ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 651 การร่วมมือของสามนักรบ
ตอนที่ 651 การร่วมมือของสามนักรบ
สำหรับเย่เชียนแล้วการตายของอาจารย์หลินจินไท่นั้นถือเป็นข่าวร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย หากว่ากันว่าชายชรามอบชีวิตที่หนึ่งให้แก่เย่เชียนและกัปตันเทียนเฟิงมอบชีวิตที่สองให้แก่เย่เชียนเพราะงั้นแน่นอนว่าหลินจินไท่คนนี้ก็มอบชีวิตที่สามให้แก่เย่เชียนเช่นกัน ซึ่งถ้าหากหลินจินไท่ไม่สอนศิลปะการต่อสู้ให้กับเย่เชียนล่ะก็ป่านนี้เย่เชียนคงจะตายไปนานแล้วและเป็นไปไม่ได้เลยที่กัปตันเทียนเฟิงจะถูกใจเย่เชียน ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาเย่เชียนไม่เคยลืมสิ่งที่หลินจินไท่สอนเลยและที่สำคัญกว่านั้นเมื่อใดที่เย่เชียนสูญเสียก็มีหลินจินไท่ที่คอยสนับสนุนเขาและทำให้เย่เชียนสามารถคิดสิ่งต่างๆได้อีกครั้งจนเขานั้นสามารถแก้ไขความคับข้องใจเรื่องหมาป่าผีไป๋ฮวยได้ในที่สุด
เมื่อเห็นว่าเย่เชียนกับหมาป่าผีไป๋ฮวยนั้นกำลังพูดถึงเรื่องของอาจารย์ของพวกเขาแล้วดังนั้นหลินเฟิงจึงไม่จำเป็นต้องไปขัดจังหวะใดๆ อย่างไรก็ตามเมื่อเขาได้ยินชื่อหลินฟานแล้วหลินเฟิงก็ตกตะลึงอย่างมากและดูเหมือนว่าหลินเฟิงจะมีความทรงจำบางอย่างที่ซ่อนอยู่ลึกลงไปในจิตใจของเขาที่เกี่ยวโยงกันเพราะหลินฟานนั้นชื่อนี้ดูคุ้นหูมากและไม่รู้เลยว่ามันผ่านมาตั้งกี่ปีแล้วที่เขาไม่ได้ยินชื่อนี้อีก
การแสดงออกที่แปลกประหลาดของหลินเฟิงนั้นเห็นได้ชัดว่าเย่เชียนกับหมาป่าผีไป๋ฮวยนั้นสามารถมองเห็นได้แต่ทั้งคู่ก็งุนงงเพราะพวกเขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งค่ำคืนนั้นมันเป็นค่ำคืนอันมืดมิดในขณะที่ครอบครัวของหลินเฟิงกำลังรับประทานอาหารเย็นกันอย่างมีความสุขจู่ๆก็มีกลุ่มคนจำนวนมากวิ่งเข้ามาและฆ่าทุกคนแต่ในที่สุดหลินเฟิงก็หลบหนีออกมาได้ภายใต้การคุ้มครองของคนรับใช้ของเขาแต่เมื่อเขาหันหลังกลับเขาก็เห็นว่าบ้านของเขากลายเป็นทะเลเพลิงไปเสียแล้วและพ่อแม่ของเขากับน้องชายของเขาทั้งหมดเสียชีวิตจมอยู่ในกองไฟและหลินเฟิงก็รู้ดีว่าพวกเขานั้นไม่มีโอกาสรอดชีวิตออกมาได้เลย
หลังจากที่คนรับใช้ช่วยหลินเฟิงหลบหนีออกมาได้แล้วในที่สุดคนรับใช้ก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหวและเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา ด้วยความเศร้าโศกของหลินเฟิงนั้นเขาต้องฝังร่างของคนรับใช้ของเขาอย่างเร่งรีบและตั้งแต่นั้นมาหลินเฟิงก็เดินอยู่บนถนนแห่งความสิ้นหวังมาโดยตลอดและต่อมาเขาได้รับการอุปการะจากสามีภรรยาสูงอายุคู่หนึ่งและถึงแม้ว่าชีวิตจะย่ำแย่แต่เขาก็ค่อยๆฟื้นตัวและไปโรงเรียนและชีวิตของเขาดูเหมือนเด็กธรรมดาในโรงเรียนมัธยม ต่อมาหลินเฟิงถูกส่งไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศโดยโรงเรียนเนื่องจากผลการเรียนที่ยอดเยี่ยมของเขาและถึงแม้ว่าจะยกเว้นค่าเล่าเรียนจำนวนมากก็ตามแต่เขาก็ยังต้องทำงานนอกเวลาและต่อมาเขาก็ได้พบกับเซี่ยจือยี่และต่อมาเขาถูกเซี่ยตงไป่ดูถูกจากนั้นมาหลินเฟิงก็ได้ละทิ้งความรู้สึกดีๆของเซี่ยจือยี่ไปและกลับไปยังประเทศจีนอย่างเด็ดเดี่ยว ถึงแม้ว่าเขาจะซ่อนความทรงจำในอดีตเอาไว้ลึกๆในใจแต่เขาก็มักจะตื่นจากฝันร้ายทุกคืน
ในฝันร้ายนั้นหลินเฟิงเห็นพ่อแม่และน้องชายนอนจมอยู่ในทะเลเพลิงและร้องขอให้ตนช่วยพวกเขา อย่างไรก็ตามไม่ว่าหลินเฟิงจะพยายามแค่ไหนแต่ไฟก็ยังลุกลามมากขึ้นเรื่อยๆและหลินเฟิงกำได้เพียงมองดูพวกเขาถูกกงอเพลิงกลืนกิน ต่อมาถึงแม้ว่าหลินจะเข้าร่วมองค์กรเซเว่นคิลจนค้นพบกลุ่มที่ก่ออาชญากรรมฆ่าล้างบางครอบครัวของตนและล้างแค้นให้พ่อแม่และพี่น้องของเขาแล้วก็ตามแต่ความทรงจำนั้นก็ยังเป็นความเจ็บปวดที่เขาไม่อยากพูดถึงมาโดยตลอด
ซึ่งในวันนี้เขาก็ได้ยินเด็กคนที่ชื่อหลินฟานอีกครั้ง
“พี่หลินเกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ?” เย่เชียนถามด้วยความประหลาดใจ
หลินเฟิงถูกปลุกขึ้นจากภวังค์ความทรงจำโดยเย่เชียนและเขาก็เหลือบมองเย่เชียนด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่นแล้วพูดว่า “ฉันจำบางสิ่งบางอย่างได้..น้องเย่ฉันขอขัดจังหวะถามอะไรหน่อยได้ไหม?”
“หืม..ถามมาเถอะไม่ต้องเกรงใจ” เย่เชียนพูด
หมาป่าผีไป๋ฮวยก็พยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรใดๆ
หลินเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วถามว่า “ฉันอยากจะถามว่าเด็กที่ชื่อหลินฟานที่เป็นหลานชายอาจารย์ของพวกนายน่ะเขาเป็นหลานแท้ๆหรือหลายบุญธรรมรับมาเลี้ยง?”
เย่เชียนก็งุนงงและไม่เข้าใจว่าทำไมหลินเฟิงถึงได้ถามเรื่องนี้แต่เย่เชียนก็ตอบตามความจริงว่า “บอกตามตรงว่าผมเองก็ไม่รู้..อาจารย์ไม่เคยพูดถึงเรื่องนั้นเลย”
“หลินฟานไม่ใช่หลานชายแท้ๆของอาจารย์เพราะอาจารย์เก็บเขามาเลี้ยงจากข้างถนน..แต่อาจารย์มักจะปฏิบัติต่อเขาเหมือนหลานชายแท้ๆของเขา” หมาป่าผีไป๋ฮวยพูด ซึ่งนี่เป็นคำพูดของหลินจินไท่ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตลงและเขาก็ได้พูดบางอย่างกับหลินฟานเพราะหลินจินไท่จะไม่นำความลับนี้ลงโลงศพไปกับเขา อย่างไรก็ตามหลินฟานนั้นก็มีสิทธิ์ที่จะรู้ความลับของหลินจินไท่ แต่หลินจินไท่นั้นไม่รู้อดีตของหลินฟานเลย
เดิมทีหลังจากได้ยินคำพูดของเย่เชียนแล้วความหวังในหัวใจของหลินเฟิงก็หายไปแต่ทันทีที่หมาป่าผีไป๋ฮวยพูดออกมาความหวังที่หายไปก็ถูกปลุกขึ้นอีกครั้งและหลินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปทั้งตัว ซึ่งเห็นได้ชัดว่ารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากและถึงแม้ว่าเมื่อเขามองย้อนกลับไปบ้านของเขาก็กลายเป็นทะเลเพลิงไปแล้วก็ตามแต่เขายังมีความหวังอันริบหรี่ว่าครอบครัวคนสุดท้ายของเขานั้นยังไม่ตาย ถึงแม้ว่าความหวังจะหริบหรี่มากก็ตามแต่หลินเฟิงก็อยากที่จะหวัง “แล้วนายรู้ไหมว่าเขามีปานรูปใบไม้อยู่บนร่างกายของเขาหรือเปล่า?” น้ำเสียงของหลินเฟิงสั่นเล็กน้อย
เย่เชียนและหมาป่าผีไป๋ฮวยก็ส่ายหัวพร้อมกันแล้วเย่เชียนก็พูดว่า “เราไม่ได้สนใจเรื่องนั้นกันหรอก..ทำไมหรอ?..อย่าบอกนะว่าพี่หลิน…”
หลินเฟิงก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดขัดจังหวะว่า “ใช่!..ฉันมีน้องชายอยู่คนนึง..แต่เขาถูกพรากไปด้วยอุบัติเหตุตั้งแต่ยังเด็กและถึงแม้ว่าฉันจะสืบหาทุกวิถีทางที่เป็นไปได้แต่มันก็ไม่มีข่าวของเขาเลย..แต่ฉันน่ะเชื่อเสมอว่าเขายังมีชีวิตอยู่และมีชีวิตอยู่อย่างดี..ชื่อของเขาคือหลินฟานเพราะงั้นเมื่อฉันได้ยินพวกนายพูดชื่อนี้ฉันก็เลยอดไม่ได้ที่จะนึกถึงน้องชายของฉัน..พวกนายคิดว่าเขาใช่น้องชายของฉันไหม?”
“ทำไมเราต้องเดาด้วยล่ะ..พี่หลินบอกเองไม่ใช่หรอว่าเขามีปานรูปก้อนเมฆอยู่บนร่างกายของเขาน่ะ..ผมจะพาพี่ไปหาเขาเองเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย” เย่เชียนพูด
“ใช่!..ถึงเวลานั้นเราก็จะรู้..เขาต้องเป็นน้องชายของฉันอย่างแน่นอน” หลินเฟิงพูดอย่างตื่นเต้น “ฉันจะจองตั๋วเครื่องบินและเราจะกลับประเทศจีนในเช้าวันพรุ่งนี้” หลินเฟิงที่สงบนิ่งอยู่เสมอนั้นเมื่อพูดถึงเรื่องนี้มันก็ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องตื่นเต้นอย่างมากเพราะมันไม่มีเด็กกำพร้าคนไหนที่ไม่ตื่นเต้นเมื่อได้พบกับครอบครัวของตนเป็นแน่ ซึ่งคนที่ไม่เคยสัมผัสกับความเหงาจะไม่เข้าใจความรู้สึกนี้เลย
อย่างเย่เชียนเป็นตัวอย่างเมื่อเขาได้พบกับอันซือและเย่เหวินในมณฑลเหอหนานของประเทศจีน ซึ่งเย่เชียนก็รู้สึกตื่นเต้นและประหม่าเมื่อรู้ว่าพวกเขาเป็นแม่และน้องสาวของตัวเอง ถึงแม้ว่าสิ่งต่างๆในภายหลังจะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาอาจจะกำลังหลอกตัวเองอยู่ก็ตามแต่เย่เชียนก็ไม่เต็มใจเชื่อแบบนั้นและไม่มีใครที่รู้ว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องสูญเสียหลังจากได้รับความรู้สึกแบบครอบครัวเช่นนี้อีกครั้ง
แล้วหมาป่าผีไป๋ฮวยล่ะ? ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่เด็กกำพร้าแต่เขาก็เคยมีพี่ชายอย่างไป๋ยู่แต่เขาก็ทรยศต่อองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าเพราะไป๋ยู่ไม่ใช่หรือ? ดังนั้นนิสัยและความคิดในปัจจุบันของหลินเฟิงนั้นเย่เชียนกับหมาป่าผีไป๋ฮวยจึงสามารถเข้าใจได้
หลังจากที่หลินเฟิงพูดจบเขาก็กำลังจะลุกขึ้นและออกไปเย่เชียนก็จับไหล่ของหลินเฟิงเอาไว้แล้วพูดว่า “ผมรู้ว่าพี่คิดยังไง..แต่ถึงยังไงพี่ก็รอมาหลายปีแล้วเพราะงั้นถ้าพี่รออีกสักนิดล่ะมันคงไม่เป็นอะไรหรอกใช่มั้ย?..ตอนนี้หลินฟานอยากจะรักษาสิ่งที่ปู่ของเขาสร้างเอาไว้เป็นเวลาสามปีและเขาจะไม่ไปไหนทั้งนั้น..อีกอย่างดึกๆดื่นๆแบบนี้พี่จะไปจองตั๋วได้ที่ไหน..ค่อยว่ากันใหม่พรุ่งนี้เถอะ”
“สถานการณ์ในประเทศญี่ปุ่นตอนนี้นั้นแย่มากและเปลวไฟแห่งสงครามก็ใกล้จะปะทุขึ้นแล้ว..แต่นายจะปล่อยให้พวกเราสู้กันตามลำลังอย่างงั้นเหรอ?..ถ้านายทำแบบนั้นก็เหมือนกับหักหน้าฉันเลยนะ” หมาป่าผีไป๋ฮวยพูด
หลินเฟิงก็หยุดไปชั่วขณะและถอนหายใจอย่างลับๆเพราะด้านหนึ่งก็ครอบครัวของตนส่วนอีกด้านหนึ่งก็เป็นมิตรภาพซึ่งมันเป็นเรื่องยากสำหรับหลินเฟิงที่จะเลือกได้ อีกอย่างเหตุการณ์ในครั้งนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัวของเขาเท่านั้นเพราะในภารกิจครั้งนี้มีพี่น้องจากองค์กรเซเว่นคิลมาเข้าร่วมปฏิบัติการด้วยและยังมีมิตรสหายจากองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าและหมาป่าผีไป๋ฮวยอีก ดังนั้นถ้าหลินเฟิงทอดทิ้งพวกเขาเอาไว้แบบนี้แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นเขาจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองและต้องโทษตัวเองไปตลอดชีวิต อย่างไรก็ตามหากเขาสูญเสียและพรากจากน้องชายของเขาไปอีกครั้งล่ะก็เขาก็จะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตเช่นกัน
เย่เชียนก็ตบไหล่หลินเฟิงเบาๆแล้วพูดว่า “หลินฟานจะทำตามเจตจำนงของปู่ของเขาเป็นเวลาสามปีและเขาจะไม่ไปไหนอย่างแน่นอน..นอกจากนี้ถึงแม้ว่าเขาจะจากไปก็ตามแต่ผมเชื่อว่าด้วยความแข็งแกร่งของเราแล้วเราก็สามารถหาเขาในประเทศจีนได้ไม่ยากหรอก..เพราะงั้นพี่ไม่ควรจะไปไหนเพราะสถานการณ์ในญี่ปุ่นตอนนี้รุนแรงมาก..ผมหวังให้พี่อยู่เพื่อช่วยผมจริงๆ..ผมสัญญาว่าผมจะไปตามหาเขากับพี่หลังจากที่สิ่งต่างๆในประเทศญี่ปุ่นเสร็จสิ้นแล้ว”
หลินเฟิงก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพยักหน้าจากนั้นก็พูดว่า “อืม..เราจะพลาดไม่ได้เพราะฉันไม่ต้องการพลาดข่าวน้องชายของฉันอีก”
เย่เชียนก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ตอนนี้พี่ไป๋ฮวยก็พูดไปแล้วหนิว่าใครคือสายลับที่แฝงตัวอยู่ในแก๊งฝูชิง..เพราะงั้นหลังจากนี้เราก็สามารถทำสิ่งต่างๆได้อย่างราบรื่นมากขึ้นแล้ว”
“ในเมื่อโย่วซวนเป็นสายลับที่สมาคมมังกรดำส่งไปแฝงตัวยังแก๊งฝูชิงแบบนั้นไอซอลเดแฮมป์ตันจะไม่ตกอยู่ในอันตรายเหรอ..เขามาที่นี่เพื่อช่วยเราจัดการกับพวกทหารรับจ้างเรดซันและสมาคมมังกรดำ..เพราะงั้นเขาจะไม่เป็นอะไรเหรอ?” หลินเฟิงพูดด้วยจิตวิญญาณที่ระเบิดออกมาทั่วร่างกายของเขา
“ไม่น่าจะเป็นอะไร” หมาป่าผีไป๋ฮวยพูด “เนื่องจากเหตุการณ์ลอบสังหารคนของสำนักความมั่นคงแห่งชาติผิดพลาดเพราะงั้นโย่วซวนจะต้องถูกสมาคมมังกรดำตำหนิและจับตามองอย่างแน่นอน..อย่างที่สองฉันสงสัยว่าสมาคมมังกรดำจะมาลอบสังหารไอซอลเดแฮมป์ตันอย่างโง่เขลาขนาดนั้นเชียวเหรอ?..เพราะถ้าจะฆ่าไอซอลเดแฮมป์ตันล่ะก็สมาคมมังกรดำสั่งให้โย่วซวนเฝ้าสังเกตการณ์เคลื่อนไหวทั้งหมดไม่ดีกว่าเหรอ..แล้วค่อยใช้พวกทหารรับจ้างเรดซันเพื่อกำจัดเขา..แต่ก็นะถ้าหากสายลับอย่างโย่วซวนอยู่ที่นี่ด้วยแล้วแผนการต่างๆของสมาคมมังกรดำมันก็จะสำเร็จได้ง่ายๆ”
“แต่สิ่งที่โย่วซวนไม่รู้ก็คือการที่พี่ไป๋ฮวยอยู่ที่นี่เช่นกัน..ดูเหมือนว่าแผนของเราจะเปลี่ยนไปนิดหน่อยนะ..โชคดีที่พี่ไป๋ฮวยอยู่ที่นี่ ไม่งั้นพวกเราคงวุ่นวายกันแน่” เย่เชียนพูด จากนั้นเขาก็มองไปที่หลินเฟิงแล้วเย่เชียนก็พูดต่อ “การวิเคราะห์ของพี่ไป๋นั้นสมเหตุสมผลอย่างมาก..อีกอย่างคนจากหน่วยกรงเล็บหมาป่าของผมก็รับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยอยู่รอบๆเพราะงั้นถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นพวกเขาก็จะรายงานผมโดยตรงทันที..เพราะงั้นผมคิดว่ามันคงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกเพราะสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเราในตอนนี้คือการหารือถึงวิธีการกำจัดโย่วซวนและเผยแพร่ข่าวปลอมเพื่อสร้างความสับสนให้กับพวกสมาคมมังกรดำ”
“ฉันได้คิดเรื่องนี้เอาไว้แล้ว” หมาป่าผีไป๋ฮวยพูด “โย่วซวนน่ะจัดการไม่ยากหรอก..เพราะงั้นมันก็ไม่น่าจะมีปัญหาในการล่อให้เขามาติดกับดักของเรา..แต่สิ่งที่สำคัญก็คือหากพวกเราต้องการหลอกโย่วซวนล่ะก็พวกเราก็ต้องหลอกสมาชิกทุกคนในแก๊งฝูชิงด้วย..รวมทั้งผู้นำอย่างเซี่ยตงไป่และเซี่ยจือยี่ด้วย”
.
.
.
.
.
.
.