ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 641 ทำดี
ตอนที่ 641 ทำดี
หลายปีก่อนซ่งหลันล้มเหลวในการลอบสังหารเย่เชียนแต่ทว่าเย่เชียนนั้นไม่ได้ฆ่าเธอแต่ปล่อยเธอกลับไปเพราะเย่เชียนนั้นไม่ใช่แค่ไม่เห็นเจตนาฆ่าในสายตาของซ่งหลันแต่เขายังเห็นความทุกข์และความไม่เต็มใจของเธอด้วย ซึ่งมารุยามะมิซูกิผู้นำขององค์กรดาร์คลิลลี่และเป็นถึงหนึ่งในผู้ก่อตั้งองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าและผู้มีพระคุณและอาจารย์ของเย่เชียนที่นำเย่เชียนเข้าสู่เขี้ยวหมาป่า อย่างไรก็ตามเมื่อตระหนักถึงความเจ็บปวดที่เธอได้รับเธอจึงย้ายความเกลียดชังจากกัปตันเทียนเฟิงไปยังสมาชิกเขี้ยวหมาป่าทั้งหมด ถึงแม้ว่ากัปตันเทียนเฟิงจะเสียชีวิตลงในเวลานั้นแต่มารุยามะมิซูกิก็ยังคงเกลียดเขาอยู่ดี ดังนั้นเธอจึงต้องการทำลายองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า ถึงแม้ว่าเธอจะมีความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายได้ก็ตามเพราะความเกลียดชังและความเคียดแค้นของเธอทำให้ตาของเธอมืดบอดดังนั้นเธอจึงส่งคนไปลอบสังหารเย่เชียนเพราะในสายตาของเธอเย่เชียนเป็นผู้สืบทอดของเทียนเฟิงและเป็นเงาของเทียนเฟิงนั่นเอง
แต่เธอไม่ได้คาดหวังว่าหลังจากการลอบสังหารซ่งหลันล้มเหลวซ่งหลันจะรู้สึกประทับใจไปกับคำพูดของเย่เชียนจนทำให้เธอถอนตัวออกจากองค์กรดาร์คลิลลี่อย่างเด็ดเดี่ยว ซึ่งซ่งหลันนั้นเดิมทีเป็นนักฆ่าอันดับหนึ่งขององค์กรดาร์คลิลลี่และเป็นคนที่มารุยามะมิซูกิห่วงใยมากที่สุดอีกด้วยเพราะเธอตั้งใจจะฝึกให้ซ่งหลันเป็นผู้สืบทอดของเธอแต่ตอนนี้ซ่งหลันได้ถอนตัวออกจากองค์กรเพียงเพราะผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคาดหวังมาก่อน ดังนั้นเธอจึงส่งนักฆ่าจำนวนมากเพื่อไล่ล่าซ่งหลันอย่างบ้าคลั่ง
ภายใต้การคุ้มครองของเย่เชียนซ่งหลันจึงสามารถหลบหนีจากนักฆ่าขององค์กรดาร์คลิลลี่ได้และทิ้งชื่อเดิมของเธออย่างซากุระอิเรกะไปแล้วเปลี่ยนชื่อเป็นซ่งหลัน หลังจากนั้นองค์กรดาร์คลิลลี่ก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกับองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าอีกซึ่งเป็นสิ่งที่เย่เชียนไม่เข้าใจ ซึ่งเย่เชียนเองก็ไม่ได้คิดว่าองค์กรดาร์คลลิลลี่จะกลัวเขี้ยวหมาป่าเช่นนั้นเลย
ในใจของมารุยามะมิซูกิเกี่ยวกับองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่านั้นเธอมีแต่ความเกลียดชังอันแรงกล้าและเธอก็ไม่ควรเลิกไล่ล่าซ่งหลันและล้มเลิกความเกลียดชังที่มีต่อองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าไปอย่างง่ายดายเช่นนั้น บางทีอาจมีบางสิ่งที่เย่เชียนไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้แต่มารุยามะมิซูกิก็ตายไปแล้วและองค์กรดาร์คลิลลี่ก็กลายเป็นหน่วยย่อยขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าไปเสียแล้วโดยเปลี่ยนชื่อเป็นหน่วยกรงเล็บหมาป่าดังนั้นเรื่องราวในอดีตจึงไม่สำคัญอีกต่อไป
ทั้งหมดนี้เป็นความคับข้องใจของคนรุ่นก่อนเพราะเกิดจากการขัดแย้งทางอารมณ์ระหว่างกัปตันเทียนเฟิง,จูจื้อและมารุยามะมิซูกิ ซึ่งในตอนนี้ทั้งสามคนได้กลายเป็นเถ้าธุลีไปหมดแล้วแต่ชื่อของพวกเขาทั้งหมดถูกจารึกเอาไว้บนศิลาผู้ทรงเกียรติและนักรบแห่งเขี้ยวหมาป่าและความคับข้องใจและความเกลียดชังทั้งหมดก็ได้ถูกลบหายไป ดังนั้นสิ่งที่รู้และไม่รู้นั้นมันก็ไม่สำคัญอีกต่อไปเพราะหากพวกเขาตายไปเรื่องราวของพวกเขาก็จะจบลงไปพร้อมๆกันด้วย
ภาพเหล่านี้ชวนให้นึกถึงความทรงจำมากมายของเย่เชียนอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งในเวลานั้นถึงแม้ว่าเย่เชียนจะประหลาดใจไปกับเสน่ห์ของซ่งหลันก็ตามแต่เขาก็ไม่ถึงขนาดบ้าคลั่งอย่างหมกมุ่น ซึ่งเหตุผลที่เขาช่วยซงหลันนั้นไม่ใช่เพราะซ่งหลันมีเสน่ห์แต่เพราะความโศกเศร้าในสายตาของซงหลันที่ทำให้เย่เชียนสัมผัสได้ถึงความทุกข์นั่นเอง
เพียงแต่เย่เชียนไม่ได้คาดคิดว่าซ่งหลันจะติดตามเขาโดยไม่ลังเลและช่วยเขาต่อสู้กับชีวิตและความตายมาโดยตลอดและช่วยพัฒนาเครือน่านฟ้ากรุ๊ปจากศูนย์จนเติบโตมาถึงปัจจุบัน อาจกล่าวได้ว่าผลงานของซ่งหลันนั้นเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเครือน่านฟ้ากรุ๊ปในปัจจุบันเลย ซึ่งบางครั้งเย่เชียนก็ถึงกับสงสัยว่าเครือน่านฟ้ากรุ๊ปจะเป็นอย่างไรถ้าหากไม่มีซ่งหลันและเขี้ยวหมาป่าจะมีจนถึงทุกวันนี้หรือไม่ ซึ่งคำตอบคือไม่เพราะถ้าหากปราศจากการทำงานหนักและความภักดีของซ่งหลันแล้วเครือน่านฟ้ากรุ๊ปและเขี้ยวหมาป่าก็คงไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ อย่างน้อย พวกเขาก็คงไม่พัฒนาเร็วขนาดนี้
ดูจากความวุ่นวายทางการเงินและเศรษฐกิจในทวีปอเมริกาใต้เป็นตัวอย่าง ซึ่งมีบริษัทกี่แห่งที่ล้มละลายจากความผันผวนทางเศรษฐกิจในครั้งนั้น แต่ทว่าซ่งหลันกลับฉวยโอกาสนั้นเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งการเงินระหว่างประเทศไม่เพียงแค่ทำกำไรอันมหาศาลให้กับเครือน่านฟ้ากรุ๊ปเท่านั้นแต่ยังได้ขยายธุรกิจการเงินในทวีปอเมริกาใต้อีกด้วย ซึ่งภายในพายุลูกใหญ่เธอกลับสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้ อาจกล่าวได้ว่าสาเหตุที่ความวุ่นวายทางการเงินในทวีปอเมริกาใต้ที่ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงนั้นเกิดจากซ่งหลันทั้งหมดและจากความวุ่นวายทางการเงินนั้นซ่งหลันได้คว้าผลกำไรอย่างมหาศาลและได้เลื่อนตำแหน่งเครือน่านฟ้ากรุ๊ปที่ไม่มีใครรู้จักให้เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำ 20 อันดับแรกของโลกโดยตรง ซึ่งความกล้าหาญแบบนี้เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เย่เชียนตกตะลึงและชื่นชมเธอ
หากเป็นเย่เชียนแทนที่จะเป็นซ่งหลันล่ะก็ถึงแม้ว่าเครือน่านฟ้ากรุ๊ปจะไม่ล้มละลายแต่มันก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จเช่นนั้นได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าซ่งหลันเก่งเรื่องการจัดการธุรกิจและการดำเนินการทางธุรกิจของเธอนั้นน่าตกตะลึงจริงๆ
ประมาณสองทุ่มซ่งหลันก็กลับมาที่โรงแรมด้วยความเหนื่อยล้าและหลังจากเปิดประตูเข้าไปเธอก็เห็นเย่เชียนจากนั้นซ่งหลันก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “นายรอมานานรึยัง?”
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มอย่างมีความสุขและโน้มตัวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “ทำไมพี่ถึงมาช้าจีง..พี่คงจะเหนื่อยมากสินะมาสิให้ผมนวดให้” เย่เชียนพูดแล้วดึงซ่งหลันมานั่งลงบนโซฟาแล้วนั่งลง ซึ่งพฤติกรรมของเย่เชียนทำให้ซ่งหลันประหลาดใจอย่างมากและเธอก็มองไปที่เขาอย่างว่างเปล่าเพราะเธอไม่รู้ว่าเย่เชียนนั้นคิดอะไรอยู่
“อย่าฝืนจนเหนื่อยนักสิปล่อยให้คนอื่นดูแลเถอะ..ผมเห็นพี่เหนื่อยแบบนี้ผมก็รู้สึกไม่ดี” เย่เชียนพูด
ซ่งหลันก็มองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจและพูดด้วยความงงงวยว่า “เย่เชียนวันนี้นายมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า..นายกินยาผิดหรือเปล่าเนี่ย..จู่ๆมาทำดีกับฉันทำไม”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมไม่อยากเห็นพี่เหนื่อย..มาสิผมจะนวดให้เอง” เย่เชียนพูดพร้อมกับยกขาของซ่งหลันขึ้นมาแล้ววางขาของเธอเอาไว้บนตักตัวเองแล้วบีบนวดให้เธอ
ถึงแม้ว่าซ่งหลันจะรู้สึกสงสัยในพฤติกรรมของเย่เชียนก็ตามแต่เนื่องจากเย่เชียนทำเช่นนี้ซ่งหลันจึงไม่คัดค้านเขาและเธอก็เอนตัวลงนอนบนโซฟาอย่างสบายๆในขณะที่เพลิดเพลินไปกับการนวดของเย่เชียน จากนั้นเธอก็คีบบุหรี่ใส่ปากตัวเองซึ่งแน่นอนว่าเย่เชียนนั้นจุดไฟให้เธอ ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่ค่อยชอบผู้หญิงที่สูบบุหรี่ก็ตามแต่การสูบบุหรี่ของซ่งหลันนั้นก็สง่างามอย่างมาก แต่เย่เชียนก็พยายามที่จะพูดว่า “พี่หลันสูบบุหรี่ให้น้อยๆลงหน่อยสิ..มันไม่ดีต่อสุขภาพของพี่นะ”
ซ่งหลันก็เหล่มองเย่เชียนแล้วคีบบุหรี่ออกจากปาก “ทำไมวันนี้นายถึงมาทำดีกับฉัน..บอกฉันมาซะ” ซ่งหลันพูด
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ที่จริงแล้วมันก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรหรอกแต่ผมแค่รู้สึกว่าพี่ทำงานหนักเกินไป..ผมเลยอยากทำให้พี่ผ่อนคลาย..เพราะงั้นถ้าหากในอนาคตพี่รู้สึกไม่สบายใจอะไรพี่ก็บอกผมสิ..ผมจะช่วยพี่เอง”
ซ่งหลันเหลือบมองเย่เชียนอย่างสงสัยแต่ในท้ายที่สุดเธอก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเย่เชียนคิดอะไรอยู่ ดังนั้นเธอจึงต้องยอมแพ้ แต่อันที่จริงเย่เชียนไม่มีเหตุผลใดๆแต่เป็นเพราะเขาได้เห็นสิ่งสำคัญในอดีตที่กระตุ้นความทรงจำมากมายของเย่เชียนและทำให้เขานึกถึงความพยายามของอันยากลำบากของซ่งหลันเพื่อตัวเขาเองตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งซ่งหลันนั้นอุทิศตนโดยไม่เสียใจให้กับคนอื่นๆมาเสมอแต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเธอก็คุ้นเคยไปกับมันและภาพๆนั้นก็เชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกันในจิตใจของเย่เชียน
“ดูจากสีหน้าของนายแล้วเหมือนว่าหลายสิ่งหลายอย่างจะเรียบร้อยเป็นไปตามแผนแล้วใช่ไหม?” ซ่งหลันไม่สามารถทนกับความอยากรู้อยากเห็นของเขาได้เลย
“เกือบจะเรียบร้อยแล้ว” เย่เชียนตอบ “แก๊งเจ้าพ่อฝูชิงได้ติดต่อแก๊งฉ่างหลี่จากประเทศสหรัฐอเมริกาและหวังหูจากเซี่ยงไฮ้เพื่อขอกำลังสนับสนุนแล้ว..ยิ่งไปกว่านั้นผมก็ได้ติดต่อไปยังคูลอฟส์อังเดรแล้วเพื่อหารือเกี่ยวกับการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์..ซึ่งในตอนนี้สถานการณ์ในประเทศญี่ปุ่นกำลังตึงเครียดมากผมจึงใช้โอกาสนี้ทำให้ประเทศญี่ปุ่นวุ่นวายที่สุดเท่าที่จะทำได้และใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ต่างๆ”
“ซื้ออาวุธ?” ซ่งหลันเหลือบมองเย่เชียนด้วยความประหลาดใจและถามอย่างงงๆว่า “นายจะซื้ออาวุธไปเพื่ออะไร..อาวุธทั้งหมดของเขี้ยวหมาป่าที่มาจากโคลอมเบียมันไม่พอหรอ..จู่ๆนายจะไปซื้อจากคูลอฟส์อังเดรทำไม..แบบนี้มันจะไม่ทำให้พวกโคลอมเบียขุ่นเคืองหรอ?”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “พ่อค้าอาวุธในโคลัมเบียไม่สามารถจัดหาอาวุธชุดนี้ได้..แต่มีเพียงคูลอฟส์อังเดรเท่านั้นที่ใช้อิทธิพลอันมหาศาลของตระกูลคูลอฟส์ในประเทศรัสเซียได้..ซึ่งเครือข่ายของเขาสามารถจัดซื้อจัดหาได้อย่างปลอดภัยและสามารถส่งสินค้ามาที่เราได้อย่างราบรื่น”
ซ่งหลันก็ขมวดคิ้วและถามด้วยความประหลาดใจว่า “นายจะซื้ออาวุธประเภทไหน?..นายไม่ได้ต้องการสงครามกลางเมืองใช่มั้ย?”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก..พี่หลันจำไม่ได้หรอว่าเขี้ยวหมาป่าได้สร้างฐานทัพเรือแล้ว?..ตอนนี้หลี่เหว่ยใจร้อนมากเขาตะโกนใส่ผมทั้งวันว่าให้ช่วยหาเรือรบให้เขา..ซึ่งผมเองก็คิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะซื้ออาวุธเหล่านั้น”
“ไม่แปลกใจเลยที่วันนี้นายทำดีกับฉันมาก..เพียงเพราะนายอยากให้ฉันช่วยนี่เอง” ซ่งหลันกัดริมฝีปากและพูด
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “อย่าพูดอย่างนั้นสิ..ผมอยากทำดีกับพี่จริงๆ”
ซ่งหลันก็เหลือบมองเย่เชียนแล้วพูดว่า “นายซื้อมากี่ลำ?”
“การตัดสินใจเบื้องต้นคือเรือลาดตระเวนสองลำ..เรือพิฆาตสามลำและเรือดำน้ำอีกห้าลำ” เย่เชียนพูดต่อ “สำหรับในอนาคตเราค่อยพูดถึงมันทีหลัง”
ซ่งหลันก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเพราะยุธโธปกรณ์ดังกล่าวนั้นสามารถปะทะกับกองทัพทหารเรือแห่งชาติได้เลย “แล้วมันต้องใช้เงินเท่าไหร่กัน?..นายต้องบอกฉันให้เร็วกว่านี้สิ..ฉันต้องเตรียมเงินเอาไว้ล่วงหน้า..ไม่งั้นฉันจะไม่มีเวลาจัดสรรเงินดังกล่าวได้” ซ่งหลันพูด
“ก็ก่อนหน้านี้ผมยังไม่รู้จำนวนที่แน่นอนแต่ตามราคาตลาดกลางมันน่าจะอยู่ที่ประมาณแปดพันล้านดอลลาร์สหรัฐ” เย่เชียนพูดต่อ “แต่เราควรจะเตรียมเอาไว้สักหมื่นล้านดอลลาร์ก่อน”
“หมื่นล้านนั้นมันไม่ใช่จำนวนน้อยๆเลยนะ..ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเครือน่านฟ้ากรุ๊ปมีการพัฒนาอย่างจริงจังและมีการลงทุนไปมากมายแต่ยังไม่ถึงช่วงการรับผลตอบแทนในตอนนี้..ฉันต้องการเวลามากกว่านี้” ซ่งหลันพูด
“ไม่มีปัญหา..เพราะมันต้องใช้เวลาสำหรับการจัดซื้อจัดการเหมือนกันไม่ต้องกังวลไป” เย่เชียนพูด “ถ้าพี่ไม่สามารถหาได้จริงๆพี่ก็สามารถติดต่อแจ็คและขอให้เขาโอนบางส่วนจากเงินกองกลางของเขี้ยวหมาป่า..เพราะช่วงนี้เขี้ยวหมาป่ามีเงินกองกลางเยอะมากและไม่ได้ใช้เลย”
“ฉันรู้ๆ..ฉันไม่ทำให้เครือน่านฟ้ากรุ๊ปเป็นภาระของเขี้ยวหมาป่าหรอก..เพราะงั้นนายเองก็ไม่ต้องกังวลไปเพราะฉันรู้วิธีจัดการกับมัน” ซ่งหลันพูด
.
.
.
.
.
.
.