั้นและไม่รับภารกิจจากบุคคลนอกตระกูลอย่างเด็ดขาด”
“ซึ่งความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือตระกูลอิงะนั้นประกอบไปด้วยหลากหลายตระกูลและอำนาจส่วนใหญ่ก็ถูกควบคุมโดยตระกูลฟูมะ..ตระกูลฮัตโตริและตระกูลดันโซ..ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแต่อันที่จริงมันเหมือนกับโรงเรียนการแข่งขันเสียมากกว่าเพราะพวกเขามักจะส่งตัวแทนในตระกูลมาเพื่อชิงความเป็นผู้นำ..พูดง่ายๆคือโครงสร้างตระกูลอิงะนั้นคล้ายๆกับการแข่งขันความแข็งแกร่งและความเป็นผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่านั่นแหละ” ซ่งหลันพูดอย่างช้าๆ
“หืม..นั่นหมายความว่าตระกูลฟูมะ..ตระกูลฮัตโตริและตระกูลดันโซมักจะขัดแย้งกันอย่างงั้นหรอ?..ดูเหมือนว่าตระกูลฮัตโตริกับตระกูลดันโซจะไม่ค่อยลงรอยกับตระกูลฟูมะสินะ” เย่เชียนแตะคางของเขาและพูด
ซ่งหลันก็เหลือบมองไปที่เย่เชียนแล้วพูดว่า “ฉันแนะนำให้นายลบความคิดนี้ออกไปซะ..เพราะตระกูลนินจาดันโซก็เป็นหนึ่งในสาขาย่อยของสมาคมมังกรดำและมีส่วนร่วมในองค์กรใต้ดิน..เพราะงั้นถ้านายคิดแบบนั้นก็มีแต่จะตายฟรี”
“ตระกูลดันโซก็เป็นเครือข่ายของสมาคมมังกรดำด้วยเหรอ..แล้วตระกูลอิงะล่ะพวกเขาก็เป็นเหมือนกันใช่มั้ย?” เย่เชียนแปลกใจอย่างมากเพราะเขาเคยคิดว่าตระกูลอิงะนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับสมาคมมังกรดำ แต่ดูเหมือนเย่เชียนนั้นยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ที่ลับซับซ้อนเช่นนี้เลย ซึ่งมันทำให้เย่เชียนปวดหัวและเหมือนว่าเย่เชียนจะต้องรีบแก้ปัญหาเรื่องนี้โดยเร็วไม่เช่นนั้นมันก็ไม่มีทางที่จะดำเนินการใดๆในประเทศญี่ปุ่นได้เลย
.
.
.
.
.
.
.