ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 635 ใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
ตอนที่ 635 ใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลัง?
คาเอดะก็ถึงกับตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดเพราะถ้าหากนากาซาวะไม่บอกตัวตนที่แท้จริงของเย่เชียนล่ะก็เขาคงจะไม่มีทางรู้ได้เลย เพราะจากที่ได้พบกับเย่เชียนถึงแม้ว่ามันจะไม่นานแต่เขาก็รู้สึกได้ว่าเย่เชียนนั้นไม่ใช่คนธรรมดาแต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าเย่เชียนจะมีตัวตนเช่นนี้ ซึ่งคาเอดะนั้นเคยได้ยินชื่อองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่ามานานแล้วและเขี้ยวหมาป่านั้นก็เป็นราชาแห่งโลกทหารรับจ้างมาโดยตลอดและมีเครือข่ายมากมายในทวีปตะวันออกกลาง
อย่างไรก็ตามในมุมมองของคาเอดะนั้นองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าเป็นเพียงกลุ่มชายฉกรรจ์ที่หวังทำเงินโดยที่ไม่ต้องคิดอะไรมากมายและไม่มีทางเทียบได้กับตระกูลนินจาอิงะของเขาได้ อย่างไรก็ตามคาเอดะก็ไม่กล้าที่จะมองข้ามองค์กรทหารรับจ้างเพราะท้ายที่สุดองค์กรทหารรับจ้างเองก็มีประสิทธิภาพในการรบที่แข็งแกร่งไม่เช่นนั้นสถานะที่เขี้ยวหมาป่ามีอยู่ในตอนนี้คงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะยืนอยู่ในโลก เมื่อได้ยินเช่นนั้นคาเอดะก็เริ่มครุ่นคิดอย่างช้าๆและในใจของเขาก็คิดว่าเขาจะใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างไร
“ทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า?..ราชาหมาป่าเย่เชียน?” คาเอดะพูดด้วยน้ำเสียงที่ตกตะลึงแล้วพูดต่อ “นากาซาวะ..เธอรู้จุดประสงค์ที่เขามาญี่ปุ่นในครั้งนี้หรือเปล่า?”
“เวลามันกระชั้นชิดเกินไปฉันเลยไม่รู้จุดประสงค์ของพวกเขา” นากาซาวะตอบ “แต่ทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่ากับแก๊งยามากุจินั้นมีความขัดแย้งกันมาโดยตลอดเพราะพวกเขาเคยลอบสังหารหัวหน้าแก๊งยามากุจิถึงสองครั้ง..ดังนั้นฉันจึงเดาเอาว่าจุดประสงค์ที่ทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่ามายังประเทศญี่ปุ่นก็เพื่อจัดการกับแก๊งยามากุจิ”
“หืม?” คาเอดะขมวดคิ้วเล็กน้อยและมีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขาแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าสิ่งต่างๆมันค่อนข้างน่าสนใจจริงๆ” หลังจากหยุดไปชั่วขณะคาเอดะก็พูดว่า “เอาล่ะ..เรื่องของเย่เชียนเอาไว้ว่ากันทีหลัง..ตอนนี้เธอไปสืบมาให้ได้ก่อนว่าใครเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังพวกนินจาที่มาลอบสังหารฉัน..ใครกล้าที่จะท้าทายฉันอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้..มันไม่เห็นเลือดนินจาของสำนักอิงะในตัวฉันเลยสินะ”
นากาซาวะก็นั่งยองๆลงและตรวจสอบศพทั้งสี่แล้วพูดว่า “คนพวกนี้มาจากตระกูลฮัตโตริงั้นหรอ”
คาเอดะก็ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง..เธอก็รู้หนิว่าคนจากตระกูลฮัตโตริไม่ใช่คนโง่แบบนั้นเพราะถ้าพวกเขาต้องการที่จะฆ่าฉันเขาคงจะไม่ส่งขยะเหล่านี้มาหรอก..ฉันจึงคิดว่ามันเป็นการกระตุ้นความขัดแย้งระหว่างฉันกับตระกูลฮัตโตริเสียมากกว่า..ยิ่งไปกว่านั้นการเลือกพรรคการเมืองโตเกียวก็กำลังจะใกล้ถึงแล้วเพราะงั้นเราต้องหาให้ได้ว่าเรื่องต่างๆมันเป็นมายังไงกันแน่และฉันจะไม่ยอมให้ใครมาคุกคามฉัน”
รอยยิ้มอันชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของนากาซาวะและเธอก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวลค่ะนายท่าน..เดี๋ยวฉันจัดการให้”
“ฉันมั่นใจในตัวเธอ” คาเอดะก็ตบบ่าของนากาซาวะและลูบแขนของเธอเบาๆจากนั้นก็พูดว่า “ฉันจะปล่อยให้เธอจัดการก็แล้วกัน..ฉันขอตัวกลับก่อน” หลังจากพูดจบคาเอดะก็เดินออกจากร้านอาหารไป
นากาซาวะเคียวโกะนั้นเป็นเพื่อนร่วมชั้นของคาเอดะเมื่อตอนที่เรียนอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถึงแม้ว่าเธอจะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของคาเอดะก็ตามแต่แท้ที่จริงแล้วเธอนั้นเป็นคนรักของคาเอดะและไม่ว่าจะเป็นทักษะการต่อสู้หรือการศึกษานั้นเธอก็คือที่หนึ่งเสมอ
หลังจากที่เห็นคาเอดะออกไปดวงตาของนากาซาวะก็ฉายแววเย็นชาจากนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรออกทันที หลังจากที่มีการเชื่อมต่อสายนากาซาวะก็พูดว่า “แผนเป็นไปด้วยดี..คาเอดะเริ่มสงสัยเรื่องนี้แล้วและเขาก็ขอให้ฉันไปตรวจสอบเกี่ยวกับผู้ที่อยู่เบื้องหลัง”
เสียงของชายชราก็ดังเข้ามาว่า “ดีมาก..แต่ไม่ต้องรีบร้อนเกินไปเพราะคาเอดะนั้นไม่ได้โง่..ส่วนปู่ของเขาก็ไม่ง่ายที่จะหลอกได้..เราต้องปล่อยให้พวกเขาตกหลุมพรางไปทีละขั้น”
“ได้ค่ะ..ฉันรู้แล้วว่าต้องทำยังไง” นากาซาวะ
“ฉันรู้ว่าเธอต้องทำได้..การอดทนรอมาเป็นเวลาหลายปีของฉันมันจะไม่ไร้ประโยชน์อีกต่อไปแล้ว” ชายชราพูดอย่างสบายใจว่า “ฉันจะรอเธอที่บ้านคืนนี้..มีคนนำเสือจากประเทศไทยมาให้ฉันเมื่อสองวันก่อน..มันดุร้ายมาก”
หลังจากวางสายไปแล้วใบหน้าของนากาซาวะก็เผยให้เห็นถึงการเย้ยหยันและการเสียดสีเพราะทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเธอ
หลังจากส่งซ่งหลันกลับไปที่สำนักงานใหญ่เครือน่านฟ้ากรุ๊ปแล้วเย่เชียนและหลินเฟิงก็ขับรถกลับไปที่โรงแรมที่พวกเขาพักอยู่ ซึ่งรถเป็นของบริษัทเครือน่านฟ้ากรุ๊ปเพราะหลังจากที่บริษัทเครือน่านฟ้ากรุ๊ปมาทำธุรกิจในประเทศญี่ปุ่นแล้วถ้าหากไม่มีรถมันก็จะเดินทางไม่สะดวก ระหว่างทางกลับหลินเฟิงนั้นขอลงจากรถและเดินจากไปแต่เย่เชียนก็ไม่ได้ถามเขาว่าเขาจะทำอะไร ดังนั้นเย่เชียนจึงกลับไปที่โรงแรมคนเดียว
เย่เชียนนั้นสามารถเดาได้โดยไม่ต้องถามหลินเฟิงว่าเขาไปติดต่อสมาชิกขององค์กรเซเว่นคิลเพื่อรับข้อมูลข่าวสารล่าสุดในปัจจุบัน เพราะสงครามในครั้งนี้จำเป็นต้องใช้ข้อมูลเชิงลึกและเย่เชียนก็รู้เรื่องนี้ดีว่าถ้าข้อมูลของฝ่ายใดถูกต้องกว่าความหวังในชัยชนะก็ย่อมมีมากกว่า ซึ่งถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ทราบรายละเอียดของสมาคมมังกรดำก็ตามแต่เย่เชียนก็ยังคงรู้สึงว่าเขาควรทำอะไรบางอย่าง ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นการล่อเสือออกจากถ้ำจึงมักจะเป็นแผนการที่ดีเสมอเพราะหากเราต้องการทราบเกี่ยวกับองค์กรลึกลับและกว้างขวางอย่างสมาคมมังกรดำล่ะก็เราต้องกระตุ้นและปล่อยให้อีกฝ่ายเปิดเผยข้อบกพร่องออกมาเอง
หลังจากกดเบอร์โทรศัพท์ของแจ็คแล้วเย่เชียนก็พูดว่า “แจ็ค..นายช่วยอัปโหลดข้อมูลล่าสุดทั้งหมดที่หน่วยข่าวกรองรวบรวมมายังโทรศัพท์มือถือของฉันให้หน่อย..ฉันต้องการตรวจมันสอบอย่างละเอียด”
“ได้ครับบอส” แจ็คตอบ “ผมได้ตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองแล้ว..มันมีบางอย่างที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับสมาคมมังกรดำ..แต่ผมก็มีข่าวดีมาบอกแต่ผมไม่รู้ว่ามันจะมีประโยชน์สำหรับบอสหรือเปล่า”
“หืม..ข่าวอะไร..ฉันขอฟังหน่อย” เย่เชียนถามอย่างสงสัย
“มันเป็นเรื่องของตระกูลนินจาอิงะ” แจ็คพูด “วันนี้สถานการณ์ของสามตระกูลนินที่ทรงอิทธิพลที่สุดอย่างตระกูลฟูมะ..ตระกูลฮัตโตริและตระกูลดันโซเริ่มตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ..ซึ่งถ้าบอสต้องการทำลายตระกูลนินจาอิงะล่ะก็บอสสามารถเริ่มได้ตั้งแต่ตอนนี้”
เย่เชียนนั้นไม่ค่อยสบอารมณ์มากนักเมื่อได้ยินข่าวนี้เพราะตระกูลนินจาฮัตโตริก็ถือได้ว่าเป็นศัตรูของศัตรูของเย่เชียนในระดับหนึ่ง เพราะท้ายที่สุดตระกูลฮัตโตริและเย่เชียนต่างก็มีศัตรูเดียวกันและนั่นคือสมาคมมังกรดำ ดังนั้นหากตระกูลฮัตโตริวุ่นวายเกินไปมันก็จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมมังกรดำอย่างแน่นอนและนั่นจะทำให้เกิดความบาดหมางครั้งใหญ่ ส่วนคาเอดะนั้นเย่เชียนก็แค่มีความคับข้องใจส่วนตัวก็เท่านั้นเอง ซึ่งเย่เชียนก็หวังว่าตระกูลนินจาฮัตโตริกับตระกูลอิงะจะมีความมั่นคงในสถานการณ์นี้อย่างมาก
อย่างไรก็ตามเรื่องแบบนี้ก็อยู่นอกเหนือการควบคุมของเย่เชียนและเขาไม่สามารถจัดการความโกลาหลของตระกูลนินจาเหล่านั้นได้ “นายส่งคนไปตรวจสอบเพิ่มเติมแล้วรายงานให้ฉันทราบทันทีที่มีสถานการณ์ใดๆเกิดขึ้น” เย่เชียนพูด ซึ่งเมื่อรวมกับเหตุการณ์ในร้านอาหารและข่าวของแจ็คแล้วเย่เชียนก็รู้สึกว่าการคาดเดาของเขาถูกต้องจริงๆเพราะคนที่ลอบสังหารคาเอดะในร้านอาหารอาจไม่ได้มาตระกูลฮัตโตริแต่เป็นสมาชิกของตระกูลดันโซ ซึ่งดูเหมือนว่าสถานการณ์ในประเทศญี่ปุ่นแห่งนี้จะวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ
แจ็คก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ครับบอส..แต่มีอีกอย่างหนึ่งครับคือหลี่เหว่ยโทรมาบอกว่าเรื่องกำลังพลของทัพเรือนั้นพร้อมแล้วแต่ก็ยังต้องได้รับคำแนะนำจากกลุ่มโจรสลัดซาตานอยู่..เขาเลยอยากถามว่าเราจะรอเรือรบสองสามลำก่อนหรือให้พี่น้องของเขี้ยวหมาป่าฝึกภาคปฏิบัติต่อไปก่อนดี”
“การหาเรือรบมันไม่ง่ายขนาดนั้นน่ะสิ..อีกอย่างเรื่องนี้เราจะให้รัฐบาลจีนรู้ไม่ได้..บอกเขาว่าฝึกรอไปก่อนให้ฉันสะสางเรื่องที่นี่จบก่อนแล้วค่อยว่ากัน..อย่าพึ่งสร้างปัญหาให้ฉัน” เย่เชียนพูดแล้วส่ายหัว
เย่เชียนนั้นเข้าใจถึงนิสัยของหลี่เหว่ยเป็นอย่างดีและถึงแม้ว่าหลี่เหว่ยจะไม่เท่ากับชิงเฟิงก็ตามแต่เขาก็เป็นคนประเภทที่หยุดอยู่กับที่ไม่ได้เวลาเขาว่างและแทบรอไม่ไหวที่จะสร้างปัญหาไปทุกที่ ซึ่งในเวลานี้เย่เชียนไม่ต้องการสร้างศัตรูเพิ่มเพราะในตอนนี้พวกเขายังอ่อนแอเกินไปที่จะทำลายสมาคมมังกรดำ ดังนั้นถ้าหากมีศัตรูเพิ่มเย่เชียนก็คงจะหมดหนทางจริงๆ อย่างไรก็ตามหลังจากเก็บตัวฝึกฝนเป็นเวลานานกว่าหนึ่งปีพลังของเขี้ยวหมาป่าบนผืนทะเลก็ควรจะถูกสร้างขึ้นแล้วและเย่เชียนก็เชื่อว่าประสิทธิภาพการรบของพวกเขาได้มาถึงระดับหนึ่งแล้ว
อย่างไรก็ตามเรือรบประจัญบานมันไม่ใช่ปืนหรือกระสุนและสิ่งสำคัญที่สุดคือการหลีกเลี่ยงสายตาของทุกๆประเทศและอย่าให้พวกเขารับรู้ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นภัยอันใหญ่หลวงต่อองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า
แจ็คก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ได้ครับ..ผมจะถ่ายทอดคำสั่งของบอสให้เขา”
“อืมดีมากแค่นี้นะ..นายอย่าลืมอัปโหลดข้อมูลล่าสุดมายังมือถือของฉันนะ..แล้วก็รีบรายงานฉันด้วยถ้านายมีข่าวอะไรเพิ่มเติม..แต่ถ้ามีเหตุฉุกเฉินนายสามารถให้หน่วยข่าวกรองติดต่อฉันได้โดยตรง” เย่เชียนพูด หลังจากพูดจบเย่เชียนก็วางสายไป
.
.
.
.
.
.
.
.