ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 636 การร่วมมือกันอีกครั้ง ตอนที่ 1
ตอนที่ 636 การร่วมมือกันอีกครั้ง ตอนที่ 1
สถานการณ์ในประเทศญี่ปุ่นกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและถ้าหากข้อมูลต่างๆต้องผ่านการกรองจากแจ็คก่อนมันก็จะล่าช้าอย่างมากและอาจะสายไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยหลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับแจ็ค ดังนั้นมันจึงยากมากหากหน่วยข่าวกรองรายงานผ่านแจ็คมาอีกทีเพราะงั้นนี่เป็นเหตุผลที่เย่เชียนทำไมถึงพูดแบบนี้และจุดประสงค์ก็คือเพื่อให้เขาได้รับข่าวสารได้ทันเวลานั่นเอง
แน่นอนว่ามันจะดีกว่าถ้าหากผ่านการกรองข่าวสารจากแจ็คก่อนเพราะท้ายที่สุดแจ็คจะตรวจสอบและสรุปข้อมูลที่รวบรวมมา และลบสิ่งที่ไม่สำคัญออกไปแล้วจึงแยกแยะความเชื่อมโยงระหว่างปัญญาต่างๆให้กับเย่เชียนจนทำให้สะดวกต่อการตัดสินใจอย่างมาก แต่เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ในประเทศญี่ปุ่นให้ทันเวลามากขึ้นนั้นจึงจำเป็นต้องทำแบบนี้และเย่เชียนก็ต้องเหนื่อยกว่าเดิมและแน่นอนว่าแจ็คก็เหนื่อยเกินกว่าจะจัดการหลายๆอย่างด้วยตัวคนเดียว
หลังจากวางสายโทรศัพท์ของแจ็คแล้วเย่เชียนก็กดเบอร์โทรศัพท์ของคูลอฟส์อังเดรอย่างรวดเร็วเพราะคูลอฟส์อังเดรเป็นบุคคลสำคัญในตระกูลมาเฟียคูลอฟส์แห่งประเทศรัสเซีย ดังนั้นจึงเป็นการเหมาะสมที่สุดที่จะให้เขาช่วยแก้ปัญหาเรือรบของเขี้ยวหมาป่า ซึ่งในบรรดาองค์กรมาเฟียในโลกนั้นเหล่ามาเฟียรัสเซียถือได้ว่าเป็นองค์กรที่บ้าคลั่งที่สุดเพราะไม่เพียงแค่พวกเขากล้าขายอาวุธขนาดใหญ่ทุกชนิดเท่านั้นแต่พวกเขายังกล้าขายระเบิดแก๊สและหัวรบนิวเคลียร์อีกด้วย อย่างไรก็ตามตราบใดที่มันเป็นธุรกิจที่ทำกำไรพวกเขาก็กล้าที่จะทำมันและยิ่งไปกว่านั้นตระกูลคูลอฟส์ก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับรัฐบาลของประเทศรัสเซีย ดังนั้นการขอให้พวกเขาจัดหาเรือรบมันก็อาจจะสามารถหลีกเลี่ยงสายตาจากประเทศอื่นๆได้
หลังจากได้รับสายโทรศัพท์จากเย่เชียนแล้วคูลอฟส์อังเดรก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจเพราะเขาไม่ได้ติดต่อกับเย่เชียนมานานกว่าหนึ่งปีและถึงแม้ว่าเขาจะพยายามอย่างถึงที่สุดแต่เขาก็ยังหาเย่เชียนไม่พบและไม่สามารถทราบข่าวเขาได้เลย อย่างไรก็ตามเนื่องจากเขาได้รับสิทธิ์ครอบครองการพนันในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากฮัวซงเจี๋ยดังนั้นสถานะของเขาในตระกูลจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนตอนนี้คูลอฟส์อาสเชฟไม่ใช่คู่แข่งของเขาอีกต่อไป ซึ่งคูลอฟส์อังเดรก็ถูกกำหนดให้เป็นทายาทของตระกูลคนต่อไป
คูลอฟส์อังเดรก็รู้ดีว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะความช่วยเหลือของเย่เชียนและเขาก็รู้ดีเช่นกันว่าถ้าหากเขาต้องการที่จะพัฒนาและขับเคลื่อนตระกูลคูลอฟส์ไปสู่ความรุ่งโรจน์เขาก็ต้องพึ่งพาพลังของเย่เชียนและนี่ไม่ใช่แค่การพึ่งพาพลังการต่อสู้ของเขี้ยวหมาป่าเท่านั้นแต่กุญแจสำคัญคือเขาต้องการเย่เชียนที่เป็นดั่งนักปราชญ์ที่จะช่วยเขาแก้ไขปัญหาต่างๆได้อย่างชาญฉลาดและเขาก็เชื่ออย่างแน่นอนว่าด้วยพลังของเย่เชียนนั้นตระกูลคูลอฟส์ของเขาจะต้องเป็นไปอย่างรุ่งโรจน์อย่างแน่นอน
“มิสเตอร์เย่..ไม่ได้เจอกันนานเลย..ถ้าคุณไม่ปรากฏตัวออกมาเร็วๆนี้ผมคงจะส่งคนไปตามหาคุณจริงๆซะแล้ว..คุณหายไปตั้งปีกว่าคุณไปทำอะไรมา..ผมรู้สึกใจหายจริงๆ” คูลอฟส์อังเดรพูดด้วยความตื่นเต้น ซึ่งมันไม่ใช่ภาษาจีนธรรมดาทั่วไปและด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นมันก็ยิ่งดูตลกมาก
เย่เชียนก็หัวเราะคิกคักแล้วพูดว่า “ผมเหนื่อยและผมก็แค่อยากพักเฉยๆเพื่อผ่อนคลาย..ผมต้องขอโทษด้วยที่ทำให้มิสเตอร์คูลอฟส์อังเดรต้องกังวล”
“มิสเตอร์เย่ได้สนุกกับชีวิตที่อิสระแบบนั้นก็ดีเหมือนกัน..เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมสามารถออกไปใช้ชีวิตเหมือนมิสเตอร์เย่ได้โดยไม่ต้องสนใจอะไรแบบนั้นมันคงจะยอดเยี่ยมมากเลย” คูลอฟส์อังเดรพูดต่อ “เดี๋ยวนะตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน..มีเวลามาที่รัสเซียไหม..เราไม่ได้เจอกันนานตั้งมากแล้ว”
“ผมไม่ว่างเลย..ผมกำลังทำงานสำคัญอยู่ตอนนี้..มีบางอย่างที่ผมต้องจัดการที่ประเทศญี่ปุ่น” เย่เชียนพูด “ที่ผมโทรหาคุณในครั้งนี้ก็เพราะว่าผมต้องการให้คุณช่วย..ไม่ทราบว่ามิสเตอร์คูลอฟส์อังเดรจะสะดวกหรือเปล่า?”
“ดูคุณพูดสิ..เรื่องของมิสเตอร์เย่มันก็เป็นเรื่องของผมเหมือนกัน..ถ้าคุณมีอะไรก็บอกมาตรงๆได้เลย..ตราบใดที่ผมช่วยได้ผมก็จะช่วยอย่างเต็มที่” คูลอฟส์อังเดรพูดอย่างหนักแน่ ซึ่งเย่เชียนช่วยเหลือเขามาโดยตลอดดังนั้นแน่นอนว่าเขาต้องเต็มใจช่วยโดยไม่ลังเลและสำหรับความร่วมมือกันนั้นพวกเขาก็ควรจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพราะถ้าเราต้องการที่จะรักษามิตรภาพที่ดีกับเย่เชียนมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องช่วยเหลือกัน
คูลอฟส์อังเดรนั้นเป็นบุคคลที่ชื่นชมประเทศจีนอย่างมากและเขาก็มักจะโหยหาสิ่งที่ลึกลับอยู่เสมอและไม่ต้องพูดถึงการที่เย่เชียนเป็นเหมือนผู้มีพระคุณของเขาเลย อาจกล่าวได้ว่าหากไม่ใช่เพราะเย่เชียนล่ะก็คูลอฟส์อังเดรอาจจะถูกคูลอฟส์อาสเชฟกำจัดและไม่สามารถแม้แต่ตอบโต้ได้
ทว่าในตอนนี้ด้วยความช่วยเหลือของเย่เชียนนั้นคูลอฟส์อังเดรไม่เพียงแต่ทำให้สถานการณ์พลิกกลับได้เท่านั้นแต่เขายังกลายเป็นผู้มีอำนาจที่แท้จริงของตระกูลมาเฟียคูลอฟส์และถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะยังไม่ใช่ผู้นำก็ตามแต่ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลเพราะคูลอฟส์อาสเชฟไม่มีความสามารถในการแข่งขันกับคูลอฟส์อังเดรอีกต่อไป
“ฮ่าๆ..ผมต้องการให้คุณช่วยผมจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์” เย่เชียนพูด ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะร่วมมือกับคูลอฟส์อังเดรมานานแล้วก็ตามแต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความร่วมมือเพื่อประโยชน์และไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าหลังจากคูลอฟส์อังเดรได้สิ่งที่เขาต้องการแล้วเขาจะยังคงเป็นเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า ดังนั้นเย่เชียนจึงยังไม่มั่นใจนักเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้
“อาวุธ?” คูลอฟส์อังเดรหยุดชะงักและเขาเข้าใจได้ในทันทีและเขาก็หัวเราะแล้วพูดว่า “อาวุธหรอ?..มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร..ว่าแต่มิสเตอร์เย่มีแผนจะทำอะไรในประเทศญี่ปุ่นงั้นหรอ..ผมอยากเข้าร่วมด้วย..เพราะงั้นมิสเตอร์เย่อยากได้อาวุธแบบไหน..อาวุธเบาหรือหนักดีล่ะ..เลือกอะไรก็ได้ที่คุณต้องการมาได้เลย”
คำพูดของคูลอฟส์อังเดรนั้นได้เตือนสติเย่เชียนว่าในตอนนี้เขายังไม่สามารถทำลายแก๊งยามากุจิได้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าการพึ่งพาความแข็งแกร่งของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงและถึงแม้ว่าจะมีหวังหูและแก๊งฉ่างหลี่มาสมทบด้วยก็ตามแต่สิ่งต่างๆเกรงว่ามันจะไม่ง่ายนัก อย่างไรก็ตามก็ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าแก๊งอินาดะและแก๊งโยชิคาว่าจะไม่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ดังนั้นด้วยความช่วยเหลือของคูลอฟส์อังเดรนั้นมันจะแตกต่างจากเดิมไปมากเพราะตระกูลมาเฟียขนาดใหญ่นี้ไม่เพียงแต่มีทรัพยากรทางเศรษฐกิจที่มหาศาลเท่านั้นแต่ยังมีทรัพยากรมนุษย์จำนวนมากซึ่งยอดเยี่ยมมากในแง่ของอาวุธและกำลังพล
“ถ้างั้นผมจะพูดตรงๆเลยก็แล้วกัน” เย่เชียนพูด “มิสเตอร์คูลอฟส์อังเดรก็ไม่ใช่คนนอกเพราะงั้นผมจะไม่ปิดบังคุณ..คืออันที่จริงผมร่วมมือกับกลุ่มโจรสลัดซาตานมาเสมอ..พวกเขาคือเจ้าแห่งท้องทะเลเพราะงั้นผมจึงอยากได้เรือลาดตระเวน..เรือพิฆาต..และเรือดำน้ำจำนวนหนึ่งจากมิสเตอร์คูลอฟส์อังเดร..ไม่ทราบว่ามิสเตอร์คูลอฟส์อังเดรจะจัดซื้อจัดหามันได้หรือเปล่า?”
“อะไรนะ?” คูลอฟส์อังเดรอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงจนกรามของเขาเกือบจะหลุดออกมาเพราะเรือราดตระเวน,เรือพิฆาตและเรือดำน้ำนั้นมันไม่ใช่อาวุธปืน? ซึ่งเมื่อเย่เชียนพูดคูลอฟส์อังเดรจึงรู้สึกประหลาดใจอย่างมากเพราะเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับกลุ่มโจรสลัดซาตานและเคยติดต่อกับพวกเขาเหล่านี้มาก่อนเพราะตระกูลคูลอฟส์อังเดรนั้นเคยถูกโจรสลัดปล้นสินค้าไปเป็นจำนวนมากและหลังจากนั้นตระกูลคูลอฟส์จึงใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อติดต่อกับกลุ่มโจรสลัดซาตานเพื่อให้พวกเขาไปปล้นสินค้ากลับมา ถึงแม้ว่าตระกูลคูลอฟส์จะมีอำนาจอย่างมหาศาลในประเทศรัสเซียแต่พวกเขาก็ต้องยอมจำนนในทะเล ดังนั้นคูลอฟส์อังเดรจึงไม่ได้คาดหวังเลยว่าเย่เชียนจะมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับกลุ่มโจรสลัดซาตานและถ้าหากเขารู้มาก่อนหน้านั้นเขาก็คงจะไม่ต้องเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ อย่างไรก็ตามมันก็ไม่สายเกินไปที่จะรู้เพราะอย่างน้อยๆมันก็พิสูจน์ให้เห็นถึงพลังของเย่เชียนแล้ว ซึ่งด้วยเครือข่ายดังกล่าวที่ร่วมมือกับเย่เชียนนั้นคูลอฟส์อังเดรก็รู้สึกได้ว่าโอกาสที่จะเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่นั้นไร้ขีดจำกัดมากขึ้นเรื่อยๆ
“หืม..มิสเตอร์คูลอฟส์อังเดรมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” เย่เชียนพูดหลังจากเห็นว่าคูลอฟส์อังเดรนั้นเงียบไป แต่เย่เชียนไม่ได้แปลกใจอะไรมากเกี่ยวกับปฏิกิริยาโต้ตอบของคูลอฟส์อังเดร
หลังจากหยุดไปชั่วขณะคูลอฟส์อังเดรก็พูดว่า “อ๋อไม่มีอะไรครับ..เราสามารถจัดซื้อจัดหาเรือรบเหล่านั้นได้ด้วยอำนาจและอิทธิพลของตระกูลคูลอฟส์ของเรา..อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ล้วนมีราคาที่สูงเสียดฟ้าและมันต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากมหาศาลเลย..ใช่!..ยิ่งไปกว่านั้นการขนถ่ายสินค้ามันไม่ง่ายนักและถ้าเราประมาทมันก็จะไปดึงดูดความสนใจของรัฐบาลและรัฐบาลก็จะคิดว่านี่เป็นการทำสงครามอย่างแน่นอน”
เย่เชียนก็ตระหนักดีเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายในการขนส่งเรือราดตระเวน,เรือพิฆาตและเรือดำน้ำจากประเทศรัสเซียไปยังฐานทัพเรือของเขี้ยวหมาป่า อย่างไรก็ตามตราบใดที่มีการวางแผนมาอย่างดีมันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เพราะตอนนี้องค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับประเทศเมียนมาร์ ดังนั้นตราบใดที่ตระกูลคูลอฟส์สามารถแก้ปัญหาในประเทศรัสเซียได้เขาก็จะสามารถใช้ชื่อของประเทศเมียนมาร์ในนามกองทัพเรือเมียนมาร์ในการจัดซื้อเรือรบจากประเทศรัสเซียและแอบโอนถ่ายเรือรบไปยังฐานทัพเรือของเขี้ยวหมาป่า ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ต้องได้รับการแก้ไขทีละขั้นตอนและปัญหาต่างๆมันไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างชัดเจนเลย
“ผมมีแผนสำหรับการขนส่งเรือแล้ว..เพราะงั้นสิ่งสำคัญในตอนนี้คือรอดูว่าคุณจะสามารถแก้ปัญหาทางประเทศรัสเซียได้หรือเปล่าเท่านั้น..อีกไม่กี่วันผมจะให้ประเทศเมียนมาร์หารือเกี่ยวกับการสั่งซื้อเรือรบกับรัฐบาลรัสเซียแล้วเราจะขนส่งสินค้าของเราในนามของกองทัพเมียนมาร์และแอบถ่ายโอนเพื่อไม่ให้เป็นที่สนใจของประเทศอื่นๆ” เย่เชียนพูดต่อ “ผมสามารถจัดการสิ่งต่างๆที่ประเทศเมียนมาร์และจะไม่มีข่าวใดๆรั่วไหลออกไปได้..แต่กุญแจสำคัญคือทางฝั่งคุณ”
เป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้วที่การดำเนินงานของเฟิงหลานในประเทศเมียนมาร์นั้นเป็นไปเพื่อสิ่งนี้เพราะเมื่อสมาชิกเขี้ยวหมาป่าเข้าสู่สังคมปกติแล้วพวกเขาล้วนเป็นตัวละครที่สามารถอยู่อย่างยืนหยัดและแนบเนียนได้เพราะหลังจากผ่านมากว่าหนึ่งปีนั้นการดำเนินการของเฟิงหลานในเมียนมาร์ก็ได้พัฒนามาถึงระดับที่ไม่สามารถจินตนาการได้ ดังนั้นตอนนี้มันก็ถึงเวลาแล้วที่จะใช้ประเทศเมียนมาร์ให้เกิดประโยชน์ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นการสูญเสียรากฐานที่เย่เชียนได้วางเอาไว้ในประเทศเมียนมาร์มาอย่างยากลำบากแน่นอน
ทุกวันนี้เศรษฐกิจของประเทศเมียนมาร์ก็เกือบจะถูกควบคุมโดยองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า ดังนั้นตราบใดที่เย่เชียนออกคำสั่งล่ะก็ซ่งหลันก็สามารถนำเครือน่านฟ้ากรุ๊ปมาทำลายเศรษฐกิจของประเทศเมียนมาร์ให้พังทลายได้ทันที ทั้งการผันผวนทางการเงินและการปิดกั้นอุตสาหกรรมต่างๆ ฯลฯ ล้วนเป็นภัยที่ไม่อาจมองข้ามได้และถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่ได้เข้าใจแง่มุมนี้เป็นอย่างดีแต่เขาก็รู้ว่าการปิดกั้รทางเศรษฐกิจนั้นมันจะเกิดหายนะต่อประเทศชาติอย่างไร
.
.
.
.
.
.
.