ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 648 สับสนวุ่นวาย
ตอนที่ 648 สับสนวุ่นวาย
ถึงแม้ว่าเย่เชียนและหลินเฟิงจะไม่เคยร่วมมือกันต่อสู้ก็ตามแต่พวกเขาก็ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดีและทั้งสองคนก็ดูเหมือนจะมีไหวพริบที่เฉียบแหลมและรู้หน้าที่ว่าพวกเขาจะต้องทำอะไรดังนั้นเขาจึงไม่ได้ฆ่านินจาในทันที เนื่องจากเขาต้องการเค้นความจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังนั้นเขาจึงต้องไว้ชีวิตนินจาคนนี้ ซึ่งไม่ว่านินจาจะได้รับการฝึกฝนที่พิเศษมามากแค่ไหนแต่เย่เชียนก็มั่นใจว่านินจาคนนี้จะต้องบอกความจริงทั้งหมดแก่เขาอย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าการทรมานเพื่อเค้นความลับของเย่เชียนจะไม่ดีเท่าหลินเฟิงก็ตามแต่เย่เชียนก็วิธีการทรมานหลายวิธีเช่นกัน นอกจากนี้เย่เชียนก็ยังมียาพิษที่เตรียมเอาไว้เป็นพิเศษสำหรับการทรมานที่ได้มาจากหมาป่าเขี้ยวพิษหลิวเทียนเฉิน ซึ่งเย่เชียนก็ชื่อว่าแม้แต่คนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกใบนี้ก็ไม่สามารถต้านทานมันได้
เมื่อนินจาเห็นว่าประตูถูกปิดอยู่เขาก็รู้แล้วว่าเขาคงหนีไปไหนไม่พ้น ทันใดนั้นนินจาก็หยิบขวดยาขวดเล็กๆออกมา ซึ่งเมื่อเห็นเช่นนั้นหลินเฟิงก็ถึงผงะและรีบตะโกนว่า “ระวังนั่นมันยาพิษ!”
เย่เชียนนั้นได้ยินซ่งหลันพูดว่านินอิงะส่วนใหญ่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้ยาพิษ ดังนั้นเย่เชียนและหลินเฟิงจึงเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์เหล่านี้มาตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นเหล่านินจาที่ลอบโจมตีหยานฮั่นที่ท่าเรือก็อาจจะเป็นนินจาอิงะและนินจาชุดดำคนนี้ที่ฆ่าปิดปากผู้คุมเขตของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงก็อาจจะเกี่ยวข้องกับตระกูลนินจาอิงะเช่นกัน ดังนั้นเย่เชียนจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้
การที่ไม่สามารถฆ่าเขาได้และยังต้องระมัดระวังกับการที่อีกฝ่ายใช้ยาพิษนั้นมันไม่ได้ง่ายเลยเพราะต้องป้องกันยาพิษไปด้วยและต้องยั้งมือเอาไว้ด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตามนินจาก็หนีออกไปจากห้องนี้ได้ยากยิ่งไปกว่านั้นนินจาก็ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูถึงสองคนดังนั้นเขาจึงทำอะไรไม่ได้มากนัก ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเย่เชียนกับหลินเฟิงกำลังถ่วงเวลาโดยการยื้อการต่อสู้และทำให้นินจาหมดแรงลง
เห็นได้ชัดว่าการปรากฏตัวของนินจานั้นเกินความคาดหมายของเย่เชียนเพราะตอนนี้ทุกอย่างดูเหมือนจะซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆและมันทำให้เย่เชียนสงสัยว่าใครคือสายลับที่แฝงตัวอยู่ในแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงกันแน่ ดังนั้นวิธีเดียวที่จะรู้ได้ก็คือเริ่มเค้นความลับจากนินจาคนนี้ อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็รู้ดีเช่นกันว่านินจาเหล่านี้ถูกล้างสมองกันหมดแล้วเพราะสิ่งที่สำคัญของพวกเขาเหล่านี้มีเพียงภารกิจที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น ดังนั้นมันจึงยากที่จะได้รับข้อมูลต่างๆจากปากของพวกเขาและยิ่งกว่านั้นเย่เชียนกับหลินเฟิงก็ต้องป้องกันไม่ให้นินจาคนนี้ฆ่าตัวตาย ซึ่งเย่เชียนก็ไม่มีทางอื่นเลยเพราะเขารู้เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นน้อยเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรเหล่านี้ก็ค่อนข้างยุ่งยากอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเวลาผ่านไปก็เห็นได้ชัดว่านินจานั้นอ่อนแรงลงอย่างมากและเขาก็เริ่มต้านทานการโจมตีของเย่เชียนและหลินเฟิงไม่ค่อยไหว ซึ่งนินจาคนนี้ก็รู้ดีว่าการออกไปจากที่นี่นั้นเป็นเรื่องยากมาก ซึ่งเขานั้นไม่ได้คาดหวังว่าเย่เชียนกับหลินเฟิงจะปรากฏตัวมาในเวลานี้เพราะทั้งสองคนกลับโผล่มาตอนที่เขากำลังจะออกไปพอดี ซึ่งทำให้เขาไม่มีเวลาที่จะหลบหนีไปดังนั้นเขาจึงคิดจะซ่อนตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้าและรอให้เย่เชียนและหลินเฟิงออกไปก่อนจากนั้นจึงค่อยหลบหนีไป แต่เขาก็ไม่คิดว่าเขาถูกค้นพบเพราะในฐานะนินจาแล้วเขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการซ่อนตัวและตำแหน่งและลมหายใจของเขาแต่ทั้งสองคนตรงหน้ากลับรู้ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลินเฟิงในฐานะผู้นำขององค์กรเซเว่นคิลดังนั้นทักษะที่ดีที่สุดของเขาคือทักษะลับไร้เงา ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดของทักษะลับไร้เงานั้นก็คือการซ่อนตัวเองและจิตวิญญาณรวมทั้งลมหายใจและกลิ่นอายต่างๆ ดังนั้นเมื่อนินจาคนนี้ทำเช่นนี้ต่อหน้าหลินเฟิงแล้วมันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่ชาวบ้านถือง้าวและดาบต่อหน้ากวนอูนั่นเอง
หลินเฟิงก็เหลือบมองเย่เชียนและทั้งสองพยักหน้าให้กันจากนั้นพวกเขาก็เริ่มรุกเข้าไปและก้าวต่อไปของพวกเขาก็เหมือนคลื่นของแม่น้ำไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งเมื่อนินจาชุดดำรู้ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันนั้นอันตรายมากเขาจึงตะโกนและพุ่งเข้าหาหลินเฟิงด้วยมีดในมือทั้งสองข้างแต่เขาไม่ได้ต้องการฆ่าหลินเฟิงเพราะเขานั้นรู้ดีว่าเขาไม่มีความสามารถพอที่จะฆ่าหลินเฟิงได้เลยแต่เขาเพียงต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อทำให้หลินเฟิงหลบออกไปจากประตู เพื่อที่เขาจะได้เปิดประตูห้องออกและหลบหนีไปนั่นเอง
เห็นได้ชัดว่าหลินเฟิงรับรู้ได้ถึงความตั้งใจของนินจาชุดดำคนนั้น เมื่อเห็นเช่นนั้นหลินเฟิงจึงกลิ้งหลบแล้วใช้มีดคารัมบิทตัดเส้นเอ็นที่ข้อเท้าของนินจาคนนั้น ซึ่งการกระทำทั้งหมดเป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำโดยไม่มีการพลาดเป้าเลยแม้แต่น้อยและการทำแบบนี้ก็ไม่สามารถฝึกฝนได้ในชั่วข้ามคืนเพราะหลินเฟิงนั้นกระทำโดยการมองเพียงชั่วพริบตา ซึ่งมันต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นเวลานานหลายปี
ในเวลาเดียวกันกับที่หลินเฟิงเคลื่อนไหวนั้นเย่เชียนก็ใช้มีดคลื่นโลหิตหมาป่าฟันเข้าไปที่แขนของนินจาชุดดำโดยตรงและทันทีที่มีดคลื่นโลหิตเฉือนไปที่แขนของนินจาแล้วเย่เชียนก็พลิกข้อมือเพื่อฟันไปที่แขนอีกข้างของนินจาอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ภายใต้ความเจ็บปวดก็ทำให้มีดในมือของนินจาตกลงสู่พื้นและเข่าของนินจาก็ทรุดลงข้างหนึ่ง
เส้นเอ็นแขนและขาของนินจาชุดดำก็ถูกตัดออกและนินจาชุดดำก็รู้ดีว่าเขาไม่สามารถหนีรอดได้อีกต่อไปและในทันใดนั้นแววตาที่พร้อมเผชิญหน้ากับความตายก็ปะทุขึ้นและเมื่อเห็นสิ่งนี้หลินเฟิงก็ตะโกนว่า “ไม่!..เขาต้องการฆ่าตัวตาย!” ก่อนที่หลินเฟิงจะพูดจบมือซ้ายของหลินเฟิงก็พุ่งออกไปเหมือนกรงเล็บและคว้าคอของนินจาชุดดำเอาไว้
หลังจากได้เผชิญหน้ากับนินจาของตระกูลอิงะมาหลายครั้งแล้วหลินเฟิงก็มีความเข้าใจบางอย่างเกี่ยวกับวิธีการทำสิ่งต่างๆ ของนินจาเหล่านี้เพราะพวกนินจานั้นมักจะซ่อนแคปซูลยาพิษเอาไว้ในปากและเมื่อใดที่ภารกิจล้มเหลวพวกเขาก็จะกัดแคปซูลและฆ่าตัวตายในทันที
ถึงแม้ว่าปฏิกิริยาของหลินเฟิงจะเร็วพอแต่ก็ยังสายเกินไปอยู่ดีเพราะนินจาชุดดำได้กัดแคปซูลในปากของเขาไปแล้วและยาพิษก็หยดลงคอโดยตรงทันที ซึ่งในเวลาเพียงสิบวินาทีนินจาชุดดำก็เลือดกบปากและล้มลงกับพื้นและเสียชีวิตในทันที
เมื่อมองดูร่างของนินจาคนนี้แล้วเย่เชียนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโกรธและพูดว่า “พวกเราล้มเหลว..ขนาดพวกเราสองคนยังหยุดเขาไม่ได้”
หลินเฟิงตบบ่าของเย่เชียนเบาๆแล้วพูดว่า “ฉันได้เผชิญหน้ากับพวกนินจามาหลายครั้งและมันก็ยากมากที่จะจับพวกเขาทั้งเป็น..นายไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง..เพราะถึงคนตายจะพูดไม่ได้แต่ร่างอันไร้วิญญาณเหล่านี้มันก็สามารถบอกเราได้หลายอย่างเหมือนกัน” หลังจากพูดจบหลินเฟิงก็คุกเข่าลงและตรวจค้นร่างของนินจาอย่างระมัดระวัง
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วอย่างหนักหน่วงเพราะนินจาเหล่านี้เก่งเรื่องยาพิษอย่างมากจนยากที่จะรับมือได้ ซึ่งดูเหมือนว่าวิธีเดียวคือการหาคนที่เข้าใจด้านเภสัชวิทยาเข้ามาช่วยสืบค้นและจู่ๆหน้าของหมาป่าเขี้ยวพิษหลิวเทียนเฉินก็ปรากฏตัวขึ้นในใจของเย่เชียนทันที
ในองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่านั้นหลิวเทียนเฉินคือคนที่เก่งในด้านการใช้ยาและสารเคมีต่างๆ ซึ่งเมื่อเขาอยู่ในประเทศเมียนมาร์ครั้งก่อนเขาได้วางยาพิษและสังหารกองโจรทั้งหมดได้ภายในพริบตาเดียว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพิษของเขานั้นทรงพลังมากเพียงใด ซึ่งในตอนนี้ประเทศเมียนมาร์ก็ค่อนข้างมีเสถียรภาพและเฟิงหลานเองก็อยู่ที่นั่นด้วยดังนั้นเย่เชียนจึงเชื่อว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรในขณะนี้และมันก็ถึงเวลาแล้วที่จะเรียกหลินเทียนเฉินมาที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อรับมือและจัดการกับนินจาเหล่านี้โดยเฉพาะ
“ตราสัญลักษณ์ในตัวของเขาคือตราสัญลักษณ์ของตระกูลนินจาอิงะ!” หลินเฟิงยืนขึ้นและพูดต่อ “เรื่องนี้แปลกนิดหน่อย..นายคิดว่าไง?”
เย่เชียนก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “มีอยู่สองอย่างในความคิดของผม..หนึ่งคือผู้คุมเขตของแก๊งฝูชิงเป็นสายลับจริงๆ..ส่วนเรื่องที่ท่าเรือก็เป็นความลับที่รั่วไหลเช่นกัน..ดังนั้นคนในสมาคมมังกรดำจึงกลัวว่าเราจะเค้นความลับออกจากปากเขาเพราะงั้นพวกสมาคมมังกรดำก็เลยส่งนินจามาฆ่าปิดปากเสียก่อน..อย่างที่สองคือเขาคนนี้เป็นเพียงแพะรับบาปที่จัดฉากขึ้นเพื่อใส่ร้ายป้ายสีเขานั่นเอง”
การตีความต่างกันสองแบบแต่มันก็เป็นไปได้ทั้งคู่
“ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนแต่สิ่งที่เราสามารถทำได้ในตอนนี้คือรอดูการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์และคอยสืบค้นอย่างลับๆไปก่อน” หลินเฟิงพูด
เย่เชียนก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่นั่นคือสิ่งที่เราทำได้..เพราะงั้นแผนการทั้งหมดจะต้องเลื่อนออกไปก่อน..เรารีบไปกันเถอะ!” หลังจากนั้นเย่เชียนก็เดินลงไปที่ชั้นล่างและหลินเฟิงก็เดินตามไป
ทั้งสองคนเพิ่งเดินออกมาจากบ้านพักและทันใดนั้นก็มีรถส่วนตัวขับผ่านไปและเมื่อเห็นป้ายทะเบียนของรถเย่เชียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ซึ่งรถก็หยุดที่หน้าบ้านอย่างรวดเร็วและประตูรถก็ถูกเปิดออกจากนั้นเย่เชียนก็เห็นโย่วซวนเดินออกมาจากรถพร้อมกับลูกน้องของเขา ซึ่งเมื่อเห็นเย่เชียนกับหลินเฟิงโย่วซวนก็ขมวดคิ้วและถามด้วยความประหลาดใจว่า “หืม..คุณเย่..คุณหลิน..คุณมาที่นี่ทำไมครับ?”
“มีบางอย่างเกิดขึ้นที่ท่าเรือเพราะงั้นผมก็เลยจะมาสอบถาม” เย่เชียนพูดเบาๆแล้วถามกลับว่า “แล้วคุณโย่วมาที่นี่ทำไมหรอครับ?
“คุณเย่ผมต้องขอโทษสำหรับเรื่องนี้จริงๆ..ผมขอโทษในฐานะแก๊งฝูชิงของเรา” โย่วซวนพูด “ผมอยากจะตรวจสอบหลังจากที่รู้ว่ามีบางอย่างผิดพลาดที่ท่าเรือเพราะงั้นผมจึงมาถามผู้รับผิดชอบของเขตนั้นว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่..แต่มีบางอย่างที่ไม่คาดคิดก็คือหลังจากการตรวจสอบแล้วผมก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจ้าวไค่จะเป็นหนอนอยู่ในแก๊งฝูชิงของผม..เพราะงั้นผมจึงมาหาเขา..ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมีสายลับแฝงตัวอยู่ในแก๊งฝูชิงของผมด้วย..ยิ่งเป็นบุคคลที่มีตำแหน่งสำคัญแบบนี้ด้วย..คุณเย่ผมต้องขอโทษจริงๆ..ผมจะรีบให้คำอธิบายกับคุณแล้วหลังจากนั้นผมจะให้คุณจัดการกับเขาเอง”
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างแผ่วเบาว่า “หัวหน้าโย่วคุณมาช้าไป..คุณจ้าวตายแล้ว”
“อะไรนะ!” โย่วซวนพูดด้วยสีหน้าที่ดูประหลาดใจ “หือ..เขาคงจะฆ่าตัวตายเพราะเขารู้ว่าพวกเรารู้ตัวสายลับแล้ว”
“ไม่ใช่..เพราะเมื่อพวกเรามาถึงคุณจ้าวก็ถูกฆ่าตายแล้ว..ส่วนนินจาคนที่ฆ่าคุณจ้าวไปก็ฆ่าตัวตายตามไปด้วย” เย่เชียนพูด
โย่วซวนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “หืม..พวกเขาเคลื่อนไหวได้รวดเร็วมาก..ดูเหมือนว่าสมาคมมังกรดำจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้..คุณเย่คิดยังไงกับเรื่องนี้บ้าง?”
“ถึงยังไงพวกเขาก็ตายไปกันหมดแล้ว..มันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะไปคาดเดาอย่างสุ่มๆ..เราปล่อยเรื่องนี้ไปเถอะ” เย่เชียนพูดเบาๆ “อย่ากังวลไปเลยหัวหน้าโย่ว..ผมรู้ว่าคุณไม่ได้คาดคิดว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น..แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วใช่ไหมล่ะ”
“ใช่!” โย่วซวนพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า “อย่างไรก็ตามตอนนี้ก็มีสายลับอยู่ในแก๊งฝูชิงและมันก็เป็นเรื่องที่ร้ายแรงอย่างมาก..เพราะงั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายผมก็ต้องทำการสอบสวนภายในองค์กรและสมาชิกแก๊งฝูชิงทั้งหมด..เพื่อดูว่าจะมีสายลับคนอื่นๆอยู่อีกหรือเปล่า..คุณเย่ครับผมได้ละเลยเรื่องนี้ไปเพราะงั้นคราวนี้ผมจะรับผิดชอบในการส่งตัวคนคนนั้นออกนอกประเทศญี่ปุ่นโดยเร็วที่สุดเอง”
“ไม่ต้องทำแบบนั้นหรอกครับเพราะในตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บและเขาต้องพักฟื้นสักระยะหนึ่ง” เย่เชียนพูด “หัวหน้าโย่วเรื่องนี้เราค่อยเอาไว้คุยกันที่หลังเถอะ..พวกผมขอตัวก่อน”
“ได้ครับ” โย่วซวนพูด “เดี๋ยวผมจัดการเรื่องพวกนี้เอง..พวกคุณไปทำธุระของพวกคุณเถอะครับ”
เย่เชียนก็พยักหน้าและเหลือบมองไปที่หลินเฟิงและทั้งสองก็เดินตรงไปที่รถของพวกเขา
.
.
.
.
.
.
.