ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 633 คาดเดา
ตอนที่ 633 คาดเดา
เมื่อได้รู้เกี่ยวกับตระกูลนินจาอิงะจากหลินเฟิงแล้วเย่เชียนก็คาดเดาว่าตระกูลนินจาอิงะและสมาคมมังกรดำนั้นจะต้องมีความสัมพันธ์บางอย่าง ดังนั้นเขาจึงคิดว่าการเข้าไปพัวพันกับตระกูลอิงะและตระกูลฟูมะจะทำให้เขาได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับสมาคมมังกรดำ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือถ้าจะทำลายสมาคมมังกรดำนั้นก็จะต้องทำลายตระกูลอิงะเสียก่อน แต่เมื่อซ่งหลันเล่าเรื่องเกี่ยวกับตระกูลนินจาทั้งหมดแล้วซึ่งความจริงมันเป็นเช่นนี้เย่เชียนจึงรู้สึกหดหู่ใจอย่างมาก
อย่างไรก็ตามอาจจะเป็นเช่นเดียวกับความสัมพันธ์ระหว่างแก๊งยามากุจิกับแก๊งอินาดะและแก๊งโยชิคาว่าก็เป็นได้เพราะถึงแม้ว่าตระกูลนินจาฟูมะและตระกูลนินจาดันโซจะเป็นหนึ่งในเครือข่ายของสมาคมมังกรดำก็ตามแต่พวกเขาเหล่านั้นก็อาจจะขัดแย้งกันเมื่อไหร่ก็ได้ ดังนั้นเย่เชียนจึงถามคำถามนี้ขึ้น
เมื่อได้ยินสิ่งที่เย่เชียนพูดแล้วซ่งหลันก็จ้องเขม็งไปที่เย่เชียนแล้วพูดว่า “นี่นายไม่ได้ยินที่ฉันพูดรึไง? ..ตระกูลอิงะนั้นเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลมาโดยตลอ..ซึ่งหมายความว่าอำนาจเบื้องหลังของตระกูลอิงะก็คือประเทศญี่ปุ่นทั้งประเทศ..ซึ่งสิ่งที่คอยสนับสนุนพวกเขาก็คือประเทศญี่ปุ่น!”
เย่เชียนก็เบะปากจากนั้นซ่งหลันก็เหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “อันที่จริงการเมืองของประเทศญี่ปุ่นนั้นทรงพลังมากจนสนับสนุนให้สมาคมมังกรดำมีสถานะที่แข็งแกร่งในแวดวงการทหารและการเมืองและธุรกิจของประเทศญี่ปุ่นแทบจะทั้งหมด..ซึ่งในช่วงสงครามต่อต้านญี่ปุ่นนั้นสมาคมมังกรดำก็เข้ายึดระบบทหารแต่หลังจากพ่ายแพ้ในสงครามแล้วทหารส่วนใหญ่ก็ถอนตัวออกไปจากเวทีการเมืองและถึงแม้ว่ามันจะผ่านมาหลานปีแล้วก็ตามแต่เราก็ไม่ควรมองข้ามพลังของสมาคมมังกรดำเพราะยังมีอีกหลายๆ คนในบรรดาข้าราชการของประเทศที่เป็นสมาชิกของสมาคมมังกรดำ..เพราะงั้นฉันบอกได้เลยว่าความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลญี่ปุ่นกับสมาคมมังกรดำนั้นแน่นแฟ้นมาก..ซึ่งสองฝ่ายก็คอยสนับสนุนกันอย่างลับๆ เสมอมา..เพราะงั้นทั้งตระกูลฟูมะและตระกูลดันโซต่างก็แฝงตัวอยู่ในพรรคการเมืองต่างๆ ..ซึ่งบางครั้งมันก็เกิดความขัดแย้งอย่างต่อเนื่องขึ้นโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้” ซ่งหลันพูดอย่างช้าๆ “นี่คือเหตุผลที่ฉันเลือกที่ร่วมมือกับบริษัทฟูมะกรุ๊ปและมันคือการใช้พลังของตระกูลอิงะที่อยู่เบื้องหลังตระกูลฟูมะ..เพราะงั้นนายควรจะรู้เอาไว้นะว่ามันไม่ง่าย”
หลังจากที่ซ่งหลันพูดจบเธอก็จ้องเขม็งไปที่เย่เชียนแต่เย่เชียนกลับหัวเราะอย่างมีความสุขแล้วพูดว่า “ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น..ทำไมถึงมาบอกเอาตอนนี้..พี่หลันไม่เคยสนใจผมเลยสินะ”
“หึ..นายคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงโง่ๆ แบบนั้นเหรอ” ซ่งหลันพูดอย่างขี้เล่น ซึ่งถ้าซ่งหลันไม่ใส่ใจไม่สนใจเย่เชียนแล้วเธอจะอยู่กับเย่เชียนมาหลายปีได้อย่างไรโดยไม่เสียใจเลย?
“ว่าแต่พี่หลันรู้เรื่องสมาคมมังกรดำมากแค่ไหน..พี่รู้อะไรอีกไหม..ถ้าพี่รู้อะไรก็รีบเล่ามาเถอะ” เย่เชียนหัวเราะและพูดอย่างเร่งรีบ
“อันที่จริงองค์กรดาร์คลิลลี่เองก็เป็นเครือข่ายหนึ่งของสมาคมมังกรดำเช่นกัน..แต่ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องของสมาคมมังกรดำมากนัก..ฉันแค่เคยได้ยินพี่สาวมารุยาม่ามิซูกิพูดถึงเรื่องนี้น่ะ” ซ่งหลันพูด
เมื่อได้ยินชื่อมารุยาม่ามิซูกิแล้วเย่เชียนก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะถึงยังไงผู้หญิงคนนี้ก็เคยเป็นถึงอาจารย์และผู้ชี้นำเขาสู่เส้นทางนี้แต่เธอกลับลงเอยเช่นนั้น ซึ่งน่าเสียดายที่มารุยาม่ามิซูกิไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วเพราะเย่เชียนนั้นยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากจะถามเธอแต่ก็ไม่สามารถถามได้ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากมารุยาม่ามิซูกิยังมีชีวิตอยู่เธออาจจะรู้จักสมาคมมังกรดำเป็นอย่างดีก็เป็นได้
ไม่ใช่ว่าซ่งหลันจงใจปกปิดสิ่งที่เกี่ยวกับสมาคมมังกรดำเพราะมารุยาม่ามิซูกินั้นพูดถึงเรื่องนี้โดยบังเอิญเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งในเวลานั้นซ่งหลันก็ยังเป็นสุดยอดนักฆ่าขององค์กรดาร์คลิลลี่อยู่และมารุยาม่ามิซูกิก็ต้องการสนับสนุนซ่งหลันในฐานะหัวหน้าดังนั้นเธอจึงพูดเรื่องนี้กับซ่งหลัน อย่างไรก็ตามซ่งหลันก็ได้พบกับเย่เชียนในเวลาต่อมาและแยกทางออกจากดาร์คลิลลี่ที่ในปัจจุบันองค์กรนี้ไม่มีอีกต่อไปแล้วหรือพูดอีกอย่างองค์กรดาร์คลิลลี่มีตัวตนในรูปแบบที่ต่างออกไปและมันไม่ใช่อดีตองค์กรนักฆ่าอีกต่อไปแต่ได้กลายเป็นหน่วยลับภายใต้ธงขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าผู้ยิ่งใหญ่
ตระกูลนินจาอิงะและองค์กรทหารรับจ้างเรดซันและอดีตองค์กรนักฆ่าดาร์คลิลลี่นั้นล้วนเป็นเครือข่ายของสมาคมมังกรดำ ซึ่งทำให้เย่เชียนประหลาดใจอย่างมากและที่สำคัญกว่านั้นนี่เป็นเพียงความสัมพันธ์บางส่วนที่ถูกเปิดเผยเท่านั้นและยังมีองค์กรที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังที่ยังไม่รู้จักอีกมากมาย ส่วนอิทธิพลและขอบเขตอำนาจของสมาคมมังกรดำที่มีต่อรัฐบาลญี่ปุ่นนั้นเย่เชียนก็ยังไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ทำให้เย่เชียนตระหนักว่าพลังของสมาคมมังกรดำนั้นกว้างขวางมาก หากเย่เชียนต้องการทำลายสมาคมมังกรดำล่ะก็เย่เชียนก็ต้องถอนรากถอนโคนไปทีละน้อยให้สิ้นซากไปอย่างสมบูรณ์แบบ
“ดูเหมือนว่าฉันคงจะต้องไปตามหาคนจากตระกูลฮัตโตริและตระกูลดันโซแล้วสินะ” เย่เชียนพึมพำ ซึ่งไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติมเพราะซ่งหลันและคนอื่นๆ ต่างก็รู้ว่าเย่เชียนต้องการใช้ตระกูลนินจาอื่นๆ เพื่อกำจัดตระกูลนินจาอิงะ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะคาเอดะไม่ใช่คนโง่และเขาก็ฉลาดมากไม่เช่นนั้นมันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเป็นผู้สืบทอดรุ่นต่อไปของตระกูลนินจาอิงะดังนั้นมันจึงไม่ง่ายเลยที่จะหลอกใช้เขา อย่างไรก็ตามของแบบนี้มันอยู่ที่ว่าใครจะทำพลาดก่อนกัน
“พี่หลันคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้..พี่คิดว่าทั้งสี่คนนั้นคือคนของตระกูลฮัตโตริหรือเปล่า?” เย่เชียนถาม
“ในความคิดของฉันมันไม่น่าจะใช่เพราะหลายปีที่ผ่านมาตระกูลฮัตโตริไม่เคยปรากฏตัวออกมาเลย..ต่างจากตระกูลอิงะและนอกจากนี้ยังมีบริษัทฟูมะกรุ๊ปที่เป็นฉากบังหน้าซึ่งเป็นองค์กรการค้าเชิงธุรกิจ..แต่ตระกูลฮัตโตรินั้นลึกลับมาโดยตลอดและพวกก็เขาไม่เคยเปิดเผยออกมาสู่โลกภายนอกทั้งเวทีการเมืองและธุรกิจและไม่มีส่วนร่วมในองค์กรใต้ดินใดๆ ..ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ก็ไม่มีใครรู้เลยว่าตระกูลฮัตโตรินั้นเป็นอยู่อย่างไร” ซ่งหลันพูดว่า “ซึ่งในเร็วๆ นี้จะมีการเลือกตั้งรัฐบาลญี่ปุ่นชุดใหม่ซึ่ง..ดังนั้นระหว่างตระกูลฟูมะกับตระกูลดันโซและตระกูลฮัตโตริก็จะยิ่งตึงเครียดมากขึ้นไปอีกและเมื่อถึงเวลานั้นก็จะไม่มีใครกล้าเปิดฉากสงครามก่อนเลย..เพราะงั้นฉันเลยคิดว่านินจาทั้งสี่คนนั้นไม่ได้มาจากตระกูลฮัตโตริ”
“ฉันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” หลินเฟิงพูด “ฉันคิดว่านินจาจากตระกูลฮัตโตริไม่ควรที่จะอ่อนแอแบบนั้น..เพราะพวกเราก็เห็นได้ชัดว่านินจาทั้งสี่คนไม่สามารถทำอะไรคาเอดะได้เลย..เพราะงั้นในกรณีนี้ถ้าหากตระกูลฮัตโตริต้องการกำจัดคาเอดะจริงๆล่ะก็พวกก็ต้องส่งนินจายอดฝีมือมาเพื่อให้แน่ใจว่าภารกิจจะสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ..ยิ่งไปกว่านั้นเหล่านินจาตระกูลฮัตโตริน่ะไม่ใช่พวกที่อ่อนแอแบบนี้หรอก”
“ถ้าแบบนั้นก็แสดงว่ามีใครบางคนต้องการโยนความผิดให้ตระกูลฮัตโตริ..หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือพวกเขาต้องการยั่วยุให้เกิดสงครามระหว่างตระกูลนินจาอิงะและตระกูลฮัตโตริ..ใครเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องพวกนี้กัน? ..และจุดประสงค์ของเขาคืออะไร?” เย่เชียนขมวดคิ้วแน่นและพูด
“ถ้ามองในมุมมองของประเด็นที่คุณซ่งพูดล่ะก็การเลือกตั้งพรรครัฐบาลของประเทศญี่ปุ่นก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม..เพราะงั้นมันต้องไม่ใช่พรรคการเมืองของตระกูลนินจาอิงะหรือสมาคมมังกรดำ..แต่เป็นอีกขั้วอีกฝ่ายที่ต้องการยั่วยุพวกเขาให้ทำสงครามกันและใช้โอกาสนี้ในการคว้าตำแหน่งในรัฐสภา” หลินเฟิงพูด
เย่เชียนก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “แต่ผมไม่คิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้นหรอก..บางทีมันอาจจะมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ก็เป็นได้” หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็ถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า “ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเรากำลังเผชิญหน้ากับประเทศญี่ปุ่นทั้งประเทศ..แต่เรากลับรู้ข้อมูลต่างๆ น้อยเกินไปซึ่งมันจะเป็นอันตรายต่อเรามาก..เพราะงั้นเราต้องรีบดำเนินการรวบรวมข่าวกรองให้สมบูรณ์โดยเร็วที่สุด..ยิ่งในตอนนี้สถานการณ์ในประเทศญี่ปุ่นก็กำลังวุ่นวายมากซึ่งมันจะเป็นประโยชน์ต่อเราและเราต้องไม่พลาดโอกาสนี้ไป..ไม่งั้นพวกเราคงจะมีโอกาสแบบนี้อีกในอนาคต”
“ส่วนในมุมมองของผมมันก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการต่อสู้แย่งชิงอำนาจภายในตระกูลนินจาอิงะด้วยกันเอง..ผมคิดว่ามันต้องมีใครบางคนที่ปฏิเสธที่จะยอมจำนนต่ออำนาจของตระกูลฟูมะที่จะเป็นผู้สืบทอดสำนักนินจาอิงะ..ดังนั้นเขาจึงพยายามที่จะยั่วยุให้เกิดสงครามระหว่างตระกูลฟูมะและตระกูลดันโซและตระกูลฮันโตริ..เพื่อให้เป้าหมายของเขาประสบความสำเร็จในการยึดอำนาจในฐานะเจ้าสำนักนินจาแบบนั้น” อู๋หวนเฟิงแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
ซึ่งเย่เชียนเองก็คิดว่าความเป็นไปได้นี้มีโอกาสสูงมาก ซึ่งความคิดเห็นของอู๋หวนเฟิงมันตรงกับความเป็นจริงอย่างมากจนทำให้เย่เชียนครุ่นคิดเพราะสิ่งที่อู๋หวนเฟิงพูดมันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เพราะความเป็นไปได้นั้นยังสูงมากอีกด้วย นอกจากนี้มันยังเป็นวิธีที่หลายๆ คนใช้อีกด้วย “แล้วพี่หลันล่ะ..พี่หลันคิดว่ามันมีความเป็นไปได้สูงแค่ไหนที่ตระกูลอื่นๆ ต้องการที่จะทำให้ตระกูลนินจาเหล่านี้ทำสงครามกัน?” เย่เชียนถาม
“ในความคิดของฉันน่ะเหรอ..ฉันคิดว่าระหว่างตระกูลฟูมะกับตระกูลฮันโตริและตระกูลดันโซก็มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะแย่งชิงอำนาจกัน..เพราะท้ายที่สุดแล้วทุกๆ ตระกูลที่อยู่ภายใต้สำนักนินจาอิงะก็มักจะต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงอำนาจมาตั้งแต่สมัยก่อนและมันก็เกิดขึ้นได้ง่ายมากอยู่ที่ว่าเมื่อไหร่เท่านั้นเอง..ยิ่งไปกว่านั้นเหตุการณ์แบบนี้มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นในครั้งหรือสองครั้งเท่านั้นเพราะพวกเขาต่างก็ทำสงครามกันมาอย่างเนิ่นนานตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว” ซ่งหลัน
“ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจมากกว่านี้หน่อยจะได้ไหม” เย่เชียนพูด
“ก็เท่าที่ฉันรู้เกี่ยวกับตระกูลนินจาอิงะน่ะ..ภายในตระกูลอิงะมีความขัดแย้งภายในอย่างร้ายแรงมาโดยตลอด..โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในตระกูลฮัตโตริที่ถูกตระกูลฟูมะแย่งชิงอำนาจไป..ซึ่งตามประวัติศาสตร์แล้วตระกูลฮัตโตริมีประวัติอันรุ่งโรจน์แต่ในปัจจุบันมันกลายเป็นตระกูลฟูมะดังนั้นแน่นอนว่าตระกูลฮัตโตริจะไม่เต็มใจยอมรับ..ซึ่งมันก็เป็นไปได้ที่พวกเขาจะปลุกปั่นสงครามระหว่างตระกูลฮัตโตริและตระกูลอิงะ..อาจเป็นไปได้ว่านินจาทั้งสี่นั้นมาจากตระกูลฮัตโตริเพียงเพื่อประกาศสงคราม” ซ่งหลันพูด
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “แล้วพี่รู้ไหมว่าตอนนี้ใครเป็นหัวหน้าของตระกูลฮัตโตริ?”
“น่าจะเป็นชิฮิโระ..ฮัตโตริ..ฉันเคยพบเขาที่งานปาร์ตี้ที่จัดขึ้นโดยคาเอดะเมื่อปีที่แล้ว..แต่ฉันไม่ได้เจอกับตัวเองฉันแค่ได้ยินคาเอดะพูดถึงเท่านั้น” ซ่งหลันพูด
“ชิฮิโระ.ฮัตโตริ?” เย่เชียนพึมพำแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าผมจะต้องไปพบกับคนๆ นี้”
“เย่เชียนอย่าเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้เลย..อย่าเข้าไปมีส่วนร่วมในการต่อสู้ของตระกูลนินจาเหล่านั้นเพราะด้วยทักษะในปัจจุบันของนายน่ะนายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลย..ฉันไม่ต้องการให้นายไปเสี่ยง” เมื่อเห็นว่าเย่เชียนคิดจะทำอะไรซ่งหลันก็พูดด้วยความเป็นห่วง
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าเราไม่เข้าไปในถ้ำเสือเราก็จะจับเสือไม่ได้..นอกจากนี้พี่ต้องเชื่อใจผมยิ่งไปกว่านั้นยังมีพี่หลินอยู่ข้างๆ เพราะงั้นพี่จะกลัวอะไร?”
.
.
.
.
.
.
.